คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
บทที่ 2
“คุณภีม...”
โรสิตาวิ่งมาหยุดหอบอยู่ตรงทางเดินนั้น ขณะที่มือหนึ่งก็เกาะราวเหล็กแน่น ซึ่งตอนนี้เองเธอเองก็รู้สึกได้ว่าจังหวะการเต้นของหัวใจบัดนี้กลับแรงและถี่กว่าปกติ
เหนื่อยก็สาเหตุหนึ่ง แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมด!
เธอ...ไม่อยากเจอเขา? งั้นหรือ ไม่สิ...แต่กลัวเจอแล้วจะทำตัวไม่ถูกต่างหาก
สาวเจ้าของร้านขนมไทยขึ้นชื่อยังจำได้ดี เมื่อห้าปีก่อนหน้านั้น...ภควัตรคงไม่รู้ว่าวันที่เขาตัดสินใจจากมาตุภูมิไปด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำโรสิตาที่เจ็บปวดไม่ต่างกันยังแอบมาส่งเขาด้วย
แล้ววันนี้เล่า...เขาไม่ได้มาคนเดียว ภควัตรมีใครเดินเคียงมาด้วยโรสิตาก็เห็นอยู่ แล้วจะให้เธอที่เลือกเดินออกมาเองในตอนแรกหวนกลับเข้าไปเพื่อแทรกตรงกลางในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อย่างนั้นหรือ?
“ไม่ควร!”
“พี่โรส...”
เสียงเล็ก แหลม ทำให้คนที่กำลังยืนเหม่ออยู่สะดุ้ง เพียงชั่วขณะหนึ่งเมื่อหันกลับมาก็พบว่าพิมพ์พิชชา แอร์โฮสเตสสาวผู้มีบุคลิกภายนอกที่ดูสวยเปรี้ยว โฉบเฉี่ยวอดีตรุ่นน้องสมัยเรียนมัธยมยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า โรสิตาจึงฝืนยิ้มให้ดูเหมือนอยู่ในอารมณ์ที่เป็นปกติ
“อ้าว พิมมี่ คอยนานไหมจ๊ะ”
“ไม่เลยค่ะพี่โรส พิมมี่เพิ่งลงจากเครื่องเดี๋ยวนี้เอง”
“อ้อ...งั้นหรือจ๊ะ”
แล้วโรสิตาก็ยื่นถุงขนมที่อีกฝ่ายได้โทร.สั่งไว้เมื่อสองวันก่อนยื่นให้อย่างไม่รีรอ แล้วทั้งสองก็ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกันอยู่ครู่หนึ่ง โรสิตาที่นึกขึ้นได้ว่าหากอยู่ในสถานที่เดียวกับอดีตคนเคยรักของตนนาน ๆ คงไม่ดีแน่จึงรีบหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวกลับ
“พี่ต้องกลับแล้วนะ ห่วงลูกกลัวยัยอันนาทำวุ่นน่ะ”
แล้วชื่อของเด็กหญิงอลีนาก็ทำให้พิมพ์พิชชาตาลุกวาว คนที่รักเด็กเป็นชีวิตจิตใจพยักหน้าให้แถมยังว่า “งั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเอาไว้ว่าง ๆ พิมมี่ไปหาหลานนะคะ”
“จ้ะ”
เพราะเจ้าตัวบอกไม่เป็นไร ภควัตรที่ถามว่าจะให้มาส่งที่บ้านไหมก็ปล่อยให้มุกลิณญ์เรียกรถแท็กซี่กลับมาเองโดยไม่ถามซ้ำ และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้คุณหนูมุกของคนทั้งบ้านต้องมานั่งหน้าง้ำ แม้ป้าประนอมจะเอาอกเอาใจยกใหญ่โดยการถาม “คุณหนูมุกอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะเดี๋ยวป้าทำให้” เธอก็ทำเมินเสียทั้งยังว่า
“ไม่ดีกว่าค่ะ มุกเบื่อ”
“โถ่...คุณหนูมุกเบื่อป้าแล้วหรือคะ?”
