ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ้อมใจปรารถนา (มี E-book แล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 20

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 64


    บทที่ 20

     

    โรสิตานั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่พักใหญ่ จนพนิตาเคาะประตูเรียกเธอจึงค่อยลุกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูให้มารดาอย่างว่าง่ายเพราะรู้ดีว่าคงถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะต้องพาเด็กหญิงอลีนามาส่ง และก็เป็นจริงอย่างคิดเพราะทันทีที่บานประตูแง้มออกเด็กหญิงตัวน้อยที่มีพี่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอุ้มขนาบกับสีข้างมาด้วยก็วิ่งเข้าหามารดาของตนทันที

    “อย่าวิ่งสิจ๊ะ เดี๋ยวล้มนะ”

    เด็กหญิงอลีนาเงยหน้ามองมารดาและยิ้มแฉ่ง จากนั้นจึงหันไปหาผู้เป็นยายอีกทีหนึ่งขณะที่เสียงเล็ก ๆ ก็เอ่ยแจ้วไปด้วย “ฝันดีนะคะคุณยาย”

    “จ้ะ หนูเองก็ด้วยนะอันนา” พนิตามองหน้าโรสิตาสลับกับเด็กหญิงอลีนาด้วยความรักใคร่ แล้วก็คุยกับหลานสาวตัวน้อยอีกสองสามประโยค ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องของตนที่อยู่ติดกับกับห้องของบุตรสาว “แม่ไปนอนก่อนนะ เราเองก็เหมือนกัน ฝันดียัยโรส”

    “ค่ะแม่”

    โรสิตายืนรออยู่จนมารดาเข้าห้องปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้ว ตนจึงจูงเด็กหญิงอลีนาเข้ามาพร้อมกับอุ้มขึ้นเตียงกว้างพลางค่อยประคองร่างแน่งน้อยในชุดนอนสีชมพูลายการ์ตูนให้นอนราบลงกับพื้นเตียงแล้วจึงคลี่ผ้าห่มมาคุมให้ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปเพื่อปิดไฟโคมที่อยู่ข้างเตียงนั่น

    “คุณแม่คะ วันนี้อันนาเจอพี่ภีมด้วยค่ะ”

    น้ำเสียงน้อย ๆ ที่เอ่ยแจ้วทำมือเรียวที่กำลังกดปิดสวิตช์ไฟมีชะงัก โรสิตาไม่แน่ใจว่าอีกสองสามประโยคต่อมาเด็กหญิงอลีนาพูดว่าอะไรเพราะหูทั้งสองข้างมันอื้ออึงไปชั่วขณะ เธอแค่จับประเด็นได้คร่าว ๆ จากน้ำเสียงของบุตรสาวที่นอนอยู่ใกล้กันได้ว่าเด็กน้อยมีความยินดียิ่งที่ได้เจอกับเขา

    โดยปกติของคนเป็นแม่ หากมีใครมารักหรือว่าเอ็นดูบุตรสาวของตนนั่นย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี

    แต่ไม่ใช่กับภควัตร!

    เมื่อคิดได้อย่างนั้นมารดาก็รีบหันขวับมาหาบุตรสาวที่นอนอยู่ทันทีเพื่อซักถาม “หนูไปเจอกับเขาที่ไหน?”

    “ที่โรงเรียนค่ะ”

    “เจอได้ไงลูก?”

    “ก็พี่ภีมไปหาอันนาที่โรงเรียนไงคะคุณแม่” คำบอกกล่าวเช่นนี้ทำให้ความโกรธกริ้วในใจของโรสิตาคุกรุ่น แต่กระนั้นบนดวงหน้าสวยก็ยังคงความเรียบนิ่งไว้ได้เนียนสนิท แล้วเด็กหญิงผู้อ่อนเดียงสาก็พูดต่อตามประสาซื่อ “แล้วพออันนาบอกว่าอาทิตย์หน้าจะเป็นวันเกิดของอันนาพี่ภีมยังบอกว่าจะซื้อของขวัญมาให้อันนาด้วยแหละค่ะ”

    ยุ่งจริง! โรสิตาสบถในใจ

    เธอหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แล้วเธอก็ไม่ได้อยากให้เขามาข้องเกี่ยวกับครอบครัวของตนอีก ใช่...โรสิตาไม่พอใจอย่างมากที่อลีนาชวนเขา แต่จะว่าลูกก็ไม่ถูกเพราะเด็กน้อยจะไปรู้อะไรมาก ใครดีด้วยเจ้าตัวก็ดีตอบเท่านั้น

    ถ้าจะโทษก็ต้องโทษผู้ใหญ่แหละ...พูดไม่รู้เรื่อง!

