ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักไม่บังคับใจ(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 55


     









                    “น้องแทน”  ผมมองรุ่นพี่รูปหล่อพ่อรวยแต่ขี้งกเดินยิ้มราโบกมือให้มาแต่ไกล  

                    “ค่าตัวพี่เท่าไหร่”  ไม่อยากคุยอะไรให้ยืดเยื้อ  เลยถามคำถามนี้ออกไป 

                    พี่นุขำคิกก่อนจะพูดต่อ  “พี่ล้อเล่น  เห็นพี่งกขนาดนั้นเลยเหรอไง”

                    “ใครจะไปรู้ละ  แล้วงั้นพี่มาหาผมทำไม” 

                    “อย่าเพิ่งถามตอนนี้พี่หิวไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย”  ไม่ทันจะได้ตอบตกลงก็ถูกโดนลากเข้าไปในร้านขายไก่  นั่งรอพี่นุซักพักพี่แกก็ถือถาดใส่ไก่มาวางตรงหน้า  บริการดีแถมกินฟรีแบบนี้ผมก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นการเสียเวลาที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับพี่นุซักมื้อ

                    “เอ่อ..น้องแทน..

                    “เรียกแทนเฉยๆก็ได้พี่  เรียกน้องแทนมันดูสุภาพชนเกินไป”  ผมพูดไปก็จับไก่เข้าปากไป  ไม่ได้เงยหน้าไปมองพี่นุที่นั่งตรงข้ามหรอก  ถึงพี่นุจะเพอร์เฟ็คแมนขนาดไหนแต่ผมมีเจ้าของหัวใจแล้วเพราะงั้นหน้าหล่อๆของพี่แกไม่มีผลต่อผมเท่าของกินที่ทำให้อิ่มท้องหรอก

                    “อืม..แทน  คือพี่อยากจะถามอะไรหน่อย”

                    “ว่ามา”

                    “คือแบบ..น้องน้ำตาล..เขา..เอ่อ..

                    เห็นว่าน้ำเสียงคนที่นั่งตรงข้ามชักเริ่มตะกุกตะกัก  ผมเลยยอมละสายตาจากสะโพกไก่กรอบ  เงยหน้าไปมองพี่นุที่มีสีหน้าดูลังเลที่จะพูด 

                    “แบบ..น้ำตาล..

                    “ถ้าพี่ไม่พูดให้รู้เรื่องผมก็ไม่รู้จะตอบคำถามยังไงหรอกนะ”  พี่นุนี้ก็แปลกๆ  จะถามก็ไม่รีบถาม 

                    “น้ำตาลเขาเป็นแบบแทนรึเปล่า” 

                    “แบบผม”  ผมเอานิ้วมือชี้เข้าหาตัวเองก่อนจะดูดซอสที่ติดมากับปลายนิ้วเบาๆ  เลิกตามองพี่นุเป็นเชิงถามอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจในคำถามของพี่แกซักเท่าไหร่  คนถูกจ้องทำไหล่หดก่อนจะอธิบายต่อ

                    “น้ำตาลเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”  ฮ่าๆๆๆ..  ผมพยายามจะกลั้นหัวเราะแต่ก็อดไม่ไหว  เกิดสำลักซอสที่เพิ่งดูดเข้าไปจนพี่นุรีบส่งแก้วน้ำมาให้ 

                    “มันมีผัวแล้ว”

                    “ระ..เหร่อ”  ก๊ากกก..  ผมนั่งกุมท้องจนตัวแทบงอ  เจอคำถามแรกของพี่นุก็แค่เริ่มสงสัย  แต่พอเห็นไอ้อาการทำหน้าเหรอหราแล้วจู่ๆไหล่ก็ตกลงมา  นี้ถ้าพี่นุมีหางกับมีหูตั้งๆ  อาการของพี่นุตอนนี้ก็คงต้องบอกได้ว่า  หน้าหงอย  หางลู่  หูตก  แบบนี้มันก็แปลได้อย่างเดียวแหละ..

