ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7 : เหตุเกิดเพราะมักกะโรนี

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 55


    ผมมองสายน้ำที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม  ใบไม้แห้งกรอบที่ร่วงหล่นไปบนน้ำเคลื่อนขึ้นลงไปตามแรงซัดของคลื่น  ท้องฟ้าสีส้มอมแดงเบื้องหน้าดูแสบร้อนตัดกับอากาศที่เริ่มเย็นลงเป็นการบอกลาดวงอาทิตย์และต้อนรับดวงจันทร์ที่จะมาสาดแสงเหลืองนวลเย็นตาแทนแสงสีเหลืองร้อนระอุของดวงอาทิตย์ 

    พระอาทิตย์ตก  สวยมาก  พี่เปาชี้ให้ผมดูภาพตรงหน้า  ผมหันไปมองคนข้างกาย  แสงสีส้มอมแดงของท้องฟ้าสอดส่องเสี้ยวหน้าของพี่เปาให้น่ามองยิ่งขึ้น  รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของคนข้างๆทำให้ผมอดจะยิ้มออกมาด้วยไม่ได้

    โฟมว่าพี่เปาน่าดูกว่าพระอาทิตย์ตกดินอีก  ผมแกล้งเย้า  แต่พี่เปาเขินยากจะตาย  ปกติใครโดนพูดแบบนี้ใส่ก็หน้าแดงไปแล้ว  แต่คนข้างๆผมนี้ยังทำหน้าเฉยอยู่ได้

    ให้ดูพระอาทิตย์  กว่าจะหาวิวแบบนี้ดูได้  หน้าพี่น่ะอยากดูเมื่อไหร่ค่อยมอง  พูดพร้อมกับจับหน้าผมหันให้ดูภาพพระอาทิตย์ตกดินเบื้องหน้า  ฝูงนกที่พากันบินกลับรังเทียบกับท้องฟ้าแล้วเป็นแค่จุดเล็กๆเท่านั้น แต่ผมว่าจุดเล็กๆนี้แหละที่ขับให้ท้องฟ้าอันกว้างขวางดูสวยงามมากขึ้น  เหมือนกับแค่ความรู้สึกดีๆจากคนๆหนึ่งที่สามารถหล่อเลี้ยงทั้งตัวและหัวใจของเราให้สดชื่นพร้อมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้  แค่ความรู้สึกรักจากคนที่กำลังยืนมองฝูงนกอยู่ข้างๆผม  แค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความสุขแล้ว

    โฟมชอบพี่เปา  ผมบอกคนข้างกาย  ผมจะเอ่ยประโยคนี้กับพี่เปาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน  ให้มันตอกย้ำพี่เปาว่าไอ้เด็กน้อยคนนี้มันรู้สึกยังไงด้วย

    การกระทำสำคัญกว่าคำพูด  ประโยคที่สำคัญแบบนี้พูดบ่อยๆมันไม่ขลังนะ  แล้วที่ได้รับกลับมาก็เป็นประโยคเดิมๆกับรอยยิ้มอ่อนโยน

    ก็อยากให้รู้  อยากให้รู้ว่าชอบ  อยากให้รู้ว่านานแค่ไหนก็จะรอ  จะรอจนกว่าพี่เปาจะยอมรับโฟม  พี่เปาฉีกยิ้ม  ยกมือลูบหัวผมเบาๆ

    ไอ้เด็กน้อย  อายุเท่าไหร่กัน  เกิดมาบนโลกแค่สิบสองปีอย่าเพิ่งมาคิดอะไรง่ายๆแบบนี้  รู้รึเปล่าความรักแบบนี้คนรอบข้างเขาไม่ได้จะยอมรับกันง่ายๆหรอกนะ  เอ้าๆ  อย่าเพิ่งมาดราม่าน้ำตาแตก  ผมสะอื้นน้ำตาไหล  อีกแล้ว  เหตุผลนี้อีกแล้ว  เด็กน้อย  ใช่สิ!  ผมมันก็แค่เด็กสิบสองที่แก่แดดไปรักคนอายุสิบแปดแถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีกต่างหาก  ผมได้แต่รับฟังที่พี่เปาบอก  เถียงอะไรออกไปพี่เปาก็จะแย้งว่าผมเด็ก  เด็กก็มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ได้เหมือนกันนั้นแหละ

