ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักหยอกใจ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #2 : ลุ้นรักหยอกใจ ตอนที่ 2 [YAOI]

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 58


    ลุ้นรักหยอกใจ ตอนที่ 2
     

    รเมศทำหน้าบึ้งตึงแบบไม่ปิดบังเช่นเคยเมื่อเห็นร่างสูงๆ ของชายชาวจีนฮ่องกงเดินเข้าคิวต่อแถวรอการเช็คอินและดูเหมือนว่าดวงตาตี๋ๆ นั่นจะจับจ้องมาที่ตนอีกเช่นเคยพร้อมรอยยิ้มกวนๆ ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีเศษบ่นแปดปอดด้วยความเซ็งสุดขีดเมื่อต้องเจอคนที่ไม่อยากพบอีกหน

    หลังจากคืนนั้นที่พลาดท่าเสียทีมิสเตอร์ลีเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบหลบออกมาก่อนที่เจ้าของห้องจะตื่นโดยไม่ลืมหยิบเงินส่วนของตนคืนมาด้วย สิ่งเดียวที่เขาต้องทำให้ได้ก็คือ ทำตัวเป็นปกติที่สุดเมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง แค่เห็นหน้าขาว ๆตี๋ๆ แล้วก็ยังแค้นใจไม่หายจนนึกอยากจะวิ่งไปกระโดดถีบขาคู่แบบที่ซูเปอร์ฮีโร่ทำกันเป็นที่สุด แค่คำว่าร้ายกาจอาจจะยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่คนๆ นี้กระทำต่อตน

    "อุ๊ย ลูกค้าเจ้าประจำของพี่ขามมาแล้ว" รุ่นน้องสาวสวยซึ่งทำหน้าที่รับเช็คอินในเค้าน์เตอร์ใกล้ๆ อดแซวไม่ได้ เป็นที่รู้กันเกือบทั้งแผนกว่าวีไอพีคนนี้ตามจีบกราวนด์หนุ่มโสดคนเดียวของแผนกอย่างไม่ลดละ ส่วนใหญ่ทุกคนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียเพราะไม่อยากมีปัญหากับแขกระดับวีไอพีจึงปล่อยให้รเมศต้องหาทางเอาตัวรอดตามลำพัง

    "พี่วานจ๊ะเอ๋รับมือแทนไปทีเถอะ พี่เหม็นหน้าเต็มทนแล้ว" เขาแอบกระซิบขอความช่วยเหลือเมื่อบุคคลที่กล่าวถึงใกล้เข้ามาทุกที

    "แหม พี่ขามก็ยอมคุยกับเขาหน่อยเถอะ เจอกันแค่ตอนเช็คอินเท่านั้นเองนะ" หญิงสาวไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาจึงแนะนำอีกแบบ

    ชายผิวสีน้ำผึ้งทำหน้ามุ่ยไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะปรับอารมณ์ฉีกยิ้มกว้างต้อนรับผู้โดยสารคนถัดไปได้อย่างรวดเร็ว

    "เจอกันอีกแล้ว" ลีทักด้วยน้ำเสียงระรื่นปรีดาแต่คงมีเฉพาะผู้ฟังเท่านั้นที่ฟังแล้วระคายหู เขายื่นเอกสารประจำตัวโดยไม่สนใจท่าทีหมางเมินดังกล่าว "ยังโกรธอีกเหรอ" หนุ่มฮ่องกงทักเมื่อคู่สนทนายังคงทำหน้าปั้นปึงอย่างชัดเจน ตนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจด้วยเรื่องอะไรแต่ก็ทำเป็นถามเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาตอบสนอง

    ดวงตาคมเหล่มองด้วยความไม่พอใจครู่เดียว "ต้องการเลือกที่นั่งริมทางเดินใช่ไหมครับ" รเมศจงใจไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย

    "วันนี้ผมอยากนั่งริมหน้าต่าง" พนักงานเช็คอินพ่นลมหายใจเล็กน้อยพลางใช้สายตาตรวจหาที่นั่งตามความต้องการของลูกค้าวีไอพี

    "ตอนนี้เหลือแต่ที่นั่งข้างประตูฉุกเฉินไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่าครับ" เขาจงใจตอบเป็นภาษาไทยเช่นเคยในเมื่อมาทำมาหากินในบ้านเมืองของเขาก็ควรรู้ภาษาเช่นกันและที่สำคัญตนไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ใจ ลำพองและคิดเข้าข้างตนเองไปมากกว่านี้อีกด้วย

    "ไม่มีปัญหา" ลียิ้มกว้างให้ตามปกติ "ครั้งนี้ผมคงกลับฮ่องกงนานหน่อย คุณคงไม่เหงานะ" รเมศแทบจะหลุดร้องไชโยออกมาดังๆ ไปนานๆ เลยก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอกแต่เขาต้องอดกลั้นทำตัวเป็นปกติไว้ก่อน

    "เรียบร้อยแล้วครับ ประตูหมายเลขสิบ กรุณาเข้าเกทก่อนเวลาด้วยนะครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ" ชายหนุ่มแทบอาจจะกราบและอัญเชิญอีกฝ่ายให้ไสหัวไปที่ด่านตรวจคนไวๆ เป็นที่สุด ตนจะได้มีชีวิตที่สงบสุขเสียที

    ฝ่ามือหนาเอื้อมจับมือสีน้ำผึ้งพร้อมส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ออกนอกหน้าไปนิดทำให้พนักงานหนุ่มแกะมือออกอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นต่อ อย่ามาตอแหลเลยเขาไม่หลงง่ายๆ หรอก "ขอบคุณที่ใช้บริการครับมิสเตอร์ลี"

    พนักงานเช็คอินใช้หางตาชำเลืองร่างสูงเป็นระยะจนกระทั่งแน่ใจว่าเดินลับเข้าในบริเวณด่านตรวจเอกสารเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงคลี่ยิ้มอย่างโล่งอกออกมาเสียที ไปแล้วไปลับอย่าได้กลับมาไวๆ นะเอ็ง แค่นี้ก็ทำชีวิตของเขาวุ่นวายมากเกินพอแล้ว

    "พี่ขามๆ ตอนพักเบรคไปส่งจ๊ะเอ๋ไปตลาดนัดได้ไหม" เพื่อนร่วมงานกะเดียวกันกระซิบถามซึ่งเขาอยู่ในโหมดอารมณ์ดีจึงตอบรับง่ายๆ ก็ดีเหมือนกันจะได้ซื้ออาหารไปกักตุนในตู้เย็นด้วยเลยเพราะตนต้องทำงานเข้ากะเช้าอีกหลายวันคงขี้เกียจแวะตลาดที่ไหน

     

     

    แดดร้อนจัดในยามเที่ยงวันและผู้คนจำนวนมากซึ่งเดินดูสินค้าที่วางขายในตลาดนัดค่อนข้างเบียดเสียดกันชนิดเกือบหายใจรดต้นคอกันได้ทำให้มะขามและจ๊ะเอ๋ยอมยกธงขาวตั้งแต่เดินเข้าตรอกแรกโดยเฉพาะหญิงสาวหน้าตาแฉล้มถึงกับรีบซื้อของที่ต้องการแล้วเดินเลี่ยงออกมายังที่โล่งเพื่อรับอากาศเข้าปอดทันที การมาเดินเที่ยวในช่วงต้นเดือนถือว่าเป็นความคิดที่ผิดทีเดียวเพราะต่างคนต่างมีกำลังจ่ายจึงพร้อมใจออกมากัน

    "พี่ขามอยากซื้ออะไรก็ไปเถอะค่ะ จ๊ะเอ๋รออยู่ตรงนี้แหละ ขอยอมแพ้ดีกว่าคนเยอะเกิน" เธอพูดพร้อมกับใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าเพื่อซับความมันบนใบหน้า

    ชายหนุ่มระบายยิ้มเอ็นดู "พี่ไม่อยากได้อะไรหรอก ไปโซนของกินดีกว่า ว่าจะซื้อ อุ๊บ..." เขาหยุดพูดเมื่อถูกคนแปลกหน้าเดินชนไหล่เข่าอย่างจัง แล้วจึงหันมองเขม็งด้วยความไม่พอใจหากคู่กรณีส่งยิ้มเยาะเย้ยให้แล้วเดินกลืนเข้ากับฝูงชนอย่างรวดเร็วทิ้งไว้แต่ความแคลงใจ

    "เจ็บหรือเปล่าคะพี่ขาม" รุ่นน้องถามเพราะเห็นรุ่นพี่ทำหน้านิ่วตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว 

    "นิดหน่อยจ้ะแต่หมอนั่นจงใจชนพี่ชัดๆ" เขาตั้งข้อสันนิษฐาน

    "พี่รู้จักเขาหรือเปล่าล่ะ จ๊ะเอ๋เห็นชุดคุ้นๆ เหมือนเป็นลูกเรือ" เธอเอ่ยชื่อของสายการบินที่ประจำสนามบินเดียวกัน

    คนถูกถามขมวดคิ้วรู้สึกคุ้นๆ หน้ากับคู่กรณีแต่เมื่อนึกไม่ออกก็ส่ายหน้าแทนพลางคิดในแง่ดี "ไม่เลย สงสัยมันจำผิดคนมั้ง ช่างเถอะ ไปกันดีกว่า"

    รเมศไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยโดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จัก เขาไม่เก็บมาคิดให้อารมณ์ขุ่นหมองหรอก พนักงานสายการบินทั้งสองเดินจูงมือไปยังโซนขายอาหารกันอย่างกระหนุงกระหนิงโดยไม่สนใจว่ามีสายตาของผู้ไม่หวังดีจ้องมองจากระยะไกล

     

     