                    “ทำไม..พี่สนใจเพื่อนผมเหรอ”

                    “ปะ..เปล่า..อะ..เอ่อ..อืม” 

                    ตอนแรกพี่แกทำหน้าตื่นรีบยกมือปฏิเสธแต่พอเจอสายตาที่หรี่มองอย่างจับผิดของผม  พี่นุเลยได้แต่นั่งหน้าจ๋อยก่อนจะพยักหน้ายอมรับ  โอ๊ย!!!  ไอ้เพ้งงานเข้าแล้ว  พี่นุสุดแสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้ดันไปปิ๊งไอ้น้ำตาล  เป็นมวยคู่เอกจริงๆ  ผมละชักจะอิจฉาตาร้อน

                    “แต่มันมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ” 

                    ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ  แต่ผมไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย  ยังอยากแกล้งพี่นุก่อน  เห็นคนหล่อนั่งทำหน้าซังกะตายแล้วมันฮาพิลึก  อยากรู้จริงว่าพี่แกไปหลงเสน่ห์ไอ้ตาลมันได้ไง  ใครที่ไม่ได้สนิทกับมันจริงๆเห็นท่าทางมาดแมนของน้ำตาลแบบนั้นไม่มีทางรู้หรอกว่าเพื่อนผมมันอยากได้สามีมากกว่าเมีย  แล้วพี่มองทะลุความแมนของไอ้น้ำตาลมันไปได้ไงวะครับพี่นุ!

                    “ใช่คนที่ขาวๆ  สูงๆ  คิ้วเข้มๆ  หน้าเรียวๆนั้นปะ”

                     ผมคิดตามลักษณะรูปร่างที่พี่นุบอกพลางนึกหน้าไอ้เพ้งเป็นเชิงเปรียบเทียบ  ก็ได้ขอสรุปว่าที่พี่นุพูดมาก็มีลักษณะใกล้เคียงกับไอ้เพ้งเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์  เลยพยักหน้ายืนยันคำตอบออกไป

                    “อื้อ..ชื่อเพ้ง”  พี่นุเริ่มเอาส้อมกับมีดเขี่ยไก่ในจานเล่นไปมา  นี้เจอกันครั้งเดียวแถมพี่แกยังไปซัดเพื่อนผมซะน่วมมันมีตอนไหนที่ทำให้ไอ้พี่นุไปปิ๊งๆไอ้น้ำตาลได้  ผมชักจะงงกับพฤติกรรมและความรู้สึกของชายงามตรงหน้ามากถึงมากที่สุด  อ๊ะ!..เหรอว่า..

                    “พี่เป็นเกย์เหรอ”

                    “พี่เป็นไบ”  ไอ้พี่นุยังคงนั่งเขี่ยไก่เล่น  ตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนไม่มีแรง  หน้าแทบจะจมไปกับจาน  ไม่ได้จะสนใจเงยหน้ามาตอบคำถามผมซักนิด  เอาเถอะเข้าใจว่าอารมณ์คนอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มรักน่ะมันเศร้าแค่ไหน  เคี๊ยกก  แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกอยากจะหัวเราะวะ  แต่คำถามผมมันยังไม่จบครับ  จุดไคลแมกซ์มันอยู่ที่คำถามนี้ต่างหาก

                    “แล้วเป็นรุกหรือรับ”

                    เกร๊ง!!!...  ส้อมที่ก่อนหน้านี้ไอ้พี่นุถือเขี่ยไก่เล่นไปมาหล่นกระทบพื้น  หน้าที่แทบจะจมลงไปกองกับไก่ในจานค่อยๆเงยขึ้นมามองผม  ตาเรียวเล็กค่อยๆเบิกกว้าง  ก่อนที่เรียวปากสีชมพูอิ่มจะเอ่ยคำพูดออกมา

                    “รุกสิ!..นี้เห็นพี่บอบบางขนาดนั้นเลยเหรอ!

