ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PLAY G1RL NO.3 ยัยขี้เหร่หวานใจนายซุปตาร์

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : พยาบาล

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 56



          บทนี้ขออนุญาติไม่ลงรูปนะค่ะ อย่าเพิ่งกดปิดกันล่ะทุกคน ดูให้จบแล้วทุกคนจะขำเหมือนที่เค้าขำ นางเอกของเราไปคุยแชทกับพี่โซลในโปรแกรมอะไรสักอย่าง พี่เค้าก็ดูงงๆ แต่ก็เออ ออ ทำตาม ห้าๆ เค้าขำอ่ะ แต่ตอนเฮียแกบอกรักเค้าก็ฟินนะ ขอบคุณค่ะเฮีย lol
    -----------------------------------------------------
    บทที่ 4
    พยาบาล

    รถเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าคอนโดใหญ่ใจกลางเมือง พร้อมกับใจฉันที่หล่นลงตาตุ่มไปด้วย คราวนี้อะไรอีกล่ะ! จะแกล้งดรีมแบบนี้มันแรงไปแล้วนะพี่โซล

     

    “ลงมาสิ” หลังจากที่เขาเปิดประตูให้ฉันเขาก็ออกคำสั่งให้ฉันลงจากรถทันที ไม่ได้อยากจะนั่งอยู่ในรถหรอกนะ แต่เขากำลังพาฉันขึ้นคอนโด จะให้ฉันทำใจขึ้นไปได้ยังไงกันล่ะ! “เรียกดีๆ ไม่ลงมา อยากจะให้พี่ใช้กำลังนักหรือไง เรานี่ก็แอบซาดิสต์นะ”

    “ดรีมเปล่านะ!” ฉันหันมาแว้ดใส่เขาอย่างลืมตัว

    “หืม? เดี๋ยวนี้กล้าเสียงดังใส่พี่แล้วเหรอ” คนตัวสูงบอกพรางยิ้มเจ้าเล่ห์จนแขนขาฉันพลอยเป็นอมพาตกันไปหมด คนอะไรน่ากลัวไม่มีใครเทียบได้เลย ฉันล่ะอยากให้แฟนคลับของเขามาเห็นฉันในสภาพนี้จัง พวกนั้นจะได้เลิกคลั่งพี่โซลสักที ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าเข้าใกล้เลย! “กล้าพยศใส่พี่ก็ดี แบบนี้จะได้แกล้งสนุกขึ้นหน่อย”

    ใครกันแน่ที่ซาดิสต์? คำนี้ฉันน่าจะใช้กับพี่โซลเสียมากกว่า เขาลากฉันลงจากรถหรูก่อนจะปิดมันกลับไปแรงๆ แล้วออกแรงดึงฉันให้เดินตามเขา ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!!

    “พี่โซลพาดรีมมาที่นี่ทำไม? ปล่อยดรีมนะ!

    “จะดิ้นทำไมหนักหนาหา?” พี่โซลถามก่อนจะช้อนตัวฉันขึ้นมาอีกครั้ง พี่โซลค่ะ! จะอุ้มดรีมอีกกี่ครั้งเนี่ย ดรีมอายคนอื่นเขานะ “ดื้อมากก็ต้องอุ้มแบบนี้แหละ”

    “พี่โซลแค่นี้ยังเป็นข่าวไม่พออีกเหรอ? ลำพังในมหาลัยก็น่าจะเกินพอแล้วนะ อยากให้มันลามออกมาอยู่ข้างนอกด้วยเหรอไง”

    “ข่าวแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก” ให้ตายเถอะ! ถ้าจะหน้ามึนขนาดนี้ ฆ่าดรีมเลยเถอะพี่โซล! ไม่ได้ยังไงฉันก็จะไม่ขึ้นไปข้างบน ถ้าฉันขึ้นไปข้างบนมันต้องเป็นข่าวอีกแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากเป็นข่าวแบบนั้นกับใครอีกแล้ว

    ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ยอมฟังอย่างนั้นก็ต้องใช้กำลังกันล่ะ! ฉันตัดสินใจงับเข้าที่ต้นแขนพี่โซลเพื่อให้พี่เขาปล่อยฉันสักที แต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่โอดโอยแล้วเขายังอุ้มฉันแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก โอ๊ย! อะไรจะหน้ามึนขนาดนี้นะ ขนาดกัดขนาดนี้แล้วยังไม่ร้องสักเอะ คนหรือหุ่นเหล็กเนี่ย!!

