คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter V
*เผื่อใครที่ไม่รู้จักโช อินซอง คนข้างบนนี้เองนะดาว
ตระกูลอู๋มีบริษัทอยู่ในเครือมากมายและกระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก บริษัทใหญ่ตั้งรากฐานอยู่ในประเทศจีน ส่วนสำนักงานในประเทศเกาหลีใต้นั้น แม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทแม่ก็จริง แต่ก็เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาล
หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของตระกูลอู๋ในประเทศเกาหลีใต้มักมีคนแวะเวียนไปมาอยู่ทุกวัน รวมทั้งเสาร์อาทิตย์ที่แม้จำนวนคนจะเบาบางไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเยอะ เพราะรายสินค้าที่มากชนิดของบริษัท จึงทำให้มีปริมาณงานที่ต้องดำเนินการอยู่ตลอดเวลาไม่เว้นวันหยุดสุดสัปดาห์
ปกติอี้ฟานอาจจะมีเข้าบริษัทในวันเสาร์อาทิตย์บ้าง แต่ไม่เคยเข้าเช้าถึงขนาดข่าวภาคเช้ายังรายงานไม่จบแบบนี้ ถ้าไม่มีสายตรงจากผู้บริหารสูงสุดของบริษัท อี้ฟานก็ยังคงไม่ตื่น
อี้ฟานเข้ามาในตึกของบริษัท พนักงานที่โต๊ะประชาสัมพันธ์เมื่อเห็นอี้ฟานก็ทักทายเป็นอย่างดี อี้ฟานก็ยิ้มทักทายกลับตามมารยาท
อี้ฟานขึ้นตรงมาชั้นสูงสุดของตึก ที่ที่เป็นที่ทำงานของประมุขตระกูลอู๋และพ่อของเขาเอง เมื่อมาถึงที่หน้าห้องท่านประธานบริษัท เลขาที่อยู่หน้าห้องก็เชิญอี้ฟานเข้าไปในห้องทำงานท่านประธานทันที
สิ่งแรกที่อี้ฟานเห็นคือท่านประธานที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน และแผ่นหลังคุ้นตาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับพ่อเขา
“อี้ฟาน มาพอดีเลย นั่งก่อนสิ” เมื่อท่านผู้บริหารเห็นลูกชายเข้ามาในห้อง ก็ผายมือไปที่เก้าอี้ข้างอีกคนที่เข้ามาในห้องก่อนอี้ฟานจะมา
“ครับ” อี้ฟานนั่งลงข้างๆญาติผู้พี่ของเขา
“อรุณสวัสดิ อี้ฟาน”
“อรุณสวัสดิครับ พี่อินซอง”
อี้ฟานก้มหน้าลงเล็กน้อย ทักทาย ‘โช อินซอง’ ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่
“ทานข้าวเช้ามาหรือยังอี้ฟาน” ท่านประธานถามไถ่เรื่องราวทั่วๆไป พยายามให้เหมือนกับเป็นการสนทนาของคนในครอบครัว มากกว่าจะเป็นการคุยงานที่เคร่งเครียด
“ยังครับ” อี้ฟานตอบตามจริง เขาพยายามรักษาท่าทีแม้ในใจจะรู้สึกสังหรณ์ ว่าเรื่องเครียดๆกำลังจะมาเยือน
“พ่อต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำอะไรปุบปับ ลูกคงไม่มีเวลาเตรียมตัว”
“ไม่เป็นไรครับ คุณพ่อเรียกผมมา มีเรื่องอะไรหรือครับ” อี้ฟานถามท่านประธานที่โทรเรียกเขาให้เข้าบริษัทตั้งแต่เช้า
“พ่อเรียกเรามาคุยเรื่องสินค้าเครื่องดื่มตัวใหม่ของเราน่ะ”
“ทำไมหรือครับ”
“พ่อว่าจะให้อินซองมาทำโปรเจ็กต์นี้ต่อจากเราน่ะ”
“ทำไมต้องรับช่วงต่อด้วยครับ ทำไมไม่ให้ผมทำต่อ” คิ้วอี้ฟานขมวดเข้าหากัน หางตาของเขาเหลือบเห็นอินซองกำลังยิ้มกลิ้ม
“ที่ผ่านมาลูกทำโปรเจ็กต์นี้ได้ดีมาก ไม่มีข้อบกพร่อง...” ท่านประธานพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พยายามให้อี้ฟานที่กำหมัดแน่นใจเย็นลง
