คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Seaside: Heartbeat
เกลียวคลื่นที่2:
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
Heartbeat
"ไอก้อง วันนี้เอ็งมีเรียนป้ะ?" พี่เอ็มตะโกนถามขึ้นขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับการยัด?ของต่างๆลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย เช้านี้ผมตื่นสาย สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนเพ้อถึงน้องตังนานไปหน่อย 5555555
"มีดิวะพี่ ผมสายแล้วเนี่ย พี่มีอะไรป้ะ" ผมถามกลับโดยที่มือก็ยังคงยัดของต่อไป
"อ่ะนี่ เบอร์น้องตังของแก วันนี้ไปม.ก็ลองไปหาๆส่องๆน้องเค้าดู เรียนคณะเดียวกันด้วยหนิ" เชรดได้เบอร์มาแล้วหรอวะ เร็วจริง นี่สิพี่ที่ดีของน้อง
"เออๆ ขอบคุณมากพี่ แต่ถ้ามันหากันง่ายขนาดนั้นผมก็คงหาเจอนานล่ะ เรียนมาจนจะจบอีกรอบแล้วเนี่ยไม่เคยหากันเจอ" จู่ๆผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าผมเรียนคณะเดียวกับน้องเค้ามาจะ 4 ปีแล้วแต่ก็ไม่ยักกะเคยเจอน้องเค้าเลย น่าแปลกจริงๆ หรือว่า!!!บางที่ผมกับน้องเค้าอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กัน ผมเลยไม่เคยเจอน้องเค้าเลย ไม่น้า ผมรีบสะบัดความคิดบ้าๆออกจากหัวก่อนที่ผมจะคิดมากจนไปเรียนสาย
"เอ้อ! เอ็งบอกว่าเอ็งสายใช่ป้ะ วันนี้ก็เอาบิ๊กไบค์ที่ซื้อมาดองไว้ตั้งนานไปใช้ซะสิ ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวสนิมขึ้นกันพอดี เผื่อมีสาวๆกรี้ดด้วย"
"กรี้ดเกริ้ดอะไรพี่ไม่เอาด้วยหรอก ผมเลิกหมดแล้ว ไม่มองใครแล้วพี่ ตอนนี้สายตาผมมองได้แค่น้องตังคนเดียว ไปเรียนแล้วเว้ย เจอกันตอนเย็นพี่!"
“ให้มันจริงละกันล่ะ เอ็งนี่มันน่าหมั่นไส้ชะมัด--“ ข้าล่ะอยากจะอ้วก”
-คณะบริหาร-
"เมื่อไรต้นจะมาเนี่ย รอนานแล้วนะ" คนตัวเล็กที่เอาแต่ชะเง้อมองไปหน้าตึกคณะจนคอจะยาวเป็นยีราฟบ่นขึ้นหลังจากที่ยืนรอสุดที่รักของตัวเองมาราวๆครึ่งชั่วโมง
"เอาน่าเจ ตังว่าต้นกำลังรีบมา เรียนกันคนละคณะ เจอย่าใจร้อนสิ" ผมพยายามปรามเพื่อนที่ขี้ใจร้อน โดยเฉพาะกับเรื่องคนของเจ้าตัว ไม่รู้จะหวงกันไปถึงไหน ผมละไม่เข้าใจอารมณ์คนมีแฟนจริงจรี๊ง
"ก็ตังไม่รู้ไง ว่าต้นมันเจ้าชู้แค่ไหน ไปหลีสาวอีกแหง" คนตัวเล็กหันขวับมาค้อนให้ผมหนึ่งที่แล้วกับไปทำหน้าที่คอยีราฟดังเดิม
