ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่9 : จูปาจุ๊ปส์

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 54


    ผมกำลังมองบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่แยกจากบ้านหลังอื่นๆในหมู่บ้าน  ข้างๆบ้านนี้ห่างไปไม่ไกลมีทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่  และถัดไปเป็นสวนสาธารณะของหมู่บ้าน  ใช่แล้วครับผมกำลังยืนอยู่หน้าบ้านไอ้ตังค์  ตลอดสองอาทิตย์ที่ไปโรงเรียนและกลับบ้านกับมันผมไม่เคยมาบ้านมันเลยซักครั้ง  แต่ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้

    มันมีสาเหตุครับ  ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วระหว่างที่ผมกำลังนั่งเล่นเฟสบุ๊คอยู่ 

    โฟมพรุ่งนี้สอบคณิต  ถ้าอ่านไม่เข้าใจตรงไหนถามกูได้นะ  ไอ้คุณหัวหน้าห้องมันทักผมมาครับ  ผมนี้ขมวดคิ้วเลย

    สอบคณิต?’  ผมตอบกลับไป  ทำไมมันไม่มีความจำเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยวะ 

    อืม  ก็เรื่องตรีโกณไง  อย่าบอกนะว่าลืม  เวรแล้วไง!  ตรีโกณนี้มันไอ้ sin cos tan สามเหลี่ยมนรกนั้นใช่มั้ย

    เออๆ ขอบใจๆ  เกือบลืมเลยนะเนี่ย  ตามจริงไม่เกือบหรอกครับ  ไม่รับรู้ตั้งแต่แรกแล้วมากกว่า  คุยกับไอ้แบงค์เสร็จผมก็รีบคลิกเข้าไปที่กล่องสนทนาของกลุ่ม  นกเขาจุ๊กกรู้  ไม่อยากจะบรรยายรูปประจำกลุ่มครับ  มันเป็น

    รูปการ์ตูนนกเขาชวาสามตัวที่กำลังแย่งกันกินหนอนชาเขียว  ซึ่งไอ้แก๊บและไอ้โมให้ความเห็นว่า  มันเป็นรูปที่ไม่ตรงกับชื่อของกลุ่ม  ไอ้โมมันแนะนำว่าให้พวกผมสามคนยืนเรียงกันแล้วถ่ายรูปครึ่งตัวล่างระดับใต้เข็มขัดเอามาเป็นรูปประจำกลุ่ม  ซึ่งเมื่อได้ยินความคิดอุบาทพิสดารของไอ้ตี๋โม  ไอ้แก๊บก็หันมาชมภาพนกเขาของผมทันทีว่ามันเป็นภาพที่สวยงามมีศิลปะสื่อถึงกฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติของชาร์ล  ดาวิน  ที่ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะที่เหมาะสมกว่าย่อมอยู่รอด  ซึ่งหน้าผมกับไอ้โมก็หงิกทันทีที่ได้ฟังไอ้แก๊บมันพูดถึงกระบวนการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต  การแปรผันทางพันธุกรรม  หรือการกำเนิดสปีชีส์ใหม่และอื่นๆอีกมากมายที่พวกผมยิ่งฟังก็ยิ่งเครียด  หลังจากนั้นพวกผมสามคนเลยตกลงปลงใจที่จะเอารูปประจำกลุ่มเป็นรูปการ์ตูนนกเขาชวาสามตัวแย่งหนอนชาเขียว  เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องรับฟังความคิดอันต่ำทรามของไอ้โม  และทฤษฏีหรือกฎอะไรต่างๆมากมายที่ชวนปวดหัวจากไอ้แก๊บ