    เมื่อเข้ามาถึงในตัวคอนโดพี่โซลก็ยังคงอุ้มฉันเอาไว้แบบนั้น แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากจะจำใจก้มหน้าตัวเองลงกับแผงอกของพี่โซลเพราะฉันไม่อยากให้ใครเห็นหน้า ฉันไม่อยากเป็นข่าว แค่นี้ก็เครียดจนกินข้าวจะไม่ลงแล้ว

    ตั้งแต่เมื่อก่อนพี่โซลก็มักจะพูดตลอด พูดเสมอว่าฉันขี้เหล่  ไม่ว่าจะพาเพื่อนมาบ้านกี่คนเขาก็พามาแกล้งฉันด้วยตลอด เขาน่ะมันตัวอันตรายพูดแล้วก็น้ำตาจะไหล ตอนช่วงมอต้นฉันแอบหลงรักรุ่นพี่คนนั้นแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญมากที่รุ่นพี่คนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิทพี่โซล เป็นครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปขอร้องให้พี่โซลช่วยฉัน

    ทั้งๆ ที่กลัวพี่เขาเข้าไส้ แต่ฉันก็อยากส่งจดหมายให้รุ่นพี่คนนั้น จดหมายที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมี แต่พี่โซลกลับฉีกจดหมายมันทิ้ง แล้วพูดอีกว่า ผู้หญิงขี้เหล่แบบเธอน่ะ ใครเขาจะมาชอบ

    คำพูดที่ฉันผูกใจเจ็บกับมันเพราะได้ยินแบบนี้ทุกวันจนฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าฉันน่ะขี้เหล่ แล้วยังไง? ก็ตอนนี้ฉันลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าหน้าตาของฉันน่ะดูดีกว่าเมื่อก่อนแล้ว! แต่สำหรับเขาผู้หญิงอย่างฉันมันคงขี้เหล่มากสินะ ถ้าฉันมันขี้เหล่มากขนาดนั้นเขาจะยุ่งกับฉันอีกทำไม สิ่งที่เขาทำกับฉันน่ะมันร้ายแรงยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ฉันทำใจยอมรับการกลับมาของเขาไม่ได้หรอก!

    เมื่อเข้ามาถึงในตัวห้องพี่โซลก็วางฉันลงกับโซฟาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา เจ้าตัวจับไหล่ตัวเองที่ตอนนี้เริ่มจะมีเลือดไหลซึมออกมานี่ฉันกัดแรงขนาดนั้นเลยเหรอ

    “พี่โซลดรีม....”

    “นั่งนิ่งๆ อย่าให้เหลืออดไปมากกว่านี้!” พี่โซลบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน ดรีมไม่ได้ตั้งใจนะก็ตอนนั้นมันคิดไม่ออกแล้วจริงๆ นิ! ถ้าเจ็บแล้วทำไมไม่ร้องออกมาล่ะ เงียบไปแบบนั้นใครจะไปรู้ว่าเจ็บไหม
              ฉันเดินสำรวจภายในตัวห้องเพื่อจะหากล่องพยาบาลจะได้ทำแผลให้พี่เขา ถึงฉันจะกลัวพี่เขามาก แต่ใช่ว่าฉันจะใจดำไม่ยอมทำแผลให้เขาสักหน่อย ฉันก็คนนะ
    ! จิตสำนึกฉันยังมีอยู่นะ

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

    “พี่โซล พี่โซลคะ” เมื่อฉันหากล่องพยาบาลเจอฉันก็เดินไปเคาะประตูเรียกพี่เขาให้ออกมาจากห้องนอน ดูแรดไหม? มาหาผู้ชายถึงห้องนอน แต่มันเหตุสุดวิสัยนะทุกคน ให้อภัยดรีมมี่ด้วยเถอะ “พี่โซลดรีมเปิดประตูเข้าไปนะคะ”

