ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rilascio [KrisLay ft. Kyungsoo]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter IV

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 58




    เสียงใบไม้ต้องลมดังแทรกความเงียบงันของราตรีกาล  สวนสาธารณะยามค่ำคืนไม่มีใครอื่น นอกจากอี้ชิงที่มานั่งรับลมแล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับอากาศรอบๆตัว

     

    อี้ชิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อผ่อนคลายจากงานที่ทำมาทั้งวัน  งานพิเศษที่มีเข้ามามากกว่าวันอื่นๆ ทำให้กว่าจะเลิกงานก็ล่วงเข้าวันใหม่  อี้ชิงจึงเลือกมานั่งในสวนสาธารณะแทนที่จะกลับเข้าห้องพัก  เพราะต่อให้กลับไปเธอก็คงจะนอนไม่หลับเพราะมันก็เลยเวลานอนของเธอมาแล้ว

     

    สวนสาธารณะยามวิกาลเงียบสงบกว่าตอนกลางวันมาก  เหมาะสำหรับอี้ชิงที่มานั่งจมอยู่กับความคิดอันยุ่งเหยิงของตัวเอง

     

    ในเวลาปกติอี้ชิงพยายามตั้งสมาธิให้จดจ่อกับการใช้ชีวิตประจำวัน  จดจ่อกับการเรียน จดจ่อกับงานที่ต้องทำ  แต่ในเวลาที่ปราศจากสิ่งที่จะหันเหความสนใจ  อี้ชิงก็จะมัวแต่กลับมาคิดเรื่องเดิมๆ

     

    แม้ไม่รู้ว่าเรื่องมันจริงเท็จขนาดไหน  อี้ชิงก็เชื่อไปเยอะแล้วว่าหญิงสาวนัยน์ตากลมโตที่ดูเหมือนจะเด็กกว่าเธอ  เป็นคนรักใหม่ของอี้ฟาน

     

    เธอก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าพวกเขาคบกันได้อย่างไร  เหมือนที่เธอกับอี้ฟานเจอกันเพราะผลประโยชน์ของตระกูลรึเปล่า  แต่ที่แน่ๆ คืออี้ฟานคงหมดรักเธอไปแล้วจริงๆ

     

    ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้มานานแล้ว ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เธอก็คงไม่มีทางได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว  ทั้งๆที่ไม่ได้คาดหวัง แต่พอเห็นที่ข้างๆเขามีใครอีกคน  เธอก็อดที่จะ...

     

    ยิ่งคิด  อี้ชิงก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง

     

     

    ที่น่าตลก คือแทนที่เธอจะมีเวลาทำใจ  ทำใจให้ตัดขาดจากความหวังลมๆแล้งๆได้  เธอกลับไม่มีสิทธิจะได้แม้กระทั่งเวลาเล็กๆน้อยๆนั้น

     

    อี้ฟานพยายามติดต่อเธอเกือบจะทุกๆช่องทาง  โทรหาบ้างล่ะ  ส่งข้อความมาบ้างล่ะ  ถ้าเธอมีไลน์ เฟส คาเกา อย่างคนอื่น  คาดว่าเขาก็จะไม่พลาดเหมือนกัน

     

    เธอพยายามทำเป็นไม่เห็นพวกมิสคอลหรือข้อความพวกนั้น  แต่เขาก็ขยันโทร ขยันส่งข้อความมาเสียมากมาย  มากจนอี้ชิงเองก็เผลอรับสายไปบ้าง  ที่ว่าขอเวลาตัดใจ  ก็ต้องพับเก็บไป

     

    บางทีอี้ชิงก็ตัดพ้อกับโทรศัพท์เหมือนกัน  ในเมื่อไม่มีหวัง แล้วจะมาให้ความหวังกันทำไม  เธอก็เคืองอี้ฟานนิดๆเหมือนกันที่ทำตัวแบบนี้

     

