คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตลาดเนเลอร์ยามเย็น
ณ เวอเนีย ดินแดนแห่งสายลม ปรากฏภาพผู้คนมากมายที่ทำงานเสร็จแล้ว
กำลังเตรียมตัวกลับบ้านของตนเพื่อไปหาครอบครัวที่รอคอยอยู่ที่บ้าน และส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งนี้ ที่คฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง ยังมีเด็กสาวอยู่หนึ่งคนที่กำลังทำงานของตนเองอยู่ในห้องทดลอง
ในห้องนี้เต็มไปด้วยเส้นใยหลากหลายสีสัน
นั้นคือเส้นไหมนานาพันธุ์ และยังมีกองเอกสารชิ้นงานต่างๆที่ยังไม่ถูกนำไปทดลอง ตั้งอยู่กระจัดกระจายเต็มไปทั่วห้อง
“ว้าว...
ใช้ได้จริงๆด้วย ไม่เสียแรงที่อดหลับอดนอนมาตั้งสามวัน”
เซน่าร้องออกมาเมื่อเห็นผลงานที่ตนกำลังทำอยู่ประสบผลสำเร็จ ทำให้ได้เส้นไหมชนิดใหม่เพื่อนำไปทำผ้าผืนใหญ่ในธุรกิจของครอบครัว
ไหมชนิดใหม่ที่ทดลองนี้
เป็นการนำเอาเส้นไหม(จากขน)ของตัวนัวร์* มาผสมกับขนของไฟเนอร์**
ทำให้เกิดไหมสีแดงเพลิงแบบใหม่ เมื่อสะท้อนอยู่กลางแสงแดดจะดูเปล่งประกายเล็กน้อย และจะยังคงสีสดในช่วงกลางคืน
โดยที่เส้นไหมยังคงเปล่งประกายเหมือนเปลวเพลิงเช่นกลางวันและส่องแสงได้เล็กน้อยในความมืด
ซึ่งการทลองนี้เซน่าต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล
และศึกษาค้นคว้าองค์ระกอบอยู่นานเกือบปี
เพราะทำยังไงๆไหมก็ออกมาเป็นสีแดงเพลิงได้แค่เพียงกลางวันหรือที่ที่มีแสงสว่าง แต่จะไม่ส่งแสงสีเพลิงในช่วงเวลากลางคืน เธอทดลองอยู่ถึงสามวันจนในที่สุดก็สำเร็จในเย็นวันที่สี่นั้นเอง
* ตัวนัวร์มีลักษณะคล้ายจิ้งจอก แต่ตัวเล็กกว่าและมีขนสีเพลิงเป็นประกาย ไม่ดุร้าย
**ไฟเนอร์ หรือหนอนไฟ มีลักษณะเป็นตัวหนอนสีแดง และให้เส้นไหมสีแดง
เมื่องานทดลองของเซน่าเสร็จแล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินไปหาพี่เลี้ยงสาวที่คาดว่าน่าจะอยู่ในห้องครัว
ซึ่งก็เป็นระยะทางที่ทำให้ต้องผ่านห้องหลายห้องทีเดียว คฤหาสน์ของเธอหลังนี้เป็นคฤหาสน์ที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะตระกูลของเธอเป็นตระกูลที่เก่าแก่ และไม่น่าเชื่อว่าถึงจะเก่าแก่ แต่ตัวคฤหาสน์ยังคงความสวยงามสะอาดตา
ราวกลับเพิ่งสร้างมาไม่เกินสิบปีเลยทีเดียว
ภายในของคฤหาสน์ถูกแบ่งออกเป็นชั้นใหญ่ๆ
2 ชั้น คือ ชั้นล่าง จะมีห้องที่ใหญ่ๆ อไว้ทำกิจกรรมต่างๆทั้งหมด 13
ห้องได้แก่ หกห้องในปีกซ้ายของคฤหาสน์และเจ็ดห้องทางด้านปีกขวา ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องพักหรือห้องนอนนั้นเอง
ซึ่งมีทั้งหมด 30 ห้อง คฤหาสน์หลังนี้ถูกรายล้อมไปด้วยรั่วสีเงิน ซึ่งเนสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นคฤหาสน์ของตระกูลเก่าแก่แห่งดินแดนสายลมนี้ ด้านหน้าของคฤหาสน์มีบ่อนำพุ สวนดอกไม้
พุ่มไม้ขนาดย่อมติดรั้วตลอดแนว และมีลานว่างขนาดใหญ่อยู่หน้าคฤหาสน์อีกด้วย
คฤหาสน์หลังนี้มีเพียงเซน่ากับพี่เลี้ยงสาวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ส่วนพ่อแม่ของเธอเสียไปตอนเธออายุได้เพียง 6 ขวบ ตั้งแต่นั้นมาเซน่าก็ใช้ชีวิตอยู่กับพี่เลี้ยงสาว ถึงเธอจะเสียครอบครัวที่รักไป
แต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป เพราะพ่อกับแม่ของเธอคงเสียใจถ้าเธอเอาแต่นั่งร้องไห้ไปวันๆ ถึงยังไงอย่างน้อยๆ เธอก็ยังมีพี่เวลล่า พี่เลี้ยงที่เป็นเสมือนครอบครัวคนสุดท้ายของเธออยู่ทั้งคน และยังมีกิจการของตระกูลอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบดูแล ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของเธอ เธอก็ต้องทำให้ดีที่สุด เธอจึงเรียนรู้ที่จะทำงานมาตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอเสียไป โดยมีพี่เวลล่าคอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆเสมอมา ทำให้เธออยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ และเธอก็ยังมีความสุขดีเหมือนคนอื่น ถึงจะเหงาไปบ้าง แต่เธอก็ดีใจที่อย่างน้อยๆก็ยังมีบ้านอยู่ เธอเชื่อว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน แต่ท่านทั้งสองรอดูการเติบโตของเธออยู่ที่ใดสักแห่งบนสวรรค์
หลังจากเดินมาได้สักพักหนึ่ง เซน่าก็พบพี่เลี้ยงสาวของเธอที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวอยู่
นึกแล้วว่าต้องอยู่ในห้องครัว เย็นซะขนาดนี้ เดาไม่ผิดจริงๆเลย
"พี่เวลล่าค่ะ ทำอะไรอยู่นะ" เซน่าถามพร้อมชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้เตาที่พี่เลี้ยงสาวกำลังตักอะไรบางอย่างออกจากหม้อลงใส่ในจาน
"ซุปสูตรใหม่จ้ะ" เวลล่าตอบสั้นๆได้ใจความ
"เอ๋...สูตรใหม่หรอค่ะ กลิ่นหอมจัง หน้าตาน่าทานมากเลยค่ะ ให้เซลองชิมก่อนมั้ยค่ะ"
เซน่ามักจะแทนชื่อตัวเองว่า
เซ กับเวลล่าเสมอ เพราะพ่อกับแม่เคยเรียกเธอด้วยชื่อนี้มากกว่าเรียกว่าเซน่า เธอจึงแทนชื่อตัวเองกับเวลล่าว่า
เซ เช่นเดียวกัน แต่เวลล่ามักจะเรียกเธอว่า
คุณหนู มากกว่า แม้ว่าเธอจะค้านก็ตาม
เวลล่ายิ้มอย่างรู้ทันในความคิดของเซน่า แต่ก็อดที่จะแซวออกไปไม่ได้ "อยากทานมากกว่ามั้งค่ะ คุณหนูของพี่เวลล่าคงไม่ได้แค่อยากชิมหรอก ใช่มั้ยเอ่ย?"
