ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ้อมใจปรารถนา (มี E-book แล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 22

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 64


    บทที่ 22

     

    วันนี้เป็นวันเกิดของเด็กหญิงอลีนาผู้เป็นดวงใจของทุกคนในบ้าน ทั้งยังเป็นปีแรกที่มารดายอมจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ภายในครอบครัวให้ตามคำขอของบุตรสาว ดังนั้นเพื่อให้บรรยากาศไม่ดูเงียบเหงาจนเกินไปโรสิตาจึงได้ชวนคนที่สนิทกันมาสองสามคนด้วย และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวบ้านรามิลที่ไม่สันทัดเรื่องงานในครัวก็เดินเข้าไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณยายบุญเรือนทันที ส่วนน้ำหนึ่งที่ยังเซ็ง ๆ กับพี่ชายที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวก็ยิ้มให้พิมพ์พิชชาแบบเจื่อน ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายและช่วยพนิตาจัดแจงในส่วนของของหวาน

    ที่เหลืออยู่ในครัวจึงมีแค่โรสิตากับพิมพ์พิชชาเพียงเท่านั้น

    และทันทีที่หาที่นั่งได้เรียบร้อย โรสิตาก็ยกถาดวัตถุดิบสำหรับเสียงบนไม้บาร์บีคิวกับหม่าล่ามาให้พิมพ์พิชชาทันทีเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านในเรื่องที่เพิ่งปะทะกับคนที่คุยกับคุณยายอยู่ข้างนอก แต่กระนั้นคนช่างพูดที่พอจะลืมเรื่องนั้นไปได้บ้างแล้วเพราะได้รับคำขอโทษที่น่าพึงพอใจ ทั้งฝ่ายคนชนยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรับผิดชอบให้ตามสมควรก็มีประเด็นใหม่ให้ชวนเปิดบทสนทนาอีกตามเคย

    “เอ้อ...พี่โรสรู้ข่าวยัยมุกบ้างไหมคะ”

    “ไม่นี่” โรสิตาที่กำลังล้างผักสดไปด้วยตอบแบบเรื่อย ๆ “ทำไมหรือ?” .

    “ก็ยัยมุกกำลังจะหมั้นกับพี่ภีมในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ไงคะ”

    น้ำเสียงของสาวรุ่นน้องระคนด้วยความปลื้มปริ่มยินดี หากนั่นกลับทำให้มือที่กำลังถูใบผักที่มีเศษดินติดอยู่ด้วยความระวังกลัวใบจะช้ำหยุดกึกทันที กระนั้นพิมพ์พิชชาที่ไม่ได้เงยหน้าดูโรสิตาที่อยู่ไม่ห่างก็ยังพูดต่อจ้อยแจ้ว หากโสตประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายกลับอื้ออึงไปเสียสิ้น...

    จนน้ำที่ไหลจากก๊อกเรื่อย ๆ ล้นซิงค์และไหลออกมานองพื้น พิมพ์พิชชาจึงชะงักคำแล้วก็ร้องทักสาวรุ่นพี่ขึ้นด้วยความตกใจ “พี่โรส น้ำล้นแล้วค่ะ”

    “อ้อ...”

    โรสิตารู้สึกเจ็บจุกไม่น้อยเมื่อได้ฟังข่าวที่น่ายินดีนี้ หากเมื่อหันไปหาพิมพ์พิชชาที่ขมวดคิ้วมองตนแบบงงๆ ระคนห่วงใย สาวเจ้าก็ยังจะมีแก่ใจฝืนยิ้มจาง ๆ แถมยังว่า “ฝากยินดีกับคุณมุกด้วยนะพิมมี่”

    “อื้ม...ค่ะ” พิมพ์พิชชาพยักพเยิด แล้วเธอที่เห็นว่าหน้าของโรสิตาดูซีดลงมากก็ทักขึ้นอีก “พี่โรสไม่สบายหรือเปล่าคะ?”

