คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 : ความรู้สึกที่ชัดเจน
ความรู้สึกที่ชัดเจน
เมื่อเข้ามาถึงบนที่พักเราก็ยังไม่ปริปากหรือพูดอะไรต่อกันเลยสักนิด ฉันไขประตูใหญ่แล้วเดินนำเข้ามาเงียบๆ
“ดรีม” เสียงเรียกของพี่โซลทำเอาขาของฉันหยุดชะงักไปโดยปริยาย
“คะ”
“เรื่องวันนั้น” เสียงของพี่โซลหยุดลงพร้อมๆ กับลมหายใจของฉันที่สะดุดตาม “พี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
“ดรีมไม่ได้โกรธพี่โซลแล้วล่ะค่ะ” ฉันบอกเสียงเรียบก่อนจะก้าวเท้าต่อ แต่กลับมีมือมาคว้าแขนฉันเอาไว้เล่นทำเอาฉันลื่นหยดน้ำบนพื้นไปซบกับอกพี่โซลแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่ได้โกรธแล้วทำไมต้องเดินหนีล่ะ?”
“ก็ดรีม....”
“เห็นไหมล่ะ เราน่ะไม่มีข้อแก้ตัวเพราะเราน่ะโกรธพี่” พี่โซลยิ้มอย่างรู้ทัน
“ใครบอกล่ะ ดรีมก็แค่ไม่อยากอยู่ในสภาพเปียกๆ แบบนี้นานๆ ต่างหาก” ฉันพยายามหาข้อแก้ตัวให้เจอและนั้นก็ทำให้คนตรงหน้าพยักหน้ายอมรับกับข้อแก้ตัวของฉัน แต่มันก็บังเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเพราะฉากที่ทะเลตอนนี้มันกำลังฉายซ้ำบนที่พักของเรา ต่างกันตรงที่ตอนนี้ฉันกำลังดันหน้าอกเขาให้ออกห่างไปจากตัว ขืนอยู่ใกล้ไปมากกว่านี้ หัวใจของฉันต้องละลายแน่ๆ
ตุ้บ!
แล้วเสียงที่บังเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันก็คือเสียงหนังสือที่อยู่ในมือไมค์ตกลงกับพื้นพร้อมกับสีหน้าที่ยากจะอ่านใจได้ ใบหน้าที่เรียบสนิทจ้องมองเราสองคนก่อนจะค่อยๆ เผยยิ้มน้อยๆ ออกมา
“เราไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดขอโทษทีนะ” ไมค์บอกพลางก้มเก็บหนังสือ
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดหรอก ดรีมก็แค่ลื่นน่ะแล้วฉันก็มารับไว้พอดี”
“ใช่จ้ะ” ฉันรับรับคำทันที เพราะตัวฉันเองก็ไม่อยากจะให้ใครมาเข้าใจผิดด้วยน่ะ “ถ้าอย่างนั้นดรีมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
“ยังไงก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักอาจารย์ก็จะเรียกรวมตัวแล้วนะ” ฉันได้ยินเสียงไมค์ดังไล่หลังตามมาแต่นั่นก็ไม่ดังเท่า...เสียงหัวใจของฉันเลยสักนิด
18.00 PM
ตอนนี้ผู้เข้าประกวดและพี่เลี้ยงต่างก็ทยอยกันลงมายืนรอที่หน้าลานกว้างที่อาจารย์นัดเอาไว้ บอกตามตรงนะฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าฉันจะได้ที่หนึ่งรึเปล่า แบบว่าจะยังไงดี ก็ผู้เข้าประกวดแต่ละคนหน้าตาดีทั้งนั้นเลยนิ
อ่อ! พอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ฉันก็รีบเดินออกมาโดยที่ไม่รอใครเลยน่ะ ก็แบบฉันไม่อยากให้ไมค์เข้าใจฉันผิดนี่นา
“คืนนี้เราจะมีปาร์ตี้ริมสระนะจ้ะ ทุกคนมีความเห็นว่ายังไงบ้างจ้ะ” เสียงอาจารย์ดังผ่านโทรโข่ง ปาร์ตี้? ฉันเริ่มจะไม่มั่นใจแล้วล่ะสิว่าเรามาที่นี่เพื่อเก็บตัวหรือมาเที่ยวกันแน่
“ดีสิค่ะอาจารย์” เสียงผู้เข้าประกวดคนหนึ่งตะโกนบอกอาจารย์