“แต่โปรเจ็กต์นี้เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเจาะตลาดเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ มีการตัดสินใจที่ผันผวนอยู่ตลอด ลูกอาจยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือ และพ่อเกรงว่าบอร์ดผู้บริหารเองก็ยังไม่มั่นใจที่จะให้ลูกเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์นี้”
ประธานตระกูลอู๋อธิบายให้ลูกชายเข้าใจด้วยเหตุผล
“ที่นายเขียนโครงการเอาไว้ ฉันได้อ่านแล้ว มันดีมากเลยละ ฉันสานต่อมันให้ดีเอง นายไม่ต้องห่วงนะ ด้วยประสบการณ์ของฉันโปรเจ็กต์นี้ต้องไปได้สวยแน่นอน”
อินซองยิ้มให้อี้ฟานอย่างเป็นมิตร แต่ในสายตาอี้ฟานเขากลับมองว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เป็นที่สุดแห่งความเสแสร้ง เป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงความรู้สึกสะใจเอาไว้
โปรเจ็กต์นี้อี้ฟานตั้งใจกับมันมาก กว่าที่งานนี้จะออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปตั้งมากมาย อยู่ๆจะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาขโมยผลงานของเขาไปเฉยๆ เขาไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ
“ถ้าผมฟังไม่ผิด ตอนนี้ที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงก็คือการที่ผมยังขาดประสบการณ์ใช่มั้ยครับ” อี้ฟานตั้งสติ เก็บอารมณ์ พยายามชี้แจงกับประธานอู๋อย่างมีเหตุผล
“ผมไม่เถียงครับ ว่าประสบการณ์ของผมยังน้อย แต่ถ้าทุกคนไม่ให้โอกาสผมได้ลองทำ แล้วเมื่อไหร่ครับ ที่ผมจะมีประสบการณ์”
“...”
“...”
ท่านประธานมองมาที่อี้ฟานด้วยสายตาใคร่ครวญ กำลังทบทวนทุกคำพูดของลูกชายตัวเอง
“ผมวางแผนงานอย่างรัดกุมรอบคอบ ผมศึกษาการตลาดของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาอย่างดี ถ้าคุณพ่อยังไม่วางใจ คุณพ่อจะตั้งทีมการตลาดมาช่วยผมตัดสินใจเวลาเริ่มงานจริงก็ได้”
“...”
“...”
อินซองเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่อเห็นว่าท่านประธานมีท่าทีคล้อยตามคำพูดของอี้ฟาน
“คุณพ่อเคยบอกว่าอยากให้ผมเป็นประธารบริษัทที่มากความสามารถ แต่ถ้าไม่ให้ผมได้ทำเอง คอยแต่พึ่งคนอื่นเรื่อยไป แล้วผมจะเป็นประธานบริษัทที่ดีอย่างที่คุณพ่อหวังได้อย่างไรครับ”
“จริงของลูกนะ”
“...”
“...”
“ลูกควรมีโอกาสได้ลองทำด้วยตัวเอง”
“...”
“...”
อี้ฟานยิ้มออกมาบางๆ แตกต่างกับอินซองที่เกร็งมือที่กุมแขนเก้าอี้ไว้แน่น
“พ่อจะให้ลูกทำโปรเจ็กต์นี้ต่อ เรื่องบอร์ดผู้บริหาร พ่อจะไปคุยกับพวกเขาให้” อี้ฟานยิ้มรับ เมื่อท่านประธานหันมองมาที่เขา
“ส่วนทีมตลาดที่จะมาช่วยลูก...” ประธานอู๋พูดพร้อมหันไปมองทางอินซอง
“ผมว่า ผู้จัดการคิมน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดนะครับ” อี้ฟานพูดขัดขึ้นมาก่อนที่ท่านประธานจะพูดชื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“อืม คุณคิมก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว ถ้าลูกสบายใจที่จะทำงานกับคุณคิม พ่อก็จะไปคุยให้”
“...”