                    “แหมๆ..ก็แค่ถามเพื่อความมั่นใจเท่านั้นเอง  ล้ำบึกอย่างพี่มีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละมองว่าบอบบาง”  ที่ถามแบบนี้เพราะผมยังสงสัยอยู่นิครับว่าไอ้พี่นุมองทะลุความมาดแมนของน้ำตาลมันไปได้ไง 

                    “แล้วพี่ไปชอบน้ำตาลมันได้ไง..เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวแถมพี่ไปต่อยมันอีก..แล้วน้ำตาลมันก็ออกจะมาดแมน  ถ้าไม่สนิทกันจริงๆก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็น” 

                    “น้ำตาลน่ารักจะตายไป  หน้าตาที่ดูใสซื่อแบบนั้นออกจะมีเสน่ห์  แล้วพี่ก็ชอบผู้ชายที่ดูแมนๆด้วย”  นี้ตกลงมึงเป็นรุกจริงเหรอวะไอ้พี่นุ 

                    “พี่จริงจังปะเนี่ย”

                    พี่นุหันมามองหน้าผม  พยักหน้าคอแทบหลุดแต่อยู่ดีๆก็ถอนหายใจออกมาซะงั้น

                    “จริงจังสิ  รักแรกพบก็เพิ่งเจอกับตัวเองครั้งแรกนี้แหละ  แต่ทำไงได้น้ำตาลเขามีเจ้าของแล้วนิ” 

                    ได้เห็นความจริงใจอันแรงกล้าของพี่นุผมก็เริ่มใจอ่อน  ไหนๆไอ้เพ้งมันก็ยังทำตัวเป็นเสือผู้หญิงไม่มีทีท่าจะสนใจภรรยาในนามของมันเลย  ไอ้น้ำตาลถึงแม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบไอ้เพ้งแล้วแต่ไอ้นี้มันปากไม่ตรงกับใจ  ผมคิดว่ายังไงๆมันก็ยังต้องชอบไอ้เพ้งอยู่บ้างละ  ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปมีหวังไอ้น้ำตาลไม่มีทางตัดใจจากเพ้งมันได้แน่  แต่ถ้ามีใครไปทำให้มันเขวไปจากเพ้งได้บ้าง  แบบนี้ถ้าน้ำตาลมันตัดใจจากเพ้งได้ก็คงจะมีความสุขมากกว่า

                    “ใครบอกว่าน้ำตาลมันมีเจ้าของแล้ว”  พี่นุเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

                    “ก็แทนบอกเองว่าน้ำตาลมีสามีแล้ว”

                    “พี่เคยได้ยินคำว่าสามีในนามไหม”  เห็นว่าพี่นุยังทำหน้าโง่ใส่ผมอยู่  ผมเลยต้องยอมเอาความลับเพื่อนเรื่องที่มันถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับไอ้เพ้งมาเล่าให้พี่นุฟัง  อย่าโกรธที่กูเอาเรื่องมึงมาบอกพี่นุเลยนะไอ้น้ำตาล  ที่กูทำเนี่ยก็เพื่อความสุขของมึงนะเว้ย

                    “งั้นก็แสดงว่า..พี่ยังมีโอกาส”  พี่นุเปลี่ยนโหมดจากหมาหง่อยกลายเป็นลั้นลาขึ้นมาทันที  ก่อนหน้านี้ทำอย่างกับปลาขาดน้ำพอตอนนี้ละร่างเริงซะจนหน้าหมั่นไส้

                    “พี่อย่าไปบอกมันนะว่าผมเล่าเรื่องมันกับไอ้เพ้งให้พี่ฟังน่ะ”

                    “จะปิดให้มิดเลยครับ”  ไม่ต้องชูสองนิ้วยิ้มตาหยีทำหน้าคิขุแบบนี้ก็ได้ไอ้พี่นุ  ทำไมนิสัยหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็คมันติ๊องต๊องแบบนี้วะ

                    เฮ้อหวังว่ามึงคงจะตัดใจจากไอ้เพ้งมันได้ซักทีนะน้ำตาล  พี่นุที่ใครๆต่างหมายปองไปปิ๊งมึงทั้งทีก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้ละ  โอ๊ยนี้ผมชักเริ่มจะอิจฉาเพื่อนตัวเองขึ้นมาจริงๆแล้วนะเนี่ย  ทำไมมันถึงได้โชคดีแบบนี้!