    โรสิตาที่ฝืนล้างผักตรงหน้าต่อจนเสร็จเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำพลางนำผักที่อยู่ในตะกร้าพลาสติกใบใหญ่มาวางบนโต๊ะ แล้วเธอที่เห็นว่านี่คงเป็นโอกาสอันดีอันจะอ้างเพื่อปลีกตัวไปอยู่ลำพังกับตัวเองสักครู่หนึ่งก็พยักหน้ารับเบา ๆ “มึน ๆ นิดหน่อยน่ะจ้ะ สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึก” พิมพ์พิชชาเห็นอย่างนั้นจึงออกปาก

    “ถ้างั้นพี่โรสไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้พิมมี่จัดการต่อเอง”

    “งั้นฝากด้วยนะพิมมี่ ยัยอันนาทำอะไรอยู่ไม่รู้พี่ขอไปดูลูกเดี๋ยว”

    “ได้ค่ะ”

    โรสิตาหลบมานั่งตามลำพังที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ตรงชั้นสอง คำบอกเล่าของพิมพ์พิชชาทำให้เจ้าตัวตระหนัก…ครั้งนี้เธอกับเขาคงได้หลุดจากวงโคจรของกันและกันแล้วจริง ๆ คิดแล้วก็ใจหายไม่น้อยทีเดียว เพราะต่อไปวันหนึ่งในอนาคตหากบังเอิญพบหน้าภควัตรอีก เธอกับเขาก็คงกลายเป็นเพียงคนเคยรู้จักที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปเท่านั้น

    ส่วนเธอเอง…โรสิตาหลับตานิ่งพลางบอกกับตัวเองในใจว่าต้องเข้มแข็งให้มาก รวมถึงต้องมีจิตใจที่มั่นคงไม่ไหวเอนกับสิ่งใดง่าย ๆ ด้วย

    แล้วข่าวหมั้นระหว่างภควัตรกับมุกลิณญ์เล่า ทำใจได้หรือ ก็ไม่!

    ทว่าต่อหน้าทุกคนโดยเฉพาะลูกที่กำลังโตและจำอะไร ๆ รอบตัวได้มากขึ้นทุกวันโรสิตาจำต้องเข้มแข็ง เพราะเด็กหญิงอลีนามีเพียงแค่เธอ รวมถึงเป็นทุกสิ่งอย่างในชีวิตของเธอด้วย เฉกนี้คนเป็นแม่จึงต้องตอกย้ำกับตนเองซ้ำ อย่า…ให้ลูกเห็นความอ่อนแอของตนเป็นอันขาด!

    แต่…เมื่อนึกย้อนถึงวันวานที่เคยหวานซึ้งน้ำอุ่น ๆ ที่คลออยู่ที่หน่วยตาก็พลันรินไหลทาบผ่านโหนกแก้มลงมาถึงคางแล้วจึงหยดลงมือเรียวบางอย่างแช่มช้า แต่แทนที่จะรีบปาดให้จางหายไปเสียโรสิตากลับปล่อยให้มันไหลเอื่อยอย่างนั้น จนเสียงฝีเท้าบางเบาดังมาจากทางด้านข้าง คนที่นั่งพิงข้างฝาจึงเบิกตาขึ้นพร้อมกับยืดหลังตั้งตรงทันที

    “คุณแม่…”

    โรสิตาที่เช็ดคราบน้ำตาเสร็จเรียบร้อยค่อย ๆ ผินหน้าไปทางเสียงเรียกจ้อยแจ้วของเด็กหญิงที่มีอายุครบสี่ปีพอดีก่อนจะคลี่ยิ้ม เด็กหญิงอลีนาในชุดกระโปรงฟูฟ่องแลดูละม้ายเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ซึ่งปรากฏอยู่ในเทพนิยายที่มารดาเปิดให้ดูยามว่างเดินเข้ามาใกล้ หนูน้อยเอียงหน้ามองมารดาผู้ให้ชีวิตเมื่อสี่ปีก่อนนิ่ง ครั้นเห็นน้ำตาเปื้อนหลังอยู่บนขนตาที่งอนยาวเด็กหญิงก็ยื่นมือมาปาดน้ำตาบนแก้มนวลสวยทั้งยังว่า