    แต่พอมาคิดๆดูแล้ว  มันคงจะเป็นกรรมตามสนองเธอ   เคยไปทำเขาเจ็บไว้เท่าไร  ก็ถึงเวลาที่เธอจะได้รับความเจ็บนั้นสนองคืน

     

    อีกอย่างที่อี้ฟานทำไป  มันก็เป็นความห่วงใยของพี่ชายคนหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย  ก็มีแต่เธอเท่านั้นที่คิดไปเอง

     

    ก็สมควรละมั้ง  เคยทิ้งเขา แล้วตัวเองก็เดินหนีมา

     

    ตอนนี้ก็เป็นอี้ฟานที่ก้าวไปข้างหน้า  ส่วนอี้ชิงก็ยังยืนอยู่ที่เดิม



     

    อี้ชิงจมอยู่ในความคิดตัวเองอยู่นาน  จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นใครบางคนมายืนอยู่ใกล้ๆมานั่งที่เธอนั่งอยู่

     

    "ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ"

     

    "พี่อี้ฟาน..."

     

    ชายหนุ่มนั่งลงที่ปลายอีกข้างของม้านั่งตัวเดียวกับอี้ชิง  ด้วยท่าทีผ่อนคลายเสมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมาอยู่ที่นี่ในเวลาเกือบตีสองแบบนี้

     

    "ไหน ตอบพี่สิคะ  ทำไมอี้ถึงมานั่งที่นี่คนเดียวแบบนี้"

     

    "รับลมค่ะ"

     

    "ตอนตีสองอ่ะนะ"

     

    "ก็...มันเงียบดีนิคะ"

     

    "แต่มาที่เปลี่ยวๆ ดึกๆ คนเดียวแบบนี้  มันอันตรายนะรู้ไหม"

     

    "ที่นี่มันก็ไม่ได้เปลี่ยวหรอกค่ะ  ที่สวนสาธารณะเขาก็มีกล้องวงจรปิด"

     

    "มันก็อันตรายอยู่ดี..."

     

    "อี้จะระวังตัวนะคะ"   อี้ชิงยิ้มให้อี้ฟานมั่นใจว่าเธอจะดูแลตัวเองได้

     

    "แล้วมานั่งตากน้ำค้างแบบนี้  เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก"

     

    "ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ  อี้แข็งแรงจะตาย"

     

    "ห้ามไม่ให้ห่วง  พี่ทำไม่ได้หรอก"

     

    "..."   อยู่ๆหัวใจของอี้ชิงก็เต้นแรงขึ้น  ยิ่งอี้ฟานเอานิ้วเขามาจิ้มแก้มเธอจึกๆ หัวใจเจ้ากรรมก็ยิ่งเต้นกระหน่ำราวกับเสียงกลอง

     

    "อี้เป็นหวัดที ก็เป็นหนัก  แถมยังดื้อไม่ยอมกินยาอีก"

     

    อี้ชิงเอนตัวหนีนิ้วที่คอยแต่จะจิ้มตรงลักยิ้มของเธอ  ไม่ได้รำคาญที่โดนแกล้ง  แต่หวั่นใจกับเสียงตึกตักตรงอกข้างซ้ายของตัวเองมากกว่า

     

    "พี่ฟานก็ไม่ชอบกินยาเหมือนกันแหละ"

     

    "ถึงพี่ไม่ชอบแต่พี่ก็ยังกิน  ไม่เหมือนอี้หรอก  จอมดื้อเอ๊ย"

     

    "ก็ได้ๆ  อี้มันดื้อเองแหละ  เลิกจิ้มลักยิ้มอี้ได้แล้ว"

     

    อี้ชิงพยายามปัดนิ้วของอี้ฟานออกไปจากหน้า  อี้ฟานยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าออกจะง่องแง่งเวลาโดนแกล้งของอี้ชิง  นิ้วที่เคยจิ้มลักยิ้มอีกคนก็เปลี่ยนเป็นมาจิ้มตรงคอของอี้ชิง  ซึ่งเป็นที่ที่อี้ชิงบ้าจี้ที่สุด

