คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6
“น้องแทน” ผมมองรุ่นพี่รูปหล่อพ่อรวยแต่ขี้งกเดินยิ้มราโบกมือให้มาแต่ไกล
“ค่าตัวพี่เท่าไหร่” ไม่อยากคุยอะไรให้ยืดเยื้อ เลยถามคำถามนี้ออกไป
พี่นุขำคิกก่อนจะพูดต่อ “พี่ล้อเล่น เห็นพี่งกขนาดนั้นเลยเหรอไง”
“ใครจะไปรู้ละ แล้วงั้นพี่มาหาผมทำไม”
“อย่าเพิ่งถามตอนนี้พี่หิวไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย” ไม่ทันจะได้ตอบตกลงก็ถูกโดนลากเข้าไปในร้านขายไก่ นั่งรอพี่นุซักพักพี่แกก็ถือถาดใส่ไก่มาวางตรงหน้า บริการดีแถมกินฟรีแบบนี้ผมก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นการเสียเวลาที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับพี่นุซักมื้อ
“เอ่อ..น้องแทน..”
“เรียกแทนเฉยๆก็ได้พี่ เรียกน้องแทนมันดูสุภาพชนเกินไป” ผมพูดไปก็จับไก่เข้าปากไป ไม่ได้เงยหน้าไปมองพี่นุที่นั่งตรงข้ามหรอก ถึงพี่นุจะเพอร์เฟ็คแมนขนาดไหนแต่ผมมีเจ้าของหัวใจแล้วเพราะงั้นหน้าหล่อๆของพี่แกไม่มีผลต่อผมเท่าของกินที่ทำให้อิ่มท้องหรอก
“อืม..แทน คือพี่อยากจะถามอะไรหน่อย”
“ว่ามา”
“คือแบบ..น้องน้ำตาล..เขา..เอ่อ..”
เห็นว่าน้ำเสียงคนที่นั่งตรงข้ามชักเริ่มตะกุกตะกัก ผมเลยยอมละสายตาจากสะโพกไก่กรอบ เงยหน้าไปมองพี่นุที่มีสีหน้าดูลังเลที่จะพูด
“แบบ..น้ำตาล..”
“ถ้าพี่ไม่พูดให้รู้เรื่องผมก็ไม่รู้จะตอบคำถามยังไงหรอกนะ” พี่นุนี้ก็แปลกๆ จะถามก็ไม่รีบถาม
“น้ำตาลเขาเป็นแบบแทนรึเปล่า”
“แบบผม” ผมเอานิ้วมือชี้เข้าหาตัวเองก่อนจะดูดซอสที่ติดมากับปลายนิ้วเบาๆ เลิกตามองพี่นุเป็นเชิงถามอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจในคำถามของพี่แกซักเท่าไหร่ คนถูกจ้องทำไหล่หดก่อนจะอธิบายต่อ
“น้ำตาลเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย” ฮ่าๆๆๆ.. ผมพยายามจะกลั้นหัวเราะแต่ก็อดไม่ไหว เกิดสำลักซอสที่เพิ่งดูดเข้าไปจนพี่นุรีบส่งแก้วน้ำมาให้
“มันมีผัวแล้ว”
“ระ..เหร่อ” ก๊ากกก.. ผมนั่งกุมท้องจนตัวแทบงอ เจอคำถามแรกของพี่นุก็แค่เริ่มสงสัย แต่พอเห็นไอ้อาการทำหน้าเหรอหราแล้วจู่ๆไหล่ก็ตกลงมา นี้ถ้าพี่นุมีหางกับมีหูตั้งๆ อาการของพี่นุตอนนี้ก็คงต้องบอกได้ว่า หน้าหงอย หางลู่ หูตก แบบนี้มันก็แปลได้อย่างเดียวแหละ..