"พี่เวลละก็ อย่ารู้ทันไปซะทุกเรื่องสิค่ะ" เซน่าว่า ก่อนที่จะรับถ้วยที่เวลล่าส่งมาให้ แล้วจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆในครัว เพื่อชิม(หรือทาน)ซุปสูตรใหม่ที่พี่เวลล่าทำเอง เมื่อชิมแล้วจึงยิ้มแป้นออกมาอย่างถูกใจ
"อร่อยจังค่ะพี่เวลล่า ไปเปิดร้านอาหารได้เลยน๊ะ วันหลังทำให้ทานอีกนะค่ะ" เซน่าพูดจบก็นั่งทานต่ออย่างเอร็ดอร่อย
"คุณหนูชมเกินไป แต่พี่ว่าพี่เห็นคุณหนูทานอะไรก็อร่อยไปหมดเลยนิค่ะ ไม่เห็นจะไม่อร่อยสักที" เวลล่ายิ้มและพูดตามความจริง เพราะตลอดเวลาที่เธอดูแลคุณหนูของเธอมา คุณหนูของเธอทานอะไรก็อร่อยเสมอ ไม่เคยเห็นจะปฏิเสธของกินสักอย่าง บอกว่าอร่อยไปหมดเสียทุกอย่าง
"พี่เวลง่ะ...ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย"
เซน่าบู้หน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังลงมือทานต่อ เวลล่ามองแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู คุณหนูช่างน่ารักจริงๆ งอนคนอื่นแต่ก็ยังทานต่อได้อย่างเอร็ดอร่อย ทำตัวเหมือนเด็กๆจริงๆ แต่นั้นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่คุณหนูของเธอมี
"แล้วคุณหนูทำงานวิจัยเสร็จเรียบร้อยแล้วรึค่ะ ถึงได้ออกมาจากห้องทดลองได้สักที" เวลล่าถามทั้งๆที่รู้คำตอบดีว่า ถ้ายังไม่เสร็จคงไม่เห็นคุณหนูของเธอออกมาเดินเล่นอย่างนี้แน่นอน
เซน่าเงยหน้าขึ้นมองเวลล่า เคี้ยวอาหารจนหมดตำ ก่อนจะตอบคำถามของพี่เลี้ยงสาว
"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวพี่เวลล่าจัดการต่อด้วยนะค่ะ เซว่า งานใหม่ชุดนี้น่าจะลงตลาดก่อนที่หน้าหนาวของปีนี้จะมาถึงนะค่ะ ยังเหลืออีกหลายเดือนน่าจะทันนะค่ะ"
"ทำไมต้องก่อนหน้าหนาวละค่ะ อีกตั้งหลายเดือน ถ้าพี่เอางานทดลองไปส่งต่อให้ที่ร้านของเราทำ พี่ว่าน่าจะเสร็จก่อนเดือนห้าอีกมั้งค่ะ นี้เพิ่งเดือนสามเองนะค่ะ" เวลล่าถามอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอนานอย่างนั้นด้วย มีสินค้าใหม่ลงยังไงก็ต้องเป็นที่สนใจอยู่แล้ว และกว่าจะถึงหน้าหนาวคุณหนูของเธอคงทำงานชุดใหม่ไปแล้วด้วย
"ก็ ไหมที่จะใช้ตัดผ้าชุดใหม่ที่เซลองทำ มันน่าจะขายดีในหน้าหนาวนะค่ะ เพราะมันจะเส้นใยผ้าที่สร้างความอบอุ่นให้ผู้สวมใส่ จึงต้องลงหน้าหนาวอย่างเร็วที่สุดก็เดือนเก้าแหละค่ะ ถ้าลงใหม่ตอนนี้เลยคงเป็นแค่ผ้าชุดใหม่ที่สนใจ แต่คงไม่ได้รับความนิยมหรอกค่ะ" เซน่าอธิบายแล้วลุกขึ้นเก็บถ้วยหลังจากทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ค่ะ คุณหนูว่ายังไง พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ พี่เชื่อคุณหนูเสมออยู่แล้ว" เวลล่ายิ้มให้อีกครั้งกับความคิดของคุณหนู ตั้งแต่เธออยู่กับคุณหนูมา เธอไม่รู้สึกเคยเบื่อเลย เพราะคุณหนูของเธอมักจะสร้างรอยยิ้มให้เธอเสมอ และเธอก็เชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ใกล้ชิดกับคุณหนูแบบเธอก็คงมีความสุขและยิ้มได้แบบเธอ
"เซขอตัวไปพักหน่อยนะค่ะ ง่วงมากเลย ไม่นอนมาหลายวันแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" เซน่าว่าพร้อมเดินออกจากห้องครัว เพื่อขึ้นไปพักผ่อนยังห้องนอนของเธอ
"ค่ะ" เวลล่ายืนส่งเซน่าจนสุดสายตา ด้วยความเป็นห่วง เพราะคุณหนูของเธอทุ่มเทให้กับงานของครอบครัวเสมอมาตั้งแต่คุณท่านทั้งสองเสียไป ถึงเธอจะไม่ใช้สายเลือดโดยตรงของตระกูลนี้ แต่เธอรับรู้ได้ว่าคุณหนูของเธอต้องเข้มแข็งมากถึงสามารถใช้ชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างดี
และยังคงเข้มแข็งต่อไปอีกด้วย
ตั้งแต่คุณแม่ของเซน่าไปเจอเธอเข้าระหว่างที่ท่านกำลังปฏิบัติงานอยู่ในป่าต้องห้าม เธอรู้เพียงตอนนั้นเธออายุสามขวบ แล้วพ่อกับแม่ก็ตายจากเธอไป และปล่อยเธอไว้กลางป่าอย่างโดดเดียว เธอจึงเดินไปทั่วป่าอย่างคาดหวังว่าจะเจอใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอ แล้วคุณหญิงก็มาพบเธอเข้า ท่านจึงพาเวลล่ามาเลี้ยงดู เธอได้รับการสั่งสอน การเรียนรู้ การใช้ชีวิตและพลังเวทมนตร์ตามที่เด็กคนหนึ่งจะได้รับ ตอนคุณหนูอายุได้