    วันๆ หนึ่งของมะขามหมดไปกับการตื่นแต่เช้าไปทำงานและกลับมาทำงานบ้านในตอนเย็น ด้วยความที่อยู่เพียงคนเดียวทำให้ต้องเสียเวลาทำความสะอาดซะส่วนใหญ่ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจดังฟู่เมื่อเทผ้าลงในถังเครื่องซักผ้า อากาศร้อนตับแปล๊บเช่นนี้ตากผ้าไว้ในร่มก็ยังแห้งได้ ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเหลือบมองสวนต้นไม้หย่อมบริเวณรั้วบ้านซึ่งเป็นฝีมือของคุณปู่ผู้ล่วงลับไปแล้วเริ่มมีกิ่งก้านชูช่อไม่เป็นระเบียบสงสัยต้องตัดเล็มอีกแน่ๆ เพราะว่ามีกิจกรรมที่ต้องทำตลอดจึงทำให้เขามีรูปร่างสมส่วนโดยไม่ต้องพึ่งพาฟิตเนสเช่นคนอื่นๆ 

    เสียงครืนๆ ดังก้องมาแต่ไกลทำให้ร่างสันทัดที่นั่งพักเอาแรงอยู่ลุกขึ้นทันที กระแสลมแรงเริ่มพัดพาเศษฝุ่นฟุ้งกระจายมาตามถนนมาอย่างรวดเร็วเกินคาดไว้มาก รเมศรีบตามเก็บผ้าที่ตากไว้ตั้งแต่เมื่อคืนจากราวทันทีก่อนวิ่งเข้าไปในตัวบ้านเพื่อไล่ปิดหน้าต่างทุกบานป้องกันฝนที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า พายุฤดูร้อนมักจะมาในช่วงเย็นของวันที่อากาศร้อนจัดเสมอ

    เจ้าของบ้านยืนจังก้ามองสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาผ่านหน้าต่างบานใหญ่ในห้องรับแขก สงสัยผ้าที่กำลังซักคงต้องปล่อยไว้ในเครื่องซักผ้าจนกว่าฝนจะหยุดเสียแล้ว ภาพของกิ่งต้นจำปีริมรั้วโล้ไปตามทิศทางของลมชวนให้หวาดเสียวไม่น้อย ไหนจะพุ่มดอกโมกข์ที่กลีบดอกเปียกช้ำร่วงลงสู่พื้นเพราะฝนเม็ดใหญ่ แม้ตนจะไม่ใช่คนรักต้นไม้มากเท่ากับคนปลูกแต่นี่คือสมบัติที่คุณปู่หลงเหลือไว้ให้ดูแลต่อก็อดเสียใจไม่ได้

    แสงไฟนีออนบนเพดานกระตุกวูบวาบสองสามครั้งแล้วดับพรึ่บในที่สุด รเมศเบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางลนลานหาไฟฉายเป็นการด่วน การอยู่ตามลำพังในบ้านมืดๆ เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการมากที่สุด และยิ่งในวันที่ฝนตกกระหน่ำจนมองไม่เห็นอะไรเช่นนี้ มันคงไม่มีปาฏิหาริย์ที่จะมีใครสักคนโผล่มาเคียงข้างเขาในยามนี้หรอก ไฟฉายสีส้มสว่างในความมืดมิดทำให้ผู้ถือรู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้าง เขาเดินไปหยิบเชิงเทียนไขและไฟแช็คจากที่เก็บแล้วนำมาจุดวางบนโต๊ะรับแขกแล้วทิ้งตัวลงนอนยาวเหยียด

    เสียงฟ้าคำรามสลับกับแสงสีขาววาบจากฟากฟ้าเป็นระยะ สายฝนโปรยปรายไม่ขาดสายมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ดวงตาคมเหลือบมองไปรอบๆ ห้องกว้างและหยุดสายตาที่รูปคู่ของปู่และย่าที่ตนวางเอาไว้บนชั้นหนังสือพลางระลึกถึงความหลัง ท่านทั้งสองไม่เคยต่อว่าในรสนิยมที่เป็นอยู่แถมยังเป็นห่วงด้วยซ้ำว่าในอนาคตจะดูแลตนเองได้หรือไม่ จึงทำให้เขาไม่ทำตัวเหลวแหลกเพราะไม่อยากให้ผู้มีพระคุณไม่สบายใจจึงย้ำกับตนเองเสมอว่าจะไม่พาคนรักสักคนมานอนค้างอ้างแรมที่บ้านหลังนี้เป็นอันเด็ดขาดแม้แต่แฟนเก่าหลายๆ คนก็ไม่เคยได้มาเหยียบที่นี่เช่นกัน

    ยกเว้นคนๆ นั้นที่เขายอมรับว่าพลาดท่า

    รเมศจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเข้ามาในบ้านโดยปิดประตูมิดชิดได้อย่างไร หากเมื่อตื่นมาตอนเช้าตรู่และพบกับเสื้อผ้าถูกถอดทิ้งที่กระจัดกระจายเกลื่อนห้องรับแขกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีกว่าเมื่อคืนพวกเขาเริ่มต้นกันที่ใด โซฟายาวเปรอะเปื้อนด้วยคราบขุ่น หมอนถูกเขวี้ยงทิ้งไปคนละทิศละทาง ยิ่งทำให้รู้สึกละอายใจต่อคนที่ล่วงลับไปเป็นอย่างยิ่ง จึงปลุกผู้ชายอีกคนบนเตียงและบอกให้กลับออกไปให้เร็วที่สุดโดยที่เขาแทบไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลย

    เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ความมึนเมาผลักดันให้ความเหงาและโหยหาอ้อมกอดของใครสักคนบังเกิดขึ้นและมิสเตอร์ลีเป็นคนที่เข้ามาทักทายได้ถูกจังหวะพอดี ดังนั้นเขาจึงไม่โกรธอีกฝ่ายแต่ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกครั้ง และแล้วเขาก็ปล่อยให้มันเกิดซ้ำจนได้ บางครั้งมะขามก็หงุดหงิดกับความใจอ่อนของตนเองไม่น้อยเพราะมักจะนำเรื่องปวดหัวมาให้เสมอ

    คนที่เอาจุดอ่อนมาใช้ประโยชน์ให้กับตนเองเช่นนี้ตนจะรักได้อย่างไรกัน คนที่ทำตัวเหมือนแค่หยอกเล่นกับความรู้สึกของเขาเท่านั้นยากที่จะมอบใจให้ได้

    แสงสว่างวาบจากโทรศัพท์ส่วนตัวปลุกภวังค์ของชายหนุ่มที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยพอดี เขาหยิบขึ้นมาอ่านข้อความที่มีคนส่งมาหากทว่าชื่อของคนส่งทำให้เจ้าของตอบตนเองไม่ได้ว่าจะดีใจหรือจะเอือมระอากันแน่เพราะหมอนั่นคือคนที่ตนเพิ่งนึกถึงเมื่อครู่นี้เอง ตายยากชะมัด!!

    “Good evening, dear. It rains very heavy in here. How about you?” คนอ่านไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายส่งมาสักนิดแล้วรีบพิมพ์ถามในสิ่งที่คาใจโดยด่วน

    คุณรู้เบอร์โทรของผมตั้งแต่เมื่อไหร่? ใช่ว่ามะขามอ่อนด้อยทางภาษาอังกฤษแต่กับคนๆ นี้เท่านั้นที่เขาจงใจใช้ภาษาแม่ในการสนทนามาตลอด ในเมื่อพยายามจีบตนดีนักก็ขอสร้างอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ กั้นเอาไว้บ้าง

    “When we met at the pub” รเมศแยกเขี้ยวไม่พอใจทันที หนอยแน่ะ หาประโยชน์ตอนเขาเมาอีกแล้ว มันน่าโมโหยิ่งกว่าเดิม

    ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณแอดนะ

    “Umm…but you allowed me on that day. Don’t you remember?” คนเมาใครจะจำเล่า ชายหนุ่มกัดฟันกรอดสุดท้ายก็ยอมยกผลประโยชน์ให้จำเลยที่สุด เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นดื่มไปกี่แก้วหนำซ้ำพอมีคนที่พอคุ้นหน้าคุ้นตามานั่งดื่มด้วยยิ่งทำให้นึกครึ้มมากกว่าเดิม คราวหน้าจะไม่ปล่อยให้ตนเองทำบ้าๆ แบบวันนั้นอีกแล้ว

    จำไม่ได้

    “So…you almost forget that we are in relationship?” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งร้องลั่นห้อง เขาจำไม่ได้สักนิด ไม่มีทางหรอกที่เขาจะตอบรับแบบนั้นและทำไมถึงมาพูดเอาตอนนี้ด้วย ยิ่งไม่น่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่ หมอนี่ต้องโกหกขึ้นมาเองแน่ๆ กลง่ายๆ แบบนี้ไม่หลงหรอกน่า

    โกหก!!! ผมไม่ได้เป็นแฟนคุณนะ เขารีบพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาตรึกตรองด้วยซ้ำ

    “No. You accepted after you’re kissing me on your bed, remember??”

