ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักไม่บังคับใจ(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 55


     









                    “ใครโทรมาวะ”  ผมงัวเงียขึ้นจากเตียง  เอาแขนควานหาโทรศัพท์ที่ผมวางไว้ตรงโต๊ะวางโคมไฟข้างเตียง 

                    “ฮัลโหล”

                    ‘พี่น้ำตาล’  ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอว่าใครโทรมา  ไอ้น้องชายผมนี้เอง  ว่าแต่มันโทรมาทำไมดึกๆดื่นๆนี้ก็ตั้งเที่ยงคืนกว่าแล้ว  หรือจะมีเรืองด่วนอะไร

                    ‘ปู่เรากับปู่โจ๊กกำลังจะไปหาพี่นะ  มันเฉลยคำตอบที่ผมสงสัยออกมา  หา!  ปู่มาหาเหรอ

                    “ตอนนี้เนี่ยนะ!” 

                    ‘ก็ใช่น่ะสิ  ออกจากบ้านตั้งแต่ตอนเย็น  เกือบถึงคอนโดพี่แล้วอีกประมาณครึ่งชั่วโมง

                    “เฮ้ย!  ทำไมจู่ๆก็มาไม่บอกไม่กล่าวละ”  คุณปู่ทั้งสองท่านมาเยี่ยมพวกผมบ้างเป็นครั้งคราวครับ  แต่เวลาจะมาจะโทรมาบอกก่อนทุกครั้ง  แล้วทุกครั้งที่ปู่มาไอ้เพ้งมันจะงดออกล่าเหยื่อยามราตรีเพราะมันกลัวโดนปู่โจ๊กด่า  ซวยแล้วไงมันกลับห้องมายังเนี่ย  ไม่เห็นมันตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว

                 ก็เห็นปู่โจ๊กบอกว่าอยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่เพ้ง  ตามจริงปู่ไม่ให้น้ำหวานบอกใครนะ  แต่หวานรู้หรอกว่าพี่เพ้งชอบแอบเที่ยวเลยโทรมาเตือนก่อน

                     เยี่ยมมากไอ้น้องชาย  น้องผมมันเข้าใจครับว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างผมกับไอ้เพ้งเป็นยังไง  แต่ไอ้นี้มันไม่เคยเข้าข้างอะไรผมหรอกเพราะมันกับไอ้เพ้งไปแอบซี้กันตอนไหนไม่รู้  เห็นเวลาเจอกันทีไรคุยกันได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย  เวลาผมถามว่าคุยอะไรกันไอ้น้ำหวานมันก็หันมาบอกว่า  คุยเรื่องของผู้ชาย  แล้วกูไม่ใช่ผู้ชายเหรอไงวะ!

                    “ใครขับรถ  หวานใช่ปะ”

                    ‘จะใครละถ้าไม่ใช่หวาน  มากันแค่สามคนสองคุณปู่กับหนึ่งหนุ่มหล่อ’  นี้มึงติดเชื้อหลงตัวเองมาจากไอ้เพ้งใช่ไหม

                    “งั้นพยายามขับช้าๆถ่วงเวลานะ  ไอ้เพ้งมันอยู่ไหนก็ไม่รู้”  ผมเดินมาเคาะห้องไอ้เพ้ง  ไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับ  เลยเดินไปดูรองเท้าตรงชั้นวาง  นั้นไง!  รองเท้ามันไม่อยู่

                    ตืดดดดดดดดดดตืดดดดดดดดดด..ตืดดดดดดดดดดดดดดดด..ตู๊ดๆๆๆๆๆๆ

                    “โว้ยยยยยยยยยยย  ไอ้บ้าเพ้งมัวทำอะไรอยู่วะไม่รับโทรศัพท์” 