     

     

     

     

                    ปาร์ตี้วันเกิดไอ้เพ้งเล็กๆผ่านไปด้วยความสนุกสนาน  ผมเห็นมันดี้ด้ามีความสุขกว่าทุกวัน  คงเพราะมีทั้งปู่ทั้งคุณลุงคุณป้าพ่อแม่มันมาโอยพรวันเกิดแถมให้ของขวัญเป็นแบงค์เทาๆหลายใบด้วยละมั้ง  ไอ้คนอารมณ์บูดเมื่อตอนเช้าถึงได้ยังทำหน้าระรื่นยื่นเก็บกวาดของในครัวหลังจากที่ส่งคุณปู่กลับไปแล้ว

                    “เจ็ดพัน  ฮ่าๆ”  มันเริ่มเอาของขวัญวันเกิดที่ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมายแต่มันก็ทำให้คนรับหน้าบานเป็นกระด้งได้ขึ้นมานับ

                    ผมที่ยื่นล้างจานอยู่แอบชำเลืองมองด้วยความอิจฉานิดๆ  ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันเกิดตัวเอง  เผื่อจะได้เอาเงินมานับอวดมันบ้าง  ชิส์หมั่นไส้!  แบบนี้ต้องหาเรื่องให้มันเลี้ยง

                    “เพ้ง..วันนี้กูอุตส่าห์เป็นลูกมือมึงช่วยทำอาหาร”  มันต้องเริ่มจากการเปรยๆให้มันระลึกบุญคุณผมได้เองก่อนครับ  บอกออกไปตรงๆมันแลดูน่าเกลียด

                    “ไอ้ที่กูให้เฝ้าปลาทอดแล้วเกือบทำปลาไหม้  หั่นผักก็ซุ่มซ่ามจนโดนมีดบาดเดือดร้อนกูต้องวิ่งลงไปซื้อพลาสเตอร์มาติดให้  ให้ไปล้างผักก็ล้างซะจนผักมันช้ำ  แถมพอให้นั่งอยู่เฉยๆยังอุตส่าห์เอามือปัดโดนขวดซอสตกแตก” 

                    มึงจะปฏิเสธเรื่องที่กูทวงบุญคุณทางอ้อมก็ไม่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาพูดซ้ำเติมให้กูอายตัวเองก็ได้  ไม่สนใจมันแม่งแล้ว  จะเอาเงินไปบำเรอสาวที่ไหนของมันก็ไป  ผมหันกลับมาขัดๆถูๆจานจนแทบเป็นรอย  แบบว่าหงุดหงิดคนที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่ด้านหลังแต่ถ้าทำอะไรมันก็กลัวจะโดนมันสวนมาให้อายตัวเองอีก  เลยได้แต่ระบายอารมณ์ลงไปกับจานชามช้อนส้อมที่นอนกองกันอยู่ในซิงค์ล้างจาน

                    “พรุ่งนี้เลิกเรียนตอนเย็นทำตัวให้ว่างๆ”

                    “จะให้กูไปหลอกใครอีกละ”  ถ้ามันได้นัดผมแบบนี้มีเรื่องเดียวแหละครับ  คือมันต้องการให้ผมไปแกล้งเป็นแฟนมันอีก  นี้มันจะฟันไม่เลือกเกินไปรึเปล่า  เรื่องน้องฝ้ายเพิ่งจะผ่านมายังไม่ทันเกินหนึ่งอาทิตย์  มันก็มีเหยื่อรายใหม่มาอีกแล้วเหรอ

                    “อืม..เคสนี้ยากว่ะ  เขาตามกูมาได้เกือบปีละ  ชอบแอบมองหน้ากูแล้วก็ไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว”

