ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The spirit of wind/// มหากาพย์แห่งจิตวิญญาณสายลม

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ///ปฐมบทแห่งสายลม[รีไรท์อย่างแรง เป็นไปได้อย่าเข้ามาค่า]

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 52



    ณ สถานที่ซึ่งถูกขนานนามว่าดินแดนทางเหนือ กลางเมืองที่อบอวลไปด้วยลมหนาวตลอดปี ทว่าในช่วงเวลานี้..ฤดูใบไม้ร่วงย่างเข้าฤดูหนาว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าครามเป็นสีเทาหม่น ใบไม้แห้งร่วงหล่นราวห่าฝนกระทั่งผืนดินแห้งแล้งบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามงดงาม ทั้งมีเสน่ห์ในแบบเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงและดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด... 

    แต่ความงดงามเบื้องหน้า กลับไม่ทำให้บุรุษผู้ทอดกายท่ามกลางแมกไม้เนิ่นนานอารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย ซ้ำยังทำให้ยิ่งหงุดหงิดเพราะใบไม้แห้งหล่นลงต้องกายจนต้องสะบัดเสื้อคลุมตัวยาวหลบเลี่ยง ตราอาล์มสัญลักษณ์ผู้พิทักษ์ประทับอยู่ที่ไหล่ขวาจึงถูกบดบังอย่างเสียไม้ได้ แต่สิ่งที่เอ่ยมานั้นไม่อาจเบนความสนใจจากนัยน์ตาสีม่วงที่กำลังสอดส่ายไปรอบๆราวกับจะหาใครสักคนนั้นได้

    "รอนานมั้ย บีทรีช" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเรียกให้บุรุษเจ้าของนามหันกลับไป ปรากฏเป็นร่างของหญิงสาวผมทองยาวถึงเข่าซึ่งถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย นัยน์ตาสีครามส่องประกายระยับแม้จะมีความอ่อนล้าเจืออยู่ รอยคล้ำที่ใต้ตากับดวงหน้ารูปไข่ที่เซียวซีดบ่งบอกถึงการทำงานอย่างหนักจนบีทรีช..ชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์เริ่มใจอ่อนที่หล่อนมาช้า แต่ยังไม่วายแอบแขวะ

    "เป็นคนนัดแล้วมาช้านี่ไม่ไหวนะกลอเรียน" 

    น้ำเสียงแสร้งให้หงุดหงิด ทั้งที่ความรู้สึกนั้นจางหายไปตั้งแต่เห็นใบหน้าเซียวๆนั้นแล้ว ดวงตาสีม่วงกวาดมองหล่อนอย่างสำรวจเล็กๆ ดูเหมือนว่าความอ่อนล้าของเธอจะไม่ได้มีแค่ที่แสดงออก ส่วน
    หญิงสาวคู่สนทนาเพียงเลื่อนกายเข้ามาใกล้ขึ้น รอยยิ้มแย้มที่มุมปากอย่างคนอารมณ์เย็น

    "น้องชายคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ"  คำทักที่บีทรีชส่ายศีรษะรับ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมอย่างที่ทำเสมอเวลารู้สึกขัดใจ

    "กลอเรียน เข้าเรื่องเสียที คุณคงไม่ได้นัดผมมาเพราะคำถามตามมารยาท" คำกล่าวที่กลอเรียนต้องถอนใจเบา...หายใจเข้าลึกๆหลายครั้งอย่างทำใจกับเรื่องที่เพิ่งทราบมาและได้เวลาส่งต่อ กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเครียด

    "บีทรีช คุณสังเกตมั้ยคะ ในช่วงปีนี้ เหมือนกับความเย็นมันจางลง"

    "ก็...ใช่ ผมยอมรับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึง"

    มือขาวๆของหล่อนเลื่อนมากุมที่ไหล่ขวาซึ่งสัญลักษณ์แห่งจอมเวทย์ประทับอยู่อย่างเผลอตัว เหมือนกับระงับความหวาดกลัวที่ผุดขึ้น ริมฝีปากแห้งผากถูกกัดจนห้อเลือด กระนั้นก็ยังคงซีดเซียวราวกับไม่ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงมาเนิ่นนาน ดวงตาของอีกฝ่ายจึงได้แสดงความเป็นห่วงด้วยทราบดีถึงภาระที่หล่อนแบกรับ...แม้จะเป็นถึงจอมเวทย์แห่งดินแดนทางเหนือ แต่หล่อนก็เป็นเพียงหญิงสาวที่มีหัวใจคนหนึ่ง

    บีทรีชไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ เพียงแต่ส่งสายตาแสดงความห่วงใย และรอคอยเธออย่างสงบเท่านั้น ครู่หนึ่งที่ราวจะผ่านไปชั่วกัปกัล มือที่กำแน่นจึงค่อยผ่อนลง ก่อนที่เธอจะเอ่ยคำพูดที่กลั่นกรองมาแล้ว 

    "ถ้าหากว่า..สายลมแห่งดินแดนแห่งนี้จางหายไป... คุณคิด..ว่ามันจะเกิด..   อะไรขึ้นคะ"

    'สายลม' ที่ว่าถือเป็น'ทุกสิ่ง'ในดินแดนแห่งนี้ นิยามสั้นๆคือ 'ความมั่นคง' 'ความรุ่งเรือง' และ 'ความปลอดภัย' แต่นั่นเป็นเป็นเพียงนามธรรม สิ่งที่พอจะอธิบายเป็นรูปธรรมได้ คงจะเป็นกายหยาบของเจ้าสมยานามสายลมที่มีผู้พบเห็นอยู่หลายครา จะถือเป็นผู้ปกปักษ์รักษาเมืองก็ว่าได้.. สายลมนี้ จึงเป็นเช่นลมหายใจของดินแดนทางเหนือ สายลมที่ถูกผูกมัดไว้ด้วยพันธสัญญาบางประการ ที่บัดนี้...มันกำลังจางลง

    ใบหน้าของบีทรีชเริ่มฉายอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ถ้าหากลมหายใจจากไป..เมืองแห่งนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อย่าไร ภาวนาให้วาจาเปรยของคู่สนทนาเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น เป็นแค่คำเกริ่นเช่นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

    แต่ดวงตาสีฟ้าใสของคู่สนทากลับไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย มันแสดงถึงความเครียดเคร่ง ความอ่อนล้า และความจริงจังไว้ภายใน

    "สายลมแห่งความหนาวค่ะ....สายลมแห่งความหนาวหายไป"


    "
    ว่าไงนะ!!!" คำตอบรับจากบีทรีชไม่เกินความคาดหมายของเธอเลย


    เหมือนกับโลกที่หมุนกลับด้าน ท้องฟ้าเอียงกระเท่เร่ และลมหายใจที่ถูกดูดไปสิ้น มือแกร่งที่เคยแกว่งไกวดาบยามนี้ทำได้เพียงจับกิ่งไม้แน่นอย่างกลัวที่จะล้มลงไป เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายเต็มใบหน้าทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ร่วง ดวงตาไหวระริกบอกถงอารมณ์ชัด


    "มันเกิดอะไรขึ้น..กลอเรียน"
    เสียงที่ข่มให้สงบทว่าแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ กลอเรียนหายใจเข้าลึกๆก่อนตอบ..ครานี้เป็นหล่อนที่เฝ้าดูเขายามอ่อนแอ

    "พันธสัญญาแห่งไอเรียส กำหนดไว้ว่า..เจ้าแห่งสายลมหนาว เอรีส จะสามารถละทิ้งหน้าที่ตามพันธสัญญาได้ ก็ต่อเมื่อ..  พันธสัญญาแห่งครูสจบสิ้นลง"

    ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก พึมพำเสียงเครียด

    "พันธสัญญาแห่งครูส.. อย่าบอกนะว่า! "

    เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ ร่างทั้งหมดก็ทิ้งลงสู่พื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง  พันธัญญาแห่งครูส.. จะจบสิ้นลงเมื่อมีผู้แตะต้องหินศักดิ์สิทธ์ ซึ่งมีทหารยามเฝ้าอยู่นับสิบ และสัตว์คุ้มครองอีกนับร้อย ...เมื่อสิ่งใดก็ตามสัมผัสหินนั้นนอกจากวารีที่ล้อมรอบอยู่แล้ว เวทที่พิทักษ์อยู่จะเสื่อมสลายไป พันธสัญญาแห่งครูสสลาย พันธสัญญาแห่งไอเรียสที่ผูกมัดเจ้าแห่งสายลมเอรีสไว้ด้วยก็จะสูญสลายไปเช่นกัน เป็นเช่นการทำลายโซ่ตรวน และติดปีกให้แก่เอรีส การที่เจ้าแห่งสายลมตนนั้นจะโบยบินจากไป..ก็ไม่แปลกแม้แต่น้อย แต่ผู้ที่ทำการอุกอาจ จนสัมผัสหินศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่แท้ 