                    ผมกดปุ่มรัวกระหน่ำโทรไปหามันเป็นครั้งที่สิบได้แล้ว  ที่ต้องโทรตามมันไม่ใช่ห่วงว่ามันจะโดนปู่โจ๊กด่าหรอกนะครับ  แต่เวลาคืนวันศุกร์แบบนี้ไอ้เพ้งมันจะกลับเอาซะเช้า  และสภาพที่กลับมานะ  มันต้องมีรอยบ่งบอกความเป็นสตรีเพศตามเสื้อผ้ามัน  ไม่ว่าจะเป็นรอยลิปสติก  ไม่ก็กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง  บางครั้งถึงขนาดมีรอยข่วนกับรอยจ้ำๆตรงต้นคอ  ถ้าปู่เห็นเป็นเรื่องสิครับ  ไม่มันหรอกที่จะโดนซักคนเดียว  ผมจะถูกเชิญเป็นผู้ให้ปากคำไปด้วย  เรื่องมันจะวุ่นวายไปซะเปล่าๆ

                    ตืดดดดดดด..ตืดดดดดดดด..ตืดดดดดดด..

                    ‘ฮัลโหล  อ้า!  รับแล้วๆ  แต่ทำไมเสียงมันแปลกๆ

                    “เพ้ง..”  ผมกรอกเสียงลงไปเพื่อความแน่ใจว่าคนที่ผมกำลังคุยด้วยใช่ไอ้เพ้งจริงๆรึเปล่า

                    ‘เธอเป็นใคร’  ไม่ใช่ไอ้เพ้งนี้หว่า  นี้มันเสียงผู้หญิงชัดๆ 

                    “ผมเป็นเพื่อนเพ้งครับ..ขอคุยกับเพ้งหน่อยมีเรื่องด่วน”

                    ‘เพ้งหลับไปแล้ว..อื้อออ..เพ้ง’  จะครางทำไมวะ

                    “ปลุกมันมาให้หน่อยครับ..เรื่องด่วนจริงๆ”

                    ‘ก็บอกว่าเพ้งหลับไปแล้ว  ไม่รู้เรื่องเหรอไง..อ๊ะ!..อื้ออ..เพ้ง!”  เฮ้ยๆเสียงแบบนี้มัน..

                    ‘ใครเหรอ..’   นั้นเสียงไอ้เพ้ง!  ก็ไหนบอกว่าหลับไง

                    “ไอ้เพ้งๆ  ไอ้เชี่ยเพ้ง!!!”  ผมตะโกนลงไปในสาย

                    ‘พวกโรคจิตน่ะค่ะ  อย่าสนใจเลย  ต่อกันดีกว่า

                    ตู๊ดๆๆๆๆๆ…  ตัดสายไปแล้ว!  ฮึ่ย!  กำลังเล่นจ้ำจี้กันอยู่นี้เอง  ไอ้บ้าเอ้ย!  ผมกระหน่ำโทรไปอีกรอบแต่ปรากฏว่ามันปิดเครื่องไปแล้ว  ถึงคราวซวยของมึงแล้วไอ้เพ้ง  จะหาว่ากูไม่ช่วยไม่ได้นะ  ซักพักไอ้หวานก็โทรบอกให้ผมลงไปรับคุณปู่ข้างล่าง   พอเจอหน้าผมสองคุณปู่กับหนึ่งหนุ่มหล่อก็พากันจ้องหน้าผม  กว่าผมจะคิดได้ว่าหน้าผมมีอะไรผิดปกติรึเปล่าทำไมจ้องกันจัง  ก็ตอนที่ปู่ผมถามนั้นละว่าหน้าไปโดนอะไรมา  ไอ้ผมก็ลืมไปเลยว่าเพิ่งโดนไอ้พี่นุหมัดหนักซัดมาเมื่อเย็น  เลยรีบโกหกไปว่าเดินสะดุดหน้าเลยไปฟาดกับประตู  ปู่ผมมองผมแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่  แต่คงไม่อยากถามอะไรมากเลยไม่ซักต่อ 

                    “ไอ้เจ้าเพ้งมันหายไปไหนละ”  พอมาถึงห้องปู่โจ๊กก็ถามหาหลานรักเลยครับ  ผมก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ  เอาไงดีวะ

                    “ยังไม่กลับครับ”

                    “ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ!