“ใช่จ้ะ! แต่มีข้อแม้อยู่ว่าพวกเราทั้งหมดจะต้องเป็นคนจัดงานเองนะจ้ะ” จัดงานเอง? คำนี้แหละที่เล่นทำเอานักศึกษาต่างพากันร้องโอดโอย “แบ่งกันทีมละแปดคนนะจ้ะรวมพวกหนุ่มๆ ด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นผมเป็นฝ่ายจัดงานแล้วกันครับ” พี่โซลยกมือขึ้นอาจารย์เลยเรียกพี่โซลมาตั้งแถวใหม่ข้างหน้า
“ถ้าอย่างนั้นผมเก็บงานเองครับ” ไมค์บอกก่อนจะเดินขึ้นไปตั้งแถวใหม่
“เรื่องอาหารก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่พลอยแล้วกันค่ะ” พี่พลอยบอกพร้อมกับลากฉันให้มาเข้าร่วมด้วย
“อาจารย์ค่ะ หนูคอยเก็บกวาดและทำความสะอาดจานชามแล้วกันค่ะ” นักศึกษาอีกคนบอกพร้อมกับก้าวขาออกไปตั้งแถว พวกเพื่อนๆ ของเธอก็ตามไปรวมกับแถวจนครบแปดคนพอดี ฉันหันไปมองพี่โซลกับไมค์ว่าแถวพวกเขาเป็นยังไงบ้าง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือยัยแพมที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างหลังฉันน่ะสิ นึกว่าจะไปยืนอยู่ข้างหลังพี่โซลหรือไม่ก็ไมค์เสียอีก
“มองอะไรค่ะพี่ดรีม คงไม่รังเกียจแพมใช่ไหมค่ะที่มาอยู่กับพวกพี่น่ะ” แพมว่าพลางยิ้มร่า ฉันไม่เข้าใจเลยนะ ว่ารอยยิ้มที่เธอฝืนยิ้มอยู่ทุกวันมันไม่ทำให้เธอเมื่อยบ้างหรือยังไง
“ไม่เลยจ้ะ พี่แค่แปลกใจน่ะที่เรามาอยู่กับพี่มากกว่าพวกผู้ชาย” ได้ทีก็ขอกัดหน่อยแล้วกัน กัดฉันเอาไว้เยอะนักนิ
“แหมพี่ดรีมล่ะก็ แซวกันแรงๆ ตลอดเลยนะคะ” แพมยังคงยิ้มเสแสร้งได้อย่างไม่มีรอยสะดุด ฉันอยากจะรู้จังเลยนะว่าเธอจะปั้นหน้ายิ้มแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหนกัน
“เอาล่ะค่ะ! ดูเหมือนจะครบทีมแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลยจ้ะก่อนจะมืดค่ำไปมากกว่านี้” อาจารย์ประกาศก่อนจะเดินลอยหนีออกไป
“ตามฉันมา” พี่พลอยบอกจะสะบัดผมนั่นแล้วเดินนำไปทางห้องครัวของรีสอร์ท ความจริงแล้วถ้ารักจะสบายก็ต้องเดินตามพี่พลอยนี่แหละ จะยังไงดีล่ะ..ก็แกไม่เคยจะยอมลำบากเลยนิ
พอเข้ามาถึงห้องครัวแกก็สั่งพ่อครัวให้ทำอาหารตามที่แกอยากจะกินพร้อมกับให้อีกหกคนที่เหลือคอยเป็นลูกมือ ฉันเองก็อยากจะเข้าไปทำนะ แต่เจ้น่ะสิมองตาเขียวปัดจนฉันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“ถ้าอยากช่วยมาก็ยกนี่ออกไป” พี่พลอยส่งถาดน้ำมาให้ฉัน “เอาไปให้พวกที่กำลังจัดงานอยู่เขากินดูท่าทางน่าจะเหนื่อย”
“จ้ะ” ฉันรับตำก่อนจะถือถาดออกมาข้างนอก ที่นี่น่ะกว้างใหญ่ไพศาลอย่างกับเมืองอลิศอินวอนเดอร์แลนด์เลยล่ะ ถ้าฉันไม่เคยมาพักที่นี่บ่อยๆ ฉันก็คงเดินหลงไปแล้วล่ะ ทั้งบรรยากาศและทำเลที่เหมาะสมขนาดนี้ทำให้ที่นี่มีราคาแพงมากๆ เลยล่ะ “ขอโทษค่ะ”
ตายแล้วนี่ฉันมัวแต่ชื่นชมวิวทิวทัศน์จนลืมดูทางเลยหรอเนี่ย
“ไม่เป็นไร...ดรีมเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไมค์นั่นแหละเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก น้ำก็ไม่ได้หกใส่เราสักหน่อย ดรีมแค่ถือถาดมาชนเราเบาๆ เอง”
“ดรีมขอโทษจริงๆ นะไมค์”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่จะถือถาดไปไหนหรอ?”
