ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rilascio [KrisLay ft. Kyungsoo]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter III

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 57


    *ฟิคเรื่องนี้มีตัวละครสลับเพศ 3 คน  ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงเปลี่ยน  เดี๋ยวกลางๆเรื่องจะมาอธิบายอีกที   ตอนนี้เอาเป็นว่า มันมีเหตุผลจริงๆค่ะ*




                ถ้าเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยาย
      องค์หญิงก็คงจะตื่นขึ้นพร้อมเสียงนกร้องจิ๊บๆในยามเช้า  เมื่อพระองค์ลุกขึ้นจากที่นอนก็จะพบบรรยากาศหรูหราในที่พระบรรทม  พอมองเลยออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นสวนสวยที่มีแมกไม้ร่มรื่น


     

    แต่เพราะอี้ชิงเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาๆคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง  เธอตื่นขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกในห้องพักสภาพเก่าๆห้องหนึ่ง  ถ้ามีเวลาเหลือมองออกนอกหน้าต่างก็จะเห็นตึกอีกตึกที่อยู่ข้างๆ  ไม่มีนกแสนสวยเกาะบนกิ่งไม้  มีแค่นกพิราบสีตุ่นเกาะบนสายไฟฟ้าเท่านั้น

     

     

    อี้ชิงเดินเข้าห้องน้ำแปรงฟันล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะเดินออกมาเลือกชุดที่จะใส่วันนี้  อี้ชิงเลือกเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าตู้เล็กๆโดยมองข้ามกองถุงเสื้อผ้าแบรนเนมที่วางอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้าไป 


     

    วันนี้อี้ชิงมีงานแจกใบปลิวที่ห้างแห่งหนึ่ง จะให้เธอใส่เดรสของปราด้าไปยืนแจกใบปลิวก็กระไรอยู่  พออาบน้ำเสร็จแล้วอี้ชิงจึงเลือกใส่แค่กางเกงยีนขาดๆกับเสื้อยืดธรรมดาๆ


     

    อี้ชิงตื่นค่อนข้างเช้า  เธอเลยมีเวลานั่งทำการบ้านที่มีส่งในวันจันทร์  พอทำเสร็จก็มีเวลาเหลือก่อนจะถึงเวลาทำงาน  อี้ชิงกวาดสายตาไปรอบๆห้อง  ก่อนที่สายตาจะมาหยุดที่กองถุงข้าวของที่อี้ฟานซื้อให้เธอ

     

     

     

    แม้เหตุการณ์ในวันที่เธอเจออี้ฟานอีกครั้งจะผ่านมาหลายวัน  แต่เธอก็ยังคงถามตัวเองอยู่ทุกวัน ว่าสิ่งเธอตัดสินใจไป มันสมควรทำแล้วใช่ไหม


     

    ไม่ใช่ว่าเสียใจที่ได้กลับมาเจออี้ฟานอีก  ข้างในลึกๆของเธอก็ดีใจที่ได้กลับมาคุยกับอี้ฟานอีกครั้งแม้ในฐานะน้องคนหนึ่งของเขาก็ตาม  แต่อี้ชิงก็อดกังวลใจไม่ได้ว่าการที่เธอกับเขากลับมาเจอกันจะทำให้สิ่งที่ เธอพยายามทำเพื่ออี้ฟานมาตลอดพังทลายลง


     

    อี้ชิงเดินไปที่ลิ้นชักแล้วหยิบกล่องเหล็กบุบๆกล่องหนึ่งขึ้นมา  ข้างในกล่องเหล็กมีสร้อยข้อมือวางอยู่ เธอหยิบสร้อยมาวางในอุ้งมือ  อี้ชิงลูบสร้อยข้อมือที่สภาพเริ่มเก่าลงตามเวลา  แต่ภาพในวันวานยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของเธอ


     

     

    อี้ฟานมอบสร้อยข้อมือให้เธอในวันที่ขอเธอเป็นแฟน  สร้อยข้อมือที่ให้ อี้ฟานบอกอี้ชิงว่ามันคือตัวแทนความรู้สึกของเขาที่ฝากไว้กับเธอ  ไม่ได้มาจากผู้ใหญ่บังคับหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจ  ทุกอย่างล้วนมาจากใจจริงของอี้ฟาน  ตอนที่เขาใส่ข้อมือให้ อี้ชิงถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความตื้นตัน

     