                     ผู้หญิงคนนั้นคงโดนราหูครอบงำเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว  เห็นซาตานอย่างไอ้เพ้งเป็นเทพบุตรอย่างที่ผมเคยเป็นมาน่ะครับ  คิดแล้วก็สงสารเธอคนนั้นจริงๆ

                    “เอ่อๆ..ค่าจ้างเหมือนเดิมนะเว้ย”  ต้องตกลงราคาค่างวดกันไว้ก่อน  ไอ้เพ้งมันยิ่งชอบเบี้ยวหนี้อยู่

                    “มึงนี้น่า..ทำอาหารก็ไม่ได้เรื่อง  งานบ้านก็ขี้เกียจทำ  แบบนี้ใครอยากได้มาเป็นเมียวะ”  ผมเอาศอกปัดมือมันที่มาโยกหัวผมเล่นออก 

                    “เจ้าชู้แบบมึงก็ไม่มีใครอยากได้เป็นผัวหรอก”

                    “อ๋อเหรอ..”  มึงไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้เพ้งทำไมเวลาโดนมันแขวะผมจะอารมณ์เสียตลอด  แต่เวลาผมแขวะมันคืนบ้างมันกลับไม่รู้สึกอะไร  แถมผมยังรู้สึกว่าเรื่องที่ผมแขวะมันสะท้อนกลับมาหาตัวผมเองซะงั้น

                    “มึงทายาบ้างไหมเนี่ย  ทำไมมันบวมกว่าเดิม”  มันเอามือลูบๆตรงมุมปากของผมที่บวมช้ำเพราะเจอหมัดของพี่นุ 

                    “ซี้ด..

                    “แค่ลูบแค่นี้ก็ครางละ  อารมณ์ขึ้นง่ายจังนะ”

                    “กูเจ็บเว้ยไม่ได้เสียวไอ้ลามก!”  ก็เล่นมาลูบๆแผลแบบนี้จะไม่ให้เจ็บได้ไงครับ  ยิ่งเป็นช่วงที่มันกำลังบวมๆอยู่ด้วย

                    “จะรู้เหรอ  กูก็นึกว่ามึงพิศวาสกูมากซะจนกูแตะนิดแตะหน่อยอารมณ์ก็ขึ้น” 

                    “ไอ้เชี่ยเพ้ง!

                     ผมดันตัวกระแทกมันให้กระเด็นออกไปเพราะมือไม่วาง  ก็มันเล่นเอามือลูบแถวๆสะโพกผมจะให้ผมยื่นอยู่เฉยๆได้ไง  มันที่กระเด็นออกไปเล็กน้อยยื่นหัวเราะอย่างได้ใจก่อนจะบอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินเข้าห้องมันไป  โดยไม่คิดจะมีน้ำจิตน้ำใจมาช่วยผมล้างจานที่เหลืออีกเป็นกองเลย  เอาวะ  ไหนๆวันนี้มันก็ทำอาหารคนเดียวแล้วยอมล้างจานให้ก็แล้วกัน

     

     

     

     

                    “แทนอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะ  ขึ้นรถแล้วกลับบ้านเลย”  ผมบอกไอ้เพื่อนตัวเล็กเมื่อเห็นว่ารถเมล์สายที่มันนั่งกำลังเคลื่อนมาที่ป้าย 

                    “ครับที่รัก”

                    “สยองว่ะ”  ผมผลักหัวมันที่เอนมาซบไหล่ให้ออกไป  ไอ้นี้ก็ไม่รู้จักอายชาวบ้านชาวช่อง  คนรอเต็มป้ารถเมล์ยังจะมาโอบมาซบผมอีก

                    “ก็เห็นมึงสั่งห้ามกูเถลไถลอย่างกับเป็นแฟนกูงั้นแหละ”  มันก็คิดไปได้เนอะ  ผมเป็นห่วงมันหรอกถึงบอกไปแบบนั้น  ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาตัวเล็กแรงน้อยแบบมันจะไปสู้ใครเขาได้ 

                    “ก็ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนมึงเสร็จกูไปนานแล้ว”  ผมยักคิ้วพร้อมกับทำตาเยิ้มๆใส่มัน  มึงเล่นมากูก็เล่นกลับเว้ย