    เมื่อไม่มีสัญญาณตอบกลับมาฉันก็ยิ่งร้อนใจ อะไรกันฉันแค่กัดเองนะนี่มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยรึไง? ฟันฉันไม่ใช่เขี้ยวงูนะอะไรจะมีพิษร้ายแรงขนาดนั้น ฉันตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของพี่โซลแบบเสียมารยาท
              แต่ภาพที่ฉันเห็นก็คือพี่โซลกำลังถอดเสื้อนักศึกษาแล้วหันมามองฉันแบบเอือมๆ ฉันนี่รีบหันหลังให้ไวเลย เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ทำไมไม่พูดล่ะ ปล่อยให้ฉันเปิดประตูเข้าไปทำไม

    “ดรีมรอที่โซฟานะพี่โซล” ฉันบอกก่อนจะเดินหนีแต่กลับมีมือของเขามาคว้าเอาไว้

    “จะมาทำแผลไม่ใช่หรือไง” มันก็ใช่..แต่แบบเล่นไม่ใส่เสื้อแบบนั้นใครจะไปกล้ามอง

    “พี่โซลก็ไปเสื้อก่อนสิ” ฉันบอกทั้งๆ ที่ไม่กล้าหันหน้ากลับไปมองเขาด้วยซ้ำ

    “แล้วถ้าพี่ใส่เสื้อเราจะทำแผลยังไง” ก็จริงอย่างที่พี่เขาพูด แต่ว่ามัน.... “หรือว่าหวั่นไหวกันแน่?”

    “ไม่ใช่นะ!” เมื่อได้ยินคำท้าทายของเขา ฉันก็หันมาประจันหน้ากับพี่โซล ถึงปากฉันจะปฏิเสธแบบนั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย

    “ถ้าไม่ใช่ก็เข้ามาสิ” พี่โซลบอกพลางดึงแขนฉันให้เดินตามไปด้วย เขานั่งลงบนเตียงโดยที่มีฉันตามมานั่งลงบนตักของเขาด้วย งงล่ะสิฉันเองก็งงเหมือนกัน พี่โซลออกแรงกระชากแค่นิดเดียวฉันก็ลงมานั่งบนตักเขาเสียแล้ว หน้าเราห่างกันไม่ถึงเซ็นจนฉันเองก็เผลอใจเต้นไปกับใบหน้าอันหล่อเหลา “จะมองอีกนานไหม แผลเนี่ยจะทำไหมคุณพยาบาล”

    ใครเป็นพยาบาลกัน?! คิดว่าฉันอยากจะมองนักหรือยังไง ก็ใครกันล่ะที่ดึงฉันลงมานั่งที่ตักแบบนี้น่ะ

    “พี่โซลก็ปล่อยดรีมสิ มากอดดรีมไว้แบบนี้ดรีมจะทำแผลให้ยังไงล่ะ”

    “ก็หาทางเอาสิ” ดูพี่โซลเขาพูดสิท่านผู้ชม พูดแบบนี้มันน่าทำแผลให้ไหมล่ะเนี่ย ฉันวางกล่องพยาบาลไว้บนตักของตัวเองแล้วถอนหายใจเพื่อพยายามระงับอารมณ์พลุ่งพล่านทั้งหมดให้หายไป จะดึงฉันมานั่งตักข้างที่โดนกัดก็ไม่ได้ ฉันเอาสำลีชุบกับแอลกอฮอล์แล้วเอื้อมมือไปเช็ดแผลที่ตัวเองทำไว้ให้ตายเถอะ แก้มฉันโดนพี่โซลเป่าลมใส่หลายรอบแล้วนะ “เบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไงมันเจ็บนะ”

    เจ็บหรอ? เจ็บแล้วยังจะมีแรงแกล้งดรีมแบบนี้อีกนะ มันน่ากดสำลีแรงๆ ไหมเนี่ย! ฉันยังคงทำแผลต่อไปโดยที่ไม่สนใจว่าพี่โซลจะบ่นอะไรทำให้เสร็จไวๆ ฉันจะได้รีบลุกออกไปจากตักพี่เขาสักที