    พวกมึงงงงงงงง  พรุ่งนี้สอบตรีโกณ!!!!’  ผมพิมพ์บอกพวกมัน

    รู้แล้วเว้ย!  กูกำลังนั่งติวกับไอ้โมที่ร้านมันอยู่

    ไม่ยอมเตือนกูนะพวกมึง  แม่งจะติวกันก็ไม่เคยบอก

    มึงจะถ่อมาร้านกูมั้ยละ  ไม่ได้ห้ามนะ  ฮึ่ยๆๆ  รู้สึกเหมือนโดนเพื่อนทิ้งครับ  บ้านไอ้แก๊บกับไอ้โมมันอยู่ละแวกเดียวกัน  บ้านผมนี้คนละมุมโลกกันเลย

    แล้วกูจะทำไงวะแม่ง  อ่านคนเดียวไม่รู้เรื่องแน่

    มึงก็ให้ไอ้ตังค์มันติวให้ดิวะ  อยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอมึง  ไอ้ตังค์!  ใช่แล้ว!  ผมลืมคิดถึงมันไปเลย  และนั้นละครับคือที่มาที่ว่าทำไมผมถึงได้มายืนอยู่หน้าบ้านไอ้ตังค์

     

    สอบพรุ่งนี้มาอ่านคืนวันนี้  ถ้าตกนี้กูจะไม่แปลกใจเลย  ไอ้ตังค์มันเดินมาเปิดประตูรั้วให้ผมเข้าไป  ผมโทรตามมันเองละครับ  ดึกแล้วไม่อยากกดออดรบกวนคนอื่น

    แช่งกูเหรอมึง  มึงมีหน้าที่ติวให้กู  ถ้ากูสอบตกก็เพราะคนติวมันแย่  ผมเข็นจักรยานเข้าไปจอดในบ้านมัน  แผลผมหายจนเดินเหินได้ตามปกติแล้วละครับ  เหลือก็แค่แผลตกสะเก็ดที่สร้างความคันให้ผมบ้างเป็นบางเวลา

    พ่อแม่มึงละ  ผมถามมันเมื่อเดินเข้ามาในบ้านไม่เห็นมีใครอยู่  ไอ้ตังค์อ้าปากหาวชี้ให้ดูนาฬิกา

    สี่ทุ่มแล้วนะมึง  พ่อแม่กูนอนหมดแล้ว  ผมสำรวจไปทั่วบ้านมัน  สะดุดเข้ากับรูปถ่ายครอบครัวขนาดใหญ่ที่ติดไว้ที่ผนังบ้าน

    พี่มึงเหรอ  ผมชี้ภาพให้มันดู  ในภาพมีคนที่สูงอายุสองคนก็น่าจะเป็นพ่อกับแม่มัน  มีไอ้ตังค์  แล้วก็ผู้หญิงที่อายุมากกว่ามันหนึ่งคน  แล้วก็ผู้ชายที่ใส่ชุดนักศึกษาอยู่อีกสองคน

    ผู้หญิงคนเดียวในรูปอะพี่คนโต  ส่วนผู้ชายอีกสองคนก็พี่คนรอง  มันชี้รูปแล้วอธิบาย 

    อ้าวแล้วพี่มึงละวะ  ก็บ้านมันเงียบจริงๆนะครับ

    พี่สาวกูแต่งงานไปอยู่กับครอบครัวที่เชียงใหม่  พี่ผู้ชายอีกสองคนเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ

    มึงโคตรจะลูกหลงเลยว่ะ

    เออ  หลงโคตรกูห่างจากพี่คนแรกตั้งสิบเอ็ดปี  มาๆ  ไปได้แล้ว  ตกลงมึงจะให้กูติวหรือจะมาซักประวัติกูเนี่ย  มันลากผมขึ้นไปชั้นบน  บ้านมันมีตั้งสามชั้นแน่ะ  ห้องไอ้ตังค์อยู่ชั้นสามครับ  เดินขึ้นบันไดจนหอบ

    เฮ้อ  สบาย  ผมโยนกระเป๋าที่หอบหนังสือมาทิ้งบนพื้นแล้ววิ่งไปกระโดดขึ้นเตียงนุ่มๆ  ห้องมันสวยมากครับ  โทนห้องเป็นสีคราม  ดูแล้วเย็นตาดีแล้วมันก็ชวนให้น่านอนเหลือเกิน