6 ขวบ เธอก็มีอายุ 12 ปี แต่เหตุการณ์ที่ไม่ตาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น คุณท่านทั้งสองเสียชีวิต ตอนนั้นเธอทำได้เพียงอย่างเดียว คือ การปลอบโยนและเลี้ยงดูคุณหนูของเธอให้เติบโต ตามคำสั่งของคุณท่านทั้งสองที่บอกเธอตลอดเวลาว่าให้ดูแลเซน่า และให้คิดว่าเซน่าคือน้องสาวคนหนึ่ง
แต่เวลล่าระลึกเสมอว่าเซน่าคือลูกของผู้มีพระคุณ เธอจะเป็นพี่ให้คุณหนู แต่จะไม่ถือว่าตัวเองเป็นพี่ของคุณหนูเด็ดขาด ตั้งแต่นั้นมาเธอทำหน้าที่ดูแลคุณหนูมาตลอด เพื่อให้คุณท่านทั้งสองได้สบายใจ และเพื่อทดแทนบุญคุณที่คุณท่านทั้งสองเลี้ยงดูเธอเสมอมา เธอจะดูแลคุณหนูของเธอให้มีความสุขมากที่สุด เพราะคุณหนู คือ ดวงใจของของบ้านใหญ่หลังนี้ รวมถึงดวงใจของเธอด้วยเช่นกัน
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินกำลังลืมตาสีมรกตน่าค้นหาขึ้นมา เพื่อสัมผัสกับรุ่งอรุณของวันใหม่ เซน่าลุกขึ้นจากเตียงของตนเอง ไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจเดินลงไปยังห้องอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องปกติถ้าวันไหนที่เธอไม่ทดลอง เวลาตื่นเธอจะต้องไปที่ห้องอาหารเป็นที่แรกทุกเช้า
"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เวลล่า"
เซน่าเอ่ยทักพี่เลี้ยงสาว พร้อมเดินต่อไปยังโต๊ะอาหารที่มีชุดอาหารวางไว้เรียบร้อยแล้วหนึ่งชุด และนั่งลงทานมื้อเช้าที่พี่เลี้ยงสาวคนสวยเป็นคนจัดการให้เมื่อเช่นทุกครั้ง
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู นานแล้วที่ไม่เห็นคุณหนูตื่นเช้านะคะ" เวลล่าพูดพลางหัวเราะเบาๆ ก็เด็กสาวคนนี้ตื่นเช้าบ่อยๆซะที่ไหน แต่คุณหนูของเธอก็ไม่ใช่คนขี้เซาอะไรหรอก แค่เหมือนเด็กๆที่ต้องนอนให้ครบแปดชั่วโมงจึงจะตื่นได้เต็มตา ซึ่งคุณหนูของเธอต้องแปดชั่วโมงจริงๆไม่มีขาดแต่อาจจะเกินบ้าง
และที่คุณหนูตื่นสาย เพราะชอบที่จะนอนดึกๆ ไม่ทำงาน
อ่านหนังสือ ก็ซ้อมเวทย์ จนถึงเที่ยงคืนเป็นประจำ
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เวลก็รู้" เซน่าพูดพลางทำแก้มป้อง งอนเหมือนเด็กๆ แลดูน่ารักสำหรับพี่เลี้ยงสาว เวลล่าก็ได้แต่หัวเราะขำขันกับท่าทีนั้น แล้วนั่งลงข้างๆคุณหนูของเธอ
"พี่เวลมีอะไรหรือเปล่าค่ะ มานั่งจ้องเซกินข้าวซะขนาดนี้" เซน่าเอียงคออย่างสงสัยในตัวของพี่เลี้ยงสาว หรือว่าเธอจะล้างหน้าไม่สะอาด
ก็ไม่น่าจะใช่หรอก เพราะเธอตรวจสอบความเรียบร้อยของร่างกายก่อนจะลงมาจากห้องนอนแล้ว
"เปล่าค่ะ แล้ววันนี้คุณหนูว่างหรือเปล่าค่ะ" พี่เลี้ยงสาวตั้งคำถามใหม่ที่ทำเอาคนกำลังกินต้องเงยหน้าขึ้นมองคนถาม
"ว่างนะค่ะ ไม่ได้จะทำอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ช่วงนี้งดทดลองก่อนค่ะ" พอตอบพี่เลี้ยงสาวเสร็จ เธอก็ก้มลงกินต่ออีกครั้ง พฤติกรรมนั้นทำให้พี่เลี้ยงสาวได้แต่มองอย่างเอ็นดู พลางคิดในใจว่าช่างเป็นคุณหนูที่ห่วงเรื่องกินยิ่งนัก
"งั้นเย็นนี้คุณหนูไปซื้อของกับพี่นะค่ะ" คำบอกเล่าเชิงขอร้องของพี่เลี้ยงสาวทำเอาเซน่าถึงกับต้องหยุดกิน และเงยหน้าขึ้นมาถามพี่เลี้ยงสาวเสียงหลง
"ห๊ะ...ไปซื้อของหรอค่ะ พี่เวลล่าก็รู้เซไม่ชอบไปที่แบบนั้น คนมันเยอะ เดี๋ยวเซได้ตาลายตายเลย"