    ไอร้อนพวยพุ่งขึ้นบนใบหน้าของมะขามในทันทีเมื่ออ่านประโยคดังกล่าวจบ สมองดันพลั้งเผลอคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งล่าสุดขึ้นมาทันที ในทีแรกตนพยายามฝืนตัวขัดขืนการกระทำดังกล่าวหากความชำนาญที่มีมากกว่าของผู้เล้าโลมประจวบกับสายน้ำเย็นที่ทำให้รู้สึกหนาวกายจนอยากได้ไออุ่นทำให้ยอมขับเคลื่อนตามการชี้นำของคนตัวโตในที่สุด

    หลังจากมรสุมหย่อมๆ ในห้องน้ำจบลงได้ไม่นานนักพายุอารมณ์ก็ถูกจุดโหมอีกครั้งบนเตียงโดยที่เขาไม่มีแรงจะต่อต้านอีก การปล่อยตัวไปตามอารมณ์ในสถานการณ์เช่นนั้นอาจจะส่งผลดีกว่า และเมื่อหมอนั่นอิ่มเอบในสิ่งที่ปรารถนาแล้วตนก็หลับเป็นตายในทันทีทั้งๆ ที่ยังเปลือยอยู่

    แม้ว่าจะถูกบังคับในทีก็ตามแต่ใช่ว่าตนจะรู้สึกเจ็บปวดกายแต่อย่างใด เขาพึงใจและสุขสมอยู่ไม่น้อยเมื่อมีใครสักคนสัมผัสลูบไล้ผิว ริมฝีปากอุ่นแนบตามซอกคอ กลิ่นกายจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นของเรือนกายที่ทาบทับคล้ายเป็นยากระตุ้นอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มจนกระทั่งถึงขีดสุดของความต้องการ

    หากทว่า…ร่างกายจะได้การเติมเต็มตามแต่หัวใจยังคงว่างเปล่าเช่นเคย

    ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเมื่อได้ข้อสรุปภายในใจเสียที เขาควรยุติความสัมพันธ์นี้เสียแต่เนิ่นๆ ได้แล้ว “ตอนนั้นผมไม่ได้สติ ถือว่าเป็นโมฆะ ผมไม่ได้ยินยอมสักหน่อยมิสเตอร์ลี

    “I understand. You don’t remember it, but next time, I will make you accept.”

    มะขามเบ้ปากอีกครั้ง อีกสิบชาติก็ไม่มีทางหรอกโว้ย!!! เขากำลังจะพิมพ์ตอบแต่จู่ๆ ก็มีเครื่องหมายเตือนแบตเตอรี่ต่ำทำให้ละความสนใจทันที ไฟยังคงดับอยู่และดูเหมือนว่าอาจจะรอทั้งคืนกว่าจะมาก็ได้ โชคดีที่ตนพกแบตเตอรี่สำรองมาด้วยจึงใช้แก้ขัดได้แต่ปัญหาก็คือ เขาเผลอวางกระเป๋าไว้ตรงส่วนใดของบ้านละเนี่ย?

    กว่ารเมศจะหาของที่ต้องการเจอ โทรศัพท์ก็ดับสนิทเสียแล้ว เขาจึงตัดสินใจชาร์จโดยทั้งๆ ที่ยังไม่เปิดเครื่องแล้วจึงเข้าห้องหอบผ้าห่มและหมอนออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวเพียงตัวเดียวของบ้าน ชายหนุ่มหลับตาฟังเสียงฝนกระทบหลังคา เสียงฟ้าร้อนครืนที่เริ่มอ่อนกำลังลงบ้างแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆ กับโลกเงียบๆ ที่ตนปรารถนาหากลึกๆ ในหัวใจกลับต้องการอ้อมกอดของใครสักคนที่รักตนชัดเจนกว่าคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา

     

     

     “ขาม ว่างแล้วไปหาพี่ที่ออฟฟิศด้วยนะ หัวหน้าพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินแวะมาตะโกนเรียกรุ่นน้องที่กำลังล้อมวงรับประทานอาหารในช่วงพักเบรค เจ้าของชื่อพยักหน้ารับคำแล้วจึงเร่งมือทานอาหารในจานให้หมดโดยเร็ว การที่พี่โชคเรียกไปที่ห้องทำงานของบริษัทแสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับงานอย่างแน่นอน

    เจ๊ใหญ่ว่ายังไงอย่าลืมมาบอกด้วยนะพี่ขาม บรรดาน้องๆ ร่วมงานพร้อมใจกันส่งกำลังใจแฝงความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยมจนออกนอกหน้านอกตาตามประสาวัยช่างเม้าส์ซึ่งชายหนุ่มก็พยักเพยิดไปตามเรื่อง ส่วนจะพูดหรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง

    พนักงานต้อนรับหนุ่มเคาะกระจกพาร์ทิชั่นเบาๆ พอให้เจ้าของโต๊ะละสายตาจากคอมพิวเตอร์เสียก่อน อนันตโชคบอกให้รุ่นน้องนั่งที่เก้าอี้เบื้องหน้าตนแล้วจึงให้ความสนใจกับหน้าจอต่ออีกสักครู่

    ขามทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ววะ

    อืม เกือบสี่ปีแล้วครับพี่โชครเมศประหลาดใจกับน้ำอดน้ำทนของตนเองไม่น้อยที่สามารถทนทำงานบริการได้เป็นเวลานานเกินกว่าที่คาดคิดไว้ ช่วงแรกๆ ที่ตนทำงานนั้นแทบคิดจะลาออกทุกวันแต่ต้องทนเพราะเป็นงานที่ใกล้บ้านซึ่งช่วงนั้นตนต้องดูแลคุณปู่ที่ป่วยหนักด้วยจึงไม่สะดวกทำงานไกลหรือย้ายไปอยู่ที่อื่น

    เพื่อนรุ่นเดียวกับเราก็ลาออกไปอยู่ที่อื่นบ้าง ย้ายไปอยู่แผนกอื่นบ้างเนอะ หัวหน้างานเอ่ยพร้อมกับใช้นิ้วลูบคางขณะที่ใช้ความคิดอยู่ ส่วนผู้ฟังก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคู่สนทนาต้องการจะพูดถึงอะไรกัน แม้ว่าขณะนี้เขาจะเป็นรุ่นพี่ของบรรดาพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินไปแล้วแต่ใช่ว่าตนจะมีปัญหาในการทำงานสักหน่อย เงินเดือนตนก็ได้มากกว่าตามประสบการณ์แถมยังได้ค่าภาษาเพิ่มเติมอีกด้วย ทีแรกตนตั้งใจจะไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมด้วยแต่เมื่อได้รู้จักกับมิสเตอร์ลีทำให้ความคิดนี้ถูกพับเก็บไว้ด้วยอคติส่วนตัวเสียก่อน ขาม กูถามจริงๆ แบบเปิดอกเลยนะ มึงอยากย้ายไปอยู่สถานีอื่นบ้างไหม?

    แถวไหนล่ะพี่ คนอายุน้อยกว่าถามก่อน เรื่องย้ายที่ทำงานไม่เคยอยู่ในความคิดของตนแม้แต่น้อย

    อาจจะลงใต้ไปภูเก็ตหรือกระบี่ อนันตโชคเลื่อนสายตามามองปฏิกิริยาอึ้งไปอึกใหญ่ของผู้ฟังพอดีจึงรีบอธิบายต่อ พี่อยากให้ขามก้าวหน้าสักทีวะ พอดีตำแหน่งซีเนียร์ที่โน่นว่าง เขาเลยถามๆ ว่าคนทางนี้อยากมาไหม การย้ายสถานที่ทำงานเป็นเรื่องปกติของการทำงานสายการบินอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องลุ้นว่าจะได้ไปที่ไหนเท่านั้นแหละ

    ถ้าเป็นที่นี่ล่ะพี่โชค ผมพอมีสิทธิ์บ้างไหม? ถึงรเมศจะเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องในวงเม้าส์นักแต่ก็พอรู้มาว่าในที่ทำงานของตนก็มีการล็อบบี้ตำแหน่งอยู่บ้างโดยเฉพาะตำแหน่งระดับซีเนียร์ขึ้นไป ไม่ว่าที่ไหนๆ ย่อมมีการเมืองในที่ทำงานอยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกอยู่กับเส้นสายใดเท่านั้น

    คนถูกถามทำคิ้วขมวดก่อนตอบตามตรง “ก็พอมีอยู่นะแต่แกก็รู้ว่ากรุงเทพเด็กเส้นแม่งเยอะ เดี๋ยวคนโน่นคนนี่ก็ยัดมาให้โดยไม่ปรึกษากูสักคำ ถ้าขามอยากอยู่ที่นี่จริงๆ พี่จะลองช่วยดูสักตั้งแต่ระหว่างนี้ต้องสร้างผลงานให้ได้นะโว้ย พยายามอย่ามีเรื่องหรือถูกลูกค้าคอมเพลน

    ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะง่ายแต่ทำได้ยากเพราะงานบริการต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ใช่ว่าจะถูกใจคนทุกคน มะขามจึงเลือกทำตามกฏอย่างเคร่งครัดเสียดีกว่าเป็นการตัดปัญหาไปในตัว แต่เพื่อความก้าวหน้าลองดูทำให้ดีกว่าเดิมก็ยังไม่เสียหายยังไงก็ดีกว่าต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นซึ่งเขายังไม่พร้อมจริงๆ “ผมจะพยายามนะพี่โชค

    หัวหน้าแผนกต้อนรับภาคพื้นฐานส่งยิ้มให้กำลังใจลูกน้องคนสนิท เขาเชื่อมั่นว่ามะขามเป็นคนมีความสามารถและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีจึงอยากสนับสนุนให้ได้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่ฝืนใจมากนัก หากเจ้าตัวยังอยากอยู่ที่นี่ต่อตนก็ไม่ผลักไสหรอก “เอาตามนั้นก็ได้วะไอ้ขาม ยังติดใจมิสเตอร์ลีอยู่ละสิถึงไม่ยอมย้ายเนี่ย เขาเอ่ยแซวเล่นๆ หากใบหน้าของคู่สนทนากลับแปรเปลี่ยนเป็นทะมึนในทันที

    อย่าพูดถึงหมอนั่นได้ไหมพี่โชค มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการตัดสินใจของผมเลย แค่นี้ก็รำคาญเต็มแก่แล้ว ผมเองไม่ได้ชอบที่มันมาทำตาเชื่อมใส่ต่อหน้าคนอื่นๆ หรอกนะ คนอะไรหน้าด้านหน้าทนชะมัดยาก คู่สนทนาหัวเราะก๊ากลั่นทันทียิ่งทำให้อีกฝ่ายงอนหนักกว่าเดิมเสียที