                    “กูไม่นิยมตีฉิงนะขอบอก  ไปละจุ๊บๆ”  มันทำท่าส่งจูบก่อนจะวิ่งขึ้นรถไปเมื่อรถเคลื่อนมาจอดตรงหน้าป้าย

                    หลังจากส่งไอ้แทนเสร็จเรียบร้อย  ผมก็เดินทางต่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่ไอ้เพ้งมันนัดไว้  เดินไปก็คิดไปว่าวันนี้เหยื่อไอ้เพ้งจะรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน  จากประสบการณ์ที่รับจ้างเป็นแฟนมันมารูปร่างหน้าตาของเหยื่อมันมีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นครับ  คือเกรดเอกับเอบวก

                    ผมขึ้นไปที่ชั้นโรงหนังตามที่มันนัดไว้  นึกแปลกใจว่าวันนี้มันจะนัดเหยื่อมันไปดูหนังเหรอ  แล้วแบบนี้จะเคลียร์กันได้ไง  แต่ชั้นโรงหนังร้านอาหารก็เยอะคงจะนัดไปที่ร้านอาหารมากกว่า  อะฮ่า!  มีแต่ร้านแพงๆซะด้วยจะสั่งอาหารให้มันหมดตัวเลยคอยดู  ข้อดีอย่างหนึ่งของการรับจ้างเป็นแฟนมันคือ  ไอ้เพ้งมักจะนัดเหยื่อมันที่ร้านอาหารแล้วมันก็จะเป็นคนจ่ายค่าอาหารส่วนผมก็ได้นั่งกินของฟรีไป

                    “อีกประมาณชั่วโมงหนังฉายไปหาอะไรกินก่อน”

                     พอเจอหน้าผมมันก็รีบเดินมาหาทันที  ดูท่าทางมันจะหิวมากเพราะไม่ทันไรมันก็ลากผมเข้ามาที่ร้านฟาดฟู้ดแห่งหนึ่ง  เดินไปสั่งเบอร์เกอร์มาสองอันพร้อมกับน้ำอัดลมอีกสองแก้ว  ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดได้ถามอะไรเลย

                    “แล้วเหยื่อมึงละ”  มันกลืนเบอเกอร์คำใหญ่เข้าท้อง  ดูดน้ำตามเสียงดังจ๊วบยื่นมือถือมันมาจ่อตรงหน้าผม

                    “อะไรของมึง”  ผมจ้องหน้าจอมือถือของมันที่อยู่ในสภาพยังไม่ปลดล็อคเลยเห็นแต่เงาหน้าตัวเองอยู่บนหน้าจอ  แล้วสมองอันชาญฉลาดของผมก็เริ่มประมวลผล  หรือว่า..

                    “มึงไงเหยื่อกู”  มันยกริมฝีปากขึ้นพร้อมกับยักคิ้วกวนๆมาให้

                    “ตลกละ  กูเนี่ยนะจะโง่เป็นเหยื่อมึง  ฝันไปเหอะ”            

                    “อย่าปฏิเสธว่าไม่เคยชอบกู”  ไอ้ท่าทางยิ้มมุมปากเหมือนเยาะเย้ยแล้วเคี้ยวอาหารไปด้วยในปากตุ้ยๆเนี่ย  มันน่ารัก เอ้ยหน้าเอามือไปดั้นหน้ามันต่างหาก  หลงตัวเองจริงๆ

                    “มันเป็นอดีตไปแล้วเว้ย  ปัจจุบันกูไม่หลงผิดเป็นชอบแล้ว  มึงควรจะอยู่ในปัจจุบันนะเพ้ง” 

                    “เออๆ  ยอมมึงจริงๆ  กูแค่จะเลี้ยงหนังตอบแทนที่มึงช่วยเป็นลูกมือกูทำอาหารเท่านั้นแหละ” 

