ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลองสัมผัส ชีวิตเด็กกสพท.ปี 2554 และนักศึกษาแพทย์

    ลำดับตอนที่ #27 : บทความ “ประสบการณ์วันสอบจริง กสพท. วันแรก”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.15K
      1
      4 ม.ค. 55

    บทความ ประสบการณ์วันสอบจริง กสพท. วันแรกเขียนโดย NuPong Victory วันที่ 3-5 มกราคม 2555

                    หลังจากที่ กสพท. ได้ส่งบัตรสอบและใบแจ้งกำหนดการสอบมาแล้ว ปรากฏว่าพี่ได้สอบในห้องโถงชั้น 1 ตึกแพทยพัฒน์ของคณะแพทย์ จุฬาฯ และมีการกำหนดวิชาสอบ เวลาสอบและเวลาพักให้แล้ว วันแรกพี่ต้องสอบวิชาเลขเป็นวิชาแรก ได้พักกลางวัน แล้วก็ต่อด้วยอังกฤษ พักอีก 15 นาทีแล้วปิดท้ายด้วยไทย-สังคม ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์จะเป็นวันต่อไป ควรมาถึงสนามสอบ 8 โมงเช้า สอบเสร็จ 5 โมงเย็น วันแรกก็ถือว่าหนักหนาสาหัสเอาการ เพราะเอาเลขมาฆ่ากันตั้งแต่วิชาแรกเลยทีเดียว แถมอังกฤษก็ไม่ได้อ่านไป ส่วนไทย-สังคมก็ดันอ่านไม่จบเพราะไม่สบายซะด้วย

                    ตอนเช้าพี่ตื่นมา 6 โมงกว่าๆ กินข้าว ไหว้พระที่บ้าน หยิบหนังสือแคลไปทบทวนในรถ แม่ขับรถมาส่งพี่ที่สนามสอบประมาณ 7 โมงครึ่ง ตอนนั้นสนามสอบก็มีคนเริ่มมาบ้างแล้วประปราย จิตสังหารและออร่าแห่งการแข่งขัน ตลบอบอวลไปทั่วสนามสอบ เด็กมหิดลเดินเป็นกลุ่มกันด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ พี่หาที่นั่งลงแล้วทบทวนเลขไปพลางๆ อีกไม่นาน เพื่อนๆโรงเรียนพี่ก็เข้ามา 3-4 คน (เพื่อนๆกลุ่มนี้ไม่ค่อยสนิทกันมาก แต่ก็อยู่เป็นเพื่อนให้กำลังใจกันเองได้ดีเหมือนกัน คนนึงติดแพทย์ที่เดียวกับพี่ในรอบสอบตรง คนนึงติดแพทย์พระมงกุฎ ส่วนอีกคนไม่ติดกำลังรอซิ่ว) พี่ก็คุยกับเพื่อนๆพี่ไปเรื่อยๆ อย่างน้อยช่วยคลายความเครียดลงได้บ้าง เพราะพี่กะจะทำคะแนนให้อยู่ในระดับประมาณ 50 เพื่อที่จะปลอดภัยอย่างน้อยก็ติดได้ พอถึงเวลา ประตูสนามสอบเปิด มีคนกรูเข้าไปเข้าแถวเพื่อเข้าสนามสอบ พี่เอาบีบีออกจากตัวไปใส่กระเป๋าไว้ แล้ววางไว้นอกห้องโถง (พี่ตั้งสเตตัสด้วยรูปภาพให้กำลังใจตัวเองเต็มที่)


     