คำย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาทำให้มุกลิณญ์รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เธอที่ลืมตัวว่าไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวไปกระทบถึงบุคคลอื่นจึงรีบหันมามองนางประนอมทั้งยังทำหน้าเจื่อน แล้วจึงว่า “ป้าประนอม มุกขอโทษค่ะมุกไม่ได้หมายถึงป้านะคะ”
“แล้วคุณหนูมุกเป็นอะไรคะ” นางพะเน้าพะนอหญิงสาวที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกด้วยความเป็นห่วง “บอกป้าได้ไหมคะเผื่อป้าจะช่วยได้บ้าง”
“ก็พี่ภีมน่ะสิคะ มุกแกล้งบอกว่ามาเองได้ก็ปล่อยให้มุกกลับมาเองจริง ๆ น่ะ” แล้วมุกลิณญ์ก็เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาทางน้ำเสียงที่อู้อี้นั้น “จะถามซ้ำสักคำหรือก็ไม่มี”
ใช่ แม้มุกลิณญ์จะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอกับภควัตรไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าพี่ชายและน้องสาว แต่เขาเองก็รู้ว่าเธอคือน้องสาวที่พิเศษกว่าบรรดาลูกเพื่อน ๆ ของทั้งบิดาและมารดาคนอื่น ๆ เขาจะตื๊อมาส่งเธอหน่อยไม่ได้เชียวหรือ
และหน้าตาที่บูดบึ้งนั้นก็ทำให้นางประนอมป้องปาก แอบขำจนคนที่อ่อนวัยกว่าต้องถามอีก
“ป้าประนอมขำอะไรคะ”
“ก็คุณหนูมุกของป้าน่ะสิคะปากไม่ตรงกับใจ” นางคลี่ยิ้มกับดวงหน้าสวยที่ขมวดหัวคิ้วจนมุ่น ก่อนจะขยายความ “ปากก็บอกว่าเกลียดพี่ภีมบ้างล่ะ อะไรบ้างล่ะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงยังอยากให้เขามาส่งที่บ้านล่ะคะ”
“ก็...” มุกลิณญ์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหาเรื่องมาอ้างไปเรื่อยเพื่อแก้เก้อ “ตอนอยู่ปารีสมุกสอนภาษาให้พี่เขาตั้งเยอะแทนที่จะได้ไปเดินช้อปปิ้งสบาย ๆ ยังต้องมานั่งตรวจการบ้านให้อีก ถึงตอนนี้มุกก็ต้องถอนทุนคืนบ้างสิคะ”
ส่วนภควัตรเอง เมื่อมาถึงบ้านเขาก็รีบย่องไปโอบมารดาจากทางด้านหลังทันทีจนศุภลักษณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวมีสะดุ้ง และเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือบุตรชายตนเธอก็กอดหอมยกใหญ่ทั้งยังลูบหน้าลูบตาไปมาด้วยความคิดถึง จากนั้นมารดาจึงเอ่ยถาม
“เป็นไงบ้างจ๊ะ เดินทางไกลคงเหนื่อยแย่”
“แค่ได้กอดคุณแม่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ”
เพราะช่างประจบแบบนี้ ภควัตรจึงถูกมือเรียวฟาดที่แขนไปทีหนึ่ง ก่อนที่ศุภลักษณ์จะว่า “ปากหวานจริงลูกคนนี้”
แล้วนพสิทธิ์ผู้เป็นทั้งสามีของศุภลักษณ์และบิดาของภควัตรในเวลาเดียวกันซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากในครัวก็เสริมให้ “ก็ติดคุณยังไงล่ะคุณศุ”
“ติดคุณนั่นแหละค่ะ” แล้วมารดาก็เปลี่ยนเรื่องทันที “เอ้อ...แล้วหนูมุกล่ะลูก”
“น่าจะถึงบ้านแล้วมั้งครับ”
เท่านั้นศุภลักษณ์ก็แผดเสียงขึ้นทันที “ตายจริง นี่เราไม่ได้ไปส่งน้องที่บ้านหรอกเหรอตาภีม?”