    มึงก็ตรงเกินไอ้ขาม ถ้าเขาคิดจริงจังกับมึงนะป่านนี้คงตามไปถึงบ้านแล้ว ไม่มาตื้อจีบทุกครั้งที่เจอหน้ากันหรอก เสียเวลาเปล่าๆ อนันตโชคเตือนสติจากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้ชายที่ทำแบบนี้ตั้งใจจะหยอกเล่นเท่านั้นไม่คิดจริงจังอะไรด้วยซ้ำ เชื่อพี่นะ ทำนิ่งๆ ไว้ไม่เกินสิบครั้ง คุณวีไอพีเลิกตอแยแน่นอน

    รเมศรู้สึกเจ็บจิ๊ดในใจขึ้นมาแว่บหนึ่ง หมอนั่นคิดกับตนแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียวสินะ งั้นสองครั้งก็มากเกินพอแล้ว ตนไม่อยากให้ผูกพันกันมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่เช่นกันคนที่เจ็บก็มีเพียงแค่เขาคนเดียว ดวงตาคมฉายความรู้สึกเศร้าโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวหากคู่สนทนาที่อาวุโสกว่ากลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป

    มะขาม น้อยครั้งที่อีกฝ่ายจะเรียกชื่อเล่นของรุ่นน้องเต็มๆ ถ้าตนไม่หวังดีก็คงจะไม่เตือนหรอก คิดดีๆ นะ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแยกกันให้ขาด ผู้ชายหาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้นะแต่โอกาสเรื่องงานก็ไม่ได้มาง่ายๆ หรอก ถ้าจะปฏิเสธก็เอาให้ชัดเจนไปเลย แต่ถ้าจะตอบรับก็ตรองดูดีๆ ว่าเขาจริงจังกับเราแค่ไหน เจ็บตูดมันเรื่องเล็กแต่เจ็บใจมันเรื่องใหญ่กว่านะโว้ย ผู้ฟังหลุดขำกับประโยคสุดท้ายในที่สุด เพราะว่าได้หัวหน้าดีๆ แบบนี้ทำให้ตนไม่อยากย้ายไปไหนหรอก ถึงจะมีเพื่อนมากมายแค่ไหนแต่คนที่สามารถปรึกษาและเข้าใจอย่างถ่องแท้มักจะมีอยู่ไม่มากหรอก

    ขอบคุณครับพี่โชค ผมจะลองไปคิดดูก่อน เขาส่งยิ้มขอบคุณความปรารถนาดีของคู่สนทนา

    เออ ทั้งเรื่องงานและเรื่องหัวใจ คิดดีๆ เถอะไม่ต้องรีบตัดสินใจแต่อย่าช้าเกินไปนะ โอกาสและเวลามันไม่ค่อยเรานะ ผู้มีประสบการณ์เตือนอีกครั้งซึ่งคนฟังก็รับคำก่อนขอตัวไปทำงานตามหน้าที่ของตนเองเสียที

    ถึงเวลาแล้วมั้งที่เขาควรจะทำอะไรให้ชัดเจนเสียทีด้วยการปฏิเสธนายลีอย่างเต็มปากเต็มคำเป็นอันดับแรก

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดขาวเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถึงสองใบพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีเพราะเห็นใบหน้าของใครบางคนเบ้ปากแล้วสะบัดหน้าเดินหนีทันทีที่เห็นตนออกมาจากเครื่องบิน ลีนึกขำกับพฤติกรรมดังกล่าวไม่น้อยแต่ก็ไม่คิดตามตื้อต่อหรอก ปล่อยให้รเมศได้ทำงานตามหน้าที่โดยไม่รบกวนจะดีกว่า  เขาเดินออกมายังบริเวณด้านนอกอาคารผู้โดยสารขาเข้าเพื่อต่อแถวขึ้นแท็กซี่ตามปกติ

    ลีเดินทางไปมาระหว่างเมืองไทยกับฮ่องกงเป็นประจำมานานเกือบสองปีแล้วจนเขาแทบจะหลับตาเดินในสนามบินยังได้ด้วยซ้ำ เขามักจะบอกกับคนอื่นเสมอว่า ตนไม่ใช่นักธุรกิจแต่เป็นเพียงพ่อค้าเท่านั้น เขาชอบการเดินทาง ได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าค้นหาเสมอ แม้ว่าจะมีองค์ประกอบทางร่างกายเหมือนๆ กันแต่จิตใจกลับแตกต่างกันออกไป

    ลูกค้าของลีมีเกือบทุกประเภทตั้งแต่คนธรรมดายันผู้มีอิทธิพล ดังนั้นเขาจำเป็นต้องดูคนให้ออกเพื่อจะได้ดำเนินการค้าอย่างง่ายดาย โดยส่วนตัวแล้วเขาชอบคนไทยเป็นพิเศษเพราะเป็นคนที่คุยง่ายตกลงง่ายแต่บางครั้งก็เรื่องมากไปหน่อย ด้วยเหตุนี้ตนจึงรับหน้าที่หลักติดต่อกับลูกค้าในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงให้กับบริษัทที่ทำงานอยู่

    หนุ่มฮ่องกงบอกชื่อโรงแรมที่ตนพำนักเป็นประจำพร้อมชำระเงินค่าธรรมเนียมตามปกติ เขายอมจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อความสบายใจให้ตนเองเพราะมีของสำคัญของคู่ค้าที่ต้องรักษายิ่งชีพอยู่ในกระเป๋าเดินทางเสมอ

    อ้าว คุณลี เจอกันอีกแล้วชายวัยกลางคนผิวเข้มใส่เชิ้ตสีฟ้าทักทายลูกค้าที่บังเอิญได้พบกันอีกหน ชายหน้าตี๋ขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนร้องอ้อเมื่อนึกออกว่าเป็นใคร แท็กซี่เจ้าประจำนั่นแหละ เจอกันอีกแล้ว

    สวัสดีครับเขาตอบกลับเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ พร้อมกับลากกระเป๋าสองใบไปยังท้ายรถโดยสารสีเขียวเหลืองโดยมีเจ้าของรถช่วยยกให้อย่างทุกครั้งที่ใช้บริการ

    ไปโรงแรมเดิมนะครับคนถูกถามพยักหน้ารับแล้วจึงรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรับแอร์เย็นๆ ทันที อากาศเมืองไทยในเดือนเมษายนสามารถฆ่าคนตายได้ทีเดียว

    ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่าๆ เอนหลังพิงเบาะรถโดยสายตาชำเลืองมองวิวข้างทางอย่างเรื่อยเปื่อย เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเทน้ำใส่ถัง บางคนก็ถือขันพลาสติกเตรียมสาดน้ำแก่ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าการกระทำเช่นนี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่

    "มาเที่ยวสงกรานต์เหรอคุณลี" คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตุเห็นว่าผู้โดยสารมีท่าทีสนอกสนอย่างชัดเจนจึงอดถามไม่ได้ตามประสาคนช่างจ้อ คนต่างชาติคนนี้ถือว่าเป็นลูกค้าเกือบประจำของตนเลยก็ว่าได้ คุยรู้เรื่อง ไม่มากเรื่องและให้ทิปหนักอีกด้วย

    "เปล่า...ผมนัดลูกค้าไว้" พ่อค้าต่างถิ่นตอบความจริงครึ่งเดียวเนื่องจากนัดไว้วันมะรืนต่างหาก ส่วนพรุ่งนี้ตนมีธุระส่วนตัวซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทศกาลสาดน้ำสักนิด

    "โธ่ น่าเสียดายนะคุณ ถ้ามีเวลาว่างก็อยากให้ไปสนุกกับเขาบ้าง เนี่ยถ้าคุณไม่ชอบแบบฮาร์คคอสาดแรงๆ ล่ะก็ผมแนะนำไปที่ถนนข้าวสารเลย" ลียิ้มรับความหวังดี เขาฟังบ้างไม่ฟังบ้างขณะที่กำลังใช้สมองจดจ่ออยู่กับแผนการบางอย่างที่จะมัดตัวคนช่างหนีให้ได้อยู่หมัด ชายหนุ่มเผยยิ้มเจ้าเล่ห์อยากรู้ว่าคืนนี้อีกฝ่ายจะหาทางปฏิเสธตนได้อย่างไรอีก แค่คิดเล่นๆ ใจก็อยากหมุนเวลาให้เร่งเดินจนถึงช่วงหัวค่ำนี้เร็วๆ เสียแล้วสิ

     

     

    ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีเศษเดินสะโหลสะเหลเข้าบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยล้าสุดขีด ในช่วงเทศกาลหยุดยาวของทุกปีมักจะมีผู้โดยสารเดินทางเป็นปริมาณมาก เมื่อมากคนย่อมมากความ ปัญหาต่างๆ ประดังประเดมาให้วิ่งวุ่นกันตั้งแต่เริ่มยันเลิกงานทีเดียว มะขามอยู่ในสภาพใกล้หมดพลังงานจนต้องพึ่งพาอาหารแช่แข็งจากร้านสะดวกซื้อประทังความหิวอีกแล้ว เขาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ขอนอนพักเอาแรงสักครู่ โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ต้องรีบร้อนจัดการธุระส่วนตัว

    รเมศลืมตามองฝ้าเพดานขณะนอนรอให้เครื่องปรับอากาศทำงานลดอุณหภูมิที่ร้อนจัดลง แม้ว่าบ้านของตนจะมีต้นไม้ช่วยบังแดดแล้วก็ตามแต่ไม่สามารถปกป้องไอร้อนจากแสงแดดได้ทั้งหมด ดวงตาคมเสมองรูปของครอบครัวที่ชั้นวางของชั่วครู่แล้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่  พรุ่งนี้แล้วสินะ…

    เสียงเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ทำให้เจ้าของเครื่องพลิกตัวจากท่านอนขึ้นมานั่งเอนตัวเปิดกระเป๋าทำงานเพื่อดูว่าใครเป็นคนส่ง หากว่าเป็นพวกโฆษณาตนจะได้บล็อคต่อไป

    “Are you free on tomorrow?” มะขามทำหน้าละเหี่ยเมื่อเห็นชื่อผู้ส่งแล้วจึงพิมพ์ตอบทันทีทันใด เมื่อไรจะเลิกตอแยตนสักที หรือว่าเขาควรจะทำตามที่พี่โชคแนะนำคือเลิกสนใจ

    ไม่ วันหยุดต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่เจ้าตัวยังลังเลอยู่ว่าจะออกไปเที่ยวดีหรือไม่เพราะได้หยุดเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

    “Great! Let’s go out!” พนักงานสายการบินแสยะด้วยความรำคาญไม่น้อย เขาเองก็ลืมบล็อคหมายเลขของมิสเตอร์ลีเสียสนิทเลย เรื่องอะไรจะต้องไปเที่ยวกับคนที่จ้องจะงาบตนด้วยเล่า ฝันไปเถอะ ไม่มีครั้งที่สามหรอกเอ็ง

    ไม่ไป ผมไม่มีทางไปกับคุณหรอก

    “Umm, but this is the first time for me. I want to enjoy Songkran festival with you” คนทำหน้าบึ้งอ่านทวนประโยคอีกรอบพลางคิดแผนการบางอย่างออก อาจจะเป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้ลูกค้าวีไอพีตัดใจเลิกตื้อตนสักทีโดยใช้วันสงกรานต์ให้เป็นประโยชน์ก็ได้

    ก็ได้แต่ผมต้องเลือกสถานที่เอง

    “No problem, Up to you.” รเมศยิ้มพราวตามลำพังเมื่ออีกฝ่ายติดกับเข้าอย่างจัง ชักตื่นเต้นและอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ขึ้นมาเสียแล้วสิ เขามั่นใจว่าจะทำให้คุณลีเสียความรู้สึกกับเขาไปอีกนานแน่นอน

    ดี พรุ่งนี้เจอกันที่โรงแรมของคุณตอนเก้าโมงเช้า เขารีบนัดแนะสถานที่ก่อนโดยไม่ให้คู่สนทนาได้ตัดสินใจร่วม เมื่อชวนเขาแล้วก็ควรตามใจถึงจะถูกสิ

    “Okay, dear. See you tomorrow. Oh and I feel you looking a bit tried today. Rest early.”

    คนอ่านข้อความอมยิ้มโดยไม่รู้ตัวที่มีคนเป็นห่วงเป็นใยตนนอกจากคนในครอบครัว อกข้างซ้ายมีความรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาทันใดแม้ว่ามะขามจะไม่พิมพ์ตอบแล้วหากยังคงทวนประโยคสุดท้ายซ้ำไปซ้ำมาพลางเอนตัวลงนอนอีกครั้งด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย พรุ่งนี้แหละเขาจะทำให้อีกฝ่ายเกลียดให้จงได้ แต่เพื่อให้แผนการลุล่วงอย่างราบรื่นต้องมีผู้ช่วยด้วย เขาจึงตัดสินใจรีบโทรหาใครบางคนทันทีด้วยอารมณ์ดีๆ ที่เจ้าตัวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะจะได้เที่ยวกับมิสเตอร์ลีในวันพรุ่งนี้หรือจะได้สลัดอีกฝ่ายกันแน่?

     

     

    เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอทันทีที่ได้มีโอกาสพบกับแขกของพี่มะขามซึ่งเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าตนเสียที ผิวขาวจัดและดวงตาเรียวเล็กบ่งบอกเชื้อชาติได้เป็นอย่างดีว่าไม่ใช่คนไทยทำให้นักเรียนมอปลายอ่อนภาษาต่างชาติอย่างตนได้แต่ยิ้มแห้งพูดไม่ออกในบัดดล แถมยังถูกอีกฝ่ายจ้องเขม็งยิ่งทำให้ตัวเกร็งไปด้วย

    "Who is he?" ลีถามเสียงต่ำบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนักยิ่งเข้าทางรเมศเป็นที่สุด ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งฉีกยิ้มกว้างพลางโอบคอเด็กข้างบ้านที่พามาด้วยกันอย่างแนบชิด

    "น้องชายที่อยู่ข้างบ้าน เที่ยวสงกรานต์ต้องไปกันหลายๆ คนถึงจะสนุกนะมิสเตอร์ลี" โบนัสฟังแล้วพอจะเข้าใจอะไรลางๆ ได้ว่า ตนถูกลากมาเป็นไม้กันหมานี่เอง ครอบครัวของเขากับพี่มะขามค่อนข้างสนิทกันมากจนรู้ว่าเจ้าตัวชอบพอกับผู้ชายด้วยกันแต่เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของแฟนพี่มะขามสักคน ก็จะมีคนนี้แหละแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แฟนเลยแหะ สงสัยเป็นคนที่ตามตื้ออย่างไม่ต้องสงสัย

    หนุ่มฮ่องกงทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อยและยอมยกธงขาวก็ได้ "Okay, he is your brother, so, just take care of him by yourself." รเมศยิ้มกระหยิ่มออกหน้าออกตา เป็นไปตามแผนทุกอย่าง ที่เหลือก็ถือรอจังหวะเหมาะๆ สำหรับแผนการต่อไป เขาจะทำให้วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดสำหรับนายลีให้จงได้

    ไม่มีปัญหา แต่ก่อนอื่นคุณช่วยถอดนาฬิกาและของมีค่าอื่นๆ ออกซะ พกไปแค่เงินอย่างเดียวก็พอ หรือถ้าจะให้ดีกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่จะดีกว่าผู้ฟังเลิกคิ้วพร้อมทำหน้าฉงนในคำพูด การแต่งกายของตนไม่ดีตรงไหนแค่ใส่เสื้อยืดคอกลมสีเข้มและกางเกงผ้าลายช้างแล้วนะ ไม่เข้ากับบรรยากาศตรงไหน “Why??”

    รเมศท้าวสะเอวได้ทีข่มกับชาวต่างชาติที่ไม่รู้วัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ของไทยแลนด์ หมอนี่ไปอยู่ส่วนไหนของโลกมากันแน่เนี่ย เขาชี้นิ้วมาที่ตนเองและโบนัส “แต่งอย่างพวกเราได้ไหม เราจะไปเล่นน้ำกันไม่ใช่เดินห้างนะคุณ อีกอย่างคนมหาศาลพกของไปน้อยชิ้นจะดีกว่า

    ดวงตาตี๋หรี่ตาตามคำสั่ง ทั้งสองคนแต่งกายคล้ายคลึงกันคือ เสื้อยืดสีสดใสคอวีบางๆ กางเกงขาสั้นเหนือเข่า คีบรองเท้าแตะ และมีถุงพลาสติกใสๆ ใส่เงินกับโทรศัพท์ห้อยคอไว้อีกด้วย แต่งตัวได้สบายประหนึ่งเดินเล่นริมชายหาดเลยทีเดียว “I see. Just wait a sec”   

    ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งอมยิ้มอย่างพึงพอใจที่คู่สนทนาว่าง่าย พวกเขานั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรมไม่ถึงสิบนาที คนฮ่องกงก็เดินออกจากลิฟต์ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เนื่องจากไม่ชอบแต่งตัวเช่นนี้ออกสู่ที่สาธารณะหนักแต่เมื่ออยู่บ้านเมืองอื่นก็ควรทำตามเจ้าบ้านถึงจะถูก “ดีมาก เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวคนจะเยอะ มะขามรีบลุกขึ้นยืนเดินนำหน้าเพื่อไปโบกแท็กซี่ไปยังสถานที่เป้าหมายในวันนี้ก็คือ ...ถนนพระอาทิตย์

     

     

    เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รเมศได้มีโอกาสเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์เนื่องจากตนต้องคอยดูแลผู้สูงอายุทั้งสองเสมอจึงไม่ค่อยได้เล่นสนุกตามวัยนัก ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ มองฝูงคนจำนวนมหาศาลด้วยความตื่นเต้นไม่น้อยแม้ว่าตนจะต้องเดินฝ่าแดดร้อนเพราะถนนปิดก็ตามทีเช่นเดียวกับคนฮ่องกงที่เหลียวมองบรรยากาศความสนุกสนานรอบตัวด้วยความสนอกสนใจ

    ทั้งสามแวะซื้ออุปกรณ์เล่นน้ำยอดนิยมจากร้านข้างทางแม้ราคาจะสูงไปนิดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในเวลานี้ พวกเขาขอน้ำเติมจนเต็มกระบอกปืนก่อนจะลองทดสอบแรงน้ำโดยใช้พวกเดียวกันเป็นเป้า

    "ป้า ผมขอน้ำอบด้วย" มะขามยื่นเงินตามราคาแล้วจึงรับขวดน้ำอบไทยขวดเล็กๆ มาก่อนจะเขย่าให้ส่วนผสมภายในเข้ากัน จากนั้นจึงยื่นเทลงฝ่ามือแปะตามลำคอและพวงแก้มของตนเองซึ่งโบนัสก็ทำตามพี่ชายด้วยเช่นกัน เล่นน้ำสงกรานต์ทั้งทีจะขาดกลิ่นหอมได้อย่างไร

    "หอม" ภาษาไทยคำแรกของวันจากคนต่างชาติ เขารู้สึกถึงกลิ่นหวานละมุนแฝงความเย็นจากกลิ่นที่กำจายออกมาในอากาศ