“ทำไม..พี่สนใจเพื่อนผมเหรอ”
“ปะ..เปล่า..อะ..เอ่อ..อืม”
ตอนแรกพี่แกทำหน้าตื่นรีบยกมือปฏิเสธแต่พอเจอสายตาที่หรี่มองอย่างจับผิดของผม พี่นุเลยได้แต่นั่งหน้าจ๋อยก่อนจะพยักหน้ายอมรับ โอ๊ย!!! ไอ้เพ้งงานเข้าแล้ว พี่นุสุดแสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้ดันไปปิ๊งไอ้น้ำตาล เป็นมวยคู่เอกจริงๆ ผมละชักจะอิจฉาตาร้อน
“แต่มันมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ”
ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ แต่ผมไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย ยังอยากแกล้งพี่นุก่อน เห็นคนหล่อนั่งทำหน้าซังกะตายแล้วมันฮาพิลึก อยากรู้จริงว่าพี่แกไปหลงเสน่ห์ไอ้ตาลมันได้ไง ใครที่ไม่ได้สนิทกับมันจริงๆเห็นท่าทางมาดแมนของน้ำตาลแบบนั้นไม่มีทางรู้หรอกว่าเพื่อนผมมันอยากได้สามีมากกว่าเมีย แล้วพี่มองทะลุความแมนของไอ้น้ำตาลมันไปได้ไงวะครับพี่นุ!
“ใช่คนที่ขาวๆ สูงๆ คิ้วเข้มๆ หน้าเรียวๆนั้นปะ”
ผมคิดตามลักษณะรูปร่างที่พี่นุบอกพลางนึกหน้าไอ้เพ้งเป็นเชิงเปรียบเทียบ ก็ได้ขอสรุปว่าที่พี่นุพูดมาก็มีลักษณะใกล้เคียงกับไอ้เพ้งเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เลยพยักหน้ายืนยันคำตอบออกไป
“อื้อ..ชื่อเพ้ง” พี่นุเริ่มเอาส้อมกับมีดเขี่ยไก่ในจานเล่นไปมา นี้เจอกันครั้งเดียวแถมพี่แกยังไปซัดเพื่อนผมซะน่วมมันมีตอนไหนที่ทำให้ไอ้พี่นุไปปิ๊งๆไอ้น้ำตาลได้ ผมชักจะงงกับพฤติกรรมและความรู้สึกของชายงามตรงหน้ามากถึงมากที่สุด อ๊ะ!..เหรอว่า..
“พี่เป็นเกย์เหรอ”
“พี่เป็นไบ” ไอ้พี่นุยังคงนั่งเขี่ยไก่เล่น ตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนไม่มีแรง หน้าแทบจะจมไปกับจาน ไม่ได้จะสนใจเงยหน้ามาตอบคำถามผมซักนิด เอาเถอะเข้าใจว่าอารมณ์คนอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มรักน่ะมันเศร้าแค่ไหน เคี๊ยกก
แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกอยากจะหัวเราะวะ แต่คำถามผมมันยังไม่จบครับ จุดไคลแมกซ์มันอยู่ที่คำถามนี้ต่างหาก
“แล้วเป็นรุกหรือรับ”
เกร๊ง!!!... ส้อมที่ก่อนหน้านี้ไอ้พี่นุถือเขี่ยไก่เล่นไปมาหล่นกระทบพื้น หน้าที่แทบจะจมลงไปกองกับไก่ในจานค่อยๆเงยขึ้นมามองผม ตาเรียวเล็กค่อยๆเบิกกว้าง ก่อนที่เรียวปากสีชมพูอิ่มจะเอ่ยคำพูดออกมา
“รุกสิ!..นี้เห็นพี่บอบบางขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“แหมๆ..ก็แค่ถามเพื่อความมั่นใจเท่านั้นเอง ล้ำบึกอย่างพี่มีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละมองว่าบอบบาง” ที่ถามแบบนี้เพราะผมยังสงสัยอยู่นิครับว่าไอ้พี่นุมองทะลุความมาดแมนของน้ำตาลมันไปได้ไง
“แล้วพี่ไปชอบน้ำตาลมันได้ไง..เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวแถมพี่ไปต่อยมันอีก..แล้วน้ำตาลมันก็ออกจะมาดแมน ถ้าไม่สนิทกันจริงๆก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็น”