     

    "ฮะๆ ฮ่า"   อี้ฟานหัวเราะกับท่าทางตลกๆของอี้ชิงที่กำลังดิ้นหนีไปมา

     

    "งื้ออออ"   อี้ชิงส่งเสียงประท้วง  เธอทนบ้าจี้ไม่ไหวถึงกับลุกหนีจากเก้าอี้

     

    "ฮ่ะ ฮะ ฮะ  ฮ่า"   อี้ฟานยิ่งหัวเราะหนักขึ้นเมื่ออี้ชิงหันมาค้อนใส่เขา

     

    "พี่ฟานนะ  พี่ฟาน  แกล้งกันทำไมเนี้ย"   อี้ชิงคว่ำปากใส่อี้ฟาน

     

    "โอ๋ๆ  อย่าเพิ่งโกรธพี่เลยนะคนดี  หยอกเล่นเฉยๆ"   อี้ฟานดึงมืออี้ชิงที่ลุกยืนหนีเขาให้กลับมานั่งที่ม้านั่งเหมือนเดิม

     

    "ทำไมเป็นแบบนี้นะ  รังแกคนอื่นทำไมกัน"

     

    "โธ่  รักหรอกจึงหยอกเล่นนะ"
     

    ...   อี้ชิงพยายามรักษาสีหน้าให้ดูไม่พอใจ  ทั้งที่หัวใจมันหวิวไปแล้วกับคำพูดที่กำกวม

     

    อย่าหน้าบึ้งสิคะ  ตอนนี้หน้าอี้เหมือนเป็ดเลย   อี้ฟานหัวเราะ  สนุกที่ได้แกล้งน้องเล่น

     

    พี่ฟานอ่ะ   อี้ชิงเบือนหน้าหนี  หันหลังให้อี้ฟาน

     

    โอ๋ๆ  พี่ไม่แกล้งแล้ว  อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยน้าาา

     

    ไม่เชื่อหรอก  อี้ชิงพูดออกมาเบาๆ

     

    ดีกัน  ดีกันนะ   อี้ฟานยื่นนิ้วก้อยอ้อมมาตรงหน้าอี้ชิงที่หันหลังให้เขาอยู่

     

    เห็นอี้เป็นเด็กอนุบาลหรือไง

     

    ค่ะ

     

    พี่ฟาน!”   อี้ชิงหันหน้ามาหาอี้ฟาน  แล้วตีที่ไหล่ของเขาไปที

     

    โอ๊ย!”  อี้ฟานจับมือน้อยที่ตีเข้าที่ไหล่เขา

     

    อี้มือหนักขึ้นนะเนี้ย  พี่เจ็บไหล่ไปหมดแล้ว

     

    สมควรค่ะ   อี้ชิงพยายามดึงมือของตัวเองให้หลุดจากมือที่กุมอยู่ของอี้ฟาน

     

    อย่าเพิ่งโกรธสิคะ  อี้เด็กอนุบาล  พี่ก็อนุบาลด้วยไง

     

    อนุบาลเด็กโข่งนะสิ

     

    ก็น่ารักดีออก

     

    น่ารักของพี่คนเดียวเถอะ

     

    อี้ชิงหันหลังพิงพนักของม้านั่งอย่างหมดแรง  หลังจากยื้อยุดกับอี้ฟานแล้วแพ้แรงของคนตัวโต

     

    พี่น่ารักคนเดียวที่ไหน  อี้ก็น่ารักด้วยเหมือนกัน

     

    อี้ฟานหยิกแก้มของคนที่เริ่มหอบอย่างเอ็นดู  พอเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ เข็มยาวเลยเลขหกไปแล้ว  ควรได้เวลาให้อี้ชิงกลับไปพักผ่อน  เพราะตอนนี้อี้ชิงท่าทางก็จะหลับมิหลับแหล่

     

    พี่ว่าอี้กลับหอได้แล้วนะ   อี้ฟานฉุดอีกคนให้ลุกขึ้นยืนตาม  อี้ชิงเดินตามแรงจูงอี้ฟานอย่างสะลึมสะลือ