    “หนูอยากให้เขามาเหรอจ๊ะ” โรสิตาหยั่งถาม

    “ค่ะคุณแม่”

    “แต่เขา...” โรสิตาเว้นจังหวะพูดเพื่อคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตัดสินใจ...ยอมทำเรื่องที่ไม่สมควรสักครั้ง “เขาเป็นคนแปลกหน้านะลูก หนูไม่ควรไปยุ่งกับเขา เขาจะหลอกหนูหรือเปล่าก็ไม่รู้...”

    แม้จะรู้ดีว่าไม่สมควรไปใส่ไฟผู้ถูกกล่าวถึงแบบนั้น แต่เพื่อความปลอดภัยและอยู่อย่างสุขสงบต่อไปโรสิตาเองกำเป็นต้องทำ

    ซึ่งก็ได้ผล เพราะเมื่อได้ฟังตนพูดจบประโยค บนหน้าพริ้มพรายของเด็กหญิงอลีนาก็มีแววสับสนฉายขึ้น ว่าแล้วเด็กน้อยที่ต้องการความกระจ่างในเรื่องที่มารดาได้กล่าวเตือนข้างต้นจึงขยับกายเข้ามาใกล้กับโรสิตาแล้วจึงถามกลับ “งั้นพี่ภีมก็ไม่ใช่คนดีสิคะ”

    “แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจ้ะ แม่แค่จะบอกว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แล้วก็” ขณะพูดมือนุ่มก็ลูบเส้นผมสีดำเงางามยาวถึงกลางหลังซึ่งถูกหวีพร้อมใส่น้ำมันบำรุงอย่างดีขึ้นลงเบา ๆ อย่างรักใคร่ไปพลางด้วย “อันนาจำไว้นะลูก นอกจากแม่ คุณยายและก็คุณทวดแล้ว...ไม่มีใครหวังดีกับหนูด้วยความบริสุทธิ์ใจทั้งนั้น”

    “ค่ะ” ในตอนแรกเด็กหญิงตัวน้อยก็เหมือนจะคล้อยตามโดยง่าย แต่ทว่าเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้เจ้าตัวก็แย้งอีก “แล้วคุณลุงรามิลล่ะคะ เขาก็คนแปลกหน้าเหมือนกันนี่คะ”

    “ไม่เหมือน!” น้ำเสียงหนักแน่นที่เหมือนจะตะคอกใส่ในตอนแรกทำเด็กหญิงที่นอนอยู่สะดุ้ง และเมื่อรู้ตัวโรสิตาก็รีบแก้ให้ “ไม่เหมือนจ้ะ เพราะคุณลุงรามิลอยู่ในสายตาของแม่เราถึงไว้ใจเขาได้ แต่คุณภีมไม่ใช่นะจ๊ะ...ดังนั้นหนูควรระวังตัวให้มาก เข้าใจไหมลูก”

    ท้ายประโยคมีแววของการคาดคั้นเอาคำตอบ แล้วเด็กหญิงอลีนาที่แม้จะไม่แน่ใจว่าเข้าใจถึงสิ่งที่มารดาพูดพร่ำมากน้อยเพียงใด แต่ก็กลัวถูกดุซ้ำก็รีบพยักหน้ารับโดยพลัน แม้นั่นจะเป็นประกันให้ไม่ได้ว่าภควัตรจะไม่มาข้องแวะกับลุกของตนอีก แต่อย่างน้อยมันก็พอจะยืนยันได้บ้างว่าอลีนาจะไม่เข้าใกล้ภควัตรโดยไม่ระวังตัวอีกแน่

    เพราะอลีนาเชื่อแม่...เชื่อมากกว่าคนอื่น!