    “คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ”

    “เปล่าจ้ะ” ขณะที่พูดมือข้างหนึ่งก็แตะซ้ำบนมือเล็กไปด้วย “แม่แค่…แมลงมันเข้าตาแม่น่ะ ว่าแต่หนูเถอะแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก”

    “ค่ะ”

    แล้วโรสิตาที่ไม่อยากจมปลักอีกต่อไปก็ลุกขึ้นด้วยท่วงท่าที่แช่มช้า จากนั้นจึงก้มลงบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เราลงไปข้างล่างกันเถอะจ้ะ พวกลุงรามิลกับพี่พิมมี่มากันแล้ว”

    ชื่อของรามิลกับพิมพ์พิชชาทำให้รอยยิ้มบนหน้าน้อย ๆ ฉาบฉาย เมื่อเดินเคียงมารดาที่จูงมือหลวม ๆ เด็กหญิงที่นึกขึ้นได้ว่าตนได้เอ่ยชวนอีกคนมาด้วยก็สะกิดมารดาพร้อมเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วพี่ภีมจะมาด้วยไหมคะ?”

    ชื่อของภควัตรทำให้โรสิตาสะอึก ชึ่งนั้นทำให้ร่างแบบบางหยุดกึกโดยอัตโนมัติไปครู่หนึ่ง จนเด็กหญิงถามซ้ำ มารดาที่หัวใจวาบไหวเหลือเกินจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบายิ่ง “เขา…จะมาทำไหมล่ะจ๊ะ”

    “ก็อันนาชวนแล้ว แล้วพี่ภีมก็บอกเองว่าถ้าว่างจะเอาของขวัญกล่องใหญ่ ๆ มาให้อันนาด้วยค่ะ”

    บุตรสาวตัวน้อยของเธอจดจำถ้อยคำของผู้ถูกกล่าวถึงได้แม่นยำเหลือเกิน แม่นเสียจนมารดาเองยังฉงน

    โรสิตาไม่รู้ว่าความสำคัญสำหรับเด็กหญิงอลีนาที่มีต่อภควัตรคืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สัมผัสได้ว่าผู้ชายที่บุตรสาวเคยเจอหน้าเพียงไม่กี่ครั้งมีอิทธิพลทางใจของเด็กน้อยไม่น้อยเลยทีเดียว…

    แต่กระนั้น เพื่อไม่ให้อลีนาต้องรอคอยด้วยความหวังลม ๆ มารดาจึงจำใจต้องกัดฟันว่า “แม่ว่าเขาไม่ว่างหรอกจ้ะวันนี้น่ะ”

    “แล้วพี่ภีมจะมาวันไหนคะ”

    “เขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” โรสิตาทอดมองบุตรสาวผู้เป็นความเจ็บปวดที่งดงามที่สุดในชีวิตด้วยแววตาที่เจือด้วยความสงสาร เธอยิ้มพรายพลางปลอบ “เขาก็อยู่ส่วนของเขา แต่งงานมีครอบครัว ส่วนเราก็มีความสุขในแบบของเรา แม่…สัญญาว่าจะทำให้หนูมีความสุขที่สุด”

    “อันนารักคุณแม่”

    “แม่ก็รักหนูจ้ะ”

     

    คำเชื้อเชิญของเด็กหญิงตัวน้อยที่เขารู้สึกรักและผูกพันแม้จะเพิ่งรู้จักกันเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ คือสาเหตุหลักที่ทำให้ภควัตรกระวนกระวายใจตั้งแต่ช่วงเช้า ชายหนุ่มไม่อยากให้เด็กหญิงอลีนาต้องรอเก้อ ภควัตรู้ดี…การรอคอยอย่างไร้จุดหมายมันทรมานย่างไร…