     

    พี่ฟาน  พี่มาทำอะไรที่สวนสาธารณน่ะ   อี้ชิงถามขึ้นระหว่างเดินกลับหอของเธอที่อยู่ไม่ไกล  เธออดสงสัยไม่ได้ว่าดึกดื่นปานนี้  เธอไม่น่าจะบังเอิญเจออี้ฟานแถวๆหอพักเธอเลย

     

    พี่เคลียร์งานดึกไปหน่อย  เหนื่อยๆก็เลยขับรถเล่นคลายเครียด  พอผ่านสวนสาธารณะก็เลยแวะลงมาสูดอากาศน่ะ

     

    อย่าทำงานหนักมากสิคะ  หักโหมไปมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ   อี้ชิงพูดอย่างเป็นห่วง

     

    อี้ก็เหมือนกันแหละ  อย่าอยู่ดึกมากนักสิ  กลางคืนควรจะพักผ่อนนะ

     

    โอเค  เราพอกันทั้งคู่   อี้ชิงชูมือสองข้างทำท่ายอมจำนน

     

    พี่เป็นห่วงอี้นะ  อี้ต้องดูแลตัวเองมากๆนะรู้ไหม

     

    ค่ะ  พี่ฟานก็เหมือนกัน  อย่าโหมงานมากนักนะคะ

                   

    จ้ะ”   อี้ฟานยิ้มด้วยความยินดี  แม้อี้ชิงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่าเป็นห่วง  แต่ความเอาใจใส่ที่อี้ชิงมีให้เขา  มันก็แสดงออกถึงความเป็นห่วงมากพอแล้ว

     

    หลับฝันดีนะ   อี้ฟานเดินมาส่งอี้ชิงถึงหน้าหอพัก

     

    เช่นกันค่ะ   อี้ฟานรอจนอี้ชิงขึ้นหอไปได้สักพัก  ถึงได้เดินกลับมาที่รถของเขา

     

     

     

    อี้ชิงขึ้นมาถึงที่ห้องพัก  เธอนั่งลงบนเตียงแทนที่จะนอนหลับพักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น  อี้ชิงแนบมือลงบนหัวใจที่มันยังคงเต้นเร็วอยู่บ้าง  แม้มันจะเริ่มช้าลงกว่าตอนที่อยู่กับอี้ฟานแล้วก็ตาม

     

    นานมากแล้วที่หัวใจของเธอไม่ได้เต้นโครมครามขนาดนี้  ที่ผ่านมาหัวใจของเธอดูเหมือนจะเต้นหน่วงๆชวนหดหู่เสียมากกว่า  แต่วันนี้แค่ช่วงเวลาไม่นานที่อยู่กับอี้ฟาน  หัวใจของเธอก็ราวกับกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

     

    ทั้งที่ไม่ควรแต่เธอก็ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

     
     

    ความคิดในสมองตีกันไปหมด  ยินดีก็ยินดีที่ได้พบอี้ฟาน  แต่เธอก็ยังจำได้อยู่เสมอว่าเขามีเจ้าของอยู่แล้ว  ถึงดีใจแต่ความรู้สึกผิดบีบคั้นจนอี้ชิงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก  ใครอื่นอาจจะไม่รู้  แต่ตัวเธอรู้ดีว่าตัวเองกำลังคิดอะไร  บาปของการอยากได้ของของคนอื่น  แม้จะเป็นเพียงความคิดแต่แค่นั้นรสชาติของมันก็ทุกข์ทรมานมากเกินทน

     

    จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง

     

     

     

     

    อี้ฟานขับรถออกจากบริเวณหอพักของอี้ชิง  ในรถเปิดเพลงเบาๆซึ่งอี้ฟานก็ฮึมฮัมคลอๆไปกับเสียงเพลง  ท่วงทำนองที่ช่างตรงกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้  มันอาจจะมีความสุขแต่ก็แฝงด้วยความเศร้าเล็กน้อย  บทบรรเลงเนิบนาบดูโหยหาอาวรณ์ในสิ่งที่ไม่มีทางได้ครอบครอง