“อินซองขอบใจเธอมากนะ และน้าก็ขอโทษที่ไปรบกวนเวลาเธอด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณน้า” อินซองยิ้มตอบประธานอู๋ราวกับไม่มีเรื่องราวอะไร
“ขอบคุณในความหวังดีนะครับ” อี้ฟานเหยียดยิ้มเล็กน้อยให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
“ไม่เป็นไร น้องชาย” อินซองยิ้มตอบอย่างกัดฟัน
อินซองเก้าเท้าออกจากห้องของท่านประธานอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่อีกนิดเดียวโปรเจ็กต์นี้ก็จะเป็นของเขาอยู่แล้ว
ถ้าดูจากความสำคัญของงานและก็ดูประวัติการทำงานที่ไร้ที่ติของเขา โปรเจ็กต์นี้ก็ไม่น่าจะพลาดมือเขาไปได้ แต่ก็อย่างที่ว่าเลือดอย่างไรก็ข้นกว่าน้ำ เขาเป็นแค่หลานคนละนามสกุลจะเอาอะไรไปสู้ลูกในไส้ได้
ทำไมอินซองจะไม่รู้ ว่าตำแหน่งประธานบริษัทคนต่อไปนั้นคืออี้ฟาน เขาก็แค่คิดว่ามันสมควรเป็นเขามากกว่า
ไม่ใช่ว่าอินซองกล่าวหาว่าอี้ฟานไม่มีความสามารถ แต่เขารู้สึกว่าเด็กคนนั้นขาดความทะเยอทะยาน การที่จะทำให้บริษัทเติบโตและเป็นผู้นำตลาดได้ ผู้นำต้องเป็นคนที่ไม่ชอบหยุดอยู่กับที่ ชอบเอาชนะ ชอบความท้าทาย
อี้ฟานมีความตั้งใจ แต่ขาดความกระหายในชัยชนะ
ในขณะเดียวกันอินซองรู้จักตัวเองดี ความปรารถนาของเขาคือการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ บริษัทที่เขาได้บริหารจะต้องยิ่งใหญ่ เป็นผู้ผูกขาดตลาดอย่างแท้จริง เขามีเป้าหมายที่อยากพาบริษัทของตระกูลอู๋ให้ไปให้ถึง
แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะยังไงบริษัทก็ยังเป็นของอี้ฟาน
อินซองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านมาถึงบริเวณรับรองแขกของท่านประธานที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ แล้วสายตาของอินซองกวาดไปเห็นสาวน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาพอดี
เขาจำได้ดีว่าเจ้าของนัยน์ตากลมโตคนนี้คือใคร
ของที่น่าจะเป็นของอินซองแต่อี้ฟานกลับได้ไปมีมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือสาวน้อยคนนี้ หรือเด็กน้อยในวันวานของเขา
ก่อนที่อี้ฟานจะย้ายมาเกาหลีอย่างไม่มีสาเหตุ อินซองเคยเป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นเป็นประธานสาขาของที่เกาหลี สิ่งที่อี้ฟานมีอยู่ในมือตอนนี้ เขาก็เคยมีมันมาก่อนเช่นกัน
สามปีก่อน ช่วงที่อี้ฟานยังอยู่ที่จีน เหล่าผู้เฒ่าในตระกูลอู๋ต่างเห็นพ้องที่จะให้อินซองหมั้นหมายกับลูกสาวของบ้านตระกูลโด เพื่อที่จะได้สานประโยชน์ของทั้งสองตระกูล
อินซองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการหมั้นหมายกับเด็กที่อายุเพียงเก้าขวบ เขามองมันเป็นเพียงบันไดไปสู่เก้าอี้ประธานสาขาเกาหลีคนต่อไปเท่านั้น การที่ต้องมาคลุกคลีกับเด็กเป็นเพียงแค่หน้าที่ ความรำคาญที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ต้องจ่าย