“น้ำตาลน่ารักจะตายไป หน้าตาที่ดูใสซื่อแบบนั้นออกจะมีเสน่ห์ แล้วพี่ก็ชอบผู้ชายที่ดูแมนๆด้วย” นี้ตกลงมึงเป็นรุกจริงเหรอวะไอ้พี่นุ
“พี่จริงจังปะเนี่ย”
พี่นุหันมามองหน้าผม พยักหน้าคอแทบหลุดแต่อยู่ดีๆก็ถอนหายใจออกมาซะงั้น
“จริงจังสิ รักแรกพบก็เพิ่งเจอกับตัวเองครั้งแรกนี้แหละ แต่ทำไงได้น้ำตาลเขามีเจ้าของแล้วนิ”
ได้เห็นความจริงใจอันแรงกล้าของพี่นุผมก็เริ่มใจอ่อน ไหนๆไอ้เพ้งมันก็ยังทำตัวเป็นเสือผู้หญิงไม่มีทีท่าจะสนใจภรรยาในนามของมันเลย ไอ้น้ำตาลถึงแม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบไอ้เพ้งแล้วแต่ไอ้นี้มันปากไม่ตรงกับใจ ผมคิดว่ายังไงๆมันก็ยังต้องชอบไอ้เพ้งอยู่บ้างละ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปมีหวังไอ้น้ำตาลไม่มีทางตัดใจจากเพ้งมันได้แน่ แต่ถ้ามีใครไปทำให้มันเขวไปจากเพ้งได้บ้าง แบบนี้ถ้าน้ำตาลมันตัดใจจากเพ้งได้ก็คงจะมีความสุขมากกว่า
“ใครบอกว่าน้ำตาลมันมีเจ้าของแล้ว” พี่นุเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แทนบอกเองว่าน้ำตาลมีสามีแล้ว”
“พี่เคยได้ยินคำว่าสามีในนามไหม” เห็นว่าพี่นุยังทำหน้าโง่ใส่ผมอยู่ ผมเลยต้องยอมเอาความลับเพื่อนเรื่องที่มันถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับไอ้เพ้งมาเล่าให้พี่นุฟัง อย่าโกรธที่กูเอาเรื่องมึงมาบอกพี่นุเลยนะไอ้น้ำตาล ที่กูทำเนี่ยก็เพื่อความสุขของมึงนะเว้ย
“งั้นก็แสดงว่า..พี่ยังมีโอกาส” พี่นุเปลี่ยนโหมดจากหมาหง่อยกลายเป็นลั้นลาขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ทำอย่างกับปลาขาดน้ำพอตอนนี้ละร่างเริงซะจนหน้าหมั่นไส้
“พี่อย่าไปบอกมันนะว่าผมเล่าเรื่องมันกับไอ้เพ้งให้พี่ฟังน่ะ”
“จะปิดให้มิดเลยครับ” ไม่ต้องชูสองนิ้วยิ้มตาหยีทำหน้าคิขุแบบนี้ก็ได้ไอ้พี่นุ ทำไมนิสัยหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็คมันติ๊องต๊องแบบนี้วะ
เฮ้อ! หวังว่ามึงคงจะตัดใจจากไอ้เพ้งมันได้ซักทีนะน้ำตาล พี่นุที่ใครๆต่างหมายปองไปปิ๊งมึงทั้งทีก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้ละ โอ๊ย! นี้ผมชักเริ่มจะอิจฉาเพื่อนตัวเองขึ้นมาจริงๆแล้วนะเนี่ย ทำไมมันถึงได้โชคดีแบบนี้!
ปาร์ตี้วันเกิดไอ้เพ้งเล็กๆผ่านไปด้วยความสนุกสนาน ผมเห็นมันดี้ด้ามีความสุขกว่าทุกวัน คงเพราะมีทั้งปู่ทั้งคุณลุงคุณป้าพ่อแม่มันมาโอยพรวันเกิดแถมให้ของขวัญเป็นแบงค์เทาๆหลายใบด้วยละมั้ง ไอ้คนอารมณ์บูดเมื่อตอนเช้าถึงได้ยังทำหน้าระรื่นยื่นเก็บกวาดของในครัวหลังจากที่ส่งคุณปู่กลับไปแล้ว
“เจ็ดพัน ฮ่าๆ” มันเริ่มเอาของขวัญวันเกิดที่ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมายแต่มันก็ทำให้คนรับหน้าบานเป็นกระด้งได้ขึ้นมานับ