“ผมถามแล้วครับ มุกเขาบอกเขากลับเองได้”
เมื่อถูกถามภควัตรก็ตอบไปตามตรง ทว่านั้นกลับทำให้ศุภลักษณ์ถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับทันที
ใช่...เขารู้เจตนาว่ามารดาคิดอย่างไร ในฐานะเพื่อนต่างรุ่นเมื่อสมัยที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันที่ต่อมากลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดีต่อกันศุภลักษณ์ย่อมหมายมาด ไม่มีใครคู่ควรกับบุตรชายตนมากไปกว่ามุกลิณญ์ บุตรสาวเพียงคนเดียวของมาริสา สาวผู้ดีเก่าคนนั้นอีกแล้ว
แต่กระนั้น นับแต่วันที่ภควัตรไปทำแสบไว้ที่งานวันเกิดของฝ่ายหญิง ทั้งยังว่าเด็กหญิงลับหลังว่ายัยอ้วนฉุจะไม่มีวันแต่งงานด้วย มารดาก็ไม่ได้บังคับขนาดนั้น ขนาดรู้ว่าภควัตรคบหาอยู่กับโรสิตาเธอก็ไม่ได้ห้าม จนเมื่อเขาไม่ยอมไปเรียนต่อตามที่ตนร้องขอเพราะติดห่วงแฟนสาวมารดาที่คาดหวังให้ลูกชายคนเดียวจบปริญญาโทเพื่อกลับมาช่วยบิดาที่มีอายุทำงานสายบริหาร ศุภลักษณ์ที่ดูเหมือนจะยื่นข้อเสนอที่โหดร้ายให้กับโรสิตาด้วยความเลือดเย็นยังคิดหนัก
แต่จะทำไงได้ ธรรมดาของแม่ก็ย่อมต้องนึกถึงอนาคตของลูกก่อนสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว
และเมื่อภควัตรกลับมาโสดอีกหน การจะจับคู่เขากับผู้หญิงที่ตนคิดว่าเหมาะสมย่อมไม่ผิด!
“ลูกนะลูก ทำไมซื่อแบบนี้นะนี่ไม่รู้หรือไงว่าคำว่าไม่สำหรับผู้หญิงคือใช่ เขาต้องการตามที่เราเสนอให้น่ะ เฮ้อ...เรานี่มันซื่อบื้อติดใครกันนะ” ศุภลักษณ์ที่บ่นบุตรชายเป็นหมีกินผึ้งชำเลืองหางตามาทางสามีแล้วจึงค่อนว่า “หึ! ฉันว่าติดคุณนั่นแหละค่ะคุณนพ!”
แล้วนพสิทธิ์ก็ทำตาโตแล้วจึงกระเซ้ากลับ “นี่คุณศุ อย่ามาโทษกันนะครับ”
“หึ ไม่ให้โทษคุณแล้วจะให้โทษใครล่ะคะ”
“คุณแม่...”
ทันทีที่โรสิตาย่างกรายเข้ามาภายในรั้วบ้าน เสียงน้อย ๆ ของเด็กหญิงผมเปียวัยเกือบสี่ขวบก็ดังแจ้วพร้อมกับร่างกลม ๆ ในชุดแทรกสีสดที่วิ่งออกมาจากหลังบ้านด้วยความดีใจ เท่านั้นคนเป็นแม่ก็นั่งยองลงพลางอ้าแขนรับแล้วกอดเจ้าตัวน้อยไว้หลวม ๆ จากนั้นเด็กหญิงผู้ได้นามจริงว่า ‘อลีนา’ ซึ่งเป็นชื่อที่คุณยายทวดของเธอได้ขอให้พระคุณเจ้าที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีตั้งให้ กับชื่อเล่น ‘อันนา’ ที่มารดาตั้งตามชื่อของเจ้าหญิงในการ์ตูนก็ซักไซ้
“คุณแม่ไปไหนมาคะ ทำไมหายไปนานจังอันนาคิดถึง”
แล้วโรสิตาก็ลูบไรผมของเด็กหญิงที่ตนก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าเกิดจากใครเพียงแผ่วเบาอย่างรักใคร่ ก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วว่า “คุณแม่เอาขนมไปส่งมาค่ะ”
“ส่งทำไมคะ?”