'คู่หมั้น' ก็แค่คำเรียกให้ดูดีของ 'หมากตัวหนึ่ง' บนกระดานของเขา
และสุดท้ายเมื่อหมากตัวนี้หมดประโยชน์ เขาก็สามารถโยนทิ้งโดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเบี้ยของเขาจะรู้สึกอย่างไร
แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายก็เกิดขึ้นกับอินซอง เบี้ยตัวน้อยผิดแปลกไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้มาก ไม่มีการเอาแต่ใจอย่างที่ลูกคุณหนูส่วนใหญ่เป็นกัน ไม่มีการเย่อหยิ่ง ไม่ขี้โวยวาย ไม่มีการทำตัวงี่เง่าชวนรำคาญใดๆทั้งสิ้น
ไม่ใช่เรื่องยาก ที่เขาจะตกลงไปในหลุมพรางที่เต็มไปด้วยความสดใส คยองซูที่ตอนนั้นสูงไม่เกิดหน้าท้องของเขา ได้กลายเป็นเสมือนนางฟ้าตัวน้อยๆของอินซอง
ความอ่อนโยนที่อินซองเคยหลงลืม ได้กลับมาเพื่อมอบให้เด็กน้อยของเขาอีกครั้ง
แต่เด็กน้อยยังไม่ประสีประสา ยังเข้าใจเพียงว่าความห่วงใยที่ได้รับ เป็นเพียงความเอ็นดูของพี่ชายคนหนึ่ง
สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่ออี้ฟานย้ายมาอยู่เกาหลี นอกจากอำนาจในมือของอินซองที่โดนลิดรอน แม้แต่คู่หมั้นของเขาก็ยังโดนพวกเฒ่าหัวหงอกในตระกูลเอาไปประเคนให้อี้ฟาน หวังประจบประแจงลูกพี่ลูกน้องของเขา ทิ้งหลานนอกตระกูลอย่างอินซองแบบไม่ใยดี
ที่เจ็บปวดกว่าการโดนพวกผู้เฒ่านั้นมองว่าตัวเองเป็นหมาหัวเน่า คือการที่นางฟ้าตัวน้อยของเขาหันเหความสนใจจากเขาไปหาอี้ฟาน แววตาหวั่นไหวยามที่น้องมองไปยังอี้ฟาน มันเป็นสิ่งที่อินซองไม่เคยได้รับจากคยองซู
อินซองรู้ว่าช่องว่างระหว่างเขากับคยองซูมีมากเกินไป คงได้แต่โทษที่ตัวเขาเกิดมาเร็วเกินไป ความผิดหวังทำให้เขาเอาตัวเองออกห่างมา ช่องว่างยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเกินกว่าที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
จากพี่ชายกลายเป็นแค่คนรู้จักที่ห่างเหิน ไม่สนิทกันเหมือนอย่างที่เคย
อินซองเดินเกือบพ้นบริเวณโซฟาที่ใช้รับรองแขกของท่านประธาน เขาตั้งใจจะเดินเลยไปเฉยๆ ไม่คิดจะทักทายหญิงสาวที่นั่งอยู่ แต่เธอคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือในมือและทันเห็นอินซองเดินผ่านพอดี
“พี่อินซอง”
คยองซูเอ่ยชื่ออีกฝ่ายแล้วเดินเข้ามาหาอินซองที่ยืนชะงักตั้งแต่คยองซูเรียกชื่อของเขา คยองซูเดินมาหยุดตรงหน้าอินซองแล้วก็รู้สึกกระอักกระอวน เมื่อเขาหันไปมองทางอื่นแทนที่จะมองเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เมื่อทนความเงียบชวนอึดอัดไม่ไหว คยองซูจึงชวนอินซองคุยก่อน ทั้งๆที่คาดหวังว่าพี่ชายจะทักทายเธอก่อนด้วยร้อยยิ้ม
“ไม่ได้เจอกันนานนะคะ”
“อืม”
“พี่สบายดีหรือเปล่าคะ”
“ก็ดี”
“...”
“...”