    ตอนนี้ บีทรีชทราบแล้วถึงแววอ่อนล้าของจอมเวทย์สาว หล่อนและเหล่านักเวทย์ของทางการจะต้องสูญเสียพลังไปมากมายเพื่อที่จะประคองสมดุลของเมืองแห่งนี้ไว้ นั่นไม่ใช่งานที่ง่ายดายเลยทีเดียว การประคองสมดุลเวทย์ที่เขาเคยเรียนผ่านมาอย่างย่นย่อกล่าวไว้ว่า..การที่จะร่ายเวทย์ประคองได้นั้น จะต้องใช้นักเวทย์ถึงสิบคน ร่ายเวทย์เริ่มต้นและปล่อยกระเเสเวทย์ของตนลงไปเพื่อให้สมดุลแก่แกนของเมือง หากนักเวทย์คนใดล้มลง จะต้อรีบเปลี่ยนทันที จากช่วงที่อากาศอุ่นขึ้นจากปกติจนถึงวันนี้ นับรวมได้ร่วมสี่เดือน

    "
    ปีนี้มันปีอะไรกันเนี่ย  แค่เรื่องของวงการเล่นแร่แปรธาตุก็จะแย่อยู่แล้ว จะเอาหน้าที่ไหนไปบอกชาวเมืองเนี่ย"


    ปีนี้มันปีอะไรกัน


    ปีระยำ


    "
    ฉันเสียใจค่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง"


    "
    ฉันพอมีทาง"


    เสียงสวรรค์ยามนี้ช่างไพเราะนัก ทั้งสองรีบหันไปสบกับผู้พูดทันที


    "
    ศาสตราจารย์คริส!!!"


    ให้ตาย..เจ้าของเรื่องปวดหัวในวงการเล่นแร่แปรธาตุปรากฏกายแล้ว...


    คนเป็นศาสตราจารย์เอามือปิดหูอย่างรำคาญเสียงประสานแปดหลอดของอดีตลูกศิษย์ยิ่งนัก


    "
    เบาๆหน่อย หูฉันจะพังอยู่แล้วนะ" ศาสตราจารย์คริส ดาไวท์บ่นเสียงเอื่อยๆแต่ทั้งสองกลับไม่สนใจจะฟังคนเป็นศาสตราจารย์เลย 


    "
    ศาสตราจารย์ว่าไงนะ ที่ว่ามีทางแก้น่ะ"


    "นี่ๆ ฉันบอกว่าพอมีทางนะ ไม่ใช่มีทางแก้น่ะ" คำแก้ของคริสฟังดูเป็นคำบ่นมากกว่าแต่ทั้งสองก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

    "ได้โปรดเถอะค่ะศาสตราจารย์ บอกพวกเราที" กลอเรียนรบเร้า คนเป็นศาสตราจารย์จึงขยับรอยยิ้มก่อนจะกล่าวเสียงเอื่อยๆตามวิสัย

    "พวกเธอเคยได้ยินมั้ย เรื่องที่ฉันประดิษย์ ...อะไรบางอย่าง"


    ทั้งสองเผลอเบิกตากว้างจนดูน่าขัน


    "
    หรือว่า....."


    "
    ใช่ ฉันสร้าง 'สิ่งนั้น' ขึ้นมาจากการเล่นแร่แปรธาตุตามข่าวนั่นล่ะ ขอแนะนำนะ นี่คือซินโฟเอร่า ดาไวท์..." ว่าแล้วก็ผายมือไปด้านหลัง ท่ามกลางความตกตะลึง ร่างหนึ่งได้ก้าวออกมาช้าๆ.......


    ร่างที่ก้าวออกมาเป็นร่างเด็กสาวอายุประมาณ15ปี ผมสีเงินยวงหยักศกตรงปลายยาวถึงเอวล้อมดวงหน้ารูปไข่
    ริมฝีปากได้รูปเม้มจนเป็นเส้นตรงกับนัยน์ตาสีน้ำเงินราวอัญมณีมากค่าดูไม่สบอารมณ์นักพาให้คิ้วเรียวสีเดียวกับผมขมวดมุ่นจนจะผูกเป็นโบว์ เจ้าหล่อนมาในชุดเสื้อคลุมตัวยาวสีเข้มยิ่งขับให้ผิวซีดๆยิ่งซีดจนน่ากลัว ก่อนริมฝีปากจะเผยอเปิดเอ่ยคำพูดที่ผู้เยี่ยมชมทั้งสองต้องจดจำเธอไปอีกนาน......


    - noon

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×