     

    ที่พูดไปว่าออกมาขับรถเล่นก็แค่คำโกหก ที่บอกไปเพราะกลัวน้องจะรู้สึกหวาดระแวงเมื่อรู้ความจริง  ความจริงที่ว่าเขาตั้งใจขับรถออกไปหอพักของอี้ชิง  ไม่ได้บังเอิญไปเจอพอดีถึงแม้ว่าเวลานั้นจะเกือบตีสองแล้วก็ตาม

     


     

     

    อี้ฟานสะสางเอกสารของบริษัทที่มีมากมาย  เขาจมอยู่ในกองเอกสารตั้งแต่เย็นจนเลยข้ามมาอีกวัน  อี้ฟานทั้งเหนื่อยและล้า

     

    พอเปิดดูโทรศัพท์ก็เห็นข้อความที่เขาส่งไป แต่อี้ชิงก็ยังไม่ตอบ  เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนัง  ก็คิดว่าน้องคงจะเขานอนแล้ว  ถ้าเขาส่งข้อความไปหาอีก อี้ชิงก็คงยังไม่ตอบกลับ

     

    ตั้งแต่ได้เจออี้ชิงครั้งนั้น  อี้ฟานก็ไม่เคยได้เจออีกคนเลย  ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ  แต่เขากลัวว่าจะเป็นการล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของอี้ชิงมากเกินไป  อี้ฟานจึงเลือกโทรหาหรือไม่ก็ส่งข้อความไปหาแทน  เวลาที่อี้ชิงตอบกลับมา  มันก็ช่วยเขาคลายความคิดถึงไปได้บ้าง แม้ว่าอี้ชิงไม่ค่อยตอบกลับเขาเท่าไรก็ตาม

     

    เวลาได้ยินอี้ชิงบอกว่าสบายดี  พี่ชายคนนี้ก็สบายใจ

     

     

    หลายวันมานี้อี้ฟานไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ติดต่ออี้ชิงเท่าไร  เพราะว่าบริษัทกำลังอยู่ในช่วงสรุปผลไตรมาสสุดท้าย  งานที่ค่อนข้างเยอะอยู่แล้วก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก  ตอนนี้เขายังเรียนอยู่งานที่มีก็เป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น  อี้ฟานไม่อยากจะคิดว่าถ้าวันหนึ่งที่เขาขึ้นเป็นประธานบริษัทเต็มตัว  เขาจะมีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างไหม

     

    ความคิดถึงประกอบกับอาการเหมื่อยล้าที่ต้องการการผ่อนคลาย  อี้ฟานจึงลุกจากโต๊ะทำงาน หยิบกุญแจรถ แล้วขับรถมาที่หอพักของอี้ชิง  กะว่ามาไม่เห็นตัวเห็นหน้าต่างห้องก็ยังดี  อย่างน้อยเขาก็จะได้เปลี่ยนบรรยากาศจากนั่งทำงานเสียบ้าง

     

     

    พอขับมาถึงสวนสาธารณะใกล้ๆหอพักอี้ชิง  เขาก็เห็นอีกคนนั่งอยู่ในสวนสาธารณะเพียงลำพัง

     

    อี้ฟานจอดรถแล้วเดินลงมา  เขาเดินตรงมายังที่ที่อี้ชิงนั่งอยู่  ยิ่งเข้าใกล้อี้ชิงเท่าไร อี้ฟานก็ยิ่งขมวดคิ้วตามอีกคนที่นั่งหน้าเครียดมากเท่านั้น

     

    แม้ว่าอี้ฟานจะเดินเข้ามาใกล้อี้ชิงมากแล้ว  แต่อี้ชิงก็ยังไม่รู้สึกตัว  ยังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง จนอี้ฟานยืนอยู่ตรงนั้นได้พักใหญ่  อี้ชิงถึงรู้สึกตัว