    ทั้งๆที่พวกเขาสองคนเริ่มต้นกันด้วยผลประโยชน์   แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ตกหลุมรักอีกคนอย่างหมดหัวใจ

     

    แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน  ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราไปตลอด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเวลาแห่งการการจากลาจะมาถึงเร็วขนาดนี้


     

    หลังจากคบกันได้เกือบปี อี้ชิงก็พบกับความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอ  คุณพ่อของอี้ชิงเป็นหนี้พนันมหาศาล  จากชีวิตคุณหนูผู้สูงศักดิ์กำลังจะกลายเป็นคนยากไร้ที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน   อี้ชิงเสียใจ อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก  แต่พอตั้งสติได้ เธอก็ตัดสินใจที่จะเลิกกับอี้ฟานทันที

     

    ถึงอี้ชิงจะรู้ว่าถ้าอี้ฟานรู้ว่าเธอกำลังลำบาก เขาคงพร้อมและเต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอ  แต่ครอบครัวของเขาคงไม่ยอม  ตระกูลอู๋มาเกี่ยวพันกับตระกูลจางก็เพื่อหน้าตาทางสังคมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ถ้าเกิดว่าที่พ่อตาของและหุ้นส่วนบริษัทเป็นหนี้พนัน  คงส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ที่พยายามสร้างมาตลอดของตระกูลอู๋  แค่เหตุผลนี้อี้ชิงก็รู้ชะตากรรมของเธอแล้ว

     

    ที่สำคัญที่สุดคือภาพลักษณ์ของตัวอี้ฟานเอง  ทายาทในตระกูลอู๋ไม่ได้มีคนเดียว  เพียงแค่อี้ฟานคือคนที่ถูกวางไว้ว่าจะเป็นประมุขของตระกูลคนต่อไป   การที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลอู๋  นั้นหมายถึงความมั่งคงในชีวิตของอี้ฟาน  ตระกูลอู๋มีบริษัทที่มีรายได้มหาศาลอยู่ในเครือมากมาย  มีเงินทองอยู่ได้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ  แต่ถ้าอี้ฟานยังคบกับคนที่ครอบครัวล้มละลายอย่างเธอ  ประมุขของตระกูลก็อาจเปลี่ยนคนได้

     

    อนาคตของเธอพังคนเดียวก็พอ  ไม่ต้องลากคนที่เธอรักลงมาจมดินกับเธอไปด้วย

     

     

    อี้ชิงไม่รู้จะขอบคุณหรือโทษโชคชะตาดีที่ทำให้เธอได้กลับมาพบอี้ฟานอีกครั้ง  จริงอยู่ที่การที่เธอกับเขากลับมาเจอกัน  ยังคงไม่มีใครรู้  คนในตระกูลอู๋ก็คงจะลืมเลือนเธอกันไปหมดแล้ว  ดังนั้นก็คงยังไม่มีผลกระทบกับขาเก้าอี้ของอี้ฟาน

     

    ตัวของอี้ฟานก็คงจะไม่เป็นอะไรแล้ว  ก็คงมีแต่ตัวของเธอ ใจของเธอเท่านั้น  ที่ต้องทนทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร  ทั้งๆที่หัวใจเต้นกระหน่ำเรียกร้องอยากจะยืนอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา

     

    แต่ความต้องการบางอย่างเราก็ต้องทำใจว่าเราไม่มีวันได้มา





     

    "ฮัลโหล  คยองอยู่ที่ไหนครับ"

    อี้ฟานยืนโทรศัพท์อยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางย่านวัยรุ่นขนาดใหญ่  ส่วนสูงที่เกือบ 190 เซนติเมตร ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเหลียวมองเขากันเป็นแถบๆ  แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ  เพราะชินเสียแล้วที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนให้ความสนใจ

     

    'คยองอยู่ชั้นสาม  พี่อี้ฟานล่ะคะ'   ปลายสายตอบเสียงใส

     

    "พี่อยู่หน้าห้างแล้ว เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา  คยองรออยู่แถวหน้าลิฟต์ละกันนะ"

     

    'ได้ค่ะ คยองจะรออยู่แถวนั้นนะคะ'

     

    "ครับ"   อี้ฟานวางสาย  แล้วเดินผ่านบันไดเลื่อนไปอีกด้านของห้างที่มีทางขึ้นลิฟต์

     