    และปิดเสียงทุกอย่าง ปิดระบบนาฬิกาปลุกด้วยเพราะไม่ว่ามีเสียงอะไรดังขึ้นมาคือทุจริตทั้งหมด พี่เอาซองใสขึ้นมาแล้วก็เตรียมลุย แสดงบัตรประชาชน พี่เดินเข้าสนามสอบแบบทุกฝีเท้าเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ พี่กระซิบบอกเพื่อนว่า โชคดีนะ แล้วก็เดินไปนั่งรอตรงที่นั่งสอบเพื่อรอสัญญาณทำข้อสอบ ตัวข้อสอบกสพท. จะมาในรูปแบบคล้ายๆตัวข้อสอบ
    GAT PAT เหมือนหนังสือเล่มเล็กๆแต่กระดาษคำตอบจะสอดให้ในตัวข้อสอบและใช้เทปกาวแปะรอบตัวข้อสอบไว้ (ให้ใช้ดินสอ 2B สอดแล้วกระตุกเทปให้ขาดออกแล้วจึงหยิบกระดาษคำตอบออกมา) ตอนนั้นพี่ก็ยอมรับว่าตนเองตื่นเต้นมากแต่ก็พยายามจะควบคุมจิตใจให้ได้เพราะถ้าขาดสติ ประสิทธิภาพในการทำข้อสอบจะลดลงจนเรียกได้ว่าห่วยกว่าพวกที่ไม่อ่านมาซะอีก และถ้าเจ๊งในห้องสอบ ก็ถือว่าอ่านมาเยอะแล้วทำได้แค่นี้เพราะลนเนี่ยมันไม่คุ้มเลย เนื่องจากเป็นห้องโถงใหญ่ กว้าง มีแถวสอบ 9 แถว จากที่ดูในใบก็ 270 คนเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีกรรมการคุมสอบเยอะมาก และมีหัวหน้ากรรมการอยู่ตรงหน้าโถง และเข้มงวดมาก ด่านักเรียนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยแล้วไล่ออกไปแต่งตัวใหม่ คนที่เปิดข้อสอบก่อนเกือบจะโดนสั่งว่าทุจริต หัวหน้ากรรมการสั่งเริ่มทำข้อสอบ มีเวลา 2 ชม. เลขทั้งหมด 25 ข้อ พี่กว้านสายตาหาข้อที่ทำได้ทันที หวังว่าต้องทำให้ได้ 8 ข้อขึ้นไปเพื่อจะได้ผ่าน 30% เวลาผ่านไปไม่นานมาก พี่ทำได้เกิน 8 ข้อแล้ว พี่รู้สึกดีใจและอุ่นใจมากเลยทีเดียว พี่รู้สึกว่ามันไม่กดดันอีกแล้ว พี่เลยทำต่ออย่างใจชื้น และแน่นอนว่าพี่ก็ต้องมีข้อที่ทำไม่ได้ พี่ทำไป 14-15 ข้อ นอกนั้นเริ่มติดแหง่กซะแล้ว ระหว่างนั้นก็มีกรรมการคุมสอบเดินมาให้ปั๊มลายนิ้วมือ จะให้ปั๊มที่ตัวบัตรสอบและใบเซ็นชื่อเข้าสอบ จากนั้นพี่ก็กามั่วต่อไป จนเวลาใกล้หมด พี่มั่นใจว่าตนเองทำได้ประมาณ 15-16 ข้อก็ถือว่าเกินความคาดหมายแล้ว หัวหน้ากรรมการสั่งวางปากกา  ตรงนี้ขอให้น้องๆทุกคนวางปากกาจริงๆนะเพราะถ้าไม่วางแล้วทำต่อเนี่ย อาจโดนกาหัวข้อสอบข้อหาไม่ทำตามกติกาสอบ จะไม่ได้รับการตรวจในวิชานั้นๆ มีเพื่อนพี่คนนึงโดนในวิชาเลขนี่แหละ ถึงกับไม่ติดเลยทีเดียว หัวหน้ากรรมการสั่งให้ค่อยๆลุกออกทีละแถว พี่รู้สึกดีใจนิดๆ ว่ายังไงพี่ก็ไม่โดนตัดสิทธิ์เพราะเลขไม่ถึง 30% แล้ว พี่ออกไปนอกสนามสอบ เจอเพื่อนๆ ระหว่างทางออก พวกเด็กมหิดลคุยกันประมาณว่า ไม่เต็มก็เกือบเต็ม ไรเงี้ย อันนี้พี่ก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน แต่ถ้าน้องๆเจอจริงๆก็อย่าไปถือสาอะไรมาก เพราะเด็กพวกนี้ยังไงเขาก็ติดแน่นอน ศิริราช จุฬา เขาอ่านมาเยอะ เขาขยัน เขาเป็นเด็ก Nerd ขั้นเทพที่เด็กธรรมดาอย่างพวกเราสู้ด้วยยาก แต่ก็ไม่ถึงกับว่าเขาจะเขี่ยเราจนไม่ติด ดังนั้นก็อย่าไปคิดมากกับพวกเด็กที่พูดกดดันคนอื่นแบบนี้เลย