                    หืม..  จะเลี้ยงที่ผมช่วยมันทำอาหารเนี่ยนะ  ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยครับว่าผมแทบไม่ได้ช่วยมันเลย  ที่ผมทำก็อย่างที่มันเคยว่าผมก่อนหน้านั้นแหละ  ช่วยอะไรก็เละไปหมด  แต่เอาเถอะ  ไม่อยากสงสัยอะไรมาก  ได้ของฟรีแค่นี้ก็พอ

                    “เพ้ง  กูถามหน่อยเหอะ  เมื่อไหร่มึงจะเลิกนอนกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วซักทีวะ”  ปู่โจ๊กฝากฝังให้ผมช่วยควบคุมพฤติกรรมมันไงครับ  ผมเลยต้องทำอะไรบ้างซะหน่อย 

                    “ไม่รู้”  มึงตอบได้มีสำนึกมากไอ้เพ้ง

                    “แบบว่า  มึงไม่คิดหาแฟนเป็นตัวเป็นตนเหรอวะ  ก็อย่างน้อยถ้ามึงหื่นก็จะได้ไปหื่นใส่แฟนมึงแค่คนเดียวไง  มันปลอดภัยกว่าที่มึงไปนอนกับหลายคนนะเว้ย” 

                    มันนิ่งไปเล็กน้อย  จนผมเกือบคิดไปแล้วว่าคำพูดของผมจะไปกระตุ้นจิตสำนึกอะไรของมันได้บ้างถ้าจู่ๆมันไม่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะก่อน

                    “ฮ่าๆๆ..พูดแบบนี้มึงห่วงกูใช่ไหมละ  โถ่..แล้วก็บอกไม่ชอบกูแล้ว”

                    “คิดเองเออเองเหอะ!..กูกลัวปู่โจ๊กจะเสียใจต่างหากถ้ามึงเป็นไรไป”

                    “กูป้องกันน่า..ก็มันยังไม่เจอคนที่ใช่นิจะให้กูไปคบใครละ  กูไม่ชอบผูกมัดกับใครด้วย  เอาใจคนไม่เป็นเว้ย  แล้วที่สำคัญ”  มันหรี่ตามองผมก่อนจะเผยอยิ้มเจ้าเล่ห์

                    “กูมีภรรยาแล้วนิ  มึงจะให้กูไปหาเมียน้อยมาเพิ่มทำไมครับคุณเมีย”

                    ความชาแล่นไปทั่วทั้งใบหน้า  คำว่าเขินจนหน้าชาผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกตอนนี้เองแหละครับ  ถึงจะรู้ว่ามันแค่พูดหยอกเล่นแต่ผมก็อดรู้สึกเขินไม่ได้  ใจมันเต้นรัวจนรู้สึกหน่วงๆที่อกซ้าย  ก็ผมยังชอบมันอยู่นิเจอมันพูดแบบนี้จะไม่ให้ใจเต้นได้ไง  เลยได้แต่ปั้นหน้าบึ้งกลบเกลื่อนใส่ไอ้คนที่นั่งขำคิกที่แกล้งผมได้อยู่คนเดียว  เฮ้อมันก็น่าจะรู้อยู่หรอกว่าผมยังชอบมันอยู่  แต่การกระทำของมันที่ได้แต่แกล้งแซวผมเล่นแต่ไม่เคยมีซักครั้งที่มันมีท่าทีว่าจะชอบผม  ก็ไอ้เพ้งมันชอบผู้หญิงนิไม่ได้ชอบผู้ชาย  ผมก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วละว่าเรื่องของผมกับมันคงเป็นไปไม่ได้  ก็แค่หวังว่าซักวันผมจะรู้สึกกับไอ้เพ้งได้แค่เพื่อนคนหนึ่ง  แต่ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน  เจอหน้ามันพูดคุยกันอยู่ทุกวันแบบนี้มันก็ยิ่งตัดใจยาก  แต่ผมต้องตัดใจจากมันให้ได้  ไม่งั้นชาตินี้เห็นทีผมคงได้อกหักไปตลอดทั้งชาติ








                                                                                              ..รักไม่บังคับใจ..










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×