ปกติเธอจะไม่ค่อยออกไปข้างนอกหรอก และช่วงปีสองปีมานี้ไม่ต้องพูดถึง เธอออกไปข้างนอกแทบจะนับครั้งได้ ตามปกติเธอก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว ตั้งแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เสีย มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนแปดขวบ เธอไปเที่ยวและซื้อของกับพี่เวลล่า เดินไปเดินมา เธอดันหลงกับพี่เวลล่า ด้วยความที่ตัวเล็กเพราะยังเด็ก จึงมองหาพี่เลี้ยงสาวไม่เจอ หลงอยู่ตั้งนาน จะร้องให้ใครช่วยก็ไม่ได้(อายคนอื่น) เธอก็เดินไปเรื่อยๆ คนก็เยอะมากขึ้น ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ และเธอก็เดินหลายรอบจนตาลายจะเป็นลมล้มลง โชคดีที่มีคนช่วยเธอไว้ได้ทันก่อนหัวจะฟาดพื้น ไม่อย่างนั้นเธออาจจะหัวแตกไปแล้ว และตอนนั้นพี่เวลล่าก็วิ่งหาจนเข้ามาเจอพอดีด้วย ครั้นเธอยังไม่ได้ขอบคุณคุณคนนั้นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ และเธอก็เล่าเรื่องให้พี่เวลล่าฟัง ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ได้ไปที่ตลาดหรือที่ๆมีคนเยอะๆอีกเลย จะมีบ้างก็คือห้องสมุดกลางของดินแดนนี้แหละที่นานๆทีจะเข้า(เดือนละครั้ง) เธอไม่ได้ขี้เกียจอ่านหนังสือ แต่ที่บ้านก็มีห้องสมุอยู่แล้ว จะไปอ่านที่ไกลๆทำไมกันละ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณหนูโตแล้วนะ น่าจะออกไปข้างนอกเรียนรู้การใช้ชีวิตบ้างนะค่ะ ไม่ใช่อยู่แต่ที่บ้านอย่างนี้นะ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นบุคคลสูญหายหรอกค่ะ" เวลล่าพูดแซว โดยไม่ลืมที่จะชักธายน้ำทั้งหลายของดินแดนเวเรียมาอ้างรวมกัน เพื่อให้คุณหนูตกลง เพราะเธออยากให้คุณหนูของเธอได้ออกไปข้างนอกบ้าง
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เวลก็พูดเกินไป"
เซน่าเถียงพี่เลี้ยงสาวแบบแถไปเรื่อยๆพลางยู่หน้าน่ารัก
"ไม่ขนาดนั้น แต่ยิ่งกว่านั้นนะสิค่ะ คุณหนูเล่นเอาแต่อยู่บ้าน ไม่มีเพื่อนฝูงเลย แล้วอย่างนี้จะรู้ทันเรื่องภายนอกเหรอ ไม่รู้ว่าตลาดต้องการอะไร ก็ทำธุรกิจไม่ได้อยู่ดี เราต้องออกไปข้างนอกบ้าง รู้จักผู้คนบ้าง จะได้รู้ทันเหตุการณ์ตลอดเวลายังไงละค่ะ" เวลล่ายังคงอ้างเหตุผลที่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่หลัก เพื่อให้เซน่าได้ออกไปข้างด้วยกัน
ฟังจากที่พี่เลี้ยงสาวพูด ทำให้เซนาต้องคิดทบทวนตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันก็จริงอยู่ที่ว่าเธอไม่ชอบที่ๆมีคนเยอะๆ แต่ถ้ากิจการของครอบครัวต้องมาพลิกผัน และจบลงในรุ่นของเธอ ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องเสียใจมากแน่ๆ ในขณะที่เซน่ากำลังนั่งคิดใคร่ครวญอยู่ เวลล่าก็นั่งมองปฏิกิริยาของเซน่าแล้วแอบยิ้มอย่างดีใจ ด้วยจากท่าทางของเซน่า เธอคิดว่าคุณหนูของเธอต้องตกหลุมพรางที่เธอได้ขุดเอาไว้แล้วแน่ๆ
"ไปก็ไปค่ะ แล้วพี่เวลจะไปตอนไหนค่ะ" เมื่อเซน่าตัดสินใจได้แล้ว จึงถามพี่เลี้ยงสาวที่ยิ้มเหมือนรู้คำตอบของเธออยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำตอบตามที่คาดหวังไว้ เวลล่าก็ไม่รอช้า นัดแนะช่วงเวลาและสถานที่กับเซน่า ด้วยไม่ทราบได้ว่าที่รีบตอบออกไปนั้นเป็นการตอบแบบเตรียมคำตอบไว้แล้ว หรือกลัวว่าถ้าตอบช้าแล้วคุณหนูของเธอจะเปลี่ยนใจกันแน่
"ช่วงเย็นๆของวันนี้ค่ะ เราจะไปตลาดเนเลอร์กัน"
ในยามเย็นของวันนั้น พี่เลี้ยงสาวของเซน่าได้ขึ้นมานัดแนะเวลาไว้อีกครั้งหลังจากการสนทนาในห้องอาหาร
พี่เลี้ยงสาวบอกเธอว่าจะไปซื้อของกันในเวลาประมาณสี่โมงกว่าๆ
ในดินแดนเวอเนียแห่งนี้จะไม่มีแดดจัดเหมือนเช่นดินแดนเอคาเนีย จึงทำให้ย่านการค้าต่างๆสามารถเปิดได้ตลอดเวลา
ซึ่งจะไม่มีปัญหาในเรื่องของแดดแรงทำให้เดินไม่ได้ และโดยเฉพาะตลาดเนเลอร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามของตลาดที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเวอเนีย ยิ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเที่ยวกันไม่ขาดสายเลยทีเดียว ถึงเธอจะไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ก็รู้ได้ตามหนังสือแนะนำ
เมื่อถึงเวลาที่พี่เลี้ยงสาวได้นัดแนะไว้ เซน่าที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะได้ไปรอพี่เลี้ยงสาวของเธอก่อน