    คิดได้แบบนี้บนหน้าของมารดาก็มีรอยยิ้มพึงใจปรากฏ “ดีมากลูก”

    แล้วโรสิตาก็จับแก้มนุ่ม ๆ ของบุตรสาวสองสามทีก่อนจะเอื้อมมือไปปิดสวิตช์โคมไฟแล้วจึงทิ้งตัวลงนอนทันที เธอนอนมองหน้าของเด็กหญิงที่เจ้าตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าคงละม้ายไปทางฝั่งของย่าเขามากกว่าเนิ่นนาน รอจนร่างเล็ก ๆ ในอ้อมแขนหลับสนิทคนเป็นแม่จึงลูบหลังเบา ๆ แล้วก็พลิกตัวไปอีกฝั่งพลางครุ่นคิดไปเรื่อย

     

    เพราะโรสิตาโทร.มาชวนไปร่วมงานวันเกิดของเด็กหญิงอลีนาที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าแต่เช้าตรู่ ช่วงสายรามิลที่พอจะเห็นช่องทางว่าเด็กน้อยนี่แหละที่จะเป็นสะพานสายสำคัญให้เขาข้ามไปหาหญิงสาวที่ตนหมายปองได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงแวะไปที่ห้างทันทีเพื่อเลือกซื้อของขวัญให้เด็กหญิงตัวน้อย

    รามิลยืนเลือกตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่วางอยู่บนชั้นครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีตัวไหนเข้าตาสักตัว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพยายามโทร.หาน้ำหนึ่งเพื่อถามความเห็นแต่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสาย

    “สงสัยจะยังประชุมไม่เสร็จ” รามิลหมายถึงประชุมคณะกรรมการที่เขาหนีออกมาก่อนนั่นแหละ “ทำไมนานจัง”

    แล้วคนที่มัวสนใจแต่กับโทรศัพท์ตรงก็ไม่ทันระวัง โดยรามิลก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วแผ่นหลังของเขาก็ชนกับไหล่บาง ๆ ของใครบางคนเข้าเต็มแรง “ขอโทษครับ!” ชายหนุ่มรีบขอโทษขอโพยทันทีอย่างรู้สึกผิด หากทว่าคนถูกชนที่ตอนแรกก็ว่าจะไม่อะไรกลับชักสีหน้าใส่

    “คุณ!”

    ทันทีที่เห็นชัดว่าคนที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องเซไปหลายก้าวคือคนที่เคยขับรถเชี่ยวเมื่อตอนที่เจอกันครั้งที่แล้ว พิมพ์พิชชาก็อุทานลั่น ทั้งยังชี้หน้ารามิลอย่างเอาเรื่อง

    “คุณ...”

    ครั้นถูกรามิลชี้หน้าให้ พิมพ์พิชชาที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนขาด ๆ ทั้งยังแต่งหน้าแค่เบา ๆ เพราะเห็นว่าเป็นวันหยุดก็ยกมือขึ้นปัดนิ้วเขาอย่างแรงแถมยังแหวใส่ “กล้าดียังไงมาชี้หน้าฉันแบบนี้?”

    “ก็คุณชี้หน้าผมก่อน”

    รามิลเถียงกลับทันควัน แล้วพิมพ์พิชชาก็เท้าสะเอว เชิดหน้าใส่อย่างคนที่ไม่มีทางยอมง่าย ๆ

    “แล้วคุณมาชนฉันก่อนทำไมล่ะ”

    “มันเป็นอุบัติเหตุไหมคุณ?”

    คราวนี้คนเจ้าเรื่องอย่างพิมพ์พิชชาจ้องมองหน้ารามิลเขม็ง เธอกวาดตามองอย่างพยายามจับผิดและเมื่อเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายมีสมาร์ทโฟนอยู่ด้วยสาวเจ้าก็หาเรื่องมาว่าให้อีก “มัวเล่นโทรศัพท์อยู่นี่ไง!” แล้วพิมพ์พิชชาก็สะบัดหน้าหนีพลางเดินไปทางอื่นทันที ปล่อยรามิลให้ยืนงงอยู่ตรงนั้นเอง

    “ก็คุยธุระไหมล่ะ”