    ย่านวัยรุ่นที่อี้ฟานมาในวันนี้  เขาไม่ได้มานานมากแล้ว  ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนม.ปลายปีแรก  หลังจากนั้นอี้ฟานก็ไม่ได้มาที่นี้อีกเลย  ด้วยอะไรหลายๆอย่าง  ทั้งเรียน ทั้งงาน  แต่วันนี้ได้มาอีกครั้งก็เพราะมารับคยองซูที่มาทำรายงานกับเพื่อนที่นี้

     

    คยอง หรือ โด คยองซู  ลูกสาวคนเล็กของตระกูลโดที่เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์และวิทยุที่มีฐานผู้ชมมากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้

     

    และยังเป็นคู่หมั้นคนใหม่ของทายาทตระกูลอู๋อีกด้วย

     

     

    เกือบสองปีหลังจากที่อี้ฟานย้ายมาอยู่เกาหลี  คุณพ่อก็เริ่มให้เขาทำงานที่บริษัท  อี้ฟานได้รู้จักงาน รู้จักหน้าที่ต้องทำ  คำว่าทายาทคนต่อไปมันค้ำคออี้ฟาน ให้รับผิดชอบในภาระและหน้าที่ของตัวเอง  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นเท่านั้น

     

    ประธานบริษัทคนต่อไปควรเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตระกูล  ทั้งยังมีหน้าทีสร้างฐานอำนาจที่มั่นคงให้กับบริษัท

     

    หนึ่งในวิธีการที่ง่ายที่สุดและใช้กันมานมนาน  นั้นก็คือการแต่งงานระหว่างตระกูลใหญ่เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

     

     

    ทีแรกอี้ฟานพูดได้เต็มปากเต็มคำ  ว่าการไปมาหาสู่กับตระกูลโด เขาฝืนใจทำ  เขาเบื่อกับการที่ต้องอยู่ในวังวนของการหาประโยชน์บนความสัมพันธ์ของคนสองคน

     

    เขาย้ายจากจีนมาเกาหลี  ก็เพราะเจ็บจากความสัมพันธ์ครั้งเก่าที่เริ่มด้วยผลประโยชน์ของพวกผู้ใหญ่  แล้วพอมาอยู่เกาหลีจะให้เขากลับไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้อีก  อี้ฟานก็อดที่จะรู้สึกต่อต้านไม่ได้

     

    แต่หลังจากที่ได้เจอกับคยองซูหลายครั้ง  ความคิดของอี้ฟานก็เปลี่ยนไป  คยองซูแตกต่างจากที่อี้ฟานจินตนาการไว้มาก  คยองซูเป็นคนเรียบร้อยสมกับที่เกิดในตระกูลผู้ดี  แต่ก็ไม่เคยยิ่งยโส  ตรงกันข้ามเขาเคยคิดว่าเวลาอยู่กับคยองซูเขาคงจะอึดอัดไม่น้อย  แต่คยองซูไม่เคยทำให้เขาลำบากใจเลย  คยองซูสดใสร่าเริงสมวัย  บางทีที่อี้ฟานเครียดจากงาน เวลาได้คุยกับคยองซู เขาก็รู้สึกว่ามันช่วยเขาผ่อนคลายได้

     

    "พี่ขอโทษนะที่ให้คยองรอนาน  พอดีคนรอขึ้นลิฟต์เยอะมากเลย"   อี้ฟานเดินมาหาคยองซูที่ยืนรออี้ฟานอยู่

     

    "ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่ได้รอนานเท่าไร"   คยองซูยิ้มเมื่อเห็นอี้ฟานเดินมาหา

     

    "แล้วเป็นไงบ้าง  ทำรายงานเสร็จรึยัง"

     

    "เสร็จแล้วค่ะ"

     

    "ทำไมคราวนี้ถึงมานั่งทำกันที่นี้ล่ะ  ปกติก็เห็นอยู่กันที่บ้านคยอง"

     

    "คือวันนี้พวกเราแค่มาแก้รายงานกันนิดหน่อยนะคะ  แล้วที่นี้เพื่อนคยองก็อยากจะเดินห้างกันต่อเลย   ก็เลยนัดกันมาที่นี่...  ขอโทษนะคะ คงลำบากพี่อี้ฟานแย่ ต้องมารับคยอง"

     

    "อะไรกัน  พี่ยังไม่ทันพูดเลยว่าลำบาก  อย่าเพิ่งน้อยใจสิ"

     