ตอนนี้เซน่าได้รวบผมสีเงินสลวยของเธอด้วยการผูกโบสีขาวหลวมๆไว้กลางหลัง เธอใส่ชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่ชายกระโปรงยาวถึงกลางน่องเล็ก สวมรองเท้าลัดส้นสีขาวแบบที่เข้ากับชุดของเธอ นอกจากนั้นแล้วบนร่างของเธอไร้ซึ่งการประดับตกแต่งของเครื่องประดับชิ้นใดๆ เหตุผลอย่างหนึ่งที่ไม่มีเครื่องประดับชิ้นใดบนตัวเลย เพราะเธอไม่ชอบ มันทำให้รู้สึกรำคาญ และอีกเหตุผลคือ ทำให้เสียเวลาในการใส่เข้าและถอดออกอีกด้วย นอกจากนั้นเธอก็ไม่เคยคิดที่จะซื้อเครื่องประดับไว้เหมือนหญิงสาวคนอื่น เพราะถึงอย่างไรเสีย วันๆเธอก็อยู่แต่บ้าน จึงไม่จำเป็นต้องใส่อยู่ดี
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของคฤหาสน์ ความคิดที่บอกว่าจะรอพี่เลี้ยงสาวก็เป็นอันได้ตกลงไป เพราะพี่เลี้ยงสาวของเธอได้มารอเธออยู่ก่อนแล้ว มองเลยพี่เลี้ยงสาวของเธอไปก็ได้เห็นว่าเซอเรน สมิงดำที่เลี้ยงและโตมาพร้อมๆกับเธอ กำลังทำตัวเป็นสารถีลากรถที่จะใช้ไปซื้อของกันในเย็นนี้
"อ้าว พี่เวลมารอนานหรือยังค่ะ ไง เซอเรนสบายดีมั้ย" หลังจากถามเวลล่าที่เอาแต่ยิ้มและสายหน้าน้อยๆเหมือนจะบอกกลายๆว่ามารอได้ไม่นาน เธอจึงหันไปถามเซอเรน สัตว์เลี้ยงที่เป็นเหมือนเพื่อนของเธอคนหนึ่ง และเหมือนสมิงดำจะรับรู้ได้ว่าคุณหนูของมันกำลังถามอะไร มันจึงผงกหัวหนึ่งครั้ง
ตามปกติแล้วสมิงดำถือได้ว่าเป็นสัตว์หายากชนิดหนึ่ง เพราะส่วนมากจะอยู่แต่ในป่าและเขตอนุรักษ์ของดินแดน แต่ที่เซอเรนมาอยู่ในคฤหาสถ์ลูเซเลอร์มาตั้งแต่ตัวเล็กๆ เพราะพ่อและแม่ของเธอได้พาเธอที่ตอนนั้นอายุประมาณ 5 ขวบไปเที่ยวที่เขตป่าอนุรักษ์ของดินแดน ทำให้และไปเจอเซอเรนตอนตัวเล็กๆ พี่ที่ทำงานดูแลเขตอนุรักษ์บอกว่าพ่อกับแม่ของเซอเรนเพิ่งตายไปไม่กี่วัน และเซอเรนก็มีอาการซึมเศร้าไม่ยอมเข้าฝูงเลย
แต่วันนั้นพอเซอเรนเห็นท่านพ่อท่านแม่และเธอ เซอเรนก็เอาแต่เดินตาม จนจะออกจากเขตอนุรักษ์ พี่ที่ทำงานประจำเขตก็ช่วยกันจับเซอเรนไว้ แต่เซอเรนก็ไม่ยอมเอาแต่ดิ้น และตามพวกเธอมา ท่านพ่อกับท่านแม่สงสารมัน จึงทำเรื่องของเซอเรนมาเลี้ยงไว้ที่คฤหาสน์ ซึ่งต้องทำเรื่องขอใบรับรองการเลี้ยงดูสัตว์หายากอีกด้วย เรื่องนี้เธอเพิ่งมารู้จากพี่เลี้ยงสาวภายหลังว่า ท่านพ่อกับท่านแม่ของเธอรู้จักกับเจ้าหน้าที่ของเขตอนุรักษ์ และเพื่อนของท่านพ่อเป็นคนทำเรื่องรับรองให้ เธอจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้สัตว์หายากมาเลี้ยงไว้ในครอบครอง
หลังจากนั้นเซอเรนก็ได้รับการฝึกหลายอย่าง ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาฝึกให้เซอเรนยังไง เซอเรนสามารถทำได้หลายหน้าที่ทั้งเฝ้าคฤหาสถ์ และเป็นพาหนะพาไปยังที่ต่างๆได้อีกด้วย ซึ่งเซอเรนก็เป็นสมิงที่มีความจำเรื่องสถานที่ดีมาก หรือว่าจะเป็นสมิงทุกตัวเธอก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะเคยเลี้ยงแต่เซอเรนตัวเดียว
"คุณหนูพร้อมแล้วใช่มั้ยค่ะ งั้นไปกันเลยนะค่ะ" เวลล่าถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูของเธอน่าจะพร้อมแล้ว เซน่าหยุดเล่นหัวเซอเรนแล้วหันมาพยักหน้าให้พี่เลี้ยงสาวเป็นสัญญาณว่าตนพร้อมแล้ว
ทั้งคู่ใช้เวลาในการเดินทางมาตาดเนเลอร์ไม่มากนัก
เพราะฝั่งคฤหาสห์นั้นตั้งอยู่ในที่ดินส่วนตัวซึ่งต้องเป็นตระกูลเก่าแก่เท่านั้นที่เป็นเจ้าของและครอบครองพื้นพี่ได้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือทางราชวังจะทำหน้าที่ดูแลนับเป็นที่ดินเก่าแก่ที่ต้องรักษาไว้ ดังนั้นเซน่าและเวลล่าจึงใช้เวลาในการเดินทางเพียงไม่มากนัก เพราะผ่านคฤหาสห์เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น ถนนเส้นนี้ก็จะติดกับตลาดที่ปลายทาง
ช่วงเวลายามเย็น ตลาดเนเลอร์จะคึกคักมาก เพราะเป็นเวลาพักผ่อนของคนทำงานและเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินตลาดกัน เวลล่าเดินนำหญิงสาวไปเข้าร้านนู้นทีออกร้านนี้ทีอย่างชำนาญ จนเซน่าเองรู้สึกว่าพี่เลี้ยงสาวของเธอคงรู้จักคนทั้งตลาดละมั้งนั้น