“ก็...จะได้มีเงินกลับมาซื้อพี่ตุ๊กตาหมีให้หนูไงคะ”
เท่านั้น รอยยิ้มกว้างก็ฉาบฉายขึ้นบนดวงหน้าน้อย ๆ ทั้งคนที่กอดมารดาหลวม ๆ ยังว่า “จริง ๆ นะคะคุณแม่”
“จริงสิจ๊ะ ถ้าหนูไม่ดื้อกับคุณยายแล้วก็คุณทวดเวลาแม่ไม่อยู่ แม่ก็จะซื้อให้หนูจ้ะ”
“อันนาไม่ดื้อเลยค่ะ”
ดวงตากลมโต กับปากน้อย ๆ ที่บุ้ยบอกเพื่อยืนยันอย่างหนักแน่นแบบเด็กน้อยอ่อนเดียงสาทำให้โรสิตาเผยยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งเธอยังยกนิ้วโป้งให้อีก “ดีมากจ้ะ” แล้วก็จูงกันเดินเข้าบ้านไปโดยพลัน
“นี่จ้ะ”
ครั้นเมื่อเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวยาว พนิตา มารดาของโรสิตาทั้งยังพ่วงด้วยศักดิ์คุณยายของเด็กหญิงอลีนาก็ยื่นนามบัตรใบจิ๋วให้ ก่อนจะขยายความ “มีคนเขาติดต่อเข้ามา จะหาร้านเราไปจัดเลี้ยงที่งานแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับงานศิลปะและงานฝีมืออาทิตย์หน้าน่ะจ้ะ”
“แล้วแม่ได้ว่ายังไงบ้างคะ”
“แม่รอถามเราก่อนน่ะยัยโรส”
ค่ำนั้น คนที่ฝากนามบัตรไว้ที่มารดาก็ติดต่อกลับมา โดยฝ่ายทางนั้นได้แจกแจงรายละเอียดครบถ้วน และในรายละเอียดนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้โรสิตามีความกังวลใจคือเลิกงานตอนค่ำ เธอห่วงว่าลำพังมารดากับคุณยายจะดูแลเด็กหญิงอลีนาอย่างไรจึงขอคิดดูก่อน
แต่เมื่อพนิตาบอกกว่า “ไปเถอะ ทางนี้แม่ดูแลกันได้” โรสิตาที่เล็งเห็นความสำคัญในการตีตลาดให้คนภายนอกได้รู้จักร้านขนมของตนก็ตอบตกลงทันที
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ทว่านั่นกลับไม่ทำให้ภควัตรที่กำลังอ่านรายงานผลการประกอบการในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาไหวติงได้ ส่วนศุภลักษณ์เมื่อเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วเห็นบุตรชายยังนั่งจ้องแผ่นกระดาษเอสี่นิ่งจึงกระแอมใส่
“อ้อ...”
เห็นว่ามารดายืนอยู่เบื้องหน้า ภควัตรก็รีบปิดแฟ้มสีดำเล่มใหญ่ทันที เขายิ้มบาง ๆ ให้กับผู้มาใหม่พร้อมกับถาม “คุณแม่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“ถ้าไม่มีจะมาไม่ได้หรือจ๊ะ”
“ได้สิครับ”
แล้วศุภลักษณ์ก็หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้
“อะไรเหรอครับ?”