    "คยองไม่ได้น้อยใจสักหน่อย  พี่อี้ฟานมั่วแล้ว"   คยองซูยู่ปากเล็กน้อย ส่ายหน้าปฏิเสธคู่หมั้นของตัวเอง

     

    "ครับๆ  พี่มั่วเอง  ไม่ต้องตาโตใส่พี่แล้ว"   อี้ฟานยิ้มขำ

     

    "พี่อี้ฟานก็..."   คยองซูยู่ปากมากขึ้นอีกเมื่ออี้ฟานแซวเรื่องดวงตากลมโตของเธอ

     

    "กลับกันดีกว่าค่ะ"   คยองซูเปลี่ยนเรื่องพาอี้ฟานไปต่อแถวหน้าลิฟต์

     

    "พี่ว่าเราลงบันไดเลื่อนเถอะ  คนน่าจะน้อยกว่า"

     

    "ค่ะ"

     

    อี้ฟานและคยองซูลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้นหนึ่ง  แล้วเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคยองซูก็ดังขึ้น  เป็นเพื่อนของคยองซูที่โทรมาบอกว่าเธอลืมกระเป๋าตังค์ไว้  คยองซูรออยู่ที่ตรงบันไดเลื่อน สักพักเพื่อนของคยองซูก็กระเป๋าคืนให้


     

    "ขี้ลืมจังนะเรา"   อี้ฟานพาคยองซูมาที่รถยนต์คันหรูของเขา

     

    "นิดหน่อยเอง"

     

    "วันหลังก็ระวังมากๆนะครับ"

     

    "ค่ะ"   คยองซูยิ้มรับคำเตือนของอี้ฟานที่เริ่มทำตัวเหมือนผู้ปกครอง

     

    "คยองจะกลับบ้านเลยมั้ย  หรือจะไปที่ไหนก่อน"   อี้ฟานเอ่ยถามเมื่อทั้งสองนั่งลงในรถเรียบร้อย

     

    "คยองอยากไปร้านเค้กก่อน  คยองอยากซื้อเค้กไปฝากคุณแม่"

     

    "ครับ"   แล้วอี้ฟานก็ขับรถออกไป  จนซื้อเค้กเสร็จแล้ว  ก็พาคยองซูกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย



     

    อี้ชิงมีงานแจกใบปลิวในห้างที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านวัยรุ่นขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง  อี้ชิงเลือกที่จะแจกใบปลิวตรงบริเวณบันไดเลื่อน เพราะมีคนผ่านไปผ่านมามากกว่าบริเวณอื่น

     

    มันก็คงจะเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่งสำหรับอี้ชิง  แต่ขณะที่เธอกำลังแจกใบปลิวอยู่  อี้ชิงก็ได้ยินเสียงคุยที่คนในบทสนทนาเป็นชื่อที่คุ้นเคย

     

    "เดี๋ยวคะ  พี่อี้ฟาน"   อี้ชิงหันไปทางต้นเสียงนั้น  แล้วพบกับหญิงสาวที่มีดวงตากลมโตคนหนึ่งกับชายหนุ่มอีกคนที่เธอรู้จักดี

     

    "อะไรครับ  คยอง"   อี้ชิงรีบหลบหลังเสาต้นที่อยู่ใกล้ที่สุด  แล้วแอบมองคนทั้งคู่จากหลังเสา  ใช้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นเครื่องบังสายตาไม่ให้สองคนนั้นมองเห็นเธอ

     

    "คยองลืมกระเป๋าตังค์ค่ะ"   เพราะอี้ชิงยืนอยู่ค่อนข้างไกลจากสองคนนั้น ทำให้เธอได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่พูดไม่ถนัดนัก  เธอทำได้แค่เดาว่าพวกเขาคุยอะไรกัน  แต่ก็ไม่ได้ความอะไรมากขึ้น

     

    สักพักก็มีหญิงสาวอีกสองคนที่น่าจะวัยไล่เลี่ยกับหญิงสาวคนก่อนหน้าเดินมาสมทบกับสาวน้อยดวงตากลมโตกับชายหนุ่มที่มาด้วยกัน  พวกเขาคุยอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่ชายหนุ่มจะพาหญิงสาวคนเดิมเดินแยกออกไปทางหน้าประตูห้าง

     

     

    ส่วนสาวน้อยสองที่เข้ามาที่หลังก็เดินคุยกันมาทางเสาที่อี้ชิงใช้หลบอยู่

     