“พอดีจะเอาไปให้พวกที่จัดงานน่ะ พี่พลอยเขาฝากมา”
“เราช่วยนะ” ไมค์บอกก่อนจะดึงถาดในมือของฉันไปช่วยถือ
“ขอบใจจ้ะ” ฉันบอกพร้อมกับเดินตามไมค์ที่เดินนำหน้าออกไปไม่ไกลสักเท่าไหร่ เขาเป็นคนตัวสูงขายาวจะเป็นนายแบบก็เพอร์เฟกซ์ จะเป็นนักกีฬาก็สุดยอดนะ เอะ! นี่ฉันมาคิดเรื่องรูปร่างของผู้ชายได้ยังไงกันล่ะ
“ดรีม” ไมค์เรียกชื่อฉันพร้อทกับหยุดเดินทำเอาฉันที่เดินตามมาฉันเข้ากับหลังของเขาเต็มๆ เจ็บชะมัด
“อะไรหรอ? ขอโทษพอดีดรีมไม่ได้ดูว่าไมค์จะหยุดน่ะก็เลยชนอีกแล้ว”
“อย่าอยู่ใกล้เขาเลยนะ” อยู่ใกล้ใครอย่างนั้นหรอ? “เราเห็นดรีมหนีผู้ชายคนนั้นมาตลอด ถ้าอยู่ใกล้เขาแล้วมันเหนื่อย งั้นดรีมลองให้เราไปเป็นคนดูแลส่วนตัวไหมล่ะ?”
“เอ๊ะ?!”
“เราพูดเล่นน่ะ อย่าไปใส่ใจเลยนะ”
“ไมค์ล่ะก็ ทำดรีมตกใจหมดเลยนะ” เรายังคงสนทนากันโดยที่ไม่มองหน้ากันสักนิด
“แต่เราพูดจริงๆ นะ โซลน่ะ อันตรายเกินกว่าที่ดรีมจะเข้าใกล้ได้” เรื่องนั้นฉันเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ก็ฉันหนีเขาไม่เคยพ้นสักทีนิ
“เราเข้าใจ” ฉันพูดพร้อมฝืนยิ้ม ตลกกับตัวเองเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่เขาทำกับฉันไว้ถึงขนาดนั้น แต่ฉันกลับไม่โกรธเขาเพียงเพราะเขามาง้อฉันด้วยวิธีที่ฉันอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองก็เถอะ
“ถ้าเข้าใจก็อยู่ห่างๆ เขาไว้” ไมค์บอกพร้อมกับหันมายิ้มให้ฉัน “เราเป็นห่วงดรีมนะเราเลยอยากมาเตือน”
“เตือน?”
“ก็แหม แฟนคลับของโซลเยอะสะขนาดนั้น ถ้าเขามาเจอตอนดรีมกับโซลอยู่บนที่พักแบบเรา ดรีมจะแย่เอานะ”
“นั้นสินะ! ขอบใจนะที่เป็นห่วง เอาเป็นว่าดรีมจะระวังตัวให้มากกว่านี้แล้วกันนะ” ไมค์พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำหน้าออกไปโดยมีฉันเดินตามมาติดๆ ฉันเองก็รู้ดีว่าฉันน่ะไม่มีอะไรสมควรกับพี่โซลเลยสักนิด แต่เรื่องของหัวใจน่ะ มันห้ามกันได้ด้วยหรอ? นายเตือนเราช้าไปแล้วล่ะไมค์ มันไม่ทันแล้วจริงๆ นะ ก็ตอนนี้ในใจของดรีมน่ะมันมีแต่เรื่องของพี่โซลวนเวียนเต็มไปหมดเลยล่ะ.....
ความคิดเห็น