เพราะไม่เข้าใจว่ามารดาจะสื่ออะไรภควัตรจึงเลิกคิ้วถาม ขณะที่มือข้างที่ถือคัตเตอร์อยู่กลับค่อย ๆ กรีดตามรอยนั้นไปด้วย และเมื่อดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาดูบุตรชายกลับยิ่งงงไปใหญ่
“บัตรชมนิทรรศการงานศิลป์นี่ครับ” เขาพลิกบัตรสองใบนั้นสลับไปมาแล้วก็ถามต่อ “คุณแม่เอามาให้ผมทำไมครับ”
“โทร.ชวนน้องไปด้วยกันสิจ๊ะ”
ศุภลักษณ์ทำตามที่ผู้ให้มาแนะนำทันทีโดยการยุส่ง หากภควัตรที่ยังไม่หายงงกลับถามขึ้นอีก
“น้องไหนครับคุณแม่”
นั้นจึงเป็นสาเหตุให้ศุภลักษณ์ทอดถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอกอดอกพลางกรอกตามไปมาแล้วจึงกระแทกเสียงว่า “ก็หนูมุกลิณญ์ไงล่ะ”
แล้วทำไมภควัตรจะต้องชวนฝ่ายนั้นไปด้วย เธอจะชอบหรือเปล่าไม่รู้มารดาจะไม่ให้เขาได้ถามเธอเลยหรือ และเมื่อคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มจึงว่า
“มุกเขาจะชอบอะไรแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
เพราะงานที่ต้องใช้จินตนาการในการดูอย่างยิ่งยวดกว่าจะเข้าถึงเช่นงานที่ศุลักษณ์ว่า อย่าว่าแต่มุกลิณญ์เลยเขาเองก็ยังตอบไม่ได้เลยว่าจะชอบมันหรือไม่ แต่กว่าภควัตรจะคิดได้ว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธไปเสีย มารดาก็โทรศัพท์ไปนัดแนะกับมาริสาเรียบร้อยแล้ว
ข้อความที่มารดานำมาบอก “พี่ภีมเขาโทร.มาชวนหนูไปชมนิทรรศการอาทิตย์หน้าน่ะจ้ะ” ทำให้หัวใจของมุกลิณญ์พองโตในแวบแรก ว่าเมื่อลองมาครุ่นคิดดูอย่างละเอียดอีกครั้งในใจของมุกลิณญ์ก็มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาแทนที่
พี่ภีมน่ะหรือจะสนใจเรื่องพวกนี้
เพราะขนาดเธอโทร.ไปชวนดูหนังด้วยกันเขายังคิดแล้วคิดอีก ดังนั้นในท้ายที่สุดหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยถามมารดาอย่างตรงไปตรงมา “พี่ภีมโทร.มาเองหรือว่าคุณป้าศุภลักษณ์โทร.มาคะ”
คำถามนั้นทำมาริสาอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วมารดาก็ยิ้มขำกลบเกลื่อนก่อนจะว่า “ก็เหมือนกันแหละลูก พี่ภีมเขาอาจจะติดประชุมก็ได้”
“งานมีหาตั้งอาทิตย์หน้า ประชุมเสร็จค่อยโทร.มาชวนก็ได้นี่คะ”
“ก็ป้าศุภลักษณ์แกใจร้อนน่ะ”
ถึงจะหาข้อมาแย้งอย่างไรมาริสาก็จะต้องหาเรื่องแก้ตัวแทนอีกฝ่ายให้ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอแกล้ง ๆ เชื่อมารดาไปก่อนก็ได้ “งั้นก็แล้วไปค่ะ”
ภควัตรนัดไว้ว่าจะเข้ามารับมุกลิณญ์ช่วงก่อนเที่ยง เนื่องด้วยช่วงเช้าเขาติดประชุมกับบอร์ดผู้บริหารและไม่สามารถปลีกตัวออกมาก่อนได้ ส่วนมุกลิณญ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขามาตอนไหนก็ตอนนั้น
แต่กระนั้นพอเอาเข้าจริง เมื่อดวงตากลมสวยที่กรีดทับด้วยอายไลเนอร์เส้นเล็กคมปรายมองนาฬิกาที่ข้อมือและพบว่าบัดนี้เวลาได้ล่วงเลยจากที่นัดไว้ตอนแรกเกือบชั่วโมงแล้ว บนดวงหน้าสวยก็เจื่อนลงเล็กน้อย จนป้าประนอมเดินเข้ามาและเทียบเคียงถาม “คุณหนูมุกจะรับอะไรรองท้องก่อนไหมคะ” หญิงสาวที่นั่งชะเง้อมองอยู่บนโซฟาสีเทาอ่อนก็หันมาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วก็ทอดมองไปที่ประตูรั้วอย่างเดิม