    "คยองเนี้ยโชคดีจังเลยเนาะ"   หนึ่งในหญิงสาวสองคนพูดขึ้นขณะเดินผ่านอี้ที่ยังยืนพิงอยู่ที่เสาต้นเดิม

     

    "นั้นสิ  มีแฟนเพอร์เฟคขนาดนั้น"

     

    "ใช่  พี่อี้ฟานนะ  ทั้งหล่อ ทั้งรวย  ฉันละอยากมีแฟนให้ได้สักครึ่งหนึ่งของพี่เขาก็ยังดี"

     

    "อืม  ใช่ๆ"
     

     

    อี้ชิงที่ยืนฟังอยู่หลังเสาได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดของหญิงสาวสองคน  ทำให้เธอเข้าใจได้ว่าอี้ฟานกำลังคบกับหญิงสาวนัยน์ตากลมโตคนนั้น

     

    อี้ชิงรู้แล้วว่า อี้ฟานกำลังเริ่มใหม่กับใครสักคนที่ไม่ใช่เธอ...


     


     

     





    @NPchada_Pim  ติดต่อกันได้




    talk

    100%
    เย้เฮ้ท!  ร้อยเปอร์แล้ว
    ไม่มีอะไรมาก
    ดาวขอให้สนุกกับการอ่านนะแจ๊ะ


    15%
    เฮอะๆๆๆๆๆๆ  อะไรๆ ยังไงกันเนี้ย #5555555
    รออีกนิด  พ้นสัปดาห์นี้ดาวก็หลุดช่วงสอบแล้ว  วู้ปปี้!!!

    20.99999%
    ขอโทษ  ขอโทษที่อัพน้อยมาก ฮืออออ  ดาวขอโทษ
    และในที่สุด  ก็จบสักที ฤดูกาลสอบมิดเทอม ที่ไม่มีตาราง เรียนไปสอบไป  แจ่มซะไม่มี //บ่นนิด

    48%
    อีกแป็ป  พาร์ทคยองยังไม่หมด  ใจเย็นๆ
    คาดว่า ตอนนี้คงมีคนกำลังต่อว่าเฮีย ว่าเฮียโลเล บลาๆๆๆ
    ก็นะ  แต่อย่าลืม ว่าอี้เป็นคนทิ้งเฮียไป แบบที่ไม่ค่อยได้อธิบายอะไรเท่าไร  จริงๆเฮียก็น่าสงสารเหมือนกันนะ

    75%
    น่ารักกรุ้บกริ้บ  คิคิ
    25เปอร์ที่เหลือ  อี้คัมแบ็คจ้าาาาา


    #33 --- คริๆๆๆ //ยิ้มอย่างมีเลศนัย
    #34 --- เฮียยังเป็นคนดีได้ยิ่งกว่านี้อีก 5555
    #35 --- หุหุ  ไม่ต้องวิตก อ่านจบแล้วคุณจะเห็นใจคยอง  //อะไร ไม่ได้สปอย ป่าววว
    #36 --- อิอิ  ต่อให้ยิ้มเห็นเงิง แต่ยิ้มของเฮียก็ทำดาวพังอยู่ดี
    #37 --- ร้ายเลยหรอ  เอาแค่เบาะๆน่าาาาา
    #38 --- ก็ไม่รู้......สินะ //อย่ากระทืบดาวววว
    #39 --- ดาวไม่น่าไว้วางใจขนาดนั้นเลยหรอเนี้ย //สาาาาาธุ!
    #40 --- รันทดชิมิ  ดาวก็รู้สึกเหมือนกัน // ปจบ.ชีวิตลั้นล้ามาก แต่งฟิคนี้ทีไรหน่วงมาก ไม่เข้าแก็ปฝุดๆ
    #41 --- โอ้... ใจเย็นนะดาว ทำใจร่มๆ เคลมดาวนะยู  ประโยคนั้นดาวก็เหมือนเคยได้ยินค่ะ  แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเขารักคนที่สองรึป่าวมากกว่านะคะ //ป่าวๆ ไม่ได้นำพาไปเจออะไรเล้ยยยย
    #0 --- ดาวงงค่ะว่า คอมเม้นของดาว(ไรท์)ไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไง  แต่ก็ขอบคุณที่มาให้กำลังใจกันนะคะ //อี้ชิงมีที่ยืนแน่นอนค่ะ นางเป็นนางเอกนะ
    #42 --- อ่าาา นั้นสิ จะเลือกทางไหนดีน้าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×