ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ้อมใจปรารถนา (มี E-book แล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 64


    บทที่ 19 

     

    เพราะความที่คิดไม่ตกทำให้ภควัตรนึกถึงเด็กหญิงอลีนาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และก็ไม่รอช้าหลังจากเสร็จธุระข้างนอกแล้วก้มดูนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือก็พบว่ายังมีเวลามากพอก่อนที่โรสิตาจะตามมาทัน ภควัตรจึงเลี้ยวรถที่ควรจะตรงไปข้างหน้าเพื่อกลับออฟฟิศมาทางด้านซ้ายมือในวินาทีนั้นเอง

    เขาไปนั่งมองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนชั่วครู่หนึ่ง ครั้นเมื่อเด็กน้อยหันมาเห็นเธอจึงแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนแล้ววิ่งเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งทันที

    “พี่ภีม” เด็กหญิงอลีนายิ้มแฉ่ง ทั้งยังยื่นดอกไม้ที่ถือติดมือมาให้ภควัตรด้วย “พี่ภีมหายไปไหนมาคะ ครูพี่มุกด้วย”

    “อันนาคิดถึงครูพี่มุกหรือครับ”

    “ใช่ค่ะ คิดถึงมาก ๆ เลยค่ะ” แล้วเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งนึกออกก็เอ่ยชวน “อาทิตย์หน้าวันเกิดอันนาพี่ภีมจะมาไหมคะ?”

    อยากไปสิ...แต่ทางเจ้าบ้านจะอยากต้อนรับหรือเปล่าอันนี้เขาไม่รู้ แล้วภควัตรที่สับสนอยู่ไม่น้อยก็หยั่งถาม “อันนาอยากให้พี่ภีมไปเหรอครับ”

    “ใช่ค่ะ อันนาอยากให้พี่ภีมกับครูพี่มุกไปด้วยที่สุดเลยค่ะ”

    นั่นทำให้ภควัตรมั่นใจว่าต่อให้โรสิตาพยายามดึงรามิลเข้ามาเอี่ยวด้วย แต่ถึงอย่างไรเด็กหญิงอลีนาก็ยังมีเยื่อใยต่อเขา เมื่อคิดได้อย่างนั้นคนที่ตระหนักได้ในตอนนี้เองว่าอย่างน้อยตนก็ชนะใจเด็กหญิงคนตรงหน้าได้แล้วคนหนึ่งก็คลายยิ้มยินดี แต่กระนั้นเมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของโรสิตาที่ตีใส่เขาทุกครั้งเมื่อเจอหน้าภควัตรที่ก็ไม่แน่ใจในข้อนี้เหมือนกันว่าจะไปเยือนในฐานะอะไรดี ในเมื่อในฐานะที่คิดว่าน่าจะใกล้เคียงที่สุดอีกฝ่ายก็บอกปัดปฏิเสธไปเสียแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไปก่อน

    “พี่ภีมต้องดูก่อนนะครับว่าว่างไหม” และเพื่อไม่ให้เป็นการตัดความหวังของคนตัวเล็กมากจนเกินไปภควัตรจึงขยายความแก้ให้ “แต่พี่ภีมจะพยายามทำตัวให้ว่างแล้วกันนะครับ”

    “จริงนะคะ”

    “ครับ”

    นาฬิกาที่ข้อมือข้างซ้ายบ่งบอกเวลา 15:30 น. ภควัตรที่กลัวเหลือเกินว่าหากโรสิตาที่มารับเด็กหญิงอลีนากลับบ้านแล้วเห็นเขาเข้าจะตะบึงตะบอน พาลอารมณ์เสียใส่บุตรสาวอีกจึงรีบหาทางปลีกตัวทันที

    “อันนาครับ” เขาเรียกให้เด็กน้อยเข้ามาหาแล้วจึงกระซิบบอก “พี่ภีมต้องกลับแล้วนะครับ”

    “ทำไมกลับเร็วจังคะ”