    แต่…จะให้อยู่ดี ๆ ก็โผล่โพล่งเข้าไปเช่นนั้นหรือ แล้วภควัตรที่คิดข้ออ้างไม่ออกก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาพลางกดพินล็อกหน้าจอเตรียมจะโทร.ไปชวนมุกลิณญ์เพราะเจ้าตัวมั่นใจว่าเพียงเขาเอ่ยปากฝ่ายนั้นคงไม่ปฏิเสธแน่ แต่กระนั้นเมื่อคิดได้ว่ามันคือความเห็นแก่ตัวที่ไม่สมเหตุสมผลสักนิด เขากำลังจะหมั้นกับเธอ แล้วสมควรหรือที่จะชวนเธอไปบ้านของผู้หญิงอีกคนเช่นนี้!ครั้นเมื่อคิดได้อย่างนั้นภควัตรก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เก่า

    เขาเดินไปมาทั่วทั้งนอกในของตัวบ้านอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่อาจสลัดความกลัดกลุ้มที่เกาะกุมอยู่ภายในใจได้ สุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจทำตามคำเรียกร้องของหัวใจตนสักครั้งโดยไม่รีรออีกต่อไป…

    “อื้ม....” เมื่อควันโขมงที่ออกจากเตาสำหรับปิ้งย่างซีฟู้ดลอยมาปะทะกับดวงหน้าสวยซึ่งอุตส่าห์แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมาเป็นอย่างดี พิมพ์พิชชาที่ถือถาดกุ้ง ปู หอย ปลาหมึกรวมถึงหม่าล่าและบาร์บีคิวซึ่งเสียบไม้เรียบร้อยจึงยกมือหนึ่งขึ้นปัดป้อง แถมยังบ่นรามิลที่กำลังโบกควันนั้นเป็นพัลวัน “นี่คุณ...ทำบ้าอะไรเนี่ยจะรมควันฉันหรือไง?”

    เสียงแหลม ๆ ที่แผดใส่ทำให้รามิลผู้ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ทันที ครั้นเห็นว่าเป็นพิมพ์พิชชาคนที่กำลังเร่งให้ไฟติดเร็วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “ก็ถ้าผมไม่พัดแล้วไฟมันจะติดหรือครับคุณ”

    “คุณก็พัดไปทางอื่นสิ!”

    “ถ้าไงช่วยดูทิศทางลมด้วยนะคุณ เพราะควันมันจะลอยไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับลมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม” แถมเขายังว่า “คุณนี่เรียนชีววิทยามายังไงนะ?”

    คราวนี้ล่ะได้ทีพิมพ์พิชชา เพราะทันทีที่ฟังชัดเต็มสองรูหูว่าที่อีกฝ่ายพูดมาไม่เพี้ยนไปแน่ สาวเจ้าจึงกระตุกยิ้มเย้ย แถมยังตอกหน้าให้ด้วยความสะใจเป็นอย่างยิ่ง “เรื่องของทิศทางลมมันอยู่ในวิชาฟิสิกย่ะไม่ใช่ชีวะ!”

    เออใช่!...จริงด้วย แต่คนอย่างรามิลไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอก เขาจะเสียหน้าให้ใครก็ได้แต่ว่าจ้องไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ว่าแล้วเมื่อคิดได้อย่างนั้นเจ้าตัวก็แกล้งพัดควันเข้าหน้าพิมพ์พิชชาให้อีกลูกใหญ่ จนหญิงสาวที่โดนกลุ่มควันสีคล้ำอัดเข้าเต็ม ๆ ร้องกรี๊ด

    “ไอ้นายรามิล ไอ้บ้า...ฉันจะฆ่าแก”

    พิมพ์พิชชาหยิบถ่านที่อยู่ในถังขว้างใส่รามิลไม่ยั้ง เสียงที่ดังจอแจทำให้ทั้งโรสิตาและน้ำหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเตรียมเครื่องดื่มกันอยู่อีกมุมต้องรีบเดินมาห้ามทัพ และเมื่อแยกทั้งคู่ออกจากกันได้พิมพ์พิชชาที่กำลังอารมณ์ไม่ดีก็เดินไปหาคุณยายบุญเรือนทันทีเพื่อฟ้องแจ้ว ๆ ส่วนน้ำหนึ่งเองเมื่อเห็นว่าหน้าของพี่ชายมีแต่ถ่านก็หลุดขำ