"อะไรกัน มาช้านิดเดียวโทษว่าไปหลีสาวเลยหรอพี่เจ เดี๋ยวจะโดน!" เจ้าตัวการร้องขึ้นจากด้านหลังขณะยืนหอบด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งจากตึกคณะของตนมายังอีกคณะที่อยู่ห่างกันพอสมควร
“อะไร มาช้าแล้วยังจะมาทำอะไรอีก!” เจพูดขึ้นพร้อมเอามือท้าวเอว
“ก็จะโดน แบบนี้ไง” ฟอดดดดดดดด ร่างสูงก้มลงไปกอบโกยความหอมจากแก้มคนที่รักเต็มปอด
“วันนี้แก้มหอมจัง ไหนขอดมอีกข้างซิครับ”
“ไม่ต้องเลยต้น พอเลย นี่มันหน้าคณะนะ แล้วตกลงไปไหนมา ทำไมมาช้า...” ยังไม่ทันที่เจจะพูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์ของใครอีกคนก็ดังขึ้น
-กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง-
"ครับป๊า ไม่เป็นไรครับตังกลับบ้านเองได้ ครับๆ" ผมเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูลงกระเป๋ากางเกง
"ไงคุณหนูพี่ตัง อาป๊าไม่มารับหรอ อะ...โอ้ย! พี่เจหยิกผมทำไม" ไอต้นนี่ รู้งี้น่าจะปล่อยให้เจเดือดต่อจะได้โดนเล่นงานหนักๆ ไม่น่าไปช่วยมันเลย
"ก็ต้นชอบแซวตังอ่ะ แล้วนี่ตังจะกลับบ้านไง" เจถามผมขณะที่มือก็ยังดึงหูต้นค้างไว้
"ก็เดี๋ยวคงต้องหามอไซค์แถวนี้กลับบ้านเองอะ เจไปเที่ยวกับต้นเถอะ" ผมบอกปัดไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงจนไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟน
"เฮ้ยย ได้ไง เจไม่ทิ้งตังให้อยู่คนเดียวนะ" เจทำหน้าตาจริงจังต่างกับต้นที่หน้าตาเหยเกราวกับมันพยายามบอกผมว่าให้คุยกันให้เสร็จเร็วๆเจจะได้ปล่อยมือจากหูมันเสียที
"คนเดียวอะไร หน้าคณะมีคนตั้งเยอะแยะ" ถึงแม้มันจะเริ่มน้อยลงแล้วก็เหอะ
"แต่นี่มันใกล้มืดแล้วนะ..." เจยังคงทำท่าที่เป็นห่วงผมและไม่ยอมไปง่ายๆก็นะเจกับผมเป็นเพื่อนรักกันมานาน จะเป็นห่วงกันมากก็คงไม่แปลก
"ไม่เป็นไร ตังอยู่ได้จริงๆ” ผมยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
"อ่า เจไปก็ได้ กลับถึงบ้านโทรมาหาเจด้วยนะ บ้ายบาย ไปละ" เจค่อยๆเดินห่างออกไปแต่ก็ยังหันหน้ามามองผมเป็นระยะๆด้วยสายตาเป็นห่วง
"เฮ้ออออ เอาไงดีล่ะทีนี้ นั่งทำงานก่อนละกัน กว่าจะเคลียเสร็จป๊าอาจจะเสร็จงานแล้วมารับทัน" ขาเรียว?ค่อยๆก้าวไปยังโต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่งหน้าคณะ
19.00 น.