    “พี่ภีมมีธุระต่อซีครับ” ภควัตรยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กน้อยที่แสดงว่าเสียดายผ่านทางสีหน้าชัดเจนเบา ๆ พลางยื่นนิ้วก้อยออกมาให้อีกฝ่ายได้เกี่ยว “แต่พี่ภีมสัญญาว่าวันหลังเดี๋ยวพี่ภีมมาหาใหม่ โอเคไหมครับ”

    “ค่ะ”

    เด็กหญิงอลีนาเขย่านิ้วก้อยของตนที่เกี่ยวกับของคนโตกว่าเบา ๆ ก่อนจะยกมือไหว้แล้วก็ถือกระเป๋าสะพายหลังเดินไปหาคุณครูประจำชั้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับสนามเด็กเล่นทันทีอย่างว่าง่าย

     

    วันนี้มุกลิณญ์หมดคาบสอนเร็วกว่าวันอื่น ๆ เนื่องจากนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งซึ่งปกติตนต้องสอนในคาบสุดท้ายขออนุญาตออกไปทำกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัยกะทันหัน อาจารย์สาวที่เดินถือหนังสือติดมือลงมาด้วยจึงหยุดและยืนคิดชั่วครู่ว่าจะไปไหนดี

    “คุณมุก”

    เสียที่คุ้นเคยทำให้มุกลิณญ์ที่ยังตัดสินใจไม่ได้หันขวับไปมอง ครั้งเห็นว่าเป็นปรัชวิทย์เธอจึงคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความเป็นมิตรอย่างเช่นทุกครั้งแถมคราวนี้สาวเจ้ายังชิงถามความคนที่เพิ่งเดินมาถึงก่อนด้วย “คุณปรัชญ์ ไม่มีสอนแล้วเหรอคะ”

    “อ้อ พอดีเด็กปีหนึ่งเขาขอไปทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยน่ะครับ ผมเลยว่างยาว”

    “งั้นมุกก็เจอเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วล่ะค่ะ”

    แล้วทั้งสองกันหันมาหัวเราะต่อกระซิบกันเบา ๆ

    คงเพราะคิดอะไรไม่ออกและต้องการใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังปัญหา ภควัตรจึงขับรถมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหน้าตึกคณะที่มุกลิณญ์สังกัดอยู่ เขาทอดมองดูคนที่เป็นอย่างน้องสาวที่บางครั้งก็เหมือนจะสนิทกันมากจนทำให้คนนอกซึ่งมองมาเกิดความสงสัยยืนคุยอยู่กับใครอีกคนที่เขาเองก็เคยเห็นหน้าแต่ทว่าไม่มีโอกาสได้ถามชื่อแซ่จากมุกลิณญ์เสียที แถมยังดูอารมณ์ดีเสียด้วยอยู่ภายในรถนั่น

    ดูแล้วทั้งคู่คงสนิทสนมกันอยู่ไม่น้อยทีเดียว!

    ส่วนปรัชวิทย์ที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขม็งอยู่กลับยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอ่ยถามมุกลิณญ์อีก “คุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ?”

    “ก็ต้องดูก่อนค่ะ ว่ามีอะไรน่าสนใจมากพอให้ว่างหรือเปล่า”

    “มีร้านหนึ่งน่าสนใจอยู่ในซอยข้าง ๆ นี่เองครับเดินไปก็ถึง” แล้วในดวงตาของคนชวนก็ฉายแววประหลาดราวจะเชื้อเชิญขึ้นมาทันควัน ซึ่งแววเช่นนั้นก็ได้ดึงดูดความสนใจจากมุกลิณญ์ได้ไม่น้อยทีเดียว “แต่จะมากพอไหม...ผมว่าคุณต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ”

    เท่านั้นมุกลิณญ์ที่ทำเป็นเล่นตัวเล็กน้อยในตอนต้นก็ตกปากรับคำทันควัน พลางตั้งท่าเดินตาม “งั้นคงต้องให้คุณนำทางแล้วล่ะค่ะ”

    ภควัตรเห็นทุกอย่าง เขาเห็นเธอที่เคยติดเขาแจยิ้มแย้มแถมพยักพเยิดให้คนตรงหน้ากะหนุงกะหนิง และทันใดนั้นคนที่เกิดความกลัวขึ้นมาฉับพลันว่าจะไม่เหลือใครก็รีบรุดเปิดประตูแล้วเดินดิ่วเข้าไปหามุกลิณญ์ทันทีอย่างไม่มีความลังเลหลงเหลืออยู่ในใจอีกต่อไป

    “มุก...”