    “ขำอะไรยัยหนึ่ง”

    “ก็ขำหน้าพี่มิลนั่นแหละค่ะ”

    “ทำไม?” แล้วรามิลก็นึกฉงนขึ้นมาโดยพลัน เขาจึงยกมือที่เปื้อนถ่านจนดำเมี่ยมแตะหน้าตัวเองไปมาเพื่อสำรวจ ซึ่งนั่นเองทำให้ถ่านที่มือย้ายไปอยู่บนแก้มขาวเป็นปื้น แต่กระนั้นคนที่ยังไม่รู้ตัวก็ยังคงถามซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังกว่าเดิมอีก “หน้าพี่มีอะไรยัยหนึ่ง...บอกมานะ!”

    “ไม่บอก”

    รอจนน้ำหนึ่งที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่พี่ชายเดินแยกไปอีกทาง โรสิตาจึงเดินเข้ามาใกล้พลางร้องบอก “คุณรามิลอยู่เฉย ๆ แป๊บนะคะ” แล้วสาวเจ้าก็ดึงทิชชูเปียกออกมาค่อย ๆ เช็ดผงถ่านให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

    “อะไรหรือครับคุณโรส”

    เห็นรามิลกำลังจะยกมือมาแตะทับมือของตน โรสิตาที่มือสะอาดดีอยู่แล้วจึงต้องรีบห้าม “อย่าค่ะ! ถ้าเราสองคนกลายเป็นแมวตกถังถ่านกันทั้งคู่ แล้วเดี๋ยวคนอื่นเขาจะตกใจเอานะคะ”

    “แมวตกถังถ่าน....”

    “ก็ใช่นะสิคะ” โรสิตายื่นทิชชูที่มีคราบถ่านเปื้อนอยู่เต็มไปหมดให้อีกฝ่ายดู พร้อมกับพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์ขัน “หลักฐานยืนยันค่ะ”

    “อ้อ...” นึกแล้วก็เจ็บไม่หาย เพราะยัยพิมพ์พิชชาตัวแสบนั่นคนเดียว เธอทำให้เขาดูแย่ในสายตาของผู้หญิงที่เขาหมายตา เพราะเธอคนเดียว “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

    “คะ?”

    แล้วรามิลที่เพิ่งรู้ตัวว่าหลุดคาดโทษพิมพ์พิชชาต่อหน้าสาวรุ่นพี่ของเธอก็คลี่ยิ้มกับโรสิตาเพื่อแก้เก้อ “เปล่าครับ ไฟยังไม่ติดเลยผมว่าผมพัดต่ออีกหน่อยดีกว่า”

    “เดี๋ยวค่ะ”

    และจังหวะที่โรสิตารั้งแขนรามิลอย่างแรงจนทำให้ร่างแบบบางที่เรี่ยวแรงน้อยกว่าเซไปชนกับอกที่ผ่ายผึงของหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ภควัตรเคลื่อนรถมาจอดขนาบริมรั้วไม้พอดี เห็นอย่างนั้นคนมาใหม่จึงรีบเอี้ยวตัวหลบเข้าใต้เงาของต้นทองอุไรโดยพลัน และเพราะมองเข้าไปจากมุมที่องศาไม่ชัดเจนจึงทำให้เห็นเหมือนทั้งโรสิตาและรามิลต่างก็ทำคล้ายกำลังพูดคุยกันกะหนุงกะหนิง ขณะที่จริง ๆ แล้วรามิลกำลังประคองร่างของโรสิตาให้ตั้งตรงก็เท่านั้น

    “คุณโรสมีอะไรหรือครับ?”