    "น้ำอบไทย ลองใส่ดูสิ" มะขามยื่นขวดให้กับอีกฝ่ายซึ่งลีก็ลองเหยาะลงบนฝ่ามือแล้วใช้ก้มหน้าดมกลิ่นด้วยความใคร่รู้ ทำให้หนุ่มไทยทั้งสองแอบขำกับพฤติกรรมดังกล่าวแต่ไม่คิดล้อเลียนหรอก

    ทั้งสามคนเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ ระหว่างก็มักถูกผู้คนนำน้ำมาสาดเป็นระยะทำให้ช่วยคลายร้อนลงได้มากทีเดียว ยิ่งเข้าใกล้ที่หมายปริมาณของคนก็มากเสียจนเบียดเสียดขยับไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว

    "พี่ผมว่าเราเดินอ้อมไปทางอื่นดีกว่านะ" โบนัสจับไหล่พี่ชายแล้วเขย่งดูฝูงชนที่มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน

    "ก็ได้ อ้อมโลกจะได้ไปหาอะไรกินด้วย" เด็กวัยกำลังกินกำลังโตยิ้มแป้นอย่างดีใจเพราะกำลังหิวอยู่พอดีเลย ส่วนลีก็เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว

    ระหว่างที่ทั้งสามกำลังฝ่าฝูงชนออกมาก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินแทรกเข้ามาชนไหล่รเมศอย่างจังเกือบทำให้ล้มหากไม่ได้คนตัวโตคว้าเอวเอาไว้

    "เฮ้ย ชนแล้วขอโทษด้วยสิวะ" โบนัสตะคอกเมื่อคู่กรณีไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิด

    "อารายชนนิดชนหน่อย ไม่ถึงกระดูกหักมั้ง" แม้ว่าคนตอบจะตัวเล็กกว่าแต่อาศัยพวกมากจึงไม่กลัวเกรงอันตราย หนำซ้ำยังเรียกพรรคพวกมาช่วยอีกด้วย

    "โบนัส ช่างเถอะ อย่าเสียเวลา" มะขามไม่ได้บาดเจ็บสักนิดแค่เซนิดหน่อยต่อให้ลีไม่ประคองไว้เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก และที่สำคัญวันนี้ตนไม่อยากมีเรื่องกับใครด้วย

    "เดี๋ยวสิคุณพี่" คู่กรณีเริ่มจะมีน้ำโหกับอากัปกิริยาเฉยชาของรเมศจึงตรงมาหมายจะจับไหล่หากมีมือที่ใหญ่คว้าเอาไว้ก่อนและออกแรงบีบ "โอ๊ย เจ็บนะโว้ย"

    ลีมองคนที่ต้องบีบด้วยหางตาประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่ามาก "Don’t touch him"เขาเตือนเสียงต่ำกว่าปกติพร้อมกับคลายมือคู่กรณีให้เป็นอิสระซึ่งก็ไม่มีใครคิดจะโวยวายต่อเพราะรูปร่างของเขาค่อนข้างหนากว่าอย่างชัดเจน หากต้องการเล่นมวยข้ามรุ่นตนก็ยินดีสงเคราะห์ เมื่อบวกลบผลได้ผลเสียแล้วคู่กรณีจึงยอมเลิกลาแบบจำใจแถมยังไม่วายส่งสายตาอาฆาตทิ้งท้ายอีกด้วย

    รเมศรู้สึกโล่งอกที่เรื่องจบโดยไม่มีการลงไม้ลงมือหากตนก็ไม่คิดจะขอบคุณคนข้างๆ ง่ายๆ หรอก เขาไม่ใช่เจ้าหญิงหรือคุณหนูที่ต้องการการปกป้องหรอก ส่วนโบนัสทำตาเป็นประกายด้วยความชื่นชมมิสเตอร์ลีเป็นอย่างยิ่ง เจ๋งสุดๆ ไปเลยหากยังไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปตรงๆ

    "Let's go. I'm so hungry." หนุ่มฮ่องกงเอ่ยพร้อมเอามือวนหน้าท้องของตนเองไปมาประกอบความรู้สึก ถ้าเงี่ยหูฟังดีๆ ก็อาจจะได้ยินเสียงประกอบด้วย

    "ผมก็หิวนะพี่ หาอะไรกินกันเถอะนะๆๆ" คนอายุน้อยกว่าพูดเสียงอ้อนพลางดึงแขนร่างเล็กกว่าให้เดินฝ่ามวลมหาประชาชนออกไปยังอีกเส้นสายหนึ่งที่มีผู้คนสัญจรน้อยกว่า

     

     

    มื้อเที่ยงของทั้งสามจบลงที่ร้านอาหารฝรั่งซึ่งเป็นร้านแฟรนไชส์ชื่อดัง โชคดีที่ทางร้านจัดโซนพิเศษเพื่อต้อนรับลูกค้าที่เปียกปอนโดยเฉพาะจึงไม่มีปัญหาในการใช้บริการ ลีถอดแว่นกันแดดออกเมื่อเข้าที่ร่ม ตนมักจะตาพร่าเมื่อเจอแดดจัดจึงต้องพกติดตัวเสมอ เขาชำเลืองมองคนข้างๆ ซึ่งมีสภาพเป็นลูกหมาตกน้ำไม่ต่างกัน เสื้อยืดคอวีเปียกแนบตามลำตัวจนเห็นสองตุ่มเล็กที่แผ่นอก ส่วนกางเกงขาสั้นก็เปียกแนบกับต้นขาด้วยซ้ำ ผมเปียกแนบกับผิวหน้าทำให้ดูเย้ายวนกว่าเดิม แต่เจ้าของร่างไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้อยู่ในสภาพใดเพราะมัวสนใจสิ่งอื่นอยู่ ส่วนหนุ่มอายุน้อยเพิ่งขอตัวไปเดินเล่นถนนข้าวสารด้วยความสนุกจนลืมหิวไปชั่วขณะ

    "คุณชอบหรือเปล่า" หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งถามขณะมองออกดูคนที่ยิงปืนฉีดน้ำใส่กันด้วยรอยยิ้ม ถึงคนจะเยอะมากแต่เขาเองก็รู้สึกดีที่ได้มาในวันนี้ เหมือนได้ปลดความเครียดต่างๆ จากการทำงานและความคิดของตนออกด้วยการสาดน้ำไปยังคนที่ไม่รู้จักกัน

    "ชอบสิ" ลีตอบเป็นภาษาไทย เป็นครั้งแรกของตนที่ได้มาเล่นน้ำในวันสงกรานต์เทศกาลอันเลื่องชื่อของประเทศไทย "ขอบคุณที่พามา" เขาแอบจับมือคนร่วมโต๊ะที่วางบนตักและได้รับการสะบัดออกในเวลาต่อมาแถมยังถูกมองด้วยดวงตาเขียวปั๊ดอีกต่างหาก

    "เผลอเป็นไม่ได้นะมิสเตอร์ลี" รเมศพูดเสียงดุแล้วจึงหยิบแซนวิสที่สั่งไว้ขึ้นมากิน เขาตั้งใจจะให้หมอนี่ไม่ถูกใจกับวันสงกรานต์แท้ๆ แต่ตนเองดันเผลอเล่นสนุกไปจนได้ หากเมื่อมองรอยยิ้มของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วก็อดถามตนเองไม่ได้ว่า คิดทำบ้าอะไรอยู่กันแน่ วันนี้ควรมาร่วมสนุกกับคนมากหน้าหลายตาต่างหาก

    ผมรู้ว่าคุณจงใจพาน้องชายมาด้วย คู่สนทนาดักความคิดของคนอายุน้อยกว่าได้แต่ดูเหมือนว่าแผนการดังกล่าวจะล้มตั้งแต่แรก คนฮ่องกงมองออกว่าทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเชิงรักใคร่เลยจึงแค่ไม่สบอารมณ์ที่มีก้างขวางคอเท่านั้น

    แล้วไง คนทำผิดยักไหล่ไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด ก็น้องอยากเล่นน้ำสงกรานต์ก็พามาด้วย มันแปลกตรงไหน?

    คู่สนทนาหัวเราะในลำคอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้อารมณ์ขุ่นมัวหรอก ยอมยกผลประโยชน์ให้จำเลยละกัน เขาหยิบแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดูดดับกระหายระหว่างนั่งพักรอเด็กตัวโตหัวเกรียนกลับมาก่อน

    โห...โบนัส ไปโดนใครทำอะไรมาวะ พี่ชายกำมะลอตาโตเมื่อเห็นน้องชายกลับมาในสภาพเนื้อตัวมอมแมมด้วยรอยสีขาว

    โดนกะเทยปะแป้งอ่ะพี่มะขาม น่ากลัวที่สุดเด็กนักเรียนพูดพร้อมทำหน้าสยองขวัญประกอบไปด้วย ตนไม่ได้รังเกียจเพศที่สามหรอกแต่มามะรุมมะตุ้มแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันจึงต้องรีบวิ่งหนีกลับมาดีกว่า ขืนอยู่นานๆ อาจจะเจอสิ่งที่หวาดเสียวมากกว่านี้เป็นแน่

    รเมศพยายามกลั้นเสียงไว้อย่างสุดความสามารถแม้ว่าจะเห็นใจโบนัสที่โดนโปะแป้งจนขาววอกไปครึ่งค่อนตัวก็ตามแต่ก็อดขำไม่ได้ แถมคนตัวโตข้างๆ เองก็ไม่ปิดบังอารมณ์ด้วยการหัวเราะออกมาดังๆ จนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยความสงสัยและยิ่งทำให้เด็กหนุ่มทำท่างอนและกระฟัดกระเฟียดมากกว่าเดิม

    ผมอุตส่าห์มาเตือนพวกพี่ๆ นะเขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยพลางหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดเศษแป้งที่ติดตามใบหน้าออกแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างเพื่อลงมือกินแซนวิสของตนเอง ถนนข้าวสารคนเยอะมากเลยพี่ ผมเข้าไปได้นิดเดียวเลยถอยกลับมาก่อน

    รเมศขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อยว่าจะไปต่อดีไหมหากอุตส่าห์มาถึงแล้วจะยอมแพ้เอาง่ายๆ ก็กระไร "เดี๋ยวค่อยเข้าไปใหม่ละกัน ไหนๆ ก็เปียกกันมาแล้ว" โบนัสโคลงศีรษะเห็นด้วย ตอนนี้ตนขอเติมพลังก่อนสักครู่แล้วค่อยลุยต่อกับพวกพี่ๆ

    "อ้อ สถานีตำรวจเขาเอาน้ำมาบริการด้วย เราไปเติมกันก่อนไหม?" ผู้ฟังเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่มีน้ำเหลือในกระบอกปืนฉีดน้ำแล้ว ควรเติมก่อนลุยต่อจึงสะกิดให้คนข้างๆ ลุกขึ้นยืนตามตน

    "งั้นพวกพี่ไปเติมน้ำก่อน เดี๋ยวเจอกันที่โน่นเลยนะโบนัส" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับตามคำสั่งของผู้ใหญ่ เขานั่งแทะแซนวิสไปพลางคิดเล่นๆ ด้วยว่าคนจีนตัวใหญ่ที่มาด้วยกันคงได้หน้าที่บอดี้การ์ดแทนตนเองแน่ๆ แทบไม่ยอมห่างกันเลย เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วพี่มะขามจะสลัดอีกฝ่ายตามความตั้งใจได้หรือเปล่าหนอ

     

     

    เสียงดนตรีดังกระหึ่มจากทุกสารทิศ เสียงหนุ่มสาวนับร้อยนับพันกรีดร้องอย่างสนุกสนานรับกับจังหวะดนตรีที่กระแทกกระทั่นอกปลุกความคึกคักแก่บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเดินเล่นน้ำในถนนสายหลักของย่านนี้ โบนัสทำหน้าเบ้พลางอุดหูเมื่อเดินผ่านลำโพงที่เปิดเพลงสากลผิดกับวันเทศกาลของไทยแต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยคนต่างชาติจะเปิดเพลงไทยเดิมก็คงจะไม่เข้ากันเป็นแน่

    ชายผู้ที่มีอารมณ์ร่วมกับสีสันการละเล่นของถนนข้าวสารมากที่สุดกลับเป็นรเมศเสียเอง หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเดินแทรกฝูงชนแบบไม่หวงเนื้อหวงตัวเลยด้วยซ้ำ รอยยิ้มซุกซนของคนอายุยี่สิบปีเศษปรากฏเคล้าเสียงหัวเราะทำให้คนที่มาด้วยไม่อยากขัดใจนักจึงพยายามเบียดตามให้ได้มากที่สุด

    "Watch out!" ชายร่างใหญ่รีบดึงร่างเล็กกว่าเข้ามาหาตนเมื่อเจ้าตัวกำลังจะถูกสาดด้วยน้ำแช่เย็นแต่ช้าไปเสียแล้วทั้งสองถูกราดจนเปียกจนได้

    "แว๊ก เย็น!!!" มะขามร้อนลั่นดั่งถูกน้ำร้อนลวก น้ำเย็นผสมน้ำแข็งของคนเล่นพิเรนทร์ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นเทาจนเผลอเบียดตัวเข้าหาไออุ่นจากคนข้างๆ ซึ่งถือโอกาสโอบสะโพกเสียเลย

    ดวงตาคมเหลือบขึ้นสบกับหนุ่มฮ่องกงที่ยิ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้จึงใช้ปืนฉีดน้ำยิงใส่หน้ากวนๆ เข้าอย่างจัง โทษฐานมือไวมาฉวยโอกาสจากตนอีกแล้ว

    "ปล่อยได้แล้วมิสเตอร์ลี" เขาทำตาดุใส่พลางหยิกหลังมือใหญ่ไปด้วย

    "Not that name, Makham" ผู้ฟังทำหน้าเบื่อหน่ายทันที คนอะไรตื้อยิ่งกว่าตังเมซะอีก หากไม่พูดออกไปเจ้านี่คงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แน่แถมตนก็ไม่ด้านพอที่จะให้โอบเอวตลอดเวลาเสียด้วย

    "แม็กซ์ ปล่อย" เจ้าของชื่อยอมทำคำสั่งด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

    "You must be careful. You look so sexy while you dress like these"

    มะขามที่เปียกปอนไปตั้งตัวก้มลงมองสภาพตนเองอย่างงงๆ เซ็กซี่ตรงไหนวะ ถ้าเขาผิวขาวเหมือนคนตรงหน้าก็ว่าไปอย่าง หรือว่านายลีจะมีรสนิยมประหลาดกันแน่

    "You never notice your charm but I do." คนต่างชาติกล่าวทิ้งท้ายก่อนจับมือรเมศให้เดินฝ่าฝูงชนตามโบนัสที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

    กว่าจะหลุดออกจากถนนข้าวสารได้ทั้งสามหนุ่มตกอยู่สภาพเปรอะเปื้อนไปด้วยแป้งสีขาวไปทั้งตัว คนที่โดนมากกว่าคนอื่นไม่พ้นมิสเตอร์ลีด้วยรูปลักษณ์ที่สูงยาวเข่าดีผิวขาวสะอาดจึงหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายไม่ได้หรอก

    "I thought someone try to pull my shorts down" ร่างสูงทำหน้ายุ่งเอ่ยพร้อมดึงกางเกงของตนขึ้น ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมโดยไม่รู้ว่าเป็นใครทำ

    "คุณยังดี ผมสิเกือบโดนไอ้บ้าจะมาจับหน้าอก ดีที่บีบมือมันทัน" ถึงรเมศจะไม่หวงตัวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครจะสัมผัสได้โดยไม่ขออนุญาต เขาเทน้ำที่เหลือจากปืนฉีดน้ำใส่อุ้งมือแล้วเช็ดตามใบหน้าเพื่อล้างคราบแป้งออก

    "ผมโดนใครไม่รู้จับเป้า"หนุ่มน้อยสุดซวยทำเสียงเศร้าพลางชี้ให้พี่ชายดูรอยมือที่กางเกงของตน ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหลุดจากฝูงชนตนพยายามเบียดเสียดออกมาและเป็นโอกาสให้พวกโรคจิตลวนลามจนได้

    "So...this is the Thai tradition too?" คนต่างชาติถามด้วยความสงสัยแม้ว่าจะสนุกสนานกับกิจกรรมสาดน้ำจนเปียกปอนแต่ก็รู้สึกไม่ดีกับการกระทำเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการลวนลามทางเพศเลยสักนิด เหตุใดคนไทยถึงยอมรับในสิ่งนี้ได้

    มะขามมองแววตาซื่อๆ ของคนถามแล้วพลางพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งที แม้แต่ตนที่เป็นคนไทยยังรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมดังกล่าวไม่น้อยเช่นกันแล้วนับประสาอะไรกับคนต่างถิ่นที่ไม่เคยประสบมาก่อน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการบอกความเป็นจริงทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง "ประเพณีจริงๆ เขาแค่รดน้ำกันเบาๆ เท่านั้น ไม่มีป้ายแป้ง ไม่ใช้น้ำเย็นจัด ไม่โยนน้ำแข็งใส่กันหรือฉีดน้ำด้วยสายยางแบบนี้หรอก ที่เกินมาคือความคะนองล้วนๆ ของคนที่อยากสนุกโดยไม่คำนึงถึงคนอื่นต่างหาก ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รู้ถึงขนบธรรมเนียมแต่บางครั้ง…คนที่ไม่สนใจอะไรเลยก็มีมากกว่า" เขากล่าวพลางชำเลืองไปยังถนนที่พวกตนเพิ่งหลุดออกมา ณ ที่แห่งนั้นเสมือนเป็นโลกของมนุษย์ต้องการปลดปล่อยความดิบในตนเองก็ไม่ปานโดยใช้คำว่าเทศกาลเข้ามาบังหน้า

    “And why did you bring me here?” ผู้ถูกถามตอบภายในใจทันทีว่าเพราะอยากให้นายเข็ดหลาบยังไงล่ะ แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าตนต่างหากที่ถอดความอัดอั้นออกมามากกว่าใครเสียที

    รเมศส่งยิ้มจางๆ ให้กับมิสเตอร์ลีก่อนหันไปมองสถานที่เดิมอีกครั้ง “สมัยก่อนปู่กับย่าเคยพาผมมาเที่ยวแถวนี้ตอนวันสงกรานต์แต่เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปมากจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว เขาไหวไหล่เล็กน้อย สถานที่ต่างๆ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำคงอยู่ในร่างกายของผู้คนที่เคยผ่านมาเท่านั้น

    เอ๊ะ พี่มะขาม แท็กซี่มาแล้ว น้องชายข้างบ้านรีบเปลี่ยนหัวข้อทันทีพร้อมกับวิ่งออกไปโบกไม้โบกมือเรียกรถโดยสารยอดนิยมของเมืองกรุง เขาไม่อยากให้คนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหงาหงอยเช่นนั้นเลย สิ่งที่เด็กอย่างตนพอจะทำได้ให้แก่พี่ชายที่โตมาด้วยกันคงมีแค่ทำให้เจ้าตัวลืมเรื่องเก่าๆ บ้างก็ยังดี

     

     