    รามิลมองตามแผ่นหลังบางที่เดินไปอีกทางแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ...นี่มันวันอะไร...ทำไมเขาถึงต้องมาเจอผู้หญิงที่ ไม่รู้สิ...สติไม่ค่อยดีมั้ง! คนนี้ด้วยนะ

    ครั้นคิดได้ว่าต้องรีบทำธุระให้เสร็จจะได้โล่งใจไปอีกเรื่องหนึ่ง รามิลก็สอดโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว และวินาทีนั้นเองที่หางตาของเขาได้หันไปเห็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขนาดใหญ่ที่มีขนที่ยาวและหนาจนทำให้ทั้งตัวนุ่มฟูน่าสัมผัส บนหน้าที่บูดบึ้งเพราะเพิ่งเจอเรื่องที่ไม่น่าอภิรมย์ต่อจิตใจมาหมาด ๆ จึงมีรอยยิ้มพึงใจเข้าแทรก

    “น้องอันนาต้องชอบมากแน่ ๆ”

    เมื่อนึกภาพเด็กหญิงตัวน้อยที่ยิ้มร่าด้วยความดีที่ได้รับของขวัญจากตน รามิลที่อนุมานว่าบุตรสาวชอบอะไรผู้เป็นมารดาก็ต้องปลื้มใจและเผื่อแผ่ความรู้สึกเช่นนั้นมาถึงผู้ให้ด้วย ในใจของเขาก็พองฟูขึ้นมาจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

    “ยิ้มคนเดียว?” รามิลคงไม่รู้ว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งลอบมองอยู่ ไม่พอเท่านั้นพิมพ์พิชชาที่ตั้งแง่กับเขาไปแล้วยังสนเท่ห์อีก “คนสติไม่ดีแน่ ๆ”

    ใช่...เธอต้องรีบซื้อของขวัญที่จะมอบให้กับเด็กหญิงอลีนาให้เสร็จ ๆ จะได้รีบกลับ

    และเมื่อคิดได้อย่างนั้นคนที่มีความหวาดระแวงไม่น้อยก็ตัดสินใจได้ทันที เอาตัวนี้แหละ พิมพ์พิชชาหมายถึงตุ๊กตาหมีที่ตัวใหญ่จนสะดุดตาทั้งยังมีกลิ่นหอมของช็อกโกแลตจาง ๆ ซึ่งวางอยู่ตรงหน้านี้ แต่เมื่อเอื้อมมือไปหยิบเธอกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างคอยรั้งไว้อยู่ สาวเจ้าจึงขมวดหัวคิ้วด้วยความหลากใจก่อนจะเดินอ้อมไปดูตรงข้างหลังอย่างไม่รีรอ

    “นี่...”

    รามิลเองก็เช่นกัน เมื่อรู้สึกเหมือนมีอีกมือดึงตุ๊กตาตัวที่เขาเองก็หมายมาดว่าจะซื้ออยู่ด้วยเจ้าตัวก็ยิ่งออกแรงดึงจนสุดแรง นั่นจึงทำให้เรือนร่างแบบบางที่กำแขนของหมีน้อยเอาไว้แน่นถลาตามไปอย่างไม่มีอะไรหยุดได้

    “เฮ้ย....อะไรเนี่ย!”

    พิมพ์พิชชาพยายามควานหาสิ่งซึ่งจะใช้เกาะกุมเพื่อไม่ให้ล้มลงแต่กลับไม่สัมฤทธิผล และเมื่อรู้ว่าคนที่ตนกำลังล้มลงทับร่างคือรามิลหญิงสาวจึงได้แต่หลับตานิ่ง ต่างจากเขาที่เบิกตามองพิมพ์พิชชาผู้ซึ่งค่อย ๆ ล้มลงทับร่างของตนช้า ๆ ราวภาพสโลว์โมชั่นทั้งที่ใจอยากจะดีดตัวหนีแต่ก็ไม่สามารถทำได้

    แล้วสุดท้ายคนทั้งสองก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นอย่างไม่เป็นท่า...

    “บ้าจริง!”