                    “อ๋อ..เอ่อ..อาจไปค้างบ้านเพื่อนมั้งครับ  ช่วงนี้เห็นบ่นว่างานเยอะ”  กูอุตส่าห์ผิดศีลห้าข้อสี่เพื่อช่วยมึงเลยนะไอ้เพ้ง

                    “เอาน่าๆ..เดี๋ยวหลานมันก็มา  เราก็มาไม่ได้บอกก่อนเองนั้นแหละ”  ปู่ชาของผมเดินไปตบไหล่ปู่โจ๊กให้ใจเย็นๆ  ดูหน้าปู่โจ๊กก็รู้ครับว่าท่านคงเป็นห่วงไอ้เพ้งที่ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับ  นี้ถ้าปู่โจ๊กรู้ความจริงว่ามันไปทำอะไรนะ  ไอ้เพ้งโดนเละ

                    “เดี๋ยวปู่เข้าไปนอนพักผ่อนก่อนนะครับ”  ผมเดินพาปู่ทั้งสองไปนอนพักผ่อนในห้องผม  ปกติถ้าปู่มาค้างด้วย  ผมต้องอพยพโยกย้ายไปนอนห้องไอ้เพ้งครับ  เคยโดนปู่ถามเหมือนกันว่าทำไมไม่นอนห้องเดียวกัน  ไอ้เพ้งมันก็ตอบแบบสุภาพบุรุษไปว่า  มันต้องอยู่ทำงานดึกๆกลัวผมจะนอนไม่หลับ  ปู่เลยไม่สงสัยอะไรอีก

                    “หวานไปนอนพักไป  ขับรถมาเหนื่อย  เข้าไปนอนห้องไอ้เพ้งแล้วกัน”  ผมเอากุญแจสำรองไปไขห้องไอ้เพ้ง  ให้หวานเข้าไปนอน  ไอ้หวานมันก็ชอบมาเล่นกับผมบ่อยๆครับเวลามีวันหยุด  ที่นอนมันก็ห้องไอ้เพ้งบ้างห้องผมบ้าง

                    “ตามพี่เพ้งไม่ได้เหรอพี่”  ไอ้หวานมันถาม  พลางกระโดดล้มตัวลงไปนอนบนเตียง 

                    “โทรไปเป็นสิบรอบแล้ว..แต่สาวมันรับ..แบบว่ากำลังเล่นจ้ำจี้กันอยู่  แล้วก็ตัดสาย  พี่ช่วยได้แค่นี้แหละ  ให้มันหาข้ออ้างกับปู่เองแล้วกัน”  ไอ้น้ำหวานมันผิวปากมองผมยิ้มๆ  ผมเลยหันไปค้อนมัน  รู้ครับว่าอาการแบบนี้มันกำลังจะแซวผม

                    “หึงใช่ปะละ  หน้าบึ้งเชียวตอนพูดน่ะ”

                    “หึงบ้าอะไร  อย่างไอ้เพ้งไม่มีค่าควรแกการหึงหวงหรอก  นอนได้แล้ว  ห่วงกันจริงนะไอ้เพ้งน่ะ  กูเป็นพี่แท้ๆละไม่เคยเข้าข้าง”  ผมเขกหัวไอ้น้องชายไปหนึ่งที  ขณะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มเอนตัวลงนอนข้างๆไอ้น้ำหวาน  ที่บ้านที่ต่างจังหวัดผม  เนื่องจากบ้านเราพื้นที่ไม่มาก  ผมกับไอ้หวานเลยต้องนอนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ  พอได้มานอนกับน้องแบบนี้อีกทำให้คิดถึงบ้านยังไงไม่รู้

                    “พี่น้ำตาล..”  ผมกำลังจะหลับไอ้หวานก็เอามือมาสะกิด  มันมองหน้าผมเหมือนจะถามอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูด  อาการแบบนี้มีเรื่องเดียวแหละที่มันจะถาม

                    “ไอ้แทนสบายดี”  ผมตอบมันพลางขำกับหน้าไอ้หวานที่แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมว่ามันต้องแดงแน่ๆ  ตั้งแต่ที่ผมเรียนปีหนึ่งตอนไอ้หวานมาเยี่ยมผมแล้วเจอไอ้แทน  มันก็เอาแต่พูดถึงไอ้แทนให้ผมฟังไม่หยุดว่า  พี่แทนน่ารักอย่างนู้น  พี่แทนน่ารักอย่างงี้  แล้วทุกครั้งที่มันมาเยี่ยมผม  จะมีคำถามเกริ่นเป็นเชิงบอกผมว่าอยากเจอไอ้แทนคือ พี่แทนสบายดีมั้ย