"พี่เวลค่ะ เซเหนื่อยแล้ว ขอพักก่อนได้มั้ยค่ะ" เซน่าพูดขึ้นขณะกำลังจะผ่านร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เพราะเซน่ารู้สึกเมื่อยขามากๆ เนื่องจากไม่ค่อยได้เดินนานๆ เวลล่าหันกลับมามองด้วยความตกใจน้อยๆพลางคิดไปว่าตนเองลืมไปได้อย่างไรว่าคุณหนูของเธอไม่ค่อยได้เดินตลาดบ่อยๆแบบเธอ ไม่สิ
ต้องเรียกว่าไม่เดินเลยมากกว่า
"พี่ขอโทษค่ะ พี่ลืมไปได้ยังไงน่ะว่าคุณหนูไม่ค่อยได้เดินนานๆแบบพี่"เวลล่าพูดด้วยความรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่เซของพักหน่อยนะค่ะ แล้วค่อยไปต่อก็ได้" เซน่า เชื่อว่าพี่เลี้ยงสาวคงลืมไปจริงๆ เพราะเดินซะเธอเกือบจะตามไม่ทันอยู่แล้ว เวลล่าทำหน้ารู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิมเพราะตนเองเผลอลืมไปจริงๆว่าไม่ได้มาเดินคนเดียว
"เอาอย่างนี้ไหมค่ะ เดี๋ยวพี่ไปทำธุระของพี่ก่อน ส่วนคุณหนูก็เดินเล่นไปก่อน หรือจะพักหาอะไรทานก่อนก็ได้นะค่ะ" เวลล่าเสนอ
เซน่าได้ยินคราแรกจะตอบตกลง แต่ก็ไม่เคยเดินตลาดคนเดียวได้จึงเปลี่ยนใจ "แล้วเซจะไปอยู่ที่ไหนละค่ะ พี่เวลก็รู้เซไม่ค่อยชอบที่ที่คนเยอะเท่าไร"
"จริงด้วย แต่.. คุณหนูโตแล้วนะค่ะ ไม่หลงทางหรอกน่า" เพราะว่าเวลล่าต้องไปทำธุระอีกหลายที่
และคิดว่าอยากให้คุณหนูกล้าที่จบเจอผู้คนมากขึ้น จึงอยากให้คุณหนูอยู่ได้แม้จะไม่มีเธอ เซน่าเองก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้พี่เลี้ยงสาว เธอเองก็เหนื่อยแล้ว แต่พี่เวลล่าของเธอยังต้องไปทำธุระอีก และคงหลายที่ด้วย เธอคงตามไปไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจที่จะยอมรับข้อเสนอ
"เอางั้นก็ได้ค่ะ แล้วพี่เวลจะเสร็จประมาณกี่โมงละค่ะ"
"เวลาไม่แน่นอนค่ะ เอ่อ ตอนนี้ 4 โมงกว่าๆแล้ว ประมาณ 6 โมงไปเจอกันที่โรงรถฝั่งตะวันออกนะค่ะ ฝั่งที่เราฝากเซอเรนไว้นั้นแหละค่ะ" เวลล่ายิ้มอย่างดีใจเมื่อหญิงสาวตกลง และไม่ลืมบอกเวลาที่จะกลับพร้อมสถานที่นัดเจอกันด้วย เพื่อไม่ให้ต้องหลงกัน
"ถ้าอย่างนั้น พี่ไปแล้วนะค่ะ เดินเที่ยวให้สนุกนะค่ะ" พี่เวลล่าเดินไปแล้ว ทิ้งให้เธอยืนยิ้มแห้งให้กับตัวเองด้วยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี
เซน่าเดินเลยร้านหนังสือมาสองสามร้านก็เจอร้านน้ำชา จึงตัดสินใจเข้าไปหาอะไรกินและนั่งพักก่อน เพราะท้องเริ่มร้องและขาก็เดินไม่ไหวแล้วด้วย
ร้านที่เซน่าเข้ามานี้ ชื่อร้าน นีเรนน้ำชาแห่งเนเลอร์ บรรยากาศภายในของร้านดูสดใส ตกแต่งด้วยโทนสีส้มอ่อนและมีไม้ประดับตามผนังและโต๊ะอย่างสวยงาม แต่ไม่มากเกินไปกว่าความน่ามองสายตา ในร้านมีผู้คนเยอะพอประมาณ แต่ยังคงเหลือที่ให้ได้นั่งอีกสองสามที่ เธอเดินเข้าไปจับจองโต๊ะริมขวามือที่ยังว่างอยู่สองโต๊ะ แต่เธอเลือกที่จะนั่งโต๊ะด้านใน เพราะไม่อยากอยู่กับผู้คนเยอะๆ เพียงไม่นานบริกรสาวก็เดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะ นี้เมนูค่ะ วันนี้มีเมนูแนะนำ เป็นเมนูใหม่ของทางร้าน คือ เค้กโรลรสราสเตอร์* พร้อมน้ำเชรเรอร์** ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีค่ะ"
* ราสเตอร์ ผลไม้ชนิดหนึ่ง มีรสหวานลักษณะคล้ายๆส้ม แต่เนื้อจะนิ่มกว่าและไม่ได้แบ่งเป็นกลีบ
** เชรเตอร์ ผลไม้ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายสตอเบอรี่ รสชาติหวานแก้มเปรี้ยวนิดๆ
เซน่าไม่เคยจำชื่อเค้กที่พี่เลี้ยงสาวทำให้ทานเลย และบริกรสาวก็พูดเร็วมาก หลังจากเลือกอยู่นานเธอจึงตัดสินใจสั่งไปแบบมั่วๆ ง่ายๆ
ไม่ให้เสียหน้า นั้นก็คือ "เอ่อ... เอาเมนูที่แนะนำมาชุดหนึ่งก็แล้วกันค่ะ"
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะค่ะ" แล้วบริกรก็เดินจากไป เซน่าจึงเลือกที่จะสนใจเมนูอาหารไปพลางๆ
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเป็นที่สนใจอยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยใบหน้าหวานตากลมโตสีมรกต ตัดกับเส้นผมสีเงินที่บัดนี้ถูกรวบด้วยโบสีขาว ดูน่ารักเสียจนหญิงสาวบางคนยังอิจฉา และเป็นเป้าสายตาของลูกค้าชายหนุ่มในร้านอีกหลายคนทีเดียว รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่อีกด้วย ชายหนุ่มหนึ่งในสามคนไม่รอช้ารีบดึงเพื่อนๆเข้าไปทักทันที