                    พี่เจอเพื่อนก็เช็คคำตอบกับเพื่อน จนชัวร์ว่าตนเองได้เกิน 8 ข้อ ตอนนั้นก็แอบหวังว่าได้เกิน 15 ข้อก็ยังดีนะ แต่ก็ยังไม่มีเวลาเช็คมาก พี่เดินไปที่เซเว่น (ง่ายสุดแล้วเวลาจะหาข้าวกิน) ตอนนั้นเซเว่นมีคนเยอะมาก มีคนแอบร้องไห้ด้วย พูดตรงๆว่าถ้าน้องทำไม่ได้มันก็แค่วิชาเดียว แล้วจะมาปลงทิ้งวิชาที่เหลือมันเป็นการกระทำที่โง่มากเลย เพื่อนพี่บางคนได้วิทย์แค่ 30 กว่าๆ แต่ติดมหิดลก็มี ดังนั้นอย่าไปซีเรียสมาก มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป อย่างน้อยขอให้คุมสติในวันสอบให้ได้ อย่างน้อยสุดๆถ้าสติจะแตกแล้วก็ขอให้มีสติแค่ในวันสอบก็พอ เพราะพี่เองพี่ก็สติแตกหลังจากสอบเสร็จแล้วเหมือนกัน พี่ซื้อข้าวผัดปู CP มานั่งกินกับเพื่อนๆ ตอนนั้นแฟนสาวพี่ก็มาอยู่เป็นเพื่อน แฟนพี่เป็นเด็กศิลป์แต่ลงทุนใส่ชุดนร.มาหาพี่ถึงสนามสอบเลย กลมกลืนกับพวกเด็ก กสพท. จริงๆ แฟนพี่ก็โดนถามว่าทำไมไม่เข้าสนามสอบด้วย ตอนนั้นอารมณ์พี่ไม่ได้จดจ่ออยู่ที่แฟนนัก ตอนนั้นพี่ก็รู้สึกดีใจที่แฟนอุตส่าห์มาหาแต่ความรู้สึกเครียดมันก็เข้ามาบังไปหมด พี่บอกแฟนว่าขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาหา พี่ไปซื้อข้าวให้แฟนแล้วอีกซักพักใกล้ถึงเวลาเข้าสนามสอบอีกทีแล้ว พี่จูงมือแฟนไปหน้าสนามสอบ พี่ฝากกระเป๋าแฟนไว้แล้วพี่ก็หยิบถุงใสเดินไปสนามสอบเลย

    ณ จุดนี้ บทความนี้พี่ต้องใช้เวลาเขียนข้ามวันเลยทีเดียวเพราะบางทีประสบการณ์บางอย่างมันต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกในการดึงกลับมาเล่าให้เข้มข้นที่สุด อย่างเมื่อวานที่เขียนไปจนถึงตอนที่แฟนมาหา พี่ก็รู้สึกว่าความเศร้ามันกรีดแทงเข้าไปในอกเหมือนกัน ตอนนี้พี่ก็ยังไม่มีแฟนและอยู่คนเดียวมานานมากจนรู้สึกว่าเหงาจน Peak แล้วเหมือนกัน