                    “รู้ได้ไงว่าหวานจะถามถึงพี่แทน”  ทำมาเป็นกลบเกลื่อน  สายตามันฟ้อง  เวลามันจะพูดถึงไอ้แทนทีไรตามันจะเยิ้มๆ 

                    “ไม่รู้เลยมั้ง..ทำหน้าเคลิ้มฝันซะขนาดนั้น  บอกกี่ครั้งแล้วว่ามันมีแฟนแล้ว  รักกันมากด้วย  แล้วไอ้แทนไม่ชอบเด็ก”  ผมบอกประโยคนี้ให้น้องผมฟังไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วครับ  ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้น้ำหวานมันชอบไอ้แทน  ผมก็อยากเชียร์นะ  แต่ทำไงได้ไอ้แทนมันมีแฟนแล้ว  และมันยังเคยบอกผมด้วยว่าคนที่มันจะคบต้องเป็นผู้ใหญ่กว่า  แต่ไอ้น้ำหวานมันแค่เด็กมอห้า  มอห้ากับปีสอง  อายุน้อยกว่าตั้งสามปี  แต่เรื่องที่ไอ้หวานชอบมัน  ไอ้แทนไม่รู้หรอกครับ  มันแค่คิดไปในทางหลงตัวเองว่ามันมีความเป็นพี่ดีกว่าผมหวานเลยชอบคุยด้วย

                    “จะบอกทำไม..ไม่ได้จะจีบพี่เขาซะหน่อย..”  มันทำหน้าบึ้งก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ผม  ไอ้เด็กปากแข็งเอ้ย!

     

     

     

     

                    “พี่น้ำตาลๆ..ตื่นๆๆ”  ผมกระพริบตาปริบๆเพื่อปรับแสงให้ชินกับแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้ระบายอากาศ

                    “เร็วๆเลยพี่..งานเข้าพี่เพ้งแล้ว” 

                    น้ำหวานมันลากผมลงมาจากเตียง  ผมก็สลึมสลือเดินตามมันไป  แต่พอออกมานอกห้องภาพที่เห็นทำเอาผมตื่นเลยละครับ   ก็ปู่โจ๊กกำลังจ้องไอ้เพ้งตาเขม่งด้วยสายตาที่ผมไม่คิดว่าคนใจดีๆอย่างปู่โจ๊กจะทำหน้าดุแบบนั้นได้  ส่วนไอ้คนถูกจ้องก็หน้าซีดยืนค้างมองปู่มันอย่างตกใจด้วยสภาพที่แบบว่า..

                    ไอ้เพ้งเอ๊ย!  มึงจะช่วยจัดการกับสภาพร่างกายมึงให้เรียบร้อยก่อนกลับได้ไหม  เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันใส่เที่ยวมีรอยลิปสติกเต็มไปหมด  แล้วกระดุมน่ะก็ช่วยติดให้มันครบหน่อยเถอะ  จะเปิดแหวกอกทำไม  เห็นรอยจ้ำๆแดงๆ  กับรอยข่วนหมดแล้ว!

                      ใครไม่รู้ว่ามันไปทำอะไรมาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ  ยิ่งเจอคุณปู่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนตั้งหลายปี  จะเอาข้อแก้ตัวอะไรมาอ้างก็ไม่พ้น

                    “เข้าไปคุยกับปู่ในห้อง”  ปู่โจ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ  แต่ผมว่ามันน่ากลัวจนขนลุก  ปู่ผมเดินไปบอกให้ปู่โจ๊กค่อยๆพูดกับไอ้เพ้ง  แต่ปู่โจ๊กก็ยกมือห้ามเป็นเชิงว่า  เรื่องนี้อย่าเพิ่งยุ่ง 

                    เสร็จแน่ๆไอ้เพ้ง  ปู่โจ๊กถึงจะใจดีแต่เวลาดุก็ดุซะจนน่ากลัวครับ  ผมว่าอารมณ์นิสัยคงคล้ายๆปู่ชาของผม  ถ้าเราทำตัวดีท่านก็จะใจดีเอ็นดูเรา  แต่ถ้าเราทำผิดท่านก็ต้องสั่งสอนเราไปตามหน้าที่