"ขอโทษนะครับ พวกเราขอนั่งด้วยได้มั้ย พอดีโต๊ะมันเต็มแล้วนะครับ"
เซน่าตกใจรีบหันกลับมามองตามเสียงทันทีที่รู้สึกว่าเขาคุยกับเธอ เซน่าหันไปมองผู้มาใหม่ทั้งสามคน
คนแรกเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ตาสีเขียวมรกตและผมสีเดียวกัน ทำให้เขาเป็นคนที่ดูสดใส บวกกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้านั้นแล้ว ทำให้ดูเป็นคนที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง เขาสูงมากแต่ยังสูงสู้อีกสองคนไม่ได้
คนถัดมาเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ตาสีเทาซึ่งยังคงความหล่อไม่น้อยกว่าคนแรก ส่งยิ้มให้เธอนิดๆ ท่าทางดูเป็นคนเรียบร้อย สูงกว่าคนแรกนิดหน่อย
คนสุดท้ายท่าทางเขาน่ากลัวหน่อยๆสำหรับเธอ ผมสีนิลและดวงตาสีเดียวกับเส้นผม ทั้งที่มีความหล่อเหลาไม่แพ้สองคนแรก แต่กลับทำหน้าเรียบเฉย เหมือนเบื่อๆตลอดเวลา นั้นทำให้เค้าดูน่าเกรงสำหรับเซน่ามากทีเดียว
เซน่ารู้สึกแปลกใจที่คนแปลกหน้าเข้ามาทัก แต่พอมองดูรอบๆร้าน ก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่าจริงๆ คือ คนเต็มร้านทุกโต๊ะตอนไหนเธอไม่รู้ได้ เธอเข้ามายังว่างตั้งสองสามโต๊ะ ทำไมตอนนี้คนถึงเต็มโต๊ะไปหมดแล้วนะ และพวกเขาเข้ามาขออย่างสุภาพ ถ้าจะใจดำไม่ให้นั่งด้วยก็คงไม่ดี และเธอคิดว่าแค่แปบเดียวคงไม่เป็นไรหรอก
เดี๋ยวเธอก็จะไปแล้วนิน้า เพราะบริกรสาวก็เอาเมนูที่เธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว
"เอ่อ... ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว" เซน่าตอบตกลง ทำให้พวกเขานั่งลงในโต๊ะเดียวกับเธอ โดยที่คนผมเขียวนั่งลงข้างเธอ และคนผมน้ำตาลนั่งด้านนอกอีกฝั่ง ทำให้คนผมดำต้องนั่งฝั่งตรงข้ามเธอพอดี เขาแสดงท่าทางเหมือนไม่พอใจนิดๆ(ในสายตาเธอ) แต่ก็นั่งลงโดยไม่ได้มองหน้าเธอเลย ส่วนเธอก็รู้สึกกลัวเขาหน่อยๆจึงไม่คิดจะมองหน้าเขาเหมือนกัน
ชายทั้งสามคนหันไปสั่งน้ำชา ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่านายหัวเขียว?คนเดียวต่างหากที่สั่ง ส่วนเธอยังคงก้มหน้าก้มตากินขนมของตัวเองต่อ จะได้รีบๆออกจากร้านไป
"ไม่ต้องรีบก็ได้ เดี๋ยวติดคอหรอก"คนผมสีน้ำตาลพูดขึ้น เขาคงเห็นว่าเธอรีบไปหน่อยมั้ง
"อ่อ... ลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ คาเอล
เอราส ส่วนคนผมสีน้ำตาลที่นั่งตรงข้ามฉันชื่อ เวทาย
เซเวรัส ส่วนคมหน้าเข้มๆที่นั่งตรงข้ามเธอนะ ชื่อ ดาร์ก ดาเรเนีย พวกเราไม่ใช่คนดินแดนนี้หรอกมาเที่ยวกันเฉยๆ แล้วเธอละ" นายหัวเขียวว่ามาเป็นชุดเลย
แล้วเธอไปอยากรู้ตอนไหนเนี้ย
"ฉันชื่อ เซน่า เป็นคนดินแดนนี้"
เธอตอบอย่างรวบรัด ด้วยความที่ไม่อยากบอกชื่อตระกูล
ถ้าบอกไปใครๆก็รู้จักคฤหาสห์ลูเซเลอร์ทั้งนั้นแหละ
เธอไม่ค่อยชอบการถูกซักถามหรือเป็นที่สนใจเท่าไร เธอกำลังจะก้มลงกินต่อ แต่นายหัวเขียว
ไม่ใช่สิ
คาเอล
อืม
นายคาเอลชวนคุยต่อซะก่อน
"อืมนั้นสินะ ว่าอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเป็นคนดินแดนนี้ แล้วเธออายุเท่าไรละ จะได้เรียกถูก" คาเอลถามต่อโดยไม่สนใจเพื่อนๆของตัวเองที่นั่งทำหน้าเกรงใจให้เซน่าเลย แต่ที่พวกเขาไม่ขัดคาเอลเพราะอยากจะรู้จักเซน่าเช่นกัน เซน่าถือเป็นคนแปลกทีเดียวสำหรับพวกเขา คนส่วนน้อยเท่านั้นแหละที่ไม่รู้จักพวกเขาจริงๆ อย่างน้อยเวลาบอกชื่อตระกูลก็น่าจะรู้จักบ้าง แต่หญิงสาวคนนี้ไม่ได้แสดงอาการอยากรู้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร ทั้งยังไม่เหมือนสาวๆคนอื่นด้วย เธอดูไม่สนใจพวกเขา จะมีสักกี่คนเชียวที่ทำแบบนี้ ไม่สนใจนะไม่แปลกเท่าไร แต่นี้ยังเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับพวกเขาด้วย เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจนั้นแหละ หรือว่าเค้กตรงหน้านั้นน่าสนใจกว่าพวกเขา