    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ฝีเท้าสองคู่ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันชะงัก “พี่ภีม!” บนดวงหน้าสวยหวานมีริ้วรอยของหลากใจปรากฏขึ้น ขณะที่บนหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านของปรัชวิทย์คงมีแค่ความสงสัย จนภควัตรเดินตามมาใกล้คนที่คิดได้ตอนนี้เองว่าคงเป็นคนนอกเสียแล้วจึงค่อยก้าวเท้าถอยห่าง

    “มาได้ไงคะนี่”

    “พอดีพี่มีนัดลูกค้าแถวนี้น่ะครับเลยนึกถึงมุก”

    “นึกถึง..? .”

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนมุกลิณญ์คงทั้งใจฟูและมีอาการขวยเขินอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่แปลก...ทำไมวันนี้เจ้าหล่อนกลับรู้สึกเพียงฉงน

    ส่วนภควัตร เมื่อรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเลิกงานแต่กลับได้เห็นมุกลิณญ์ลงมาอยู่ที่ด้านล่างทั้งยังกำลังเตรียมตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกกับคนที่เคยพาเธอออกเที่ยวด้วยแล้วครั้งหนึ่ง เขาจึงหรี่ตามองปรัชวิทย์ที่อุตส่าห์ถอยออกไปแล้วเล็กน้อยก่อนจะแกล้งถาม “แล้วนี่มุกจะไปไหนหรือครับ สอนเสร็จแล้วหรือ?”

    “ค่ะ วันนี้เด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมน่ะค่ะมุกเลยยกคลาสให้”

    คำถามที่ตอบไม่หมดนำมาซึ่งความหงุดหงิดใจ ว่าแล้วภควัตรที่พาลโมโหอยู่แล้วมาจากโรสิตากับรามิลก็หลุดปากเค้นถาม “แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอครับ?”

    “คะ...?”

    มุกลิณญ์คงงงว่าทำไมอยู่ดี ๆ ภควัตรถึงถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเขาไม่เคยเป็นเลยสักครั้ง มีเพียงปรัชวิทย์เท่านั้นที่พอจะดูออกว่าบรรยากาศเริ่มอึมครึมและเขาเองก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้นานเกินไป ชายหนุ่มจึงค่อยกระซิบบอกกับมุกลิณญ์ด้วยความระมัดระวัง

    “ฤกษ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมว่าเราค่อยไปกันวันหลังเถอะครับ”

    “อ้าว...” คนที่ยังไม่รู้สถานการณ์หันมาอุทานเสียงแผ่วด้วยความเสียดาย “ทำไมล่ะคะ?”

    ปรัชวิทย์จึงต้องรีบหาข้อมาอ้าง “ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องพาคุณแม่ไปทำธุระน่ะครับ”

    “อืม...งั้นก็ได้ค่ะ” แถมมุกลิณญ์ยังทิ้งท้าย “เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะคะ”

    ถ้าในสถานการณ์ปกติปรัชวิทย์คงใจฟูไม่น้อยทีเดียว แต่ว่าวันนี้...เขาคงทำได้แค่เหลือบมองภควัตรอย่างเกรง ๆ แล้วก็ปลีกตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

    “มุก...”

    แล้วมุกลิณญ์ก็หันมาย้อนถามทันควัน “ค่ะพี่ภีม มีอะไรหรือคะ?”

    “ว่างหรือเปล่า?”