    ใครรับไม่ได้ก็ช่างสิ  โฟมไม่อาย  หรือถ้าพี่เปาอายโฟมก็ไม่เซ้าซี้พี่เปาแล้วก็ได้  ผมเอาหลังมือปาดน้ำตา  พี่เปาดึงผมเข้าไปกอดแล้วตบไหล่ปลอบเบาๆ

    พี่น่ะไม่อะไรมากหรอก  รู้นะว่าไม่ชอบให้พี่บอกว่าโฟมเด็ก  แต่ว่าโฟมเอาอะไรมายืนยันได้มั้ยละว่าอีกสี่ห้าปีข้างหน้าหรืออีกแค่สี่ห้าเดือนข้างหน้าโฟมจะยังชอบพี่อยู่  พอโฟมโตขึ้นโฟมก็จะได้เจอกับอะไรใหม่ๆ  มีสังคมที่กว้างกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้  แล้วถ้าถึงเวลาที่โฟมโตจนพี่เรียกโฟมว่าเด็กน้อยอีกไม่ได้  แล้วโฟมยังคิดกับพี่แบบตอนนี้  พี่ก็อาจใจอ่อนก็ได้  ผมสวมกอดพี่เปาแน่น  เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าที่แย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา 

    ยังไงก็ชอบพี่เปาคนเดียว  ผมตอบอย่างหนักแน่น  ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน  พี่เปาใจดี  บางครั้งก็ดุเวลาผมดื้อ  พี่เปาเป็นมากกว่าคนที่ผมชอบซะอีก  ผมรักคนคนนี้จริงๆ

    เดี๋ยวเรียนจบแล้วจะกลับมาดูคนขี้โม้ควงสาว  พี่เปาหัวเราะเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด

    ไม่ควงใครหรอก  แขนนี้จะควงพี่เปาคนเดียว  ผมบอกอย่างมั่นใจ  ไม่มีใครมาแทนพี่เปาได้อีกแล้ว

     

     

     

    โฟมถึงบ้านแล้ว  ผมสะดุ้งตื่นจากความคิดในอดีต  ตลอดเวลาที่หลับตานอนในรถไอ้ตังค์ผมไม่ได้หลับเลย  ตอนที่ไอ้ตังค์มันลูบหัว  ผมรู้สึกว่าสัมผัสนี้มันอบอุ่นเหมือนกับสัมผัสจากพี่เปา  มองออกไปนอกรถแล้วเห็นฝูงนกบินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ายามเย็นแล้วทำให้นึกถึงตอนที่พี่เปาพาผมไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่อ่างเก็บน้ำ  ป่านนี้พี่เปาจะจำกันได้มั้ยนะ  พี่เปาจะมีแฟนแล้วยัง  แล้วพี่เปาจะกลับมาดูไอ้เด็กน้อยขี้โม้อย่างที่เคยบอกมั้ย

    พ่อแม่กูยังไม่กลับนี้หว่า  ผมพึมพำเมื่อไม่เห็นรถของพ่อจอดอยู่ในโรงรถ 

    มึงจะกลับบ้านมึงก่อนปะ  ผมหันหน้าไปถามไอ้ตังค์  ตอนนี้มันจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านผม

    กูอยู่เป็นเพื่อนมึงก็ได้นะ  จะได้สัมภาษณ์เลยไง

    เอางั้นก็ได้  จอดรถในบ้านกูแล้วกัน  ผมเดินกระเผกไปไขกุญแจรั้ว  ตอนแรกไอ้ตังค์ก็จะมาช่วยพยุงแต่ตอนนี้เริ่มหายเจ็บแล้วเลยไล่มันให้ขับรถเข้ามาจอดในบ้านผม

    มึงบอกว่าหิวนิตอนอยู่ที่โรงเรียน  ไอ้ตังค์มันถามตอนที่ผมกำลังเดินกระเผกๆไปทางบันได  พอพูดว่าหิวก็รู้สึกแสบท้องขึ้นมา  คิดเรื่องพี่เปาจนลืมไปเลยว่าหิว