"กลับบ้านเลยดีกว่า" ในขณะที่ตังกำลังเก็บข้าวของเพื่อที่จะได้กลับบ้าน ก็มีหนุ่มส่วนสูงชายไทย?เดินเข้ามาหา
"น้องตัง ยังไม่กลับบ้านหรอครับ?" เป็นเสียงของก้องที่ทักขึ้น
"อ้าว สวัสดีฮะพี่ก้อง คือตังอยู่เคลียงานแล้วก็ยังไม่รู้จะกลับยังไงด้วยอ่ะ"
"แล้วเถ้าแก่?" ก้องถามขึ้นด้วยท่าทีสงสัย แล้วเดินเข้าไปช่วยตังเก็บของ
"อ๊ะ ขอบคุณครับ พอดีป๊ามีงาน เมื่อกี้ตังโทรไปหาแล้วแต่ป๊าไม่รับสาย"
"งั้นให้พี่ไปส่งก็แล้วกัน ตังโอเคใช่มั้ยถ้าพี่จะไปส่ง" ก้องถามแล้วยืนดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน
"ขอบคุณครับพี่ก้อง แต่ตังก็เกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ" เมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงก้องจึงเดินนำไปที่รถ
"อ้าว พี่ก้องไม่ได้เอารถกระบะมาหรอครับ" ตังถามขึ้นเมื่อมองไปรอบๆไม่พบกับรถกระบะคันเก่าที่เจ้าตัวเคยนั่ง
"อ๋อออ วันนี้พี่ตื่นสาย รีบน่ะ เลยเอาบิ๊กไบค์มา ตังนั่งได้มั้ย?" ก้องถามด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าน้องที่ดูติดจะเป็นลูกคุณหนูนิดๆจะไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา" ตังตอบกลับแล้วยิ้มให้จนตาเรียวปิดกันสนิท
"ถ้างั้นก็ขึ้นมาเลยครับน้องตัง" จากนั้นก้องก็ยื่นหมวกกันน็อกไปให้ตัง
"อ้าว แล้วของพี่ก้องล่ะครับ"
"พี่มีใบเดียว น้องตังใส่ไว้เถอะ พอดีปกติพี่ไม่ได้ให้ใครซ้อนรถพี่หรอก"
"อ่าาาาา ตังก็ซ้อนรถพี่คนแรกเลยหรอฮะเนี่ย พี่ก้องไม่เก็บไว้ให้แฟนพี่ซ้อนหรอ?"
"ก็แฟนพี่ก็ซ้อนอยู่นี่ไง" พี่ก้องพูดด้วยน้ำเสียงติดจะจริงจังนิดๆแต่แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน
"ฮะ?" -////- ทำไมเราต้องเขินด้วยเนี่ย
"พี่ล้อเล่นๆ อย่าคิดมาก"
"ฮ่าๆ พี่ก็ทำผมงง" เอ้า ไอพี่ก้องบ้า ทำผมเขินเก้อ
"เลิกงงได้แล้ว เอาล่ะ พี่จะไปแล้ว เกาะแน่นๆนะครับ"
บรื๊นนนนนนน~
ยิ่งใกล้ถึงที่หมายเท่าไร ก้องยิ่งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนกับว่าจะรีบไปให้ถึงจุดหมาย แต่หามีใครรู้ไม่ว่า ความต้องการแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการคืออ้อมกอดจากคนตัวเล็กที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังมากกว่า
"พี่ก้อง!! พี่ขับช้าๆไม่ได้หรือไง จะรีบไปไหน บ้านตังก็อยู่แค่นี้" ร่างเล็กที่นั่งตัวเกร็งอยู่ด้านหลังเริ่มโวยวายขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มรู้สึกว่าทัศนียภาพสองข้างทางผ่านไปเร็วจนเขามองไม่ทัน
"อ้าว พี่ก็บอกแล้วไงครับ ว่าพี่จะพาซิ่ง เกาะให้แน่นๆน้า~" พูดจบก้องก็บิดแฮนด์รถแล้วเร่งความเร็วรถ
"งื้อ~ พี่ก้อง" คนตัวเล็กร้องขึ้นพร้อมตวัดมือไปโอบกอดคนข้างหน้าไว้ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นซะก่อนที่จะถึงบ้าน
สารถีตัวโตที่อาสามาส่งคนตัวเล็ก แทนที่จะลดความเร็วลงตามคำร้องขอของคนด้านหลัง กลับรักษาความเร็วรถเท่าเดิม และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
เอี๊ยดดดดดด!
"ถึงแล้วครับน้องตัง เป็นไง สนุกมั้ย?"