    “คงงั้นมั้งคะ”

    มุกลิณญ์ตอบแบบส่ง ๆ โดยไม่ใส่ใจนัก เพราะจะว่าไปที่ภควัตรเค้นเสียงถามเมื่อครู่ก็นำความขุ่นเคืองเล็ก ๆ มาสู่เธอเหมือนกัน และภควัตรเองก็เหมือนจะรู้ เพราะเมื่อลมหึงที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนทั้ง ๆ ที่เขากับมุกลิณญ์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยจางลงชายหนุ่มที่รู้สึกผิดอยู่บ้างก็รีบเปลี่ยนเป็นเอาใจอีกฝ่ายทันที “งั้นไปทานอะไรเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหมครับ”

    “ก็ได้ค่ะ”

    ภควัตรจึงพามุกลิณญ์นั่งรถเลาะถนนเจริญกรุงมาเรื่อย ๆ จนเข้าเขตเยาวราชโดยที่คนซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับเองก็ไม่ได้อะไรกับสองข้างถนนมากนักเพราะต้องใช้ความคิดกับเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่

    ใช่...มุกลิณญ์สับสน!

    เธอไม่แน่ใจว่าที่ภควัตรทำอยู่ตอนนี้คืออะไรกันแน่ ก็ก่อนหน้านี้...ตั้งแต่กลับมาประเทศไทยนั่นแหละเขาก็ดูจะไม่สนใจอะไรกับเธอนัก จนเธอเองที่เหมือนเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งเท่านั้นเริ่มจะยอมรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้และถอยออกมาแล้ว

    แล้ววันนี้เขากลับมารอรับเธอถึงที่ ทั้งยังพามารับประทานอาหารเย็นด้วย

    “มุกครับ” ขณะที่ขานชื่อของเจ้าหล่อนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล มือหนาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยไปพลาง “ถึงแล้วครับ”

    “อ้อค่ะ”

     

    สถานที่ที่ภควัตรพามาคือภัตตาคารอาหารจีนระดับห้าดาวซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านเยาวราช และเมื่อเขาเดินนำมุกลิณญ์เข้าไปถึงด้านในชายหนุ่มก็คุยอะไรกับพนักงานที่ค่อนข้างคุ้นหน้ากันดีเนื่องจากว่าศุภลักษณ์เคยแล้วมาบ่อยครั้ง และเกือบทุกครั้งที่มาคนเป็นแม่ก็จะพาบุตรชายมาด้วยเสมอ

    “ไม่เจอกันนานเลยนะคะคุณภีม” พนักงานระดับอาวุโสที่ออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยตัวเองเอ่ยทักพลางสาดสายตาเลยไปหยุดที่มุกลิณญ์แล้วอมยิ้ม “ไม่ทราบว่า...”

    “นี่มุกลิณญ์”

    เห็นอีกฝ่ายมีแววสงสัยฉายผ่านม่านตาสีเข้มภควัตรก็รีบชิงแนะนำทันที ซึ่งตรงนี้...เจ้าของชื่อที่ยืนเยื้องกันอยู่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่เอ่ยปากชวนมาเองจะแนะนำตนกับเจ้าของสถานที่ว่าอย่างไร มุกลิณญ์เอามือเขี่ยกับสายกระเป๋าสะพายไปมาแล้วก็รู้สึกว่าเวลาที่เดินไปทีละวินาทีช่างยาวนานกว่าปกติ แต่ถึงอย่างไรดวงหน้าสวยหวานก็ยังคงวางนิ่งอยู่ได้

    แล้วในที่สุดภควัตรก็พูดเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมากะทันหัน “ผมขอโต๊ะตัวที่อยู่มุมในสุดนะครับ” มุกลิณญ์ที่วางสีหน้าต่อเจ้าถิ่นไม่ถูกจึงทำเมียงมองไปทางอื่นเสีย

    “งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”

    เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ในตำแหน่งของตนเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว มุกลิณญ์จึงเอื้อมมือไปรับเล่มรายการอาหารมาก้มลงมองดูแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสั่งอะไรดี ภควัตรที่ให้เธอเลือกก่อนจึงต้องช่วยตัดสินใจให้อีกตามระเบียบ

    “ถ้างั้นเอาเป็นหูฉลามน้ำแดงไหมครับ”

    ภควัตรรู้ดีว่ามุกลิณญ์ไม่นิยมรับประทานอาหารรสเผ็ดเขาจึงเสนอเมนูนี้ให้ และเมื่อหญิงสาวเห็นพ้องด้วยเธอจึงว่า “ถ้างั้นมุกขอสั่งต้มซุปเยื่อไผ่ใส่กระดูกอ่อนอีกอย่างหนึ่งนะคะ”