อินซองเลือกที่จะเมินเฉยความพยายามของคยองซู เพราะเขาหมดเรื่องที่จะต้องคุยกับคยองซูมานานแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนของมัน ไม่มีอะไรที่เขาจะเปลี่ยนมันได้อีกแล้ว
“นานมากแล้วนะคะ ที่พี่ไปเยี่ยมที่บ้านคยองเลย”
“...พี่งานยุ่งนะ”
“อย่างนั้นก็...พักผ่อนเยอะๆนะคะ แล้วว่างๆค่อยแวะมาทานของว่างที่บ้านคยองอีกก็ได้”
คยองซูยิ้มอย่างสดใส ซึ่งเมื่ออินซองได้เห็น นัยน์ตาของเขาก็ทอประกายเศร้าอย่างปิดไม่อยู่
“มันคงหมดเวลาของพี่แล้วละ”
“...” คยองซูเอียงคอสงสัย เพราะเธอไม่เข้าใจคำพูดแปลกๆของอินซอง ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
“พี่มีงานเยอะขึ้นมากน่ะ คงไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมคุณอาทั้งสองที่บ้านเธอเท่าไร ยังไงพี่ก็ฝากขอโทษคุณอาท่านด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ คุณพ่อกับคุณแม่คงเข้าใจ คยองก็เข้าใจนะคะ ก็พี่อินซองโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว งานก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา คยองนะโตขึ้นอยากเก่งเหมือนพี่ชายจังเลยคะ”
สายตาชื่นชมของคยองซูยามมองมาที่อินซอง ทำให้เขาต้องรีบหลบสายตาคู่นั้น เขาหันหนีแววตาที่เป็นเพียงความชื่นชมของน้องที่มีต่อพี่ชาย
“พี่ขอตัวนะ” อินซองเดินปลีกตัวออกมา หลีกเลี่ยงสายตาที่เขาไม่เคยต้องการ อินซองเดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที ไม่มีหันหลังกลับมามองคยองซูเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อินซองเจ็บใจที่นางฟ้าองค์น้อยที่เขาคอยเฝ้าดูแลถูกช่วงชิงไปอยู่ในมือคนอื่น และปีกน้อยๆนั้นกล้าแข็งพอที่จะโบยบินไป โดยลืมคนที่เคยประคองยามที่ปีกยังบอบบาง
เจ็บใจที่เป็นได้แค่พี่ชายคนหนึ่ง
และยิ่งกว่ารู้สึก ' เจ็บใจ ' คือเขารู้สึก ' เสียใจ '
Talk
100%
ขอโทษนะฮับที่อัพช้ามาก
แต่ช่วงที่หายไป นี่คืออ่านหนังสือสอบนะ
ขอโทษฮับแต่ดาวจำเป็นจริงๆ
ปล.เลิฟยูนะพี่ลู่ ไม่ว่ายังไงพี่ก็ยังเป็นพี่กวางคนสวยของดาวอยู่ดี
35%
รู้จัก โช อินซอง กันใช่ไหม...
งั้น รู้จักพระเอกละครที่โด้ก็เล่นด้วยหรือป่าว
ถ้าดาวเคยได้ดูกันสักนิด ดาวก็จะเข้าใจว่าดาวต้องการจะสื่ออะไร...คิคิคิ
50%
พี่ฟานก็ไม่ธรรมดานะคิ
ส่วนอินซองจะมาดีมาร้ายนั้น....?? หุหุ
บอกได้แค่ Don't judge a book by its cover
75%
ทีแรกกะว่าจะร้อยเปอร์เลย แต่แบบ...ไม่ทันอ่าา
ไม่มีข้อแก้ตัว ดาวขอโทษจริงๆ -/\-
และที่สำคัญ สุขสันต์วันเกิดน้าาอี้ชิง #HappyYixingday
#50 --- อ่าาา บางทีคนเราก็ลืมตัวกันได้อ่ะนะ อ่ะฮริ้ง 5555
#51 --- พี่ฟานสู้ตายอยู่แว้ววว
#52 --- เอ~ เธอใช่มั้ยที่มาเข้าฝันดาว
#53 --- ทำไมถึงคิดว่าเป็นคยองเล่า อ่านคอมเม้นข้างบนใช่มั้ย
#54 --- โอย โย้ โย๋ ช่วงนี้อี้ชิงค่าตัวแพงค่ะ อยู่กับพี่ฟานไปก่อนเน้อ
ความคิดเห็น