    เออ หาไรกินก่อน  ผมเดินเข้าไปในครัว  เปิดตู้กับข้าวสอดส่องหากับข้าวเผื่อจะมีอะไรเหลืออยู่บ้าง  แต่ข้างในกลับว่างเปล่า  หม้อหุงข้าวที่แม่ล้างไว้ยังคว่ำอยู่ตรงที่คว่ำจานอยู่เลย  จะให้หุงข้าวแล้วรอข้าวสุกคงไม่ไหวหรอกตอนนี้หิวมากๆ

    ไม่มีอะไรกินเลยว่ะ  กินขนมก็ได้  ผมเปิดตู้ที่ผมเอาไว้เก็บขนม  หยิบเอาห่อยำยำช้างน้อยรสข้าวโพดกับเลย์รสโนริสาหร่ายออกมา  ของโปรดผมเลยครับขนมซองพวกนี้

    กินแต่อาหารขยะ  มิน่าละหุ่นมึงถึงเป็นแบบนี้  ไอ้ตังค์มันสอดส่องตู้ขนมผม  ในนั้นมีขนมซองอีกเพียบ  พ่อแม่ผมก็สอนนะครับว่ากินมากไม่ดี  แต่ผมชอบอะเลยไม่สน 

    แบบไหนวะ  พูดให้มันดีๆ  ผมด่ามันพร้อมกับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้แล้วฉีกถุงยำยำช้างน้อยเทเครื่องปรุงลงไปแล้วบีบให้มันเละเขย่าๆให้เข้ากันแล้วกรอกเข้าปากได้ 

    มันยังอยู่อีกเหรอวะขนมนี้  กูกินตั้งแต่เด็ก  ไอ้ตังค์มันนั่งมองผมกรอกยำยำช้างน้อยเข้าปาก

    เออดิวะ  ของเขาออกจะขายดี  ไม่ขึ้นราคาด้วยขายซองละสองบาทเหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว  เห็นมั้ยแถมสติ๊กเกอร์เบ็นเท็นด้วย  ผมชี้ให้มันดูประตูตู้เย็นที่มีสติ๊กเกอร์ติดเป็นแถบ  มันติดนิสัยตั้งแต่เด็กน่ะครับ  มีอะไรเอาติดตู้เย็นหมด

    แดกมาม่าแห้งเดี๋ยวก็ท้องอืด  บ้านมึงมีมาม่ามั้ยเดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน 

    มึงลองหาดูตู้นั้น  ผมชี้ให้มันเปิดตู้ที่เอาไว้เก็บของแห้ง  มันเดินไปค้นๆอะไรก็ไม่รู้ก่อนจะโผล่หัวออกมาพร้อมกับทุกมักกะโรนี

    มีมักกะโนรี  ผัดกินดีกว่า  มันบอก

    ทำเป็นเหรอมึง  อันนี้ผมเอาเกณฑ์ตัวเองเป็นมาตรฐานครับ  เพราะที่ผมทำเป็นก็มีแค่ไข่ดาว  ไข่เจียว  ไข่ต้ม  แค่นั้น  เลยไม่คิดว่ามันจะทำเป็น

    คอยดูแล้วกัน  แล้วมึงจะเบิ้ลสองจาน  ผมเบะปาก  มันเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผมจะเบิ้ลสองจาน  ผมไม่เคยกินข้าวจานเดียวอิ่มครับ  ผมหยิบเลย์โนริสาหร่ายเข้าปากหลังจากจัดการยำยำช้างน้อยไปแล้วสองซอง  ปากก็เคี้ยวตาก็มองไอ้ตังค์ที่กำลังหันมะเขือเทศเป็นลูกเต๋า  ขณะรอให้เส้นมักกะโรนีที่มันต้มอยู่สุก 

    ทำไมคล่องจังวะ  ดูจังหวะการลงมีดแล้วนี้แม่นมากครับ  หั่นฉับๆเลย  ถ้าให้ผมทำมะเขือเทศคงเละหมด

    หึๆ  แค่นี้ชิวๆ  เห็นแบบนี้กูคว้านเงาะริ้วมะปรางเป็นนะมึง  มันโม้ไปด้วยหั่นหัวหอมไปด้วย  พอพูดถึงคว้านเงาะริ้วมะปรางมันทำให้ผมนึกถึงหนังสมัยโบราณประมาณนางทาสอะไรเทือกนั้น