ผมที่ยื่นล้างจานอยู่แอบชำเลืองมองด้วยความอิจฉานิดๆ ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันเกิดตัวเอง เผื่อจะได้เอาเงินมานับอวดมันบ้าง ชิส์! หมั่นไส้! แบบนี้ต้องหาเรื่องให้มันเลี้ยง
“เพ้ง..วันนี้กูอุตส่าห์เป็นลูกมือมึงช่วยทำอาหาร” มันต้องเริ่มจากการเปรยๆให้มันระลึกบุญคุณผมได้เองก่อนครับ บอกออกไปตรงๆมันแลดูน่าเกลียด
“ไอ้ที่กูให้เฝ้าปลาทอดแล้วเกือบทำปลาไหม้ หั่นผักก็ซุ่มซ่ามจนโดนมีดบาดเดือดร้อนกูต้องวิ่งลงไปซื้อพลาสเตอร์มาติดให้ ให้ไปล้างผักก็ล้างซะจนผักมันช้ำ แถมพอให้นั่งอยู่เฉยๆยังอุตส่าห์เอามือปัดโดนขวดซอสตกแตก”
มึงจะปฏิเสธเรื่องที่กูทวงบุญคุณทางอ้อมก็ไม่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาพูดซ้ำเติมให้กูอายตัวเองก็ได้ ไม่สนใจมันแม่งแล้ว จะเอาเงินไปบำเรอสาวที่ไหนของมันก็ไป ผมหันกลับมาขัดๆถูๆจานจนแทบเป็นรอย แบบว่าหงุดหงิดคนที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่ด้านหลังแต่ถ้าทำอะไรมันก็กลัวจะโดนมันสวนมาให้อายตัวเองอีก เลยได้แต่ระบายอารมณ์ลงไปกับจานชามช้อนส้อมที่นอนกองกันอยู่ในซิงค์ล้างจาน
“พรุ่งนี้เลิกเรียนตอนเย็นทำตัวให้ว่างๆ”
“จะให้กูไปหลอกใครอีกละ” ถ้ามันได้นัดผมแบบนี้มีเรื่องเดียวแหละครับ คือมันต้องการให้ผมไปแกล้งเป็นแฟนมันอีก นี้มันจะฟันไม่เลือกเกินไปรึเปล่า เรื่องน้องฝ้ายเพิ่งจะผ่านมายังไม่ทันเกินหนึ่งอาทิตย์ มันก็มีเหยื่อรายใหม่มาอีกแล้วเหรอ
“อืม..เคสนี้ยากว่ะ เขาตามกูมาได้เกือบปีละ ชอบแอบมองหน้ากูแล้วก็ไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว”
ผู้หญิงคนนั้นคงโดนราหูครอบงำเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว เห็นซาตานอย่างไอ้เพ้งเป็นเทพบุตรอย่างที่ผมเคยเป็นมาน่ะครับ คิดแล้วก็สงสารเธอคนนั้นจริงๆ
“เอ่อๆ..ค่าจ้างเหมือนเดิมนะเว้ย” ต้องตกลงราคาค่างวดกันไว้ก่อน ไอ้เพ้งมันยิ่งชอบเบี้ยวหนี้อยู่
“มึงนี้น่า..ทำอาหารก็ไม่ได้เรื่อง งานบ้านก็ขี้เกียจทำ แบบนี้ใครอยากได้มาเป็นเมียวะ” ผมเอาศอกปัดมือมันที่มาโยกหัวผมเล่นออก
“เจ้าชู้แบบมึงก็ไม่มีใครอยากได้เป็นผัวหรอก”
“อ๋อเหรอ..” มึงไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้เพ้ง! ทำไมเวลาโดนมันแขวะผมจะอารมณ์เสียตลอด แต่เวลาผมแขวะมันคืนบ้างมันกลับไม่รู้สึกอะไร แถมผมยังรู้สึกว่าเรื่องที่ผมแขวะมันสะท้อนกลับมาหาตัวผมเองซะงั้น
“มึงทายาบ้างไหมเนี่ย ทำไมมันบวมกว่าเดิม” มันเอามือลูบๆตรงมุมปากของผมที่บวมช้ำเพราะเจอหมัดของพี่นุ
“ซี้ด..”
“แค่ลูบแค่นี้ก็ครางละ อารมณ์ขึ้นง่ายจังนะ”
“กูเจ็บเว้ย! ไม่ได้เสียวไอ้ลามก!” ก็เล่นมาลูบๆแผลแบบนี้จะไม่ให้เจ็บได้ไงครับ ยิ่งเป็นช่วงที่มันกำลังบวมๆอยู่ด้วย
“จะรู้เหรอ กูก็นึกว่ามึงพิศวาสกูมากซะจนกูแตะนิดแตะหน่อยอารมณ์ก็ขึ้น”
“ไอ้เชี่ยเพ้ง!”