    พิมพ์พิชชาที่ลุกขึ้นได้ก่อนสบถขึ้น เธอปัดตามเนื้อตามตัวเป็นพัลวันทั้งที่เมื่อรามิลกลอกตามองตามก็เห็นอยู่ว่าไม่น่าจะมีอะไรให้เปื้อนเปรอะสักนิด ทั้งเธอยังขันขวับมาค้อนใส่เขาตาเขียว

    “อะไรคุณ ล้มทับผมแล้วยังจะมาค้อนใส่ผมอีก”

    “แล้วใครใช้ให้คุณแย่งตุ๊กตาฉันล่ะ” พิมพ์พิชชาเถียงกลับทันควัน

    เท่านั้น รามิลที่ปกติจะให้เกียรติผู้หญิงเสมอแต่ว่าวันนี้เขาตั้งใจแล้ว...หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่มีวันลงให้สาวตรงหน้าเป็นอันขาดก็เถียงกลับ “ผมแย่งอะไรคุณครับ ผมเห็นเขาวางขายอยู่เลยจะซื้อก็เท่านั้น”

    “แต่ฉันเห็นก่อน และกำลังจะซื้อมันก่อนคุณนะ คุณมาที่หลังก็ซื้อตัวอื่นสิ บ้านรวยไม่ใช่เหรอทำไมต้องมาแย่งของคนอื่นด้วยเนี่ย?”

    ซื้อตัวอื่นน่ะได้ แถมง่ายด้วย แต่เมื่อคู่แข่งเป็นพิมพ์พิชชาที่เจอหน้าทีไรเป็นอันต้องมีเรื่องวุ่น ๆ ตามมาเสมอ เรื่องง่าย ๆ เหล่านั้นจึงถูกปัดตกไปในทันที

    เพราะการแก้ปัญหานี้...รามิลต้องการเพียงความท้าทายเท่านั้น!

    “คุณจะซื้อไปทำอะไร” รามิลแกล้งหยั่งเชิงถาม “หรือว่าคุณติด แบบ...ถ้าไม่ได้นอนกอดหมีเน่าแล้วจะนอนไม่หลับหรือเปล่า ถ้าใช่ผมจะเสียสละให้”

    พิมพ์พิชชาจ้องหน้าที่แสนจะยียวนนิ่ง มีเพียงแววตาที่แสดงออกชัดว่าไม่พอใจเป็นที่สุด

    “ว่าไงล่ะครับ”

    “เปล่า!” พิมพ์พิชชาสะบัดเสียงตอบกลับ “ฉันจะซื้อไปเป็นของขวัญ”

    “แล้วต้องเป็นตัวนี้เท่านั้นใช่ไหมครับ”

    น้ำเสียงที่น่าฟังขึ้นทำให้พิมพ์พิชชาที่ไม่ทันได้ฉงนว่าดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่งคลี่ยิ้มพลางพยักหน้ารับด้วยความดีใจ ก็เธอตั้งซื้อเป็นของขวัญให้น้องอันนานี่นะ...เด็กหญิงตัวน้อยต้องชอบมากแน่ ๆ แต่แล้วภาพในจินตนาการทั้งหมดของเจ้าหล่อนก็ต้องสลายไปกลางอากาศ เพราะเมื่อรามิลกระตุกยิ้มแบบคนเจ้าเล่ห์เสร็จเขาก็อาศัยจังหวะที่คู่กรณีไม่ทันตั้งตัวเอื้อมมือไปดึงตุ๊กตาตัวดังกล่าวมากอดแน่น

    “เสียใจด้วย...” รามิลยิ้มร่า และถึงแม้บัดนี้หน้าสวยเฉี่ยวจะบูดบึ้งแต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะชัยชนะเล็ก ๆ ในมือย่อมหอมหวานกว่า “ดูคุณก็น่าจะฉลาด ถ้างั้นก็ใช้ความฉลาดที่มีเลือกชิ้นใหม่เอาเองแล้วกันนะครับ”

    พูดจบรามิลก็เดินไปจ่ายเงินหน้าตาเฉย ทิ้งพิมพ์พิชชาให้ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเอง

    “บ้า คนอะไรไร้มารยาทที่สุด”

    พิมพ์พิชชาไม่เข้าใจ...นี่มันวันมหาซวยอะไรกัน ทำไมเธอถึงต้องถูกฉกของที่กำลังจ่ายเงินซื้อไปอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ด้วย หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วก็หันไปเลือกของขวัญชิ้นใหม่ด้วยอารมณ์ที่ไม่สู้จะร่าเริงนัก และสุดท้ายเธอก็ได้กล่องเพลงที่มีตุ๊กตาปูนปั้นรูปหญิงสาวสวยอยู่ด้านบนมาอันหนึ่งพิมพ์พิชชาจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ทันที

    แต่ก็ต้องเจอกับรามิลที่กำลังยืนคอยพนักงานห่อกล่องของขวัญอีกจนได้!