จนรถยุโรปสีดำเคลื่อนเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน ร่างแบบบางในชุดแดรสคลุมเข่าสีชมพูอ่อนจึงลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายข้างที่วางอยู่ขึ้นค้องไหล่พร้อมหันมาบอกอะไรกับนางประนอมสองสามคำแล้วก็เดินออกไปทันที
“รอพี่นานไหมครับมุก”
มุกลิณญ์ไม่รู้ว่าการที่ภควัตรถามขึ้นแบบนี้จะเป็นเพราะด้วยรู้สึกผิดหรือว่าอะไร แต่...ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้ตอบคนที่มีความอัดอั้นตันใจอยู่เล็กน้อยจึงพยักหน้า
“ก็นิดนึงค่ะ” เสียงใส ๆ นั้นบอกชัดว่าคงแววของคนที่เอาแต่ใจอยู่บ้างเล็กน้อย และเมื่อนึกถึงว่าเขาคงงานยุ่งหรือระหว่างทางอาจเจอรถติด สาวเจ้าจึงแก้ให้ “แต่ไม่เป็นไรค่ะ มุกรู้ว่าพี่ภีมมีงานต้องทำ มุกเข้าใจค่ะเพราะถ้าจะว่ากันจริง ๆ แล้วก็มุกซะอีกที่เป็นคนรบกวนเวลางานของพี่”
“มุกครับ” แทนที่จะโกรธที่ถูกว่าให้ ภควัตรกลับยิ้มขำ ก่อนจะว่า “อย่าลืมสิครับว่าพี่เป็นคนชวนมุกมาเอง แล้วมุกจะบอกว่ารบกวนเวลางานของพี่ได้ไงครับ”
แล้วมุกลิณญ์ก็เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางกระจกเพราะชอบดูอะไรข้างทางทันทีอย่างไม่อยากเถียงต่อ
งานที่ว่านั้นถูกจัดขึ้นภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการของห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง และแน่นอนเมื่อเข้าไปถึงมุกลิณญ์ที่ชอบดูงานทำนองนี้อยู่แล้วก็เดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้นกับความละลานตานั้น ทั้งยังได้เจอเพื่อนมากหน้าหลายตาจึงพากันคุยอย่างเพลิดเพลินโดยไม่สนใจภควัตรอีก
ชายหนุ่มที่อาสาพามาเพราะว่าขัดคำมารดาไม่ได้จึงเดินเลี่ยงไปทางอื่นเสีย
“คุณโรสิตา เดี๋ยวช่วยตักขนมใส่ถ้วยให้ผมทีนะครับ” เมื่อชายคนหนึ่งร้องขอให้ช่วย ทั้งยังบอกว่า “พอดีแขกผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงโซนวีไอพีเขาสนใจน่ะครับ”
โรสิตาก็รีบขะมักเขม้นจัดให้ตามคำขอ โดยไม่คิดว่านอกจากขนมไทยจากร้านของตนจะถูกปากบรรดาผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านแล้วยังถูกปากชายหนุ่มวัยไล่ ๆ กันกับเธอด้วย
รามิลรับขนมจากมือของคุณราเชนทร์ผู้เป็นบิดามาได้ก็รับประทานตุ้ย ๆ ด้วยความเอร็ดอร่อยจนลืมสนใจภาพลักษณ์ของว่าที่ผู้บริหารคอมมูนิตี้มอลล์คนใหม่ไปชั่วขณะ จนน้ำหนึ่งลูกพี่ลูกน้องสาวหันมาเห็นเธอจึงตีเผียะให้ที่ต้นแขน ทั้งยังว่า
“กินดี ๆ ค่ะพี่มิล”
“ก็มันอร่อยนี่ยัยหนึ่ง”
“ก็นั่นแหละ” แล้วสาวที่พ่วงตำแหน่งเลขาของเขาอีกหนึ่งตำแหน่งก็ออกไอเดียร์ “ถ้าจะอร่อยขนาดนั้นเราก็หาเขาไปเลี้ยงรับรองแขกที่งานเปิดคอมมูนิตี้มอลล์เลยเป็นไง?”