    “ได้สิครับ”

    อาหารมื้อเย็นของคนทั้งสองดำเนินไปอย่างเรียบร้อยโดยแทบจะไม่มีบทสนทนาเข้ามาขั้น จะมีบ้างก็ภควัตรที่พยายามชวนคุยและมุกลิณญ์ก็ตอบแบบถามคำตอบคำพอเป็นพิธีเท่านั้น ซึ่งนี่เองที่ทำให้ฝ่ายคนชวนมาเองรู้สึกเกร็งไม่น้อยทีเดียว

    อาจเป็นเพราะเขาเองที่มัววิ่งไล่ตามโรสิตา มุกลิณญ์ที่รับรู้ได้ถึงความห่างเหินถึงหมางเมินให้แบบนี้!

    “มุก...”

    เมื่อเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าผู้ขานนามของตนทำหน้าเหยเกอย่างไรชอบกล มุกลิณญ์จึงยิ้มบาง ๆ เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลง แล้วจึงเลิกคิ้วถาม “คะ?”

    “พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” ภควัตรหยุดชั่งใจครู่หนึ่ง แล้วความกลัวไปเองว่ามุกลิณญ์จะขัดก็ทำให้เขาตัดสินใจถามข้อข้องใจออกไปโดยไม่คอยให้เธอตอบรับก่อน “ผู้ชายที่อยู่กับมุกเมื่อตอนบ่ายคือใครเหรอครับ?”

    “เขาชื่อปรัชวิทย์เป็นเพื่อนร่วมงานของมุกค่ะ”

    “เดี๋ยวนี้มุกคบเพื่อนชาย?”

    “แล้วไม่ได้เหรอคะ” ครั้นถูกสะบัดเสียงถามอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุของความขุ่นเคืองมาก่อน มุกลิณญ์ที่ก็เริ่มมีหงุดหงิดต่อท่าทีเช่นนั้นจึงย้อนกลับเสียงต่ำ “ที่ปารีสมุกก็มีเพื่อนผู้ชาย แล้วถ้าจะว่ากันจริง ๆ พี่ภีมเองก็คือหนึ่งในนั้นมันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่คะ”

    “อ้อ...”

    ภควัตรทอดมองน้องสาวที่เคยอ่อนโยน ผู้ใหญ่ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นโดยไม่มีข้อขัดข้องแล้วก็พลันคิดได้ว่ามุกลิณญ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นกว่าเก่า เธอยังกล้าแย้งคำของเขาที่เจ้าตัวไม่เห็นด้วยได้อีก

    ต่างจากเขา...

    “แล้วผู้ชายคนนั้นใช่คนเดียวกับที่ไปเที่ยวกับมุกเมื่ออาทิตย์ก่อนหรือเปล่า”

    “ใช่ค่ะ” แล้วคนถูกถามก็หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างจงใจจับพิรุธ “พี่ภีมมีอะไรหรือคะ?”

    “อ้อ....เปล่าครับ”

    แล้วก็เป็นจังหวะที่บริกรสาวที่มีอายุอานามไล่ ๆ กันกับตนนำขนมหวานเข้ามาเสิร์ฟพอดี มุกลิณญ์ที่ยังไม่อยากเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้จึงชวนเปลี่ยนเรื่อง “เรารีบทานขนมกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายซะหมดก่อน”

    หลังจากรับประทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วภควัตรก็ได้อาสามาส่งมุกลิณญ์ที่บ้านด้วย และทันทีที่รถยุโรปจอดมาเคลื่อนอยู่ที่ลานเจ้าบ้านก็ตั้งท่าจะเปิดประตูรถทันที หากทว่าฝ่ายเจ้าของรถกลับรีบยกมือห้ามไว้ แน่นอนในตอนแรกมุกลิณญ์เองก็มีฉงนอยู่เช่นกัน แต่เมื่อภควัตรรีบลงจากรถฝั่งทางคนขับแล้วอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่อยู่อีกฝั่ง สาวเจ้าก็กระจ่างแจ้งแก่ใจในตอนนั้นเอง