    มึงเป็นนางทาสกลับชาติมาเกินเหรอไง  โม้จริงนะมึง  นึกภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆแบบไอ้ตังค์มานั่งคว้านเงาะริ้วมะปรางมันเป็นภาพที่ขัดกันอย่างไม่น่าให้อภัยเลยครับ  เงาะกับมะปรางคงเละเป็นโจ๊กเฮียเหมาป๊าไอ้โมพอดี

    แล้วมักกะโรนีเนี่ย  ไม่ใช่กูแดกแล้วท้องเสียนะมึง  ไอ้ตังค์หัวเราะ  มันเอาเส้นมะกะโรนีที่ต้มเทใส่ตะแกรงเพื่อกรองน้ำออก

    อ้ายตังค์เป็นบ่าวคุณโฟมนะขอรับ  จะทำอาหารให้คุณโฟมท้องเสียได้เยี่ยงไร 

    งั้นรีบทำมาให้ข้ากินเร็วๆ  อย่ามัวพูดมาก  ประเดี๋ยวข้าหิวหนัก  จะจับแกเฆี่ยนให้หลังลาย  แล้วผมจะบ้าตามมันไปทำไมเนี่ย

    เยส  มายลอร์ด

    พอเหอะมึง  ปัญญาอ่อนว่ะ  จะเล่นแม่งก็เอาซักชาติดิ๊  เมื่อกี้ยังอยู่สยามอยู่เลยมึงพากูทะลุคลองปานามาเข้ายุโรปไปซะได้

    ฮ่าๆ  มึงเคยเรียนสังคมเปล่าวะโฟม  ช่องแคบปานามาอยู่ทวีปอเมริกาไม่ใช่ยุโรป  หนอย!    ก็กูไม่ได้จะเก่งความจำดีเลิศเหมือนมึงนิ  กูรู้แค่ภูมิประเทศระหว่างบ้านไปโรงเรียนก็พอแล้ว

    รีบๆทำเลยมึง  ใส่ไข่เยอะๆนะกูชอบ  ไม่จำเป็นก็อย่าใส่หมูกูขี้เกียจเคี้ยว เออ  แล้วห้ามใส่ซอสพริกนะกูไม่ชอบกลิ่นมัน  ผมบอกมันไปตามที่เพิ่งนึกได้  ถ้าแม่ทำให้กินจะรู้ครับว่าผมชอบกินอะไรไม่กินอะไร  ไอ้ตังค์มันคงไม่รู้ต้องรีบบอกก่อน  ไม่สนครับว่ามันจะชอบกินเหมือนผมรึเปล่าแค่ผมกินได้ไว้ก่อน  มันกินไม่กินช่างมัน 

    รู้มั้ย  เกิดมากูเพิ่งเคยเห็นคนกินยากแบบมึงนี้ละ  ข้าวต้มอาหารโคตรจะเบสิคแม่งก็กินไม่เป็น  เนื้อหมูก็ขี้เกียจเคี้ยว  ตอนหายไข้ชอบกินไข่  แต่ตอนไม่สบายเสือกเหม็นไข่เจียวซะงั้น  มันบ่นไปด้วยเอาตะหลิวผัดมักกะโรนีในกระทะไปด้วย

    ไม่เคยเห็นก็ไหว้ซะสิ  กูก็กินของกูแบบเนี่ย  ถ้ามึงรำคาญก็กลับบ้านไปเลยไป  แค่นี้กูมีปัญญาทำกินเอง  มันน้อยใจนะครับมาว่ากันแบบนี้  ถึงผมจะกินยากแต่ผมไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน  อาหารในโลกนี้ผมกินเป็นไม่กี่อย่างหรอกครับ  แต่ไอ้ที่ผมกินได้ก็มีแต่ของพื้นๆง่ายๆ  อย่างไข่เนี่ยของโปรดผมเลย  เว้นแต่ตอนที่ผมไม่สบายนะจะเกลียดมันมาก

    กูไม่ได้บอกว่ารำคาญซะหน่อย  แค่จะบอกว่ามึงแปลกดี  กูน่ะกินยังไงก็ได้อยู่แล้วไม่เรื่องมากหรอก

    นี้มึงหาว่ากูเลือกมากใช่มั้ย!”  มันยังน้อยใจไม่หายครับ 

    อะไรวะ  มึงเนี่ยทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ๆ  มาๆ  กูผัดเสร็จแล้ว  มันตักมักกะโรนีร้อนๆใส่จานที่วางอยู่ตรงหน้าผม  แต่ผมยังเซ็งอยู่ครับ  เบื่อหน้ามันแม่ง