ผมดันตัวกระแทกมันให้กระเด็นออกไปเพราะมือไม่วาง ก็มันเล่นเอามือลูบแถวๆสะโพกผมจะให้ผมยื่นอยู่เฉยๆได้ไง มันที่กระเด็นออกไปเล็กน้อยยื่นหัวเราะอย่างได้ใจก่อนจะบอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินเข้าห้องมันไป โดยไม่คิดจะมีน้ำจิตน้ำใจมาช่วยผมล้างจานที่เหลืออีกเป็นกองเลย เอาวะ ไหนๆวันนี้มันก็ทำอาหารคนเดียวแล้วยอมล้างจานให้ก็แล้วกัน
“แทนอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะ ขึ้นรถแล้วกลับบ้านเลย” ผมบอกไอ้เพื่อนตัวเล็กเมื่อเห็นว่ารถเมล์สายที่มันนั่งกำลังเคลื่อนมาที่ป้าย
“ครับที่รัก”
“สยองว่ะ” ผมผลักหัวมันที่เอนมาซบไหล่ให้ออกไป ไอ้นี้ก็ไม่รู้จักอายชาวบ้านชาวช่อง คนรอเต็มป้ารถเมล์ยังจะมาโอบมาซบผมอีก
“ก็เห็นมึงสั่งห้ามกูเถลไถลอย่างกับเป็นแฟนกูงั้นแหละ” มันก็คิดไปได้เนอะ ผมเป็นห่วงมันหรอกถึงบอกไปแบบนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาตัวเล็กแรงน้อยแบบมันจะไปสู้ใครเขาได้
“ก็ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนมึงเสร็จกูไปนานแล้ว” ผมยักคิ้วพร้อมกับทำตาเยิ้มๆใส่มัน มึงเล่นมากูก็เล่นกลับเว้ย
“กูไม่นิยมตีฉิงนะขอบอก ไปละจุ๊บๆ” มันทำท่าส่งจูบก่อนจะวิ่งขึ้นรถไปเมื่อรถเคลื่อนมาจอดตรงหน้าป้าย
หลังจากส่งไอ้แทนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินทางต่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่ไอ้เพ้งมันนัดไว้ เดินไปก็คิดไปว่าวันนี้เหยื่อไอ้เพ้งจะรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน จากประสบการณ์ที่รับจ้างเป็นแฟนมันมารูปร่างหน้าตาของเหยื่อมันมีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นครับ คือเกรดเอกับเอบวก
ผมขึ้นไปที่ชั้นโรงหนังตามที่มันนัดไว้ นึกแปลกใจว่าวันนี้มันจะนัดเหยื่อมันไปดูหนังเหรอ แล้วแบบนี้จะเคลียร์กันได้ไง แต่ชั้นโรงหนังร้านอาหารก็เยอะคงจะนัดไปที่ร้านอาหารมากกว่า อะฮ่า! มีแต่ร้านแพงๆซะด้วยจะสั่งอาหารให้มันหมดตัวเลยคอยดู ข้อดีอย่างหนึ่งของการรับจ้างเป็นแฟนมันคือ ไอ้เพ้งมักจะนัดเหยื่อมันที่ร้านอาหารแล้วมันก็จะเป็นคนจ่ายค่าอาหารส่วนผมก็ได้นั่งกินของฟรีไป
“อีกประมาณชั่วโมงหนังฉายไปหาอะไรกินก่อน”
พอเจอหน้าผมมันก็รีบเดินมาหาทันที ดูท่าทางมันจะหิวมากเพราะไม่ทันไรมันก็ลากผมเข้ามาที่ร้านฟาดฟู้ดแห่งหนึ่ง เดินไปสั่งเบอร์เกอร์มาสองอันพร้อมกับน้ำอัดลมอีกสองแก้ว ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดได้ถามอะไรเลย
“แล้วเหยื่อมึงละ” มันกลืนเบอเกอร์คำใหญ่เข้าท้อง ดูดน้ำตามเสียงดังจ๊วบ! ยื่นมือถือมันมาจ่อตรงหน้าผม
“อะไรของมึง” ผมจ้องหน้าจอมือถือของมันที่อยู่ในสภาพยังไม่ปลดล็อคเลยเห็นแต่เงาหน้าตัวเองอยู่บนหน้าจอ แล้วสมองอันชาญฉลาดของผมก็เริ่มประมวลผล หรือว่า..