    ตอนนี้พี่เริ่มรู้สึกดีขึ้นเลยกลับมาเขียนส่วนของวันแรกต่อ ใช้เวลาข้ามวันเหมือนกัน

                    ทีนี้เป็นวิชาอังกฤษ 100 ข้อ ให้เวลา 2 ชม. เป็นวิชาที่พี่ไม่ได้อ่านมาเลย พูดง่ายๆก็คือวิชานี้เป็นวิชาสะสม ถ้าฟัง พูด อ่าน เขียน หรือใช้มันบ่อยๆ ก็จะทำได้เอง (พวกเด็กอินเตอร์ไม่ต้องอ่านก็เก็บ 80+ สบายๆ) พี่ก็ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้น พี่เองก็ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับที่ปานกลาง แต่พี่คิดว่าระดับพี่ยังกระจอกไป แต่ก็ยังพอสอบวัดความรู้พื้นฐานอังกฤษที่มหาลัยผ่านได้ Pass อังกฤษไป 2 ตัว ก็ยังดี แต่พูดถึงถ้าจะไปเรียนต่อเฉพาะทางเมืองนอกคงต้องอังกฤษแกร่งกว่านี้ ข้อสอบปีพี่ที่ออกมาถือว่าง่ายมาก ศัพท์ไม่ยาก ถ้าอ่านใบศัพท์ครูสมศรีมาก็ทำได้เกือบหมดเลยทีเดียว เพื่อนพี่หลายๆคนที่เก่งอังกฤษอยู่แล้วคว้า 80+ ไปกินอย่างสบายๆเลย แต่ก็ไม่ติดเพราะโดนวิทย์กับเลขฉุดลงเหว พี่ไม่ได้เก่งมากทำคะแนนออกมาได้ประมาณ 58 คะแนนซึ่งถือว่ากากมากๆ ในสายตาคนอื่น แต่พี่ว่าอย่างน้อยพี่ก็ทำอังกฤษได้เกิน 30 คะแนนแล้ว อุ่นใจ ที่เหลือพี่มั่นใจว่าวิทย์กับไทยสังคมเนี่ยยังไงพี่ก็เก็บอย่างต่ำ 50 อยู่แล้ว เพื่อนๆพี่ในคณะหลายคนใช้วิชานี้ช่วยให้รอดพ้นมาได้เพราะบางคนถึงกับเก็บ 90 คะแนนเลยทีเดียว แล้วคะแนนวิชานี้มันน้ำหนักสัดส่วนเท่าเลขด้วย เพื่อนๆพี่คุยกันประมาณว่า อังกฤษง่ายเลยรอดมาได้ พี่ก็รู้สึกว่าพี่คงต้องพัฒนาด้านภาษาอังกฤษของตนเองอีกเยอะ ฮ่าๆๆ ผ่านไปสำหรับวิชานี้ หลังหัวหน้ากรรมการคุมสอบปล่อยออกจากห้อง พี่รีบไปหาแฟนแล้วคว้าหนังสือ Turbo Davance มาอ่านทวนครั้งสุดท้ายทันที

                    ต่อไปวิชาไทยสังคม ข้อสอบมา 100 ข้อ ข้อ1-50 เป็นวิชาไทย ข้อ51-100 เป็นวิชาสังคม พี่ลงมือทำทันที พี่รู้สึกว่าภาษาไทยมันดูง่ายดีนะ (แต่จริงๆปีที่แล้วมันยาก ออกมาหลอกแบบเด็กตายใจไปเยอะ ท็อปประเทศแค่ 76 เอง) ไม่นานมาก หลังจากที่ปั๊มลายนิ้วมือและเซ็นเข้าสอบเสร็จ พี่ก็ทำข้อสอบไทยเสร็จหมด (มีบางข้อไม่มั่นใจแต่กะจะไว้ทบทวนอีกรอบทันที) พี่ก็ลุยสังคมทันที ข้อสอบเริ่มที่พุทธศาสนา ชิวมากๆ ใช้เซ้นส์ตอบยังทำได้ พี่ก็ทำไปเรื่อยๆ ยังไงอ่าน Turbo Davance ของอาจารย์ปิงมาแล้วยังไงก็ทำได้ เสร็จแล้วก็ออกมาเปิดหนังสือเช็คคำตอบกันเพียบ พี่มั่นใจแล้ว 2 วิชานี้ยังไงก็อย่างต่ำ 60 ตอนนั้นมั่นใจด้วยว่าทั้งสองตัวน่าจะ 70+ (แต่พี่ได้ กสพท. ไทย 60 สังคม 62 แต่ได้ 70+ ตอนโอเนตแทน) หลังจากนั้นพี่ก็ออกมาแฟน แฟนบอกว่าจะไปส่งพี่ถึงหน้าปากซอยบ้าน ถึงกับให้กำลังใจพี่สุดๆขนาดนี้ พี่เองก็ยังถือว่าอยู่ในสภาพที่ไม่หายเครียดเท่าไรแต่โล่งอกขึ้นเยอะพอควร พี่ขึ้นรถเมล์หน้าสวนลุมกลับบ้าน ในรถพี่ก็นั่งเช็คคำตอบไทยสังคมไปเรื่อยๆ โทรถามครูที่โรงเรียน พร้อมทั้งขอบคุณที่หาโจทย์ดีๆมาให้ทำตอนเรียนในห้อง ครูก็อวยพรให้ติดหมอ ตอนนั้นพี่ก็รู้สึกดีขึ้นมา จากนั้นพี่ก็กลับถึงบ้าน พี่ลาแฟนไปอ่านวิทย์ต่อสำหรับวันรุ่งขึ้น บอกตรงๆว่าตอนนั้นพี่ก็อยากอยู่กับแฟนให้มากที่สุด อยากไปเดินสยาม เที่ยวห้างกันก่อน แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำแบบนั้น