    ลุกมาเดี๋ยวนี้!”  มันดึงผมออกจากเตียงลากลงไปกองกับพื้น  ไอ้ตังค์เอาโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆมาตั้งตรงหน้าผม  ตามมาด้วยหนังสือที่ผมหอบมาจากบ้าน  กระดาษและดินสอยางลบปากกาพร้อม

    เริ่มเลยเหรอวะ  ผมถามไอ้คนที่เปิดหนังสือจับดินสอเตรียมตัวจะติวเต็มที่ 

    จะรออะไรละ  สี่ทุ่มแล้วนะมึง  กูว่ากว่าจะติวจบก็ประมาณตีหนึ่ง

    ตีหนึ่ง!”  ผมเอานิ้วขึ้นมานั่งนับ  สามชั่วโมงเลยเหรอ

    ปกติมึงนอนไม่ดึกเหรอ  ไอ้ตังค์ถาม  มันหยิบแว่นตามาสวม  หน้ามันเวลาใส่แว่นแล้วดูขรึมมากเลยครับ

    ก็ดึก  แต่กูอ่านการ์ตูนจนดึกมันเลยไม่ง่วง  แต่ถ้าให้อ่านหนังสือเรียนนี้คงไม่ไหว  ปวดหัวตาย  ผมไม่ใช่พวกใฝ่รู้ใฝ่เรียนขนาดที่จะต้องแหกตานั่งอ่านหนังสือตลอดทั้งคืน

    งั้นฝึกไว้ตั้งแต่วันนี้ซะ  มันพูดจบ  ก็ร่ายเนื้อหาในหนังสือยาวเลยครับ  ไม่มีเบรกให้ผมได้พักหายใจเลย  ดีนะที่ผมเป็นพวกเข้าใจอะไรง่ายเลยไม่มีข้อสงสัยอะไรมากมาย

    จบแล้ว  คราวนี้ก็ทำโจทย์

    หา!”  ผมนี้แทบสลบ  ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก็ติวเสร็จผมนี้ตั้งท่าจะกระโจนขึ้นเตียงแล้ว

    ก็ต้องฝึกทำข้อสอบด้วย  จะได้ทำได้  ทำไมมันแม่งไม่รู้จักง่วงอะไรบ้างเลยวะ  ผมเห็นมันเอาแต่พูดๆมาสองชั่วโมงแล้วแค่ผมนั่งฟังเฉยๆยังเหนื่อยเลย

    ตังค์  กูไม่ไหวแล้ว  ผมลากเสียงยานๆ  หัวมันตื้อไปหมดแล้วครับ

    ตังค์คร้าบบบบบบบบบบบ  ผมเอาคางไปถูแขนมันเบาๆ  ต้องทำตัวน่ารักไว้ครับเผื่อมันใจอ่อน 

    กูเชื่อละว่ามึงไม่ไหวจริงๆ  ไอ้ตังค์หัวเราะ  ผมก็เชื่อว่าตอนนี้หัวผมเบลอจริงๆละครับ  ถ้าสมองยังปกติคงไม่ลดตัวลงไปอ้อนไอ้ตังค์ขนาดนั้น

    แค่นี้ก็ได้ถ้างั้น  ผมรีบเด้งตัวกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงมันทันที  ตอนแรกติวเสร็จกะจะกลับไปนอนที่บ้านแต่ไม่ไหวแล้วครับ  ถ้าให้ปั่นจักรยานกลับบ้านมีหวังได้นอนอืดข้างทางแน่

    แย่งหมอนกูอีก  ในห้องมีแค่แสงสลัวๆจากไฟหัวเตียงเท่านั้น  ผมปรือตามองไอ้ตังค์ที่เอนตัวนั่งลงบนเตียง  ที่นอนมันมีแค่หมอนใบเดียวกับผ้าห่มนวมผืนใหญ่หนึ่งผืน  หมอนข้างก็ไม่มี  แล้วผมจะก่ายอะไรละเนี่ย  ผมติดหมอนข้าง