                    “น้ำตาล..มึง..”  ไอ้เพ้งมันเดินเข้ามาจะคุยกับผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจ 

                    “ตามมาเดี๋ยวนี้!..ไม่ต้องหาตัวช่วย”  มันชะงักแล้วจำใจเดินตามปู่โจ๊กเข้าไปในห้อง

                     เฮ้อ..โชคดีว่ะเพ้ง  กูพยายามช่วยมึงแล้วนะ  แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน  ให้ปู่โจ๊กเทศน์มันซะให้มันเข็ดไม่กล้าเที่ยวอีกเลยก็ดี  ผมก็ไม่รู้สึกชอบใจเท่าไหร่หรอกนะที่รู้ว่ามันไปกับผู้หญิงคนอื่นน่ะ  เป็นคุณจะทำใจได้ไหมละถ้ารู้ว่าสามีไปนอนกับคนอื่นนี้ผมไม่ได้หึงไอ้เพ้งมันนะ  แค่ทำตามหน้าที่ภรรยาที่ดีว่าควรจะรู้สึกยังไงเท่านั้นเอง

     

     

     

     

                    “น้ำตาลมาช่วยปู่ชงกาแฟหน่อยลูก”  ปู่เรียกผมที่กำลังมองตามหลังไอ้เพ้งเดินตามปู่โจ๊กไป  ผมหันไปยิ้มให้ปู่นิดๆ  ก่อนจะเดินตามเข้าไปในครัว  ผมนั่งมองปู่ตักตวงส่วนผสมใส่แก้วระหว่างรอน้ำที่ต้มอยู่ให้เดือด

                    “สบายดีไหม”  ปู่ถามแต่สายตายังจ้องอยู่ที่ผงกาแฟ

                    “สบายดีครับ  ปู่ไม่ต้องห่วง” 

                    “แล้วกับเพ้งละ”

                    “ก็..ต่างคนต่างอยู่”  ผมตอบไปตามความจริง  ปู่เดินไปยกกาน้ำร้อน  รินน้ำร้อนใส่แก้วที่ผสมกาแฟไวแล้วส่งให้ผม 

                    “มีอะไรรึเปล่าครับ”  ผมเงยหน้าถามปู่ที่กำลังมองหน้าผม  ยิ้มๆ

                    “ไม่แปลกใจเหรอไงว่าทำไมปู่ถึงให้น้ำตาลกับเพ้งแต่งงานกัน  ทั้งๆที่เป็นผู้ชายทั้งคู่”

                    “สงสัยสิครับ  แต่ปู่ก็บอกแล้วนิว่าอยากให้ทวดหมดห่วง” 

                    เหตุผลที่ผมกับไอ้เพ้งต้องแต่งงานกัน  ที่สำคัญอีกประการคือ  คุณปู่ทั้งสองบอกว่าฝันเห็นทวดของผมกับทวดของไอ้เพ้ง  บอกว่ายังห่วงเรื่องที่เคยสัญญากันไว้แต่ก็ไม่เป็นจริงซักที  ด้วยความจงรักภักดีต่อบรรพบุรุษอยากให้ท่านทั้งสองหมดห่วงเพื่อจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้  ผมกับไอ้เพ้งเลยยอมแต่งงานกัน  ผมก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกนะครับ  แต่เพื่อความสบายใจของผู้อาวุโสเลยต้องยอม

                    “ฮ่าๆๆ..เชื่อเหรอ”   ปู่ผมหัวเราะพร้อมกับเอามือโยกหัวผมไปมาพลางพูดเบาๆว่า เด็กๆนี้หลอกง่ายจริง  

                    “เดี๋ยวๆ..ปู่..หัวเราะอะไร  แล้วหลอกอะไร..”  ปู่ไม่ตอบเอาแต่นั่งหัวเราะ  ตกลงปู่มีอะไรปิดผมกันแน่  ชักจะเริ่มไม่ไว้ใจ

                    “อยากรู้รอซักครู่..ให้ปู่โจ๊กจัดการหลานเขาเสร็จก่อน”  ปู่เอามือจุ๊ปากเหมือนเรื่องที่ผมอยากรู้มันเป็นความลับสำคัญระดับชาติ