    เลิกนอยด์แล้วแดกได้แล้ว  อะนี้  เห็นว่าชอบ  มันตักไข่ดาวสองฟองที่มันไปทอดมาตอนไหนไม่รู้วางโปะมักกะโรนีบนจานผม  สวรรค์ชัดๆ  ไข่ตั้งสองฟอง 

    ขอบใจว่ะ  ช่วยไปหยิบซอสมะเขือเทศในตู้เย็นให้หน่อยดิ  ผมส่งยิ้มแฉ่งให้มัน  ผมงอนง่ายหายเร็วครับ  แค่ทำอะไรที่ถูกใจผมแค่นี้ผมก็เลิกนอยด์แล้ว  ไอ้ตังค์มันส่ายหน้าเหมือนกับระอาในตัวผมเต็มทีก่อนจะเดินไปหยิบซอสมะเขือเทศมาให้ 

    อร่อยปะ  มันถาม  กำลังจะตอบมันไปว่าอร่อยมากๆๆๆๆ  มันอร่อยจริงๆนะครับ  ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำได้อร่อยขนาดนี้  แต่ขอฟอร์มหน่อยเหอะ  ยิ่งหมั่นไส้มันอยู่  จะมาชมง่ายๆได้ไง

    งั้นๆ  ผมหยักไหล่  แต่ยังคงลงมือกินต่อ

    เหรอ  ว่าจะยกให้อีกจาน  พอดีกูทำไว้แค่สองที่  มันดันจานของมันที่พร่องไปนิดเดียวมาหน้าผมแล้วก็ดึงกลับไปคืน  ก้มลงดูจานตัวเองอีกแค่สองคำก็จะหมดแล้ว  ผมยังไม่อิ่มเลยนะ  อร่อยๆแบบนี้สามจานยังไหว

    ก็งั้นๆ  แต่ช่วงนี้กูป่วยร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารเยอะกว่าปกติ  ไม่เป็นไรหรอก  แค่พลังงานไม่ครบมื้อเดียวคงไม่ส่งผลเสียอะไรเท่าไหร่หรอกมั้ง  ผมพูดไปเอาซ้อมเขี่ยจานที่มีแต่เศษไข่ไปเพราะมักกะโรนีสองคำสุดท้ายผมยัดเข้าปากไปแล้ว  พยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้ดูหม่นหมองที่สุด  ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจว่าผมอยากจัดการมักกะโรนีในจานของไอ้ตังค์  ที่แม่งไอ้เจ้าของจานกินไปแค่คำเดียวก็เอาแต่นั่งเขี่ยเล่น  จะแดกก็ไม่รีบแดกให้หมด  นั่งเขี่ยให้เสียของอยู่ได้  มันยั่วน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะรวมถึงเอนไซม์ที่พร้อมจะย่อย  ไขมัน  คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่อยู่ในมักกะโรนีจานนั้นนะเว้ย!  ผมเหลือบตามองไอ้ตังค์ดูว่าแผนสำเร็จมั้ย  แต่ภาพที่เห็นคือมันกำลังจิ้มเส้นมักกะโรนีเข้าปากทีละเส้นๆอย่างสบายใจ 

    กูว่ามึงก็ทำอร่อยดีนะ  ตอนนี้มันอยากจะกินไอ้มักกะโรนีจานนั้นมากครับ  ฟอร์มเฟิมแม่งไม่สนละ  มีแล้วไม่อิ่มท้องซะหน่อย  ไอ้ตังค์หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก  อ้อ!  นี้มึงแกล้งกูใช่มั้ย

    กูอิ่มแล้วว่ะ  ยังไม่ค่อยหิวมึงกินเหอะ  มันพูดพร้อมเลื่อนจานมักกะโรนีของมันมาให้ผม  ฮึ่ย!  แกล้งกูใช่มั้ยไอ้ตังค์  อย่าหวังว่าจะรอดจากการล้างแค้น  แต่ตอนนี้ขอผมกินให้อิ่มก่อนเหอะ  หายเดี้ยงเมื่อไหร่ค่อยหาทางแกล้งมันคืน

     

    แค่กๆๆๆ

     