    มะขามทำหน้าบึ้งตึงเป็นตุ๊กตาสาปแช่งประจำรถเก๋งคันเดิมเป็นครั้งที่สามเนื่องด้วยเหตุสุดวิสัยอันเกิดมาจากน้องชายสุดที่รักดันปวดท้องกะทันหันจึงต้องลงที่โรงแรมกันทั้งสามคนแทนที่จะให้แท็กซี่ขับส่งต่อถึงหมู่บ้านของพวกตน ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะโบกแท็กซี่เช่นเดิมเพราะสภาพของโบนัสคงไม่พร้อมโหนรถเมล์และต่อรถคิวอย่างแน่นอนแต่แล้วมิสเตอร์ลีก็ใช้วีธีรวบรัดด้วยการบังคับลากคนเพิ่งถ่ายท้องขึ้นรถอย่างงงๆ ในที่สุด

    ท่าทีของคนข้างๆ ซึ่งกอดอกไม่ยอมพูดยอมจาสักคำไม่ได้เป็นปัญหาในการขับรถไปส่งแม้แต่น้อยเพราะได้คนนำทางคนใหม่คอยบอกทางแทน ระบบจีพีเอสนำทางช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางเป็นอย่างมากทำให้ตนสามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่หลงทางแถมยังมีออฟชั่นเสริมด้วยการบันทึกที่ตั้งของสถานที่ที่เคยไปมาแล้วอีกด้วย

    เอ่อเดี๋ยวจอดตรงหน้านี้ครับ เด็กหนุ่มหัวเกรียนบอกคนขับจำเป็นด้วยความเกรงใจไม่น้อยแม้ว่าตนจะไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจภาษาไทยได้ทีในระดับนึงทีเดียว ไม่งั้นคงไม่ฟังพี่ชายข้างบ้านพูดยาวๆ โดยไม่ทำหน้างงหรอก

    อ้าว ทำไมลงตรงนี้ล่ะ แวะเข้าบ้านเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่าไหม? แม้ว่าเสื้อผ้าจะแห้งกันหมดแล้วแต่รเมศเห็นว่าเพื่อความสะอาดก็ควรอาบน้ำชำระความสกปรกเสียก่อน

    ผมจะช่วยที่บ้านปิดร้านก่อน สาเหตุของอีกฝ่ายทำให้คนอายุมากกว่าไม่คิดจะรั้งเอาไว้อีก พ่อแม่ของโบนัสเปิดร้านขายอาหารตามสั่งที่หน้าหมู่บ้านมานานแล้วและตนเองก็ฝากท้องอยู่เป็นประจำด้วย เขาโบกมือลาเด็กตัวโตแล้วจึงปล่อยให้คนขับจำเป็นขับต่อไปโดยไม่ยอมบอกทาง

    หากหนุ่มฮ่องกงมีความจำที่ดีเกินคาด เขาสามารถขับรถและเลี้ยวเข้าซอยได้ถูกต้องแถมยังมาจอดเทียบหน้าประตูบ้านถูกหลังอีกด้วย มะขามหันควับมองคนข้างๆ ด้วยความสงสัยและได้รับการเฉลยอยู่ที่หน้าจอของเครื่องนำทางจีพีเอส

    คุณ…” เจ้าของบ้านไม่รู้สรรหาคำใดมาต่อว่าเสียจริงๆ การพามาบ้านเพียงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของตนที่สุด เจ้าหมอนี่มันบันทึกตำแหน่งเอาไว้!!! มิน่าวันนั้นถึงยอมออกจากบ้านโดยดีเพราะมีแผนแบบนี้นี่เอง

    ผมจำต้นไม้นี่ได้ ชายผิวขาวชี้ไปยังต้นจำปีริมรั้วซึ่งมีดอกสีเหลืองแซมกับใบไม้สีเขียว ยามที่มีลมพัดจะหอบกลิ่นหอมมาด้วยทำให้สนใจและจำได้ขึ้นใจ

    ผมไม่ให้คุณเข้าบ้านหรอก รเมศถลึงตาใส่พร้อมออกคำสั่งระหว่างปลดเข็มขัดนิรภัยออก แค่มาส่งก็เกินพอแล้วสำหรับตนในฐานะลูกค้ากับผู้ให้บริการ หากมือใหญ่กลับดึงรั้งเอาไว้ก่อนพร้อมกับกดล็อคประตูจากฝั่งของตน อะไรมิสเตอร์ลี? เขาขู่เสียงต่ำ คิดจะทำอะไรบ้าๆ อีกหน คิดว่าตนจะยอมแบบครั้งที่แล้วหรือไง

    คนตัวโตเลื่อนกายขยับเข้ากันพลางยิ้มขำกับแววตาวาวๆ เหมือนสัตว์ป่าที่ไม่ไว้ใจมนุษย์ก็ไม่ปาน ครั้งนี้ตนยังไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยแต่ดูเหมือนว่าจะมีคนที่คิดไปไกลกว่าเสียแล้ว “ขอบคุณสำหรับวันนี้ พ่อค้าชาวฮ่องกงเอ่ยจากใจจริงไร้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ผมสนุกมากจริงๆ

     คู่สนทนาลอบถอนหายใจเบาๆ เขาเองก็สนุกที่ได้เที่ยวเหมือนกันแต่เรื่องอะไรจะยอมบอกกันเล่า “ก็ดีแล้วมิสเตอร์ลี ผมขอตัวล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานต่อ พนักงานสายการบินรีบตัดบทสนทนาพร้อมกับสลัดมือที่รั้งแขนตนออกเสียที วันนี้ต้องรีบพักผ่อนแต่หัววันเพราะได้ทำงานกะเช้าอีกแล้ว

    โอเค อีกฝ่ายยอมรามือแต่โดยดีด้วยการขยับกลับมายังที่นั่งของตนตามเดิม คุณเหนื่อย พักผ่อนมากๆ นะ

    ขอบคุณ มะขามตอบตามมารยาทแล้วจึงหมุนตัวเปิดประตูเตรียมลงจากรถแต่ก็ถูกรั้งไว้อีกครั้ง อะไรอีกคุณ ผมจะเข้าบ้านแล้วนะ เขาขึ้นเสียงด้วยความรำคาญ อยากพูดอะไรก็พูดให้หมดในครั้งเดียวไม่ได้หรือไง

    ถุงผ้าสีเหลืองนวลขนาดใหญ่พอๆ กับเด็กหนึ่งคนถูกยื่นมาให้คนที่กำลังจะวีนแตกทำให้เจ้าตัวกะพริบตามองด้วยความงงงวยไปชั่วครู่ อะไรวะ?? เขาเห็นสิ่งนี้อยู่ในรถของลีตั้งแต่แรกจึงไม่ได้เอะใจอะไรด้วยความคิดที่ว่าอาจจะเป็นของที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของอีกฝ่าย

    เอามาให้ผมทำไม? แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นหากเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างออกเช่นกัน ทำไมหมอนี่ถึงรู้??

    “Happy Birthday, Dear” คำอวยพรสั้นๆ จากคนที่ไม่คาดหวังบีบหัวใจของผู้ฟังให้สั่นคลอนโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะได้รับข้อความอวยพรวันเกิดจากเพื่อนและคนรู้จักมาทั้งนั้นแล้วแต่นายลีเป็นคนแรกที่มอบของขวัญให้ตน เขาเผลอขย้ำถุงผ้ารู้สึกถึงสัมผัสนิ่มๆ ภายใน เหมือนตุ๊กตา หมอนี่มันบ้าหรือเปล่าที่เอาของพรรค์นี้ให้กับผู้ชายอายุยี่สิบปีกว่าแล้วเนี่ย ตนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เขาได้แต่คิดแต่ไม่มีคำพูดต่อว่าออกมานอกจากคำว่า

    ขอบคุณครับ หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยด้วยความดีใจพลางกอดของขวัญเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

    ผมเห็นในห้องของคุณและสงสารที่เขาต้องอยู่ตัวเดียว เลยซื้ออีกตัวที่คล้ายๆ กันมาให้เป็นเพื่อนด้วย ดวงตาคมเบิกมองผู้พูดด้วยความไม่คาดคิดอีกหน ในช่วงเวลาดังกล่าวยังสังเกตเห็นหรือว่า ภายในห้องนอนของตนมีตุ๊กตาหมีตั้งอยู่บนเตียงเสมอ นั่นเป็นของขวัญจากบุพการีก่อนที่พวกท่านจะจากไปจึงเป็นของสำคัญที่เขาเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเสมอ หากวันนี้กลับมีคนอวดดีคิดจะหาเพื่อนให้บ้าชะมัด

    คุณ…” รเมศเกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมาทันที ลีส่งยิ้มหวานที่ไม่ได้เสแสร้งให้กับเจ้าของวันเกิดก่อนเอื้อมตัวใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากซีดแผ่วเบาแล้วจึงดึงกลับมาแตะปากของตนคล้ายเป็นการจูบทางอ้อมที่ไม่บังคับฝืนใจเช่นเคย “Good Night, Dear. See you later”

    ร่างสันทัดเดินถอยหลังพร้อมกับของขวัญชิ้นโตในอ้อมกอดและยืนรอจนกระทั่งรถเก๋งสีขาวถอยหลังออกจากซอยสำเร็จ ดวงตาคมฉายความรู้สึกสับสนอย่างชัดเจน วันนี้นายลีทำตัวได้น่าหมั่นไส้หลายเรื่องแต่ทว่า…เขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด เขารู้ดีว่าตนกำลังจะมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ผู้ชายคนนี้เป็นตัวอันตรายต่อหัวใจของเขาเสียแล้ว ก่อนที่จะสายเกินไปเขาจะต้องเลือกทางใดทางหนึ่งให้ชัดเจน

     

     

    จบตอนที่ 2

    By Keaw (4/11/15)


     

    คุยกันท้ายบท : กลับมาอีกแล้วสำหรับเรื่องลุ้นรักหยอกใจนะคะ ตอนนี้เกี้ยวรีบปั่นให้ทันกับเทศกาลสงกรานต์พอดีเลย สวัสดีวันสงกรานต์ล่วงหน้า แล้วพบกันใหม่(ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่) นะคะ 

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×