                    “ขอตัวนะครับ”  ผมบอกปู่พร้อมกับลุกออกจากห้องครัวเมื่อโทรศัพท์ที่สอดไว้กับกระเป๋ากางเกงสั่น ครืดๆ  หยิบมาดูนึกว่าใครที่ไหนไอ้เพื่อนหน้าหวานของผมเอง

                    “โทรมาทำไมแต่เช้า”  ผมกรอกเสียงลงไปทางโทรศัพท์  ไอ้คนปลายสายบ่นเสียงหงุงหงิง 

                    ‘โทรไม่ได้เหรอไง’  แน่ะ  ทำเป็นงอน  อะๆ ง้อมันหน่อย

                    “ไม่ได้หมายความแบบนั้น  แต่กระผมอยากทราบว่าคุณแทนมีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า”

                    ‘ก็..คือ..’

                    “มีไรวะแทน”  ผมถามอย่างเป็นห่วง  คนอย่างไอ้แทนถ้าอึกอักจะพูดแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องไม่สบายใจ

                    ‘มึงว่างปะวันนี้

                    “ปู่กูมาว่ะ”

                    ‘อ้อ..เอ่อ..งั้นไม่เป็นไร  อยู่กับปู่มึงนั้นละ นานๆท่านจะมาที  ไว้เจอกันวันจันทร์ บาย

                    “เฮ้ย! แทน เดี๋ยวๆ”  ผมมองจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปอย่างกังวล  ปกติไอ้แทนมันเป็นคนร่าเริงถึงขั้นเกือบบ้าได้ทุกสถานการณ์  แต่วันนี้มันแปลกๆ  หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ

                    “เพ้ง  มาดื่มกาแฟร้อนๆสิลูก  ปู่ชงไว้ให้”  ผมหันไปตามเสียงที่ปู่ผมเรียกไอ้เพ้ง  ถึได้งรู้ว่ามันโดนปู่โจ๊กเทศน์มาเสร็จแล้ว  มันหันไปขานรับปู่ผมพร้อมกับยิ้มให้อย่างสุภาพ  แต่ยังสู้อุตส่าห์ปั้นหน้าเป็นยักษ์แยกเขี้ยวใส่ผมตอนที่เดินผ่าน 

                    “น้ำตาล  ปู่ขอคุยด้วยหน่อย”  ปู่โจ๊กที่เดินตามไอ้เพ้งออกมาเดินมาตบบ่าผมเบาๆ  พร้อมกับยิ้มให้  ผมพยักหน้าแล้วเดินตามท่านไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี

                    “เอ้า! ทำไมลงไปนั่งข้างล่าง”  ปู่โจ๊กถามเมื่อเห็นผมลงไปนั่งกับพื้นบนผ้านุ่มๆที่ผมปูเอาไว้ประจำ  ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ  อ้างว่ามันสบายกว่าก่อนจะยันตัวขึ้นไปนั่งข้างคุณปู่บนโซฟาที่นั่งประจำไอ้เพ้งมัน  ลืมตัวไปเลยว่าไม่ได้อยู่กับไอ้เพ้งแค่สองคน

                    “มีอะไรรึเปล่าครับปู่” 

                    “เรื่องที่ให้น้ำตาลแต่งงานกับเพ้ง”  ผมได้แต่มองหน้าปู่  รอว่าท่านจะพูดอะไรต่อไป  รอไปซักพักก็ยังไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากคุณปู่  มีแค่เสียงถอนหายใจเหมือนกับกังวลอะไรบางอย่างอยู่

                    “น้ำตาลอยู่กับเพ้งสบายดีครับ  ไม่อึดอัดอะไร”  ผมบีบแขนนวดให้ปู่โจ๊กผ่อนคลายพร้อมกับฉีกยิ้มเป็นการยืนยันว่าการที่ผมมาอยู่กับไอ้เพ้งไม่ได้ลำบากแต่ประการใด

                    “เหตุผลที่ให้แต่งงาน..

