ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักไม่บังคับใจ(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 55


     








                  ..ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนที่แล้ว..

     

     

                    ผมกำลังยืนมองกลุ่มสาวๆที่รุมล้อมอะไรซักอย่างอยู่  คนที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยสาวๆไม่ใช่ใครหรอกครับ  คนนั้นคือเพ้ง  ผู้ชายที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นตอนงานรับน้องของมหาวิทยาลัย 

                    เผอิญมันรับน้องกลุ่มเดียวกับผมแม้จะอยู่คนละคณะ  ผมเห็นมันครั้งแรกไม่รู้สิครับ  มันบอกไม่ถูก  เหมือนในตัวไอ้เพ้งมันมีออร่าหรืออะไรซักอย่างที่สาดส่องมาให้ผมรู้สึกว่า  คนนี้แหละะใช่เลย ฮ่าๆๆ ผมนี้ท่าจะบ้า  แต่ผมชอบมันจริงๆครับ  อันที่จริงตัวผมเองก็ชอบผู้ชายอยู่แล้วละ  แต่ผมจะเงียบๆไม่ค่อยแสดงออก  แล้วก็ไม่ได้จะชอบสอดส่องมองผู้ชายซะเท่าไหร่  เพราะผมรู้สึกว่าตอนนี้หน้าที่ของผมคือตั้งใจเรียนหนังสือ  แต่พอได้มาเจอไอ้เพ้งแล้วผมห้ามใจตัวเองไม่ให้ชอบมันไม่ได้จริงๆ

                    “ตกลงมึงจะเอาไปให้เขาไหมเนี่ย  เห็นมึงมองตั้งนานแล้ว” 

                    ไอ้แทนเพื่อนผมมันอ้าปากหาวก่อนจะโยกตัวตามจังหวะเพลงที่มันใส่หูฟังอยู่  มันเป็นเพื่อนสนิทผมเองละครับ  แล้วมันก็จะเป็นประเภทที่แบบว่า  เป็นเกย์อย่างเปิดเผย  พูดง่ายๆว่ามันแรงใช่ย่อย

                    “แต่กูว่ามึงอย่าดีกว่าน้ำตาล  กูเตือนมึงด้วยความหวังดีนะ  ไอ้เพ้งน่ะมันเด็กโรงเรียนเก่ากู  หล่อซะขนาดนั้นใครๆก็ชอบมัน  แต่ขอโทษเหอะ  นิสัยแม่งโคตรกีดกันทางเพศ  มันเกลียดพวกตุ๊ดพวกเกย์เข้าไส้”  ไอ้แทนมันถอดหูฟังมาเตือนผมด้วยความหวังดี 

                    ผมโชคดีมากๆครับที่มาเป็นเพื่อนกับไอ้แทน  ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเลยไม่มีเพื่อนติดสอยมาเรียนคณะนี้ด้วยกันเลย  แต่ไอ้แทนมันมาทักผมก่อนเราเลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา  แล้วก็สนิทกันได้รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ  เอาเป็นว่าผมรู้จักไอ้แทนได้แค่อาทิตย์เดียวผมก็กล้าบอกมันแล้วว่าผมชอบไอ้เพ้ง  พอไอ้แทนรู้ว่าผมชอบไอ้เพ้งมันก็จิ๊ปาก  ทำหน้าตาขยะแขยง  แล้วก็บอกผมอย่างที่มันบอกละครับ  ว่าไอ้เพ้งมันเป็นพวกกีดกันทางเพศ  มันก็บอกให้ผมตัดใจอยู่บ่อยๆ  แต่ว่าผมชอบไอ้เพ้งมากๆๆๆๆๆๆ  เลยไม่สนใจฟังคำเตือนมัน

                    “มันอาจจะไม่ขนาดนั้นมั้ง  กูไม่ได้ไปลวนลามเขาซะหน่อย”  ผมพยายามให้กำลังใจตัวเอง  สายตาจ้องมองคนที่กำลังยิ้มรับดอกไม้และช็อคโกแลตจากสาวๆ  วันนี้วันวาเลนไทน์ครับผมเลยตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกกับเพ้ง แบบว่ามันอึดอัดน่ะครับ  อยากบอก  ผมหลงมันมากๆเลยนะ  ไม่เคยชอบใครมากขนาดนี้เลย ทั้งที่คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวซักครั้งก็ยังไม่เคย

                    “เหอะ ของมันได้เกลียดแล้วก็เหมารวมหมดแหละ  ว่าแต่ถ้ามึงจะเอาไปให้ก็รีบๆไปเหอะ  กูหิวข้าวแล้วเนี่ย”  ไอ้แทนมันเร่งผมยิกๆ 