“ถือว่าคิดได้ดี” คราวนี้พี่ชายเห็นด้วยแต่ก็อดแซวต่อไม่ได้ “เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแกคิดอะไรดี ๆ กับเขาได้บ้างก็ตอนนี้นี่แหละ”
น้ำหนึ่งหันไปบุ้ยหน้ากับราเชนทร์ผู้เป็นลุงแท้ ๆ แล้วจึงสะบัดเสียงใส่รามิล “พูดซะเว่อร์เชียวนะคะ”
ส่วนโรสิตาเอง เมื่อเห็นว่าช่วงบ่ายคนซาลงก็หันมาบอกกับชะเอมว่าให้เฝ้าอยู่ก่อน แล้วก็เดินมาเข้าห้องน้ำ ก็เป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะกันกับที่ภควัตรเดินออกมาจากห้องน้ำชายที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งพอดี
เพียงหางตาตวัดไปอีกฝั่ง ภควัตรก็รู้สึกคุ้นหน้าคนที่กำลังเดินดิ่วเข้าไปในห้องน้ำฝั่งตรงข้ามอย่างบอกไม่ถูก
“โรสิตา!”
เขาไม่ลังเลที่จะเอี้ยวตัวและวิ่งตามเธอเข้าไปอย่างไม่ลังเล แต่เพราะสายตาหลายคู่ที่ทอดมองมาราวเขาเป็นสิ่งประหลาดทำให้เท้าทั้งสองข้างชะงักอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้านั้นเอง แล้วภควัตรก็เหลือบขึ้นมองป้ายซึ่งอยู่ระดับที่สูงกว่าศีรษะเล็กน้อยเขาจึงได้เห็นสัญลักษณ์ที่ติดอยู่ พร้อมกับคำว่า ‘WOMEN’ ชายหนุ่มถึงเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมทุกสายตาถึงจ้องเขาเช่นนั้น
เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ที่ที่ควรจะยืนอยู่นาน เขาจึงถอยออกมา
“คอยอยู่ตรงนี้ก็ได้”
ทว่าความตั้งใจรอดูว่าคนที่เพิ่งเดินเข้าไปจะใช่คนที่เขาโหยหามาตลอดระยะเวลาห้าปีเต็มหรือไม่ก็ต้องล้มเหลว เมื่อมุกลิณญ์เดินเข้ามาใกล้แล้วพูดแจ้ว ๆ ว่า “พี่ภีมอยู่นี่เองค่ะ”
“อ้อ...มุกมาเข้าห้องน้ำหรือครับ”
เขาแอบหวังว่าหากคนตรงหน้าเข้าไปทำธุระในห้องน้ำก็จะเป็นการยื้อเวลาให้เขาได้รอเจอใครคนนั้นได้อีกสักหน่อย หากแต่สาวเจ้ากลับยิ้มพรายแล้วว่า “มุกไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำหรอกค่ะ มุกจะมาชวนพี่ภีมกลับบ้านต่างหาก”
ใจจริงภควัตรยังไม่อยากกลับเลย หากกลับไปตอนนี้ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะใช่โรสิตาหรือไม่เขาคงรู้สึกค้างคาใจจนแทบจะเป็นบ้าตายแน่
แต่จะหาอะไรมาอ้างได้เล่า...
_________________
มาต่อแล้วน้าาา
รีไรท์ใหม่รับรองบทโรสกับภีมเยอะกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้าแน่นอนค่ะ ก็คนคยรักอะเน๊อะ...อยูู่ ๆ มาหนีหน้ามันก็จะงง ๆ อยู่หน่อย ๆ
ความคิดเห็น