                    “จริงๆแล้วคงไม่ใช่เรื่องวิญญาณคุณทวดใช่ไหมครับ..เอ่อ..ขอโทษครับ”  ผมต่อประโยคให้ปู่โจ๊ก  ลืมนึกไปเลยว่าเสียมารยาทที่พูดแทรกผู้ใหญ่  เลยรีบขอโทษ

                    “ไอ้ชาคงเปรยๆให้ฟังแล้วสินะ”  ผมพยักหน้า  ตอนนี้อยากรู้แล้วว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผมกับไอ้เพ้งต้องมาแต่งงานกัน

                    “จริงๆแล้วเหตุผลที่ปู่วางแผนให้เพ้งแต่งงานกับน้ำตาล  มันออกจะเป็นเหตุผลที่เห็นแก่ตัว”  ปู่เหม่อไปทางครัวที่ไอ้เพ้งนั่งดื่มกาแฟอยู่กับปู่ชาแล้วก็ไอ้หวาน  ก่อนจะพูดต่อ

                    “ปู่รู้มาว่าไอ้เพ้งมันค่อนข้างดื้อ  ก็ดูอย่างวันนี้สิ  กลับบ้านมาตอนเช้า  แล้วสภาพก็แบบว่าคนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างปู่รู้อยู่แล้วว่ามันไปทำอะไรมา  ก็เข้าใจนะว่าเด็กผู้ชายก็แบบเนี่ย  แต่อย่างไอ้เพ้งนี้มันมากไป  ปู่กลัวมันจะไปพลาดทำใครเขาท้อง”  ปู่โจ๊กพูดแค่นั้นแล้วก็มองหน้าผม  คล้ายๆเป็นการให้ผมระลึกเอาเองว่าเหตุผลที่ปู่ให้ไอ้เพ้งแต่งงานกับผมคืออะไร  ซึ่งผมก็พอจะเดาๆออก

                    “ก็เลยให้ผมแต่งงานกับเพ้ง  เพื่อที่มันจะได้หยุดเที่ยวงั้นเหรอครับ”  ปู่โจ๊กส่ายหน้า

                    “คนอย่างไอ้เพ้งมันไม่หยุดง่ายๆหรอก  ขนาดปู่เคยว่ามันไปแล้วหลายรอบ  มันก็ฟังปู่นะแต่ไม่เคยทำตาม  ฮ่าๆ”  ขนาดปู่มันยังไม่ฟัง  คู่กัดอย่างผมมีเหรอมันจะฟัง

                    “ที่ปู่ให้เพ้งแต่งงานกับน้ำตาลน่ะ  เพราะจะให้น้ำตาลช่วยดูๆมันให้หน่อย  คอยปรามๆมันบ้าง  เป็นหูเป็นตาให้ปู่หน่อย  ถ้าทำให้มันเลิกนิสัยที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้จะดีมากๆ”  อ้อ  เป็นอย่างงี้นี้เอง  ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าทวดเกิดอยากจะไปเกิดอะไรตอนรุ่นพวกผม  อันที่จริงผมว่าบรรพบุรุษของผมไปเกิดตั้งนานแล้วละครับ

                    “น้ำตาลคงห้ามอะไรมันไม่ได้หรอกครับ  แต่ก็จะคอยเป็นหูเป็นตาให้ปู่แล้วกัน”  ผมยิ้มให้ปู่โจ๊กสบายใจ

                    “ขอบใจน้ำตาลมากนะ  ลำบากน้ำตาลแท้ๆ  แต่เรื่องนี้เหยียบให้มิด  อย่าให้ไอ้เพ้งมันรู้เชียวนะ”

                    “แน่นอนครับ”  ผมยิ้มอย่างมีความสุข  ที่มีความสุขเพราะอะไรเหรอครับ  ปู่โจ๊กพูดถึงขนาดนี้ก็แสดงว่าผมสามารถคอนโทรลไอ้เพ้งมันได้โดยมีคุณปู่ชักใยอยู่เบื้องหลัง  โดยที่ไอ้เพ้งมันไม่รู้ตัว  ฮ่าๆ แค่คิดจะดัดนิสัยมันก็สนุกแล้ว  ปู่มึงขอกูมาเองนะเพ้ง  หลานสะใภ้ที่ดีอย่างกูก็ต้องสนอง









                                                                                               ..รักไม่บังคับใจ..












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×