    ตังค์  ผมเรียกมันเบาๆ  ไอ้ตังค์เอามือหนุนแขนตัวเองนอน  ตอนนี้ผมสลึมสลือมากๆเลยครับ  อารมณ์ครึ่งหลับครึ่งตื่น  หัวมันเบลอไปหมดอยากจะหลับท่าเดียว

    หืม  ไอ้ตังค์หันมามอง  ภาพหน้ามันมัวๆ  คงเพราะผมฝืนตาตื่นไม่ไหวแล้ว

    หมอนข้าง  อยากกกอดหมอนข้าง  ผมพึมพำ  ไอ้ตังค์หัวเราะแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ผม

    ไม่มีหรอก

    อยากกอดหมอนข้าง  อยากกอด  อยากกอด  หมอนข้าง  จะเอาหมอนข้าง  เริ่มไม่ค่อยรู้ตัวแล้วครับว่าเพ้ออะไรออกไป  แต่ขาผมนี้ก่ายออกไปข้างๆแล้ว 

    นี้ไงหมอนข้าง  กอดหมอนข้างอุ่นๆ  ผมทั้งก่ายทั้งกอดอะไรไม่รู้ที่อยู่ข้างๆ  ถึงจะไม่นุ่มเหมือนหมอนข้างที่บ้านแต่มันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่าเยอะ  ผมรู้สึกว่าตัวผมก็กำลังถูกกอดกระชับอยู่  ฮ้า  อุ่นสบายดีจัง

    ฝันดีนะครับ

    อื้อ  ในห้วงนิทราผมได้ยินเสียงนุ่มๆคุ้นเคยบอกฝันดี  เหมือนเสียงของไอ้ตังค์เลย  ผมกำลังฝันถึงมันอยู่หรอกเหรอ  ในฝันไอ้ตังค์มันจูบหน้าผากผมเบาๆด้วย  ฮ่าๆ  ผมจะฝันพิสดารเกินไปแล้วนะเนี่ย

     

     

     

     

    ฮึก..กอด..ขอกอด..”  ผมยืนแขนไปให้พี่เปาที่กำลังจะออกเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อขึ้นเครื่องไปอเมริกา  ผมยังจำอ้อมกอดครั้งสุดท้ายของพี่เปาที่โอบกอดผมไว้แน่น

    เป็นผู้ชายต้องไม่ร้องไห้  พี่เปาลูบหัวผม  เสียงพี่เปาสั่นไม่น้อยแต่ใบหน้าก็แย้มยิ้มไม่มีน้ำตาออกมาซักหยด  ผมอยากจะเข้มแข็งให้มากกว่าพี่เปา  แต่ในตอนนั้นผมทำใจแข็งกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ

    จะ..ฮึก..จะได้เจอกันอีกมั้ย..ฮือๆ  ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย  กระชับวงแขนรัดตัวพี่เปาไว้แน่น

    ไอ้เด็กน้อย  พี่จะกลับมาดูไอ้เด็กน้อยโตเป็นผู้ใหญ่  ผมฉีกยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  ผมเห็นน้ำตาพี่เปาคลอที่เบ้าตาแต่ก็ไม่ไหลออกมา  พี่เปาใจแข็งเสมอ

    โฟมรักพี่เปา  พี่เปาชะงักมองหน้าผม  ผมไม่เคยกล่าวคำว่า  รัก  ออกไป  ที่ผ่านมาผมจะบอกพี่เปาเพียงแค่ว่าผมชอบพี่เปาเท่านั้น  ตอนนี้ผมอยากจะให้พี่เปารับรู้ว่า  พี่เปาเป็นคนสำคัญที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าผมรักคนสำคัญของผมคนนี้

    แล้วเจอกันนะไอ้เด็กดื้อ  พี่เปาเอามือขยี้หัวผมเบาๆ 

    พี่เปา!”  ผมตะโกนตามหลังคนที่เดินผละออกจากผมแล้วไม่หันกลับมามองอีกเลย

    พี่เปา!..ฮึก..พี่เปา..รัก!..รักพี่เปา..ฮือๆ..โฟมรักพี่เปา!!!!!!!!!”