    “เอ่อ...” โรสิตาหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาอีกฝืน และด้วยกลัวจะพลาดโดนตาคนที่ยืนอยู่ในจุดที่ทึบแสง เธอจึงต้องขยับกายเข้ามาใกล้ แต่เงาก็ยังทำให้โรสิตาเห็นสิ่งแปดเปื้อนบนหน้าของรามิลไม่ชัดอยู่ดี เจ้าตัวจึงต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก “หมดแล้วค่ะ”

    “ขอบคุณครับ”

    รอยยิ้มพรายที่รามิลส่งให้โรสิตาทำให้ภควัตรฉุกคิดได้สองประการด้วยกันคืออย่างแรกเลย เขาหึง!....ใช่ภควัตรไม่พอใจเป็นอย่างมากที่รามิลกับโรสิตาทำตัวใกล้ชิดกันขนาดนั้น

    “เป็นอะไรกันไม่ทราบ”

    นี่คือสิ่งที่ภควัตรใคร่จะรู้ หากเมื่อสำนึกได้ว่าแล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องยื่นจมูกเข้าไปดมด้วยเล่า กับอีกความรู้สึกที่แทรกขึ้นมาระคนกัน...เขาเป็นห่วงโรสิตา แม้ว่าเธอจะเอ่ยปากขับไล่ไสส่งเขาด้วยตัวเอง แต่ภควัตรที่ยังตัดใจไม่ได้ก็ยังกลัวอยู่ดีว่าคนคนนั้นจะทำให้คนที่เขารักต้องเสียใจในภายหลัง

    และถ้านายคนนี้ทำโรสิตาเสียใจ ภควัตรสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยมันไปแน่!

    คิดแล้วภควัตรที่ถือกล่องซึ่งภายในมีของขวัญที่เขาตั้งใจเลือกเองกับมือแนบแน่นก็อยากจะเข้าไปแสดงตัวเสียตอนนั้นเลย หากครู่หนึ่งเมื่อได้ทบทวนสถานภาพปัจจุบันของตนกับโรสิตา ภควัตรจึงจำใจต้องถอยห่าง

    โรสิตาคือสิ่งที่หลุดลอยไปแล้ว...ต่อให้รักมากแค่ไหนแต่เมื่อไขว่คว้าเอาไว้ไม่ได้ก็จำต้องปล่อย...

    มุกลิณญ์ต่างหากคือปัจจุบัน...และกำลังจะจับมือกันสร้างอนาคตอันใกล้

    “พี่ขอโทษนะมุก” เมื่อคิดได้อย่างนั้นภควัตรที่ทอดถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ก็พลันหันหลังกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

    ภควัตรขับรถออกไปแล้ว หากพิมพ์พิชชาที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีแล้วเห็นหลังรถเคลื่อนออกไปไว ๆ ก็รู้สึกคุ้น ๆ และเมื่อความสงสัยบังเกิดขึ้นกลางใจเจ้าตัวจึงวิ่งตามไปพลางเพ่งตามองดูครู่หนึ่ง พลางขมวดคิ้วถามตัวเองเบา ๆ “พี่ภีมหรือเปล่า?” จากนั้นเธอก็หรี่ตามองดูอีกพักหนึ่งขณะที่ความฉงนก็ไม่ได้จางหายไปไหน “แล้วพี่ภีมจะมาทำไม...”

    แม้จะบอกกับตัวเองไปว่าอย่างนั้น แต่จริง ๆ แล้วในใจของพิมพ์พิชชาก็ยังไม่คลายสงสัย แต่ด้วยตรงหน้ามีสิ่งอื่นให้ต้องทำเจ้าตัวจึงทำเป็นลืม ๆ เรื่องที่ครุ่นคิดอยู่ในหัวไปก่อน

    พองานปาร์ตี้จัดไปได้สักพักโรสตาจึงนำเค้กวันเกิดที่สั่งไว้กับร้านเบเกอรี่ซอยข้าง ๆ มาปักเทียนสีจนรอบแล้วจึงเรียกบุตรสาวให้เดินเข้ามาใกล้ เมื่อเจ้าของวันเกิดตัวน้อยมายืนอยู่ตรงหน้าเค้กก้อนใหญ่ที่จัดแต่งเป็นรูปลายสวยงามแถมยังมีน้ำตาลซึ่งปั้นเป็นรูปเจ้าหญิงในนิทานที่เจ้าตัวชอบปักอยู่ตรงกลาง เสียงเพลงอวยพรจึงดังขึ้นจากคนที่ล้อมอยู่รอบ ๆ และทันทีที่ครบสามรอบมารดาก็อุ้มบุตรสาวที่ตัวสูงระดับเดียวกับบั้นเอวของตนขึ้นเพื่อให้เป่าเทียนที่มีแสงไฟสีนวลสุกสกาวอยู่ตรงปลายตามที่ทุกคนตรงนั้นส่งเสียงเชียร์