                    ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ  กำขวดน้ำเปล่าบริสุทธิ์ขวดละเจ็ดบาทที่ผมอุตส่าห์ควักเงินซื้อมาไว้แน่นๆในมือ  อาศัยจังหวะที่คนเริ่มจางๆเดินมุ่งหน้าไปหาไอ้เพ้ง  ผู้ชายที่ผมแอบชอบมาเกือบปี  แปลกใจใช่ไหมละครับว่าทำไมผมถึงให้น้ำเปล่ามันแทนที่จะเป็นช็อกโกแลตไม่ก็ดอกไม้  มันมีเหตุผลอยู่แค่สามข้อเท่านั้นละครับ

                    ข้อแรก  น้ำเปล่ามีประโยชน์ที่สุด  ไม่มีสารอะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

                    ข้อสอง  ผมว่าการลงทุนซื้อของแพงๆไปให้คนที่เขาไม่รู้จักเราเนี่ยมันดูสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุครับ  ถึงผมจะชอบเพ้งมากๆก็เถอะ  แต่ผมก็ไม่ได้ลงทุนนะครับ  มันได้ไม่คุ้มเสีย

                    ข้อสุดท้าย  มันแปลกไม่เหมือนใครดีครับ

     

                    “พี่เพ้งคะ  สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ”  ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นช่อดอกไม่เฟอเรโร่รอทเชอร์ให้เพ้ง  โคตรจะลงทุน  แพงนะนั้น  ค่าข้าวผมทั้งอาทิตย์ได้มั้ง

                    “ขอบใจมากครับ”  เพ้งฉีกยิ้มละลายใจที่ใครต่อใครก็หลงใหลให้ผู้หญิงคนนั้น  เจ้าหล่อนก็เดินเขินอายออกไป

                    “โหยๆๆๆ ของโคตรเยอะอะมึง  เปิดร้านช็อคโกแลตได้เลยนะเนี่ย”  เพื่อนของไอ้เพ้งคนหนึ่งรื้อดูของที่เพ้งมันได้หลังจากที่พวกสาวๆไปกันหมดแล้ว  มันได้เยอะจริงๆนะครับ  แต่ผมหันไปเห็นเพื่อนคนอื่นๆของมันก็ได้เยอะไม่แพ้กันหรอก  แต่ว่าของไอ้เพ้งได้เยอะสุดๆแล้ว

                    “เฮ้อ..หมดซะที  กูยิ้มจนเมื่อยปากแล้วเนี่ย”  เพ้งเอามือนวดปากตัวเองเบาๆ  พร้อมกับกวาดของลงถุงขนาดใหญ่  เตรียมตัวจะลุกไปที่อื่น

                    “เดี๋ยว! 

                    ผมที่หลบอยู่หลังต้นไม้ตั้งนานรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเพ้งเพราะกลัวจะไม่ทัน  ยิ่งหาตัวยากๆอยู่  เพ้งและเพื่อนอีกสามคนมองผมเป็นตาเดียว  ความกล้าอันน้อยนิดที่รวบรวมมามันกระเจิงหายไปหมดเลยละครับ  ยิ่งตอนคิ้วเข้มๆตัดกับหน้าขาวของเพ้งเลิกขึ้นเป็นเชิงถามผมว่ามีธุระอะไร  ยิ่งทำเอาใจผมเต้นตึกตัก

                    “อะ..เอ่อ..คะ..คือ..  โอ๊ย! ทำไมติดอ่างแบบนี้วะ

                    “มีอะไรเหรอครับ”  เพื่อนของเพ้งคนหนึ่งท่าทางเป็นเด็กเรียน  ใส่แว่นหันมาถามผม  คงเห็นผมพูดตะกุกตะกัก 

                    ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ  ก่อนจะยื่นมืออันสั่นระริกที่ถือขวดน้ำอยู่ไปข้างหน้าเพ้ง  พร้อมกับพูดอย่างรวดเร็วตามบทที่ท่องมายี่สิบกว่ารอบเป๊ะๆ

                    “เราชอบเพ้ง  เอ่อ..อะนี้  ของขวัญวันวาเลนไทน์  ได้โปรดรับไว้ด้วยเถอะนะ” 

                     พูดจบผมก็รีบก้มหน้ามองพื้น  หน้าผมมันร้อนไปหมดเลยละครับ  หน้าแดงแน่ๆ  รู้สึกอายจนอยากวิ่งออกมา  แต่เพ้งก็ไม่ยอมรับขวดน้ำไปจากมือผมซะที

     

                    ..เงียบ..  เกิดความเงียบทั่วทั้งบริเวณ  ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา  เพื่อนของเพ้งสามคนทำตาโตอ้าปากค้างจ้องผมอย่างตะลึง  ส่วนเพ้งนั้น  จ้องมองผมด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  มันเป็นแววตาที่ดูน่ากลัวมากเลยครับ

                    “อะ..เอ่อ..