"สนุกบ้าอะไรล่ะ ตังหัวใจจะวายอยู่แล้วนี่" คนตัวเล็กโวยขึ้นอีกคราเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันโตมาจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน
"อ่าวหรอ พี่ว่าออกจะสนุกดี ไม่ได้ซิ่งแบบนี้มาตั้งนานแหนะ"
"ตังไม่สนุกด้วยหรอก ตังกลัวแทบตาย อ้ะ...ป๊าเดินมาแล้ว ตังเข้าบ้านก่อนดีกว่า" คนตัวเล็กพยายามทรงตัวให้ตรงหลังจากก้าวขาลงรถมาทั้งๆที่ตัวยังสั่นอยู่น้อยๆ
"เดี๋ยวๆ อาตี๋น้อย ทำไมถึงมากับไอก้องได้ละ เออแต่ก็ดีเลยป๊ามีเรื่องจะคุยกับเรากับก้องอยู่พอดี อย่าเพิ่งเข้าบ้าน"
"มีอะไรหรอครับเถ้าแก่" เป็นคนที่นั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งที่ถามขึ้นก่อนจะข้างขาตามอีกคนลงมายืนคุยกับคนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายเพื่อความสุภาพ
"คือ อาทิตย์หน้าฉันต้องขึ้นไปคุยกับลูกค้าใหม่ที่กรุงเทพอาทิตย์นึง ถ้าไปได้สวยเค้าตกลงก็อาจจะต้องไปคุยกับรายใหญ่ที่พม่าต่อน่ะ แล้วก็ต้องเอาคนขับรถที่บ้านไปด้วย เลยอยากวานให้เอ็งช่วยไปรับอาตี๋น้อยแทนฉันหน่อยนะ ได้มั้ย เดี๋ยวเพิ่มค่าแรงพิเศษให้”
“อ่า ได้ครับเถ้าแก่ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมายอยู่แล้ว เรื่องค่าแรงเพิ่มไม่ต้องก็ได้ครับ ถือว่าผมอาสาเอง เป็นการตอบแทนเถ้าแก่ที่ช่วยผมมาในหลายๆเรื่องละกันครับ แค่นี้เล็กน้อย”
“เอ้อๆๆ ถ้างั้นก็ดีเลย ขอบใจเอ็งมาก เริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลยนะ”
.
.
.
.
.
.
นี่ก็ปาเขาไปวันที่6แล้วที่ก้องอาสามารับตังที่มหาลัย วันนี้เขากะจะพากะตัวเล็กไปเที่ยวที่ๆนึงที่เป็นสถานที่สุดท็อปซีเคร็ตของนายเกริกฤทธิ์ ขณะที่ค่อยๆก้าวขาเข้ามายังตึกคณะ ก็พบคนที่กำลังคิดถึงนั่งหน้าจ๋อยอยู่ที่ม้าหินหน้าตึกคณะ
“อ้าว เป็นอะไรไปครับน้องตัง ทำไมมานั่งทำหน้าเป็นตูดอยู่คนเดียวตรงนี้ละ ต้นกับเจไปไหนครับ?”
“ต้นกับเจกลับไปตั้งแต่เที่ยงๆแล้วฮะ เพราะจริงๆวันนี้ตังแค่มามหาลัยเพื่อส่งงานเฉยๆ แต่โปรเจคที่ตังส่งไปกลับไม่ผ่าน เลยต้องมานั่งแก้อยู่คนเดียวนี่ล่ะฮะ แต่แก้ยังไงก็ไม่ผ่านซะที ตังเหนื่อยแล้วอะครับ” คนตัวเล็กพูดด้วยท่าทีเศร้าๆ มือเรียวท้าวไว้ที่โต๊ะแล้วฟุบหัวลงไปที่ท่อนแขน
“แย่จังนะครับ แต่งั้นดีเลยวันนี้พี่ว่าจะพาตังไปเที่ยวที่ๆนึงอยู่พอดีเลย ไปกับพี่นะครับ ถือว่าไปพักผ่อนคลายเครียด จะได้หายเหนื่อย” ก้องย่อตัวลงไปหาน้องแล้วระบายยิ้มอ่อนๆเพื่อแสดงถึงความเป็นห่วง
“ที่ไหนหรอครับพี่ก้อง” ตังเงยหัวขึ้นมาคุยกับคนเป็นพี่อีกครั้งแต่สีหน้าก็ยังไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ไปถึงก็รู้เองแหละครับ มันเป็นสถานที่ท็อปซีเคร็ตของนายเกริกฤทธิ์ครับ ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ แต่พี่รับรองว่าไม่ใช่ที่ๆอันตรายแน่ๆ” ก้องยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วยิ้มให้น้องอีกครั้ง
“ครับๆไปก็ได้ ถ้ามันจะพอทำให้ตังหายเหนื่อยได้จริง” ตังก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“งั้นไปกันเถอะครับ” ก้องกล่าวพร้อมเนียนเอามือไปจับมือน้องตังจูงไปที่บิ๊กไบค์ของตนที่จอดอยู่หน้าคณะ
.