    แล้วพิมพ์พิชชาที่รู้สึกว่าเขาคนนี้ช่างยืนขวางดีนักก็ทิ้งเท้าซึ่งอยู่บนรองเท้าสวมลงบนเท้าของรามิลเต็มแรงจนเขาสะดุ้งโหยง จากนั้นเธอจึงกระหยิ่มยิ้มเยาะ “ตอบแทนความกล้าหาญที่คุณบังอาจมาแย่งของที่ฉันต้องการซื้อไปจากมือ” เธอว่าอย่างนั้น

    “บ้าที่สุด”

    เมื่อพิมพ์พิชชาหันมามองรามิลที่ทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวดเธอก็ป้องปากขำคิกคักอย่างคนกำลังได้ใจ ก่อนจะกวาดตาลงมองใต้ขอบกางเกงของเขาแล้วคาดโทษให้อีก “ครั้งนี้แค่สั่งสอน ถ้าครั้งหน้ามีอีก...ฉันยิงจุดโทษคุณแน่!”

    เสร็จแล้วหญิงสาวก็รับของจากพนักงานซึ่งส่งให้ ก่อนจะหันมาเชิดหน้าให้เขาที่หนึ่งพลางเดินออกจากร้านไปอย่างหน้าตาเฉย ทิ้งรามิลที่เจ็บเท้าจนแทบก้าวไม่ไหวให้ยืนเกาศีรษะแกรก ๆ ด้วยความงวยงงอยู่ตรงนั้นเอง

    “ผู้หญิงอะไรบ้าที่สุด!”

    น้ำหนึ่งฟังรามิลเล่าเรื่องที่เขาได้ปะทะคารมกับพิมพ์พิชชาด้วยน้ำเสียงที่อู้อี้ หากเมื่อฟังจบนอกจากน้องสาวนอกไส้ที่รับประทานผลไม้เสร็จพอดีจะไม่รู้สึกเห็นใจคนเป็นพี่แม้เพียงนิด เธอยังยื่นหน้ามาค่อนว่าให้อีก “ก็พี่มิลไปแย่งเขาจริง ๆ นี่นา”

    “แย่งอะไรยัยหนึ่ง พี่หยิบก่อน”

    รามิลมั่นใจแบบนั้น หากน้ำหนึ่งกลับคิดต่าง “พี่มิลรู้ได้ไง ตอนที่พี่มิลกำลังหยิบคุณคนนั้นเขาก็อาจจะกำลังหยิบไปจ่ายตังค์ด้วยเหมือนกันแหละ”

    “แสดงว่าไม่มีใครผิดใครถูก” แล้วคนที่คิดเข้าข้างตัวเองก็สรุปรวบรัด “งั้นก็ถือซะว่าใครมือไวกว่าคนนั้นก็ได้ไปแล้วกัน”

    “ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”

    ก็ไอ้พี่มิลของเธอมันน่าเตะจริง ๆ นี่นา!

    แล้วคนโตกว่าที่หยิบผลไม้ในจานที่น้องกินเหลือใส่ปากก็หันขวับมามอง เห็นน้ำหนึ่งยักคิ้วหลิ่วตาใส่ในแวบแรกรามิลก็นึกยากเขกหน้าผากให้สักทีหนึ่งเป็นการสั่งสอน แต่พอนึกได้ว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะโยนงานยากให้เจ้าหล่อนทำแทนอยู่พอดีความคิดเช่นนั้นก็ตกไป เหลือไว้เพียงคำปรามาส

    “ก็ยัยนั่นไม่มีความเป็นกุลสตรีก่อนนี่หว่า...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×