                    “มึงชื่อไร”  เพ้งถามก่อนจะหยิบขวดน้ำไปจากมือผม  ค่อยทำให้ผมใจชื้นหน่อย  อย่างน้อยก็รับของผมละนะ

                    “เราชื่อน้ำตาล”  ผมตอบกลับไป  ฉีกปากยิ้มอย่างร่าเริงแต่เห็นหน้าเพ้งแล้วผมแทบจะหุบยิ้ม  เพ้งจ้องผมไม่วางตา  สายตาดูไม่สบอารมณ์สุดๆ  ทำไมตอนรับของจากผู้หญิงถึงได้ยิ้มซะโลกสดใสเลยละ  หรือว่าจะเป็นแบบที่ไอ้แทนมันบอกว่าเพ้งมันเกลียดพวกเกย์

                    “ชื่ออย่างกับผู้หญิง”  เพ้งยกยิ้มมุมปาก  เปิดฝาขวดน้ำแล้วยกขึ้นกรอกปาก  ก่อนจะบ้วนน้ำที่ดื่มทิ้งลงพื้น

                    “รสชาติห่วยแตก!  เพ้งตวาดจนผมสะดุ้ง  นี้มันก็น้ำยี่ห้อที่เพ้งกินประจำผมไม่เข้าใจว่าน้ำบริษัทเดียวกันมันรสชาติไม่เหมือนกันเหรอไง

                    “เฮ้ย มึงใจเย็นๆเพ้ง”  เพื่อนเพ้งคนที่ใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยบอกเพ้ง  แต่เพ้งมันยกมือห้ามเพื่อนมันเป็นเชิงว่าอย่ายุ่ง

                    “เอาน้ำอะไรมาให้กู”  เพ้งยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาผม

                    “กะ..ก็น้ำเปล่าไง  เราเห็นเพ้งกินยี่ห้อนี้ประจำนิ”  ผมตอบตามความจริง  แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่พอใจกับคำตอบเพราะสายตาที่มันมองผมน่ากลัวมากจริงๆครับ

                    “แต่รสชาติมันห่วยแตก

                    “ไอ้เพ้ง!  เพื่อนสามคนของเพ้งตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ  พร้อมกับที่สายน้ำจากขวดราดรดลงบนหัวผม

                    “ห่วยแตกเหมือนคนให้”  เพ้งพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ 

                    “ฮึก!  ผมเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นน่าอายของตัวเองไว้  มันรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึกมากๆจนผมกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ ทำไมจะต้องทำกันขนาดนี้ด้วยแค่ผมเอาน้ำมาให้เท่านั้น

                    “กูเกลียดคนแบบมึง  พวกผิดเพศน่าขยะแขยง”  เพ้งกระซิบข้างๆหูผมก่อนจะเดินไปหยิบของกับกระเป๋าแล้วเดินจากไป

                    “เป็นไรหรือเปล่า”  ผมเงยหน้าไปเห็นเพื่อนเพ้งคนที่ใส่แว่นถามผมอย่างเป็นห่วง  แต่วินาทีนี้ผมทนยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วครับ  ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้นแล้วเข้าไปในห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด  เข้าไปนั่งร้องไห้อยู่ในนั้น  ใจร้าย ผมหลงรักผู้ชายที่ใจร้ายแบบนี้ไปได้ไงกัน 


                    หลังจากที่ผมชอกช้ำระกำใจจากการบอกรักเพ้งในวันนั้น  ผมก็แทบจะหลบหน้ามันตลอดเวลาเลยละครับ  แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์จะกลั้นแกล้งผมหรืออะไรก็ไม่รู้  ตอนก่อนที่ผมจะไปบอกชอบมัน  ผมอยากเห็นหน้ามันแทบทุกวัน  ก็หาตัวมันยากมากๆ  แต่พอหลังจากบอกชอบมันไปแล้ว  ผมไม่อยากจะเจอหน้ามันแม้แต่น้อย  แต่ดันเจอกันโคตรบ่อย  เวลามันเห็นผมมันก็จะส่งสายตายิ้มเยาะเหมือนกับสะใจที่เอาน้ำราดหัวผมวันนั้น  ผมก็ได้แต่ทำเป็นไม่สนใจ  แต่ในใจนี้ทั้งเจ็บทั้งแค้น  รู้สึกเกลียดมันนิดๆละครับ  อารมณ์เสียความรู้สึกมากกว่า  ว่าผมชอบคนนิสัยแย่ๆแบบนี้ไปได้ไง  จากนั้นผมก็ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ครับ  พอสอบไฟนอลเสร็จผมก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านที่ต่างจังหวัดทันที  เพื่อนๆก็ชวนไปฉลองปล่อยผีหลังสอบเสร็จ  แต่ผมรู้สึกอยากไปไกลๆจากที่นี้  ไม่อยากเห็นหน้าไอ้เพ้งไปมากกว่านี้แล้ว