.
.
.
“ถึงแล้วคร๊าบบบบบ”
“พี่พาตังมาบ้านใครหรอครับ?” ผมเปิดฉากถามคำถามทันทีที่รถมาจอดถึงหน้าบ้านใครบางคน ดีที่วันนี้พี่ก้องขับรถไม่เร็วนัก ผมเลยไม่ต้องเกร็งมากเหมือนคราวที่แล้ว
“อ๋อ บ้านพี่กับพี่เอ็มเองแหละ แต่วันนี้ไอพี่เอ็มมันไม่อยู่ คงไปนั่งกุ๊กกิ๊กอยู่กับลูกเจ้าของมหาลัยที่มอตามเคยแหละ” พี่ก้องพูดแขวะพี่เอ็มนิดๆแล้วเดินไปเปิดรั้วบ้าน
“ลูกเจ้าของมหาลัย.....อ๋อ ตั้มหรอครับ ตังเคยเห็นเค้าอยู่บ้างนะ โหยยยยย พี่เอ็มเล่นของสูงอะ นี่พี่เค้าคบกับตั้มแล้วหรอฮะ สุดยอดเลย ว่าแต่บ้านพี่ก้องนี่มันเป็นท็อปซีเคร็ตตรงไหนครับ บ้านอยู่ติดถนนเลย ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเห็นหมดแหละ” แถมบ้านมันออกจะเก่าๆนิดๆด้วยแฮะ หรือว่าบ้านพี่ก้องจะมีทางเชื่อมไปอีกมิติหนึ่งของโลก ฮะๆคงไม่มั่ง ผมคงอ่านนิยายมากไป
“ไม่ใช่ตรงนี้ครับน้องตัง พี่หมายถึงที่อื่นตังหาก แต่ว่าก่อนถึงตังต้องหลับตาก่อนนนะ เดี๋ยวมันไม่เซอร์ไพรส์ แล้วก็จับมือพี่ไว้ด้วยจะได้ไม่หลงไปเดินชนนู้นชนนี้บ้านพี่ยิ่งรกๆอยู่” เมื่อพี่ก้องพูดขนาดนั้นผมเลยเอื้อมมือไปจับข้อมือของพี่ก้องไว้หลวมๆ ทำไมจู่ๆหน้ามันก็ร้อนๆวูบๆแปลกแฮะ สงสัยตอนนั่งมอไซค์มาแดดมันแรง
“ฮะ ฮะ ฮะ น้องตังกลัวหลงขนาดนั้นเลยหรอครับ” พี่ก้องพูดไปยิ้มไปแบบฟีลลิ่งชีวิตดี๊ดีสุดๆ
“โหยพี่ก็ตังไม่เคยมาบ้านพี่เลยนะ จะให้มาเดินเชิบๆได้ไงเดี๋ยวหลงพอดี แถมให้ตังหลับตาไว้อีก” ผมพูดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
“อย่าว่าแต่ตังไม่เคยมาเลยครับ ไม่ว่าใครพี่ก็ยังไม่เคยพามาทั้งนั้นแหละ ตังเป็นคนแรกเลยนะที่พี่พามาบ้านแล้วก็พาไปสถานที่ท็ฮปซีเคร็ตของพี่น่ะ”
“ปะ เราไปกันเถอะครับ ค่อยๆเดินนะ” พี่ก้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือผมไว้แทนก่อนที่จะค่อยๆจูงไปช้าๆ เขินๆเหมือนกันแฮะ คงเป็นเพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาพาเดินจูงมือแบบนี้มั้ง
.
.
.
.