    หากทว่าเป่าอย่างไรไฟสีขาวโพลนตรงปลายด้ามเทียนก็ยังดับไม่หมด แถมประกายยังกระเพื่อมเข้ามาหาตัวอีกด้วย เด็กหญิงอลีนาที่ตกใจจึงเบือนหน้าหนีเห็นอยู่นั้นก็สะกิดโรสิตาพลางว่า “อันนาไม่เป่าแล้วค่ะ”

    “ทำไมล่ะจ๊ะ”

    “ร้อนค่ะ คุณแม่เป่าแทนอันนาทีนะคะ”

    “แต่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของหนูนะจ๊ะไม่ใช่วันเกิดแม่” โรสิตาก้มหน้ามองบุตรสาวของตนเองที่เพิ่งเคยเป่าเค้กวันเกิดครั้งแรกก็พลันมีอารามตกใจเข้าแทรกเสียแล้วด้วยความเอื้อเอ็นดูยิ่ง ก่อนจะหาทางเรียกความกล้าให้เด็กหญิง “เอางี้ เรามาช่วยกันเป่าดีไหมจ๊ะ”

    “ดีค่ะ”

    เมื่อเด็กหญิงอลีนาพยักหน้ารับว่าอย่างนั้น โรสิตาที่ก้มลงพร้อมบุตรสาวก็ช่วยเด็กน้อยเป่าเค้กจนเทียนดับหมดทันที แล้วมารดาก็บอกให้เด็กหญิงไปคอยอยู่กับคุณยายซึ่งก็คือพนิตาก่อน เดี๋ยวตนจะจัดการตัดแบ่งชิ้นเค้กแล้วนำมาให้ทีหลัง

    “แล้วพี่เจ้าหญิงของอันนาล่ะคะคุณแม่”

    เด็กหญิงอลีนาหมายถึงตุ๊กตาน้ำตาลปั้นที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางนั่น ส่วนโรสิตาเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “เดี๋ยวแม่เก็บไว้ให้จ้ะ”

    “อย่าทำพี่ตุ๊กตาของอันนาพังนะคะคุณแม่”

    “แน่นอนจ้ะ”

    ครั้นได้คำตอบที่พึงใจแล้วเด็กหญิงอลีนาก็ยิ้มพรายกับมารดาที่ลูบศีรษะด้วยความรักใคร่ ชั่วครู่ก็วิ่งไปหาพนิตากับคุณยายบุญเรือนที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กันอย่างว่าง่าย

    เป็นเพราะเมื่อครู่มีสิ่งต้องทำพิมพ์พิชชาจึงไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่าน แต่ทันทีที่ว่างจากกิจที่ต้องช่วยโรสิตา พนักงานต้อนรับสาวที่รับประทานเค้กที่สาวรุ่นพี่ส่งให้แต่พอเหมาะเพราะเกรงว่าจะมีผลต่อรูปลักษณ์ยามอยู่ภายใต้ยูนิฟอร์มสีสดจึงวางจานลงพลางมองบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อย จนถึงจุดนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมาจะ ๆ สาวเจ้าก็บ่นพึมพำกับตัวเองอีกครั้งด้วยยังไม่คลายความสงสัย

    “ใช่พี่ภีมไหมนะ…” พิมพ์พิชชาขมวดคิ้วด้วยความครุ่นคิด “เอ๊ะ…แล้วพี่ภีมจะมาที่นี่ทำไมกันนะ”

    “พี่พิมมี่ พี่ภีมมาหาอันนาเหรอคะ?”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×