                    “โอ๊ะ!  นึกว่าสาวที่ไหน

                    “สาวบ้านแกดิ  กูผู้ชาย  น้องชายผมมันเปิดประตูเลื่อนเหล็กหน้าบ้านให้ผม  พร้อมกับกล่าวทักทายแบบกวนตีนๆของมัน  ผมมาถึงบ้านประมาณหกโมงเช้า  วันนี้วันอาทิตย์ปู่ผมไม่เปิดร้าน  บ้านผมเป็นคล้ายๆอาคารพานิช  เปิดเป็นร้านกาแฟโบราณ  ที่ตอนเช้าๆจะมีคนสูงอายุชอบมานั่งดื่มนั่งคุยกัน เป็นสภากาแฟประจำที่นี้เลยก็ว่าได้

                    “แม่ละ  ผมหันไปถามไอ้น้ำหวานที่มันกำลังรื้อถุงของฝากอยู่  ชื่อมันโคตรจะน่ารักกว่าชื่อผมเยอะ  แต่นิสัยมันนี้ห่ามสุดๆ

                    “ทำกับข้าวอยู่ในครัว  มันตอบแล้วเดินนำผมไปหาแม่

                    “แม่หวัดดีครับ  ผมยกมือไหว้ผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดในโลก  แม่เห็นผมก็ยิ้มแล้วเดินมากอด  ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาสองข้าง

                    “แม่คิดถึงจะแย่  แม่ลูบหัวผมเบาๆ  แล้วบอกให้ผมขึ้นไปไหว้พ่อกับปู่  ผมก็เดินไปสวัสดีพ่อกับปู่ของผม  ปู่ผมอายุมากแล้วครับแต่ยังแข็งแรงเพราะทำงานหนักมาตั้งแต่หนุ่มๆ  ชา  กาแฟ  โอเลี้ยงสูตรของปู่อร่อยที่สุดแล้วเท่าที่ผมเคยกินมา 

                    “น้ำตาลเดี๋ยวสายๆไปหาปู่โจ๊กกับปู่ด้วยนะ  ปู่ผมบอกตอนที่เรากำลังทานอาหารเช้ากันอยู่  ปู่โจ๊กคือคุณปู่ที่ขายโจ๊กบ้านอยู่หลังติดกันกับผมเลยละครับ

                    “ผมว่าจะเอาของฝากไปฝากปู่โจ๊กเหมือนกันครับ”  ผมรู้จักปู่โจ๊กมาตั้งแต่จำความได้  เรียกได้ว่าสนิทกันจนผมรักและเคารพท่านเหมือนกับปู่แท้ๆ  ปู่โจ๊กอยู่กับพี่แพรวหลานสาวแล้วก็  น้องโก๋หลายชายวัยห้าขวบลูกของพี่แพรว

                    “น้ำตาลจำลุงพลกับป้าพลอยลูกปู่โจ๊กได้ไหมลูก  ผมขมวดคิ้วนึกถึงคนที่พ่อผมเอ่ยชื่อ  ในความทรงจำเหมือนผมจะรู้จักผู้ใหญ่สองท่านนี้นะแต่ว่ามันนานมากๆแล้ว 

                    “คุ้นๆครับ  แต่ผมจำไม่ค่อยได้

                    “เดี๋ยววันนี้คุณลุงคุณป้าเขาจะมา  เดี๋ยวพ่อจะพาน้ำตาลไปหานะ  ผมพยักหน้า  ดูสีหน้าทุกคนในโต๊ะอาหารแปลกไปเหมือนอยากจะพูดอะไรกับผมก็ไม่พูดยกเว้นไอ้น้ำหวานที่มันนั่งกินด้วยหน้าระรื่นเป็นปกติของมัน  คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง  อากาศคงร้อน  กินเสร็จผมก็ขอตัวไปนอนพักผ่อนเพราะนั่งรถเดินทางกลับบ้านตั้งนานเมื่อยตัวไปหมด

                    “พี่น้ำตาลตื่นๆ  ผมสะดุ้งตื่นเพราะแรงเขย่าจากน้ำหวาน  มองดูนาฬิกาสี่โมงเย็นแล้ว  นี้ผมหลับนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

                    “ล้างหน้าล้างตาแล้วไปบ้านปู่โจ๊กนะ  พ่อแม่กับปู่ไปก่อนแล้ว  หวานมันบอกผมพลางเปิดม่านที่ผมปิดไว้ออกเพื่อให้อากาศระบาย 

                    ชื่อผมกับชื่อน้องปู่เป็นคนตั้งให้เองละครับ  เพราะปู่ขายพวกน้ำหวานอันที่จริงขายมาตั้งแต