                    พี่ขึ้นบ้านเสร็จปุ๊บ ในบอร์ดแอดมิชชั่นของเวปเด็กดีเริ่มมีกระทู้มาเฉลยคำตอบ กสพท. กันแล้ว (พูดตรงๆว่าการเช็คคำตอบเนี่ยมันเป็นดาบสองคม มันจะทำให้เรามั่นใจขึ้นถ้าเราตอบถูก แต่ถ้าเราตอบผิดเราจะรู้สึก Fail มาก และจะมีพวกเกรียนที่ชอบมาโม้ว่าตนเองทำได้เยอะ มาไซโคให้เรารู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม แต่การเฉลยคำตอบพวกนี้ก็เป็นประโยชน์ได้อีกทางคือทำให้พี่เก็บรวบรวมมาและสามารถนึกโจทย์ ทำชีทสรุปแนวข้อสอบให้น้องๆได้ ดังนั้นควรจะเซฟพวกโจทย์ที่เขามาเฉลยกันเก็บไว้ จะช่วยทำให้นึกข้อสอบวันนั้นขึ้นมาได้) พี่นั่งเช็คคำตอบของเลข กสพท. บางข้อที่พี่ทำได้แต่กลับโดนโจทย์หลอก ซึ่งโดนไป 3 ข้อ แต่อย่างน้อยก็มั่วถูกกลับคืนมาได้ 2 ข้อ เบ็ดเสร็จคือ 14 ข้อที่ชัวร์ๆ และออกมาก็ได้จริงๆ 14 ข้อ 56 คะแนนซึ่งถือว่าเยอะแล้วสำหรับคนโง่ๆเลขอย่างพี่

                    เย็นนั้น พอดีที่บ้านพี่ ญาติฝั่งแม่มาหาและเป็นเย็นวันเสาร์ก็เลยออกไปกินฟูจิกันที่ห้างพระราม 3 พี่ก็ถือว่าดี ได้ไปผ่อนคลายแต่ก็ไม่ลืม พกหนังสือชีวะพี่เต๊นไปด้วย ไปถึงห้างก็เจอพวกที่ใส่ชุดนักเรียนเดินกันประปราย พี่ก็รู้เลยว่าพวกเด็ก กสพท. แน่นอน เขาเห็นพี่เดินถือหนังสือพี่เต๊น เขาก็รู้ว่าไอ้นี่มันก็ไปสอบหมอมานี่หว่า พี่ก็รู้สึกว่าเริ่มมีออร่าแห่งการแข่งขันเกิดขึ้นรอบๆตัวอีกแล้ว แต่พี่ก็รู้สึกว่ายังไงวันนี้พี่ก็ทำได้เกินความคาดหมายล่ะ คุมสติในห้องสอบดีมาก ถึงแม้ว่าจะผิดพลาดนิดหน่อย (จริงๆก็ไม่นิดหรอก ถ้าเอาจริงเต็มที่ได้แพทย์รามาฯแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราทำเต็มที่แล้ว ผลออกมาเราก็ภูมิใจ) พี่นั่งทบทวนชีวะไปพลางๆช่วงที่รอกินฟูจิ พี่สั่งข้าวหน้าเนื้อมากิน ตอนนั้นพี่ไม่ค่อยคุยเท่าไร เพราะความรู้สึกมันยังเครียดอยู่ ด้วยคำว่า ดีแล้ว แต่อาจจะยังไม่ดีพอ คืนนั้นพี่ก็รู้สึกเครียดแต่ก็นอนหลับ เอาเป็นว่าวิชาวิทย์เป็นวิชาที่พี่ถนัดที่สุด ก็เตรียมตัวมาเยอะที่สุด ยังไงก็มั่นใจว่าวันแรกแน่นอน

                    คืนนั้นพี่รู้สึกว่าหลับสบายกว่าคืนวันแรก เพราะมันอุ่นใจที่ทำเลข อังกฤษได้ แต่คนอื่นเขาก็ทำได้ การคัดเลือกโดยธรรมชาติจะคัดเลือกใครเข้าไปเรียนหมอล่ะ มันก็คงต้องติดตามกันต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×