     

     

    ระหว่างที่นั่งอยู่ด้วยกัน  อี้ฟานแกล้งแหย่อี้ชิงอย่างมีความสุข  เวลาอี้ชิงเป็นตัวของตัวเองเป็นเวลาที่อี้ฟานคิดว่าอี้ชิงดูดีที่สุด ดวงตาเป็นประกายที่สว่างไสวสำหรับเขาเสมอมา

     

    อี้ฟานดีใจเงียบๆกับตัวเองที่เขาสามารถทำให้น้องคลายเครียดได้  ดีใจที่เขายังสร้างรอยยิ้มแสนสวยคืนมาให้กับอี้ชิงได้ดังเดิม

     

    รอยยิ้มแสนบริสุทธ์ ที่ดูจะเยียวยาทุกสิ่งบนโลกของเขาได้

     

    ถือเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ที่ความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันของอี้ฟานมลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีที่ได้อยู่กับอี้ชิง  ถ้าได้อยู่กับอี้ชิงนานกว่านี้  เขาอาจจะยิ้มจนเป็นบ้าไปเลยก็ได้

     

    แต่ประโยคที่ขึ้นด้วย 'ถ้า' ก็ยังเป็นได้แค่ 'ถ้า' อยู่วันยังค่ำ

     

                   

     

    เมื่ออี้ฟานขับรถกลับมาถึงคอนโดของเขา  เขาก็รีบกลับขึ้นไปเพื่อจะอาบน้ำนอน  แต่พอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือบวกกับเห็นกองเอกสาร  เขาก็เปลี่ยนใจกลับไปรีบเคลียร์งานให้เสร็จ

     

    ภาระ หน้าที่ และความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่เขาควรตระหนักอยู่เสมอ  คงต้องขอบคุณนาฬิกาข้อมือที่คยองซูให้เป็นของขวัญ  ที่ทำให้อี้ฟานนึกขึ้นได้


     

     


     







    Writer Tip

    ~
    ถ้าถามว่าฉันยังอยากรักเธออยู่ไหม
     ไม่รักใช่ไหมจึงปล่อยให้เธอจากไป
     ไม่พร้อมให้สองมือเปล่าที่มีอยู่โอบกอดเธอไว้
     ขอให้เข้าใจ ที่ตรงนี้ไม่มีใครที่รักเธอ~ 
    //ว่าน ธนกฤต



    talk

    100%
    ดาวจะเห็นเหมือนที่ดาวเห็นไหมนะ...
    บางทีก็ยากไป
    ....มีเรื่องจะสารภาพ  ดาวว่าจะ... อัพฟิคน้อยลงอ่ะ(แค่นี้ยังน้อยไม่พอ?!!)
    คือมันใกล้จะสอบแก็ทแล้วอ่าน้าาาา
    ขอโทษรีดเดอร์ทุกท่านจริงๆ

    15%
    นี่ฟิค หรือ เรียงความ ??
    ตอนนี้ไม่ดราม่า(เท่าไร)
    จริงๆ

    40%
    โอ๊ะ...
    ค้างกันเป็นแถบๆ  5555
    ยัง ฉากหวานๆยังไม่จบ

    70%
    อ่ะคริๆ  มาแล้วววว
    มดขึ้นไหมให้ทาย  5555

    #44 --- นางอยู่คนเดียวจริงๆ...น่าสงสารแหะ

    #45 --- ไม่ขนาดน้าาานนนน
    #46 --- เป็นทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ 5555
    #47 --- อี้ไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะ  แค่หัวใจเต้นผิดจังหวะเฉยๆ//ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยยยยย
    #48 --- อ่า ใจเย็นนะค่ะ  สักตอนที่8หรือ9 ก็ได้ก็รู้กันแล้วว่า เฮียจะเอาไงแน่
    #49 --- ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ  ยังก็เป็นเฮียอยู่แล้นนนน ;)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×