“ใกล้ถึงรึยังครับ?” ผมถามหลังจากที่เราเดินกันมาซักพัก
“ถึงแล้วครับๆลืมตาได้” พี่ก้องพูดแล้วปล่อยมือผมออก ทำไมมันรู้สึกเสียดายนิดๆก็ไม่รู้นะ
“โหยยยยยย โคตรสวยเลยอะครับพี่ พี่เอาของดีขนาดนี้มาแอบไว้ที่นี่ได้ไงเนี่ย แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าหน้าบ้านที่ดูเก่าๆโทรมๆจะมีอะไรแบบนี้ซ่อนอยู่ได้” ผมมองไปรอบๆเพิงเล็กหลังหนึ่งที่ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยโมบายเปลือกหอยนาๆชนิดห้อยอยู่ทุกบานหน้าต่างของบ้าน เมื่อมีลมพัดมาทีนึงมันก็กระทบกันไปมา ประกอบกับเสียงคลื่นที่โถมเข้ามาอย่างเป็นจังหวะยิ่งทำให้มันฟังดูไพเราะราวกับเสียงเพลงจากท้องทะเลสีฟ้าคราม
“อะไรกันครับน้องตัง หน้าบ้านพี่มันดูเก่าขนาดนั้นเลยหรอครับ”
“ตัง...ตัง แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพเฉยๆน่ะครับ” ผมพูดทั้งๆที่ตายังคงมองไปรอบบ้านหลังนี้
“5555 แต่ก็นะที่พี่เลือกซื้อบ้านหลังนี้ก็เพราะที่นี่แหละ พี่มาเจอมันตอนมาดูบ้านหน่ะ ตอนนั้นนะ มันทั้งเก่าทั้งโทรม มีผักบุ้งทะเลขึ้นรกเต็มไปหมด แต่อะไรก็ไม่รู้แหละดลใจให้พี่รู้สึกถูกชะตากับมันตั้งแต่แรกเห็น พี่เลยตั้งใจบูรณะมันขึ้นมาใหม่จนเป็นอย่างที่น้องตังเห็นนี่แหละครับ พี่กะว่าในอนาคตอาจจะเปิดเป็นร้านขายของฝาก เป็นไงเราชอบมั้ย”
“ชอบมากเลยฮะ พี่ก้องอย่างเจ๋งอะ”
“ถ้าชอบ ก็มาได้บ่อยๆเลยนะครับ บ้านเล็กๆหลังนี้จะคอยเปิดต้องนับน้องตังเสมอ เป็นไงบ้างครับ หายเหนื่อยไปบ้างรึยังเอ่ย?”
“หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับพี่ ที่นี่สวยมากเลย ขอบคุณมากเลยนะครับที่พาตังมาเห็นสถานที่สุดวิเศษแบบนี้”
“เห็นตังยิ้มได้แบบนี้พี่ก็สบายใจครับ อ๊ะ เดี๋ยวคอยพี่แปบนึงนะครับ พี่มีอะไรจะให้”
“ห๊ะ อะไรครับพี่ก้อ..ง..ง อ่าว หายไปไหนซะละ ไวจริงๆ” ผมละสายตาจากสิ่งสวยงามเบื้องหน้าเพื่อหันไปคุยกับพี่ก้อง แต่ไม่ทันซะแล้ว พี่ก้องหายไปไหนก็ไม่รู้
“มาแล้วคร๊าบๆ อะ น้องตังหันหลังหน่อยสิครับ” พี่ก้องพูดและกับบรรจงสวมอะไรบางอย่างให้กับผมที่ยืนหันหลังให้ มันเป็นสร้อยหนังสีน้ำตาลด้านๆที่มีจี้เป็นก้อนหินก้อนเล็กสีเขียวอมฟ้า
“พี่...ให้ตังทำไมครับ”
“พี่อยากให้มันเป็นตัวแทนของพี่ แล้วก็สถานที่แห่งนี้ เวลาที่น้องตังมีเรื่องเครียด หรือไม่สบายใจอะไรที่อยากให้ตังมองมาที่มัน แล้วนึกถึงพี่ นึกถึงสถานที่แห่งนี้ ที่ๆทำให้ตังสบายใจ ที่ๆทำให้ตังยิ้มได้”
“ขอบคุณมากเลยนะครับพี่ก้อง” ผมหันไปยิ้มให้พี่ก้องจนตาปิด
“ว่าแต่ เมื่อกี้ที่น้องตังส่งโปรเจคไม่ผ่านนี่น้องตังทำโปรเจคเรื่องอะไรหรอครับ พอจะบอกพี่ได้มั้ย เผื่อพี่จะช่วยอะไรได้บ้าง?”