    ค่อยๆแดกดิวะ  ไม่มีใครแย่งมึงกินหรอก  ไอ้ตังค์รีบเอาน้ำให้ผมดื่ม  มือมันก็ลูบหลังผมเบาๆ  เมื่อกี้กินเร็วไปหน่อยครับเลยสำลัก 

    จะไปไหนนั้น  ไอ้ตังค์มันถามตอนที่เห็นผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้

    แสบคอจะไปกินน้ำหวาน

    เฮ้ย!  ระวัง!”  ไม่รู้ผมเดินอิท่าไหนขาถึงไปขัดกับขาโต๊ะทานข้าว  แล้วดันเป็นขาข้างที่เป็นแผลด้วยเจ็บสิครับคราวนี้  รู้สึกว่าตัวกำลังล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก  มันคงจะไม่เจ็บมากหรอกครับถ้าสภาพร่างกายผมไม่ได้เดี้ยงแบบนี้  พอจะพลิกท่าให้ล้มแบบไม่เจ็บมันก็กระเทือนแผลผมเลยเปลี่ยนท่าไม่ทัน  ท่าที่ผมล้มมันเลยเป็นแบบหน้าจะคว่ำไปจูบกับพื้นน่ะสิครับ  แผลเก่ายังไม่หายหาเรื่องปากแตกอีกแล้วกู  แล้วดั้งจมูกผมมันจะหักมั้ยเนี่ย!

    โอ้ย!”  ช่วงวินาทีที่ผมกำลังวิตกกังวลว่าดั้งจมูกที่ผมเพียรพยายามนั่งบีบให้มันโด่งจะหักร่างผมก็ล้มลงไป  แต่มันไม่เห็นจะเจ็บอย่างที่คิดไว้เลยแฮะ  แถมจมูกผมก็ไม่เจ็บ  นี้พื้นครัวบ้านผมเป็นแบบนาโนเทคโนโลยีเหรอ  ทำไมมันนุ่มจังหอมด้วย

    โฟม  เป็นไรมั้ย  เสียงไอ้ตังค์ดังขึ้นใกล้ๆหูผม  ใกล้ๆงั้นเหรอ!  เดี๋ยวนะ!

    เฮ้ย!”  ผมสะดุ้งสุดตัว  ไอ้ตังค์น่ะสิครับ  มันมารองรับร่างผมไม่ให้จูบกับพื้น  ก็ยังว่าทำไมมันไม่ค่อยเจ็บแถมยังนุ่มๆ  แต่ให้ตายเหอะ  ผมขอจูบกับพื้นซะยังดีกว่า  ก็จมูกกับปากผมน่ะสิ  จูบเข้าเต็มแก้มมันเลย!

    เอ่อ..ไม่เป็นไร..แล้วมึงเจ็บปะ  ผมรู้สึกอายขึ้นมาทันที  พยายามทำตัวไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่ปากผมเสียซิงไปจูบแก้มมัน  ว่าแต่ใช้แป้งไรทาวะแก้มโคตรหอมเลย  เฮ้ย!  แล้วผมจะเพ้อถึงแก้มมันทำไมเนี่ย!

    นิดหน่อย  แต่มึงไม่เป็นไรดีแล้ว  เดี๋ยวได้หัวแตกเพิ่มอีก  มันลุกขึ้นแล้วค่อยๆพยุงผมกลับมานั่งที่เดิม

    มึงไปนั่งดูทีวีรอก็ได้นะ  ผมกลับมานั่งกินมักกะโรนีต่อ  มีไอ้ตังค์นั่งอยู่ข้างๆเหมือนเดิม

    ไม่เป็นไร  นั่งเป็นเพื่อนมึงนี้แหละ  โอ้ย!  เข้าใจมั้ยว่าตอนนี้กูเขิน  เอ้ย!  กูอายมึงอยู่  นี้มันทำหน้าตายไม่รับรู้อะไรเลยได้ไงวะ  ทำไมผมมานั่งอายอยู่คนเดียว  ผมก้มหน้าก้มตารีบกินให้เร็วที่สุด  มีคู่กรณีมานั่งจ้องแบบนี้เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย!  ไม่ใช่สิ!  ไม่ได้เขิน!  ผมแค่อาย!    




    ~~~~~  Nonsense  รักนี้ไม่มีเหตุผล  ~~~~~





     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×