     

     

    ฝันร้ายเหรอมึง  ผมสะดุ้งเฮือก  หอบหายใจถี่  เอามือกุมขมับที่เต้นตุบๆจนปวด  ฝันถึงพี่เปาอีกแล้ว

    โฟม

    กูไม่เป็นไร  ผมหันไปบอกไอ้ตังค์ที่มันตื่นมานั่งเป็นเพื่อน  เกือบลืมไปเลยว่ามานอนบ้านมัน

    กี่โมงแล้ว  ผมถามมัน 

    อีกยี่สิบนาทีตีห้า  ไอ้ตังค์เอื้อมมือไปคว้ามือถือมาเปิดดูนาฬิกา

    เฮ้ย!  มึงถอดเสื้อทำไม  เพิ่งสังเกตครับว่ามันไม่ได้ใส่เสื้อ  หุ่นมันดีโคตร  หน้าท้องแอบมีกล้ามเนื้อนิดๆ

    กูก็ถอดนอนแบบนี้ทุกวัน

    จะหกโมงแล้วค่อยปลุกกูแล้วกัน  ผมทำท่าจะเอนตัวลงนอนอีกครั้งแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามที่ออกมาจากปากไอ้ตังค์

    พี่เปานี้ใครเหรอ

    มึงพูดเรื่องอะไร  ทำเป็นไม่รู้เรื่องไว้ก่อนครับ  แต่ในใจก็แอบคิดละว่ามันคงได้ยินที่ผมละเมอ

    โฟมรักพี่เปา  มึงพูดแบบนี้  ตอนแรกก็หนาวนะครับแต่ตอนนี้เหงือแตกพลักๆชักอยากจะถอดเสื้อเป็นเพื่อนไอ้ตังค์แล้ว 

    อะ..เอ่อ..ไม่มีไรหรอกมึงอย่ารู้เลย  ผมเบือนหน้าหนีสายตาของมันที่จ้องมาอย่างคาดคั้น 

    โฟม  ไม่สบายใจอะไรก็บอกกูได้นะ  มันจับหน้าผมให้หันไปหามัน 

    ไม่มีอะไรหรอก  แล้วมึงจะมาเบียดกูทำไม  ผมเอามือดันอกของมันไว้  ไอ้ตังค์มันคร่อมทับตัวผม  ผมจะเสหน้าหลบสายตาคมที่จ้องมองมาแต่มันเอามือดันหน้าผมไว้ให้จ้องแต่หน้ามัน  ใจผมเต้นแรงตอนที่สบกับดวงตาคมคู่นั้น  มันเป็นแววตาที่ผมไม่เคยเห็นจากสายตาอ่อนโยนของไอ้ตังค์มาก่อน

    พี่เปา..เป็นใคร  มันถามน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว 

    มึงจะรู้ไปทำไมวะ  มันเรื่องของกะ..อุ๊บส์!”  ผมเบิกตากว้าง  ใจเต้นรัวแรง  สัมผัสหยุ่นๆของริมฝีปากที่ประทับลงบนริมฝีปากผมมันอุ่นร้อนจนร่างผมอ่อนปวกเปียกเหมือนจะหลอมละลายไปในอ้อมกอดของมัน

    กูแค่อยากรู้..”  มันผละริมฝีปากออก  ผมได้แต่นิ่งค้าง

    แค่อยากรู้ว่า..คนที่กูชอบ..รักใคร 




    ~~~~~  Nonsense  รักนี้ไม่มีเหตุผล  ~~~~~





     

         

     

         

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×