“ตังทำเรื่องธุรกิจส่งออกปลานี่หละครับ ก็นึกว่ามันจะง่ายเพราะตังเห็นป๊าทำงานนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เกิดมาก็ได้ยินแต่เรื่องปลาๆ จริงๆมันก็ผ่านหมดทุกอย่างแล้วแหละครับ ติดอยู่ที่เดียวคือเรื่องการออกเรือจับปลา ตังไม่เคยสนใจเรื่องนี้ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะจำเป็นกับโปรเจคนี้ขนาดนั้นเลยแค่หาข้อมูลจากกูเกิ้ลใส่ลงไปแค่นั้นอะครับ แต่มันดันทำให้โปรเจตตังไม่ผ่านซะที”
“น้องตังครับ เรื่องการออกเรือเนี่ยเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยนะครับ น้องตังลองคิดดูสิ ถ้าเราไปจับปลาในที่ๆไม่มีปลาเราจะได้ปลามั้ย แล้ววิธีการจับอีกละ งั้นเอางี้มั้ยครับ พรุ่งนี้น้องตังมีเรียนรึเปล่า พรุ่งนี้พี่ต้องไปออกเรือแต่เช้าพอดี น้องตังอยากไปดูการทำงานจริงมั้ยล่ะครับ บอกเลยนะว่าไปครั้งนี้คุ้มมากเพราะได้ไปกับหนุ่มชาวประมงสุดหล่อผู้เชี่ยวชาญด้านการออกเรือจับปลาที่สุดในน่านน้ำนี้แล้วหล่ะครับ ว่าไง สนมั้ยครับ?”
“สนครับสน สนมากๆเลยครับ พี่ก้องของตังใจดีที่สุดเลยยยยยย ในที่สุดโปรเจคตังก็จะได้ผ่านซะที” ผมถลาเข้าไปกอดพี่ก้องด้วยความดีใจและลืมตัว
“โอ๊ะ ขอโทษครับพี่ก้องตังลืมตัว แหะๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ลืมตัวบ่อยเลยก็ได้”
“ห๊ะ ว่าไงนะครับ?”
“อ๋อ เปล่าๆครับ เรากลับกันเถอะครับ นี่ก็ใกล้มืดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องออกเรือกันแต่เช้า เดี๋ยวพี่ไปส่งตังที่บ้านแล้วพรุ่งนี้พี่ไปรับนะครับ"
ระหว่างที่ผมนั่งซ้อนอยู่บนรถ ครั้งนี้ผมไม่ได้นั่งมองบรรยากาศข้างทางเหมือนที่ผ่านมา แต่สายตากลับจับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างของคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปรับไปส่งผมมาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แล้วจู่ๆก็มีความคิดแว้บขึ้นมาในหัว
‘ทำไมเมื่อกี้ตอนที่กอดพี่ก้องผมถึงได้ใจเต้นแรงขนาดนี้ แรงราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอกเลยด้วยซ้ำ นี่ยังไม่นับเวลาพี่เค้าพูดอะไรเสี่ยวๆ เวลาที่พี่เค้ายิ้ม รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น รอยยิ้มที่เหมือนกับว่ามีเพียงผมคนเดียวที่มีโอกาสได้รับมัน นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน หรือว่าผม...จะ...’
คู่นี้น้องตังเริ่มใจเต้นแปลกๆ ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ เอ๊ะ หรือว่า ความระ..?
เกลี่ยวคลื่นที่ 3 coming soon!!
ความคิดเห็น