"15 จะ16ปีนี้ละ"
การถามอายุในการสนทนากันครั้งแรกของคนไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไร
"อืม อย่างนั้นก็เท่าๆกันนะสิ พวกเราก็ 16 ปีนี้เหมือนกัน แล้วเธอจะเข้าโรงเรียนอะไรละ" คาเอลถามด้วยความอยากรู้ เผื่อว่าจะเป็นโรงเรียนเดียวกัน
โรงเรียนหรอ นั้นสินะ ปีนี้เธอก็จะ
16 แล้ว คงต้องเข้าโรงเรียนสักแห่ง แต่จะเลือกไม่เข้าก็ได้มั้ง ถ้าเธอเข้าไปเรียนแล้วเรื่องธุรกิจของครอบครัวละ แต่ถึงไม่มีเธอธุรกิจก็ไปได้นี้น้า ยังมีพี่เวลล่าคนดูแลอยู่อีกทั้งคน แต่ก็นะ พักอยู่ที่บ้านสบายๆดีกว่า
"ไม่รู้สิ เอ่อ.. ต้องไปแล้ว ลาก่อนนะ" เธอตอบพร้อมไปจ่ายเงินที่คาเตอร์* ทั้งๆที่เขามีบริกรเรียกเก็บเงินด้วย แต่เธอเลือกที่จะออกมาจ่ายเองดีกว่า เพราะเธอไม่รู้จะคุยอะไรต่อ แล้วเธอก็กินเสร็จแล้วด้วย จึงตัดสินใจไปรอพี่เลี้ยงที่ลานจอดรถฝั่งตะวันออกเลยดีกว่า
*คาเตอร์ จุดชำระเงินในร้านค้า
โดยไม่ได้หันมามองเลยว่ามีสายตาสามคู่จากคนที่เคยนั่งร่วมโต๊ะกันมองจนเธอลับสายตาไป
"โห... ไปซะแหละ นานๆทีจะเจอคนแปลกๆที่ไม่รู้จักพวกเรา แถมสวยด้วยอีกต่างหาก" คาเอลบ่นออกมาอย่างนึกเสียดายที่ได้ทำความรู้จักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"นายนะ ทำให้เขาตกใจเห็นรึเปล่า ดูรีบหนีออกไปเลย" เวทายว่าเพื่อน เพราะเห็นเซน่าไม่ค่อยอยากรู้จักพวกเขาเท่าไร
"ใครบอกเขาตกใจฉัน เขากลัวคนข้างๆนายมากกว่า นั่งนิ่งตีหน้าขรึมใส่เขาซะขนาดนั้น" ดาร์กที่ฟังการสนทนาของเพื่อนโดยที่ลากเขาไปเอี่ยวด้วยทั้งที่เขาอยู่เฉยๆพลางคิดในใจ สงสัยคงอยากหาเรื่องละมั่งนั้น
"ไม่ต้องไปโทษมันเลย แกแหละคาเอล พูดรัวซะ เธอรีบหนีไปเลย ดูสิ ยังไม่รู้เลยว่ามาจากตระกูลไหนเลย"
คาเอลเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเซน่าไม่ได้บอกไว้
โอะ... "ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า คงจะได้เจอกันอีกแน่ๆ ไม่ก็ถ้าท่านชายของเราอยากรู้ก็หาเองแหละ ดูจะถูกใจท่านชายของเรานะคนนั้นนะ" คาเอลว่าพลางยักคิ้วลิ่วตาไปทางดาร์ก
"กินเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นกลับ" ดาร์กว่าด้วยไม่อยากสานต่อเพื่อนให้เสียอารมณ์เล่น แต่เขาไม่ปฎิเสธหรอกนะว่าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอเธอมากกว่า แต่ช่างเถอะ สักวันคงได้เจอกันใหม่
เวทายและคาเอลหันมายิ้มให้กันเล็กน้อย พร้อมรีบเดินตามคนที่เดินนำออกไป โดยไม่ลืมวางเงินที่มากเกินค่าน้ำชาถึงสามเท่าให้บริกรแปลกใจ นึกสงสัยว่าคงเป็นลูกคนมีเงิน
ฝ่ายเซน่าเมื่อออกจากร้านแล้วจึงเดินดูตลาดอีกพักหนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินกลับไปรอที่รถดีกว่า มารอพี่เลี้ยงสาวเพียงไม่นาน พี่เลี้ยงสาวของเธอก็เดินมา แล้วพวกเธอจึงตรงกลับคฤหาสห์ เพื่อพักผ่อน เธอไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้นานเท่าไรแล้วนะ มาทีก็เจอพวกคนประหลาดเข้ามาทัก เธอไม่ได้รังเกียจหรอกที่จะมีเพื่อน และก็ไม่ใช่คนขี้อายมากมายอะไร เพียงแต่เธอไม่ชินกับการพูดกับคนแปลกหน้า(ก็คนอื่นๆทั้งหมดนั้นแหละ) เมื่อรู้ว่าคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จึงเปลี่ยนใจเป็นรีบพักผ่อนตามที่ต้องการ
ผ่านไปอีกวันแล้วนะค่ะ หนูคิดถึงพ่อกับแม่จังเลยค่ะ หนูจะเป็นเด็กดีนะค่ะ
หญิงสาวคิดพลางล้มตัวลงนอนผักผ่อน เพราะรู้สึกเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
__________________________________________________
ตอนนี้ ไรต์พยายามระวังเรื่องคำผิดด้วย
>>มีความรู้สึกว่าตอนแรกยาวจังเลย รีไปมึนไป
ถ้าพบคำผิด สะกิด ไรต์ด้วยนะค่า
ตอนแรก เนื้อหามีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย
ติดตามกันอยู่รึเปล่าค่า
ความคิดเห็น