“มึงไงเหยื่อกู” มันยกริมฝีปากขึ้นพร้อมกับยักคิ้วกวนๆมาให้
“ตลกละ กูเนี่ยนะจะโง่เป็นเหยื่อมึง ฝันไปเหอะ”
“อย่าปฏิเสธว่าไม่เคยชอบกู” ไอ้ท่าทางยิ้มมุมปากเหมือนเยาะเย้ยแล้วเคี้ยวอาหารไปด้วยในปากตุ้ยๆเนี่ย มันน่ารัก เอ้ย! หน้าเอามือไปดั้นหน้ามันต่างหาก หลงตัวเองจริงๆ
“มันเป็นอดีตไปแล้วเว้ย ปัจจุบันกูไม่หลงผิดเป็นชอบแล้ว มึงควรจะอยู่ในปัจจุบันนะเพ้ง”
“เออๆ ยอมมึงจริงๆ กูแค่จะเลี้ยงหนังตอบแทนที่มึงช่วยเป็นลูกมือกูทำอาหารเท่านั้นแหละ”
หืม.. จะเลี้ยงที่ผมช่วยมันทำอาหารเนี่ยนะ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยครับว่าผมแทบไม่ได้ช่วยมันเลย ที่ผมทำก็อย่างที่มันเคยว่าผมก่อนหน้านั้นแหละ ช่วยอะไรก็เละไปหมด แต่เอาเถอะ ไม่อยากสงสัยอะไรมาก ได้ของฟรีแค่นี้ก็พอ
“เพ้ง กูถามหน่อยเหอะ เมื่อไหร่มึงจะเลิกนอนกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วซักทีวะ” ปู่โจ๊กฝากฝังให้ผมช่วยควบคุมพฤติกรรมมันไงครับ ผมเลยต้องทำอะไรบ้างซะหน่อย
“ไม่รู้” มึงตอบได้มีสำนึกมากไอ้เพ้ง
“แบบว่า มึงไม่คิดหาแฟนเป็นตัวเป็นตนเหรอวะ ก็อย่างน้อยถ้ามึงหื่นก็จะได้ไปหื่นใส่แฟนมึงแค่คนเดียวไง มันปลอดภัยกว่าที่มึงไปนอนกับหลายคนนะเว้ย”
มันนิ่งไปเล็กน้อย จนผมเกือบคิดไปแล้วว่าคำพูดของผมจะไปกระตุ้นจิตสำนึกอะไรของมันได้บ้างถ้าจู่ๆมันไม่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะก่อน
“ฮ่าๆๆ..พูดแบบนี้มึงห่วงกูใช่ไหมละ โถ่..แล้วก็บอกไม่ชอบกูแล้ว”
“คิดเองเออเองเหอะ!..กูกลัวปู่โจ๊กจะเสียใจต่างหากถ้ามึงเป็นไรไป”
“กูป้องกันน่า..ก็มันยังไม่เจอคนที่ใช่นิจะให้กูไปคบใครละ กูไม่ชอบผูกมัดกับใครด้วย เอาใจคนไม่เป็นเว้ย แล้วที่สำคัญ” มันหรี่ตามองผมก่อนจะเผยอยิ้มเจ้าเล่ห์
“กูมีภรรยาแล้วนิ มึงจะให้กูไปหาเมียน้อยมาเพิ่มทำไมครับคุณเมีย”
ความชาแล่นไปทั่วทั้งใบหน้า คำว่าเขินจนหน้าชาผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกตอนนี้เองแหละครับ ถึงจะรู้ว่ามันแค่พูดหยอกเล่นแต่ผมก็อดรู้สึกเขินไม่ได้ ใจมันเต้นรัวจนรู้สึกหน่วงๆที่อกซ้าย ก็ผมยังชอบมันอยู่นิเจอมันพูดแบบนี้จะไม่ให้ใจเต้นได้ไง เลยได้แต่ปั้นหน้าบึ้งกลบเกลื่อนใส่ไอ้คนที่นั่งขำคิกที่แกล้งผมได้อยู่คนเดียว เฮ้อ! มันก็น่าจะรู้อยู่หรอกว่าผมยังชอบมันอยู่ แต่การกระทำของมันที่ได้แต่แกล้งแซวผมเล่นแต่ไม่เคยมีซักครั้งที่มันมีท่าทีว่าจะชอบผม ก็ไอ้เพ้งมันชอบผู้หญิงนิไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วละว่าเรื่องของผมกับมันคงเป็นไปไม่ได้ ก็แค่หวังว่าซักวันผมจะรู้สึกกับไอ้เพ้งได้แค่เพื่อนคนหนึ่ง แต่ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน เจอหน้ามันพูดคุยกันอยู่ทุกวันแบบนี้มันก็ยิ่งตัดใจยาก แต่ผมต้องตัดใจจากมันให้ได้ ไม่งั้นชาตินี้เห็นทีผมคงได้อกหักไปตลอดทั้งชาติ
..รักไม่บังคับใจ..
ความคิดเห็น