    “เสร็จแล้วค่ะ” ฉันบอกพร้อมเก็บทุกอย่างเข้ากล่องตามเดิม “พี่โซลดรีมทำแผลเสร็จแล้วค่ะ”

    “ก็เสร็จแล้วไง พี่เห็นแล้ว”

    “เห็นแล้วก็ปล่อยสิคะ ดรีมจะเอากล่องยาไปเก็บ” รู้สึกเหมือนฉากพ่อแง่แม่งอนแบบในละครหลังข่าวเลย ไม่นะทุกคนอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ดรีมกับพี่โซลไม่ใช่พระเอกนางเอกในละครสักหน่อย น่าจะเป็นพระเอกกับตัวประกอบมากกว่าที่พี่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากจะแกล้งดรีมเท่านั้นแหละ

    “ไม่ให้ไปไหนทั้งแหละเราทำพี่เจ็บตัวนะ ต้องอยู่คอยพยาบาลพี่สิ” แต่ดรีม... “หิวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อยสิครับ”

    ฉันถลึงตามองคนตรงหน้าแบบเอาเรื่องนี้เขามีสิทธิ์มาอ้อนฉันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนี้นะ

    “ดรีมทำอาหารไม่เป็น” ฉันโกหกหน้าตาย ฉันไม่อยากเข้าใกล้พี่เขาอีกแล้ว แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะเข้าใกล้

    “ไม่เอาน่าดรีม ยังโกรธเรื่องนั้นอีกหรือยังไง?” ใช่ดรีมโกรธมาก! “ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพราะ....”

    Rrrrrr

    ยังไม่ทันที่พี่โซลจะพูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนเจ้าตัวขมวดคิ้วแน่น และนั่นก็เป็นโอกาสที่ทำให้ฉันเป็นอิสระ ฉันรีบเดินออกจากห้องทันทีเพราะเข้าใกล้เขตห้องนอนแบบนั้นสำหรับฉันแล้วมันไม่ได้มีอะไรดีเลย ถ้าใครรู้เข้ามันจะมีแต่เสียกับเสีย

    แต่เมื่อกี้พี่เขากำลังจะบอกอะไรนะ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะ? จะเพราะอะไรก็เพราะว่าอยากจะแกล้งฉันน่ะสิ มันจะเป็นเหตุผลอื่นได้ยังไงกันล่ะ เมื่อฉันเก็บกล่องพยาบาลให้เข้าที่ฉันก็เดินมาเปิดตู้เย็นเพื่อที่จะดูว่ามันจะพอมีอะไรทำอาหารได้บ้าง แต่ว่ามันมีเลยมีแต่ขนม ขนม และขนม อ๊ากก! อยากแบกตู้เย็นกลับบ้านจัง มีตู้เย็นแบบนี้ในบ้านดรีมมี่จะนอนดูซีรี่ย์เกาหลีแล้วกินขนมให้หมดตู้เย็นเลย

    ใช่เวลามานึกถึงเรื่องแบบนั้นไหมเนี่ย ฉันปิดตู้เย็นแล้วเปิดลิ้นชักที่เคาเตอร์เพื่อจะหาอะไรอย่างอื่นที่น่าจะมีประโยชน์มากกว่าขนมในตู้เย็นแต่มันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากมาม่า แล้วก็ไข่อีกสองใบที่วางอยู่ข้างๆ เตา ทำมีแต่ของไม่มีประโยชน์แบบนี้นะ มาม่าก็มาม่า ฉันหยิบหม้อขึ้นต้มน้ำร้อนแล้วจัดแจงโยนมาม่าและไข่ลงไปในหม้อ คือแบบรีบๆ ทำ รีบๆ กลับ ไม่อยากจะอยู่นานๆ เมื่อจัดการทุกอย่างส่ลงชามแล้วฉันก็ยกชามออกมาวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วรีบเผ่นออกมาทันที ยัยดรีมเอ้ย! เกือบไม่รอดแล้วไหมล่ะแก...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×