    “ขอบคุณค่ะ”

    มุกลิณญ์เพียงคลี่ยิ้ม เพราะเธอเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรทำอย่างไรต่อดี แล้วก็หันหลังเตรียมเดินเข้าบ้าน ภควัตรที่คิดอยู่นานก็ตัดสินใจพูดโพล่งขึ้นมาในตอนนั้นเอง

    “มุกครับ”

    แล้วเท้าข้างขวาที่ก้าวนำไปก่อนก็หยุดชะงัก มุกลิณญ์หันมาหาภควัตรที่กำลังยิ้มน้อย ๆ ให้กับตนขณะที่มือสองข้างยังเขี่ยกันไปมาด้วยความประหม่า พลางขานรับ “คะ?” และขณะที่พูดคิ้วสวยก็เลิกขึ้นด้วย ภควัตรที่กล้า ๆ กลัว ๆ อยู่นานสองนานก็ตัดสินใจเอื้อนเอ่ยออกมาในตอนนี้เอง

    “ให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ..”

     

    แม้ว่าความรักซึ่งมีให้กับภควัตรจะยังคงอยู่อย่างท่วมท้น แต่ทว่าเหตุการณ์หลาย ๆ เรื่องรวมไปถึงเรื่องที่ศุภลักษณ์ลงทุนบากหน้ามาหาตนเมื่อช่วงก่อนหน้ากลับทำให้โรสิตาได้คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง ว่าตนไม่ควรยึดติด!

    ไม่ว่ากับอะไรทั้งนั้น เพราะที่ผ่านมาทั้งที่เจ้าตัวท้องโย้กลับบ้านแถมยังไม่กล้าเอื้อนเอ่ยกับทั้งคุณยายและมารดาเรื่องพ่อของเด็กก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดต่อท่านทั้งสองมากพออยู่แล้ว ถึงแม้ว่าในวันนั้นพนิตาจะไม่พูดพร่ำตำหนิอะไรเลย แต่โรสิตาที่บัดนี้ก็มีลูกของตนเช่นกันรู้ดีแก่ใจว่าแท้จริงแล้วมารดาคงห่วงตนอยู่มาก...อีกเรื่องที่เธอก่อคงสร้างความคาใจให้ท่านทั้งสองไม่น้อยทีเดียว

    แล้วโรสิตาที่ขังใจตัวเองไว้กับอดีตมานานก็ตัดสินใจได้ในตอนนี้เอง

    “ยัยหนึ่ง”

    เสียงที่ดังมาจากด้านนอกระคนกับมือหนาที่เคาะประตูรัว ๆ สองสามครั้งทำให้น้ำหนึ่งที่กำลังประทินเครื่องสำอางราคาแพงต้องหยุดมือลงพลางเดินมาเปิดประตูให้พี่ชายทันทีด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงมีธุระอะไรด่วนพิเศษ ทว่าเมื่อโผล่หน้าออกมารามิลที่ยิ้มร่าก็ว่า

    “นี่แกรู้อะไรไหม?”

    “อะไรคะ”

    แล้วรามิลที่ถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดไว้ในมือก็ขยายความด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดว่าตื่นเต้นจนเก็บอาการเหล่านั้นไว้ไม่อยู่ “ก็คุณโรสไง เธอรับฟอลไอจีพี่แล้วนะ”

    “แค่นี้...” พูดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ก็พี่ชายของเธอนี่อาการหนักเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น “นี่ถ้าวันหนึ่งพี่โรสรับรักพี่มิลขึ้นมาจริง ๆ พี่มิลไม่ช็อกตายเหรอคะ”

    “พูดมาก” รามิลดุให้ “เงียบไปเลยยัยหนึ่ง”

    “ค่า...”

    น้ำหนึ่งมองตามรามิลที่เดินกลับไปทางเดินแล้วก็ยิ้ม แม้ปากของเธอจะค่อนว่าไปแบบนั้นทว่าแท้จริงแล้วเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ชายคนนี้ของเธอมีความสุข น้ำหนึ่งก็พร้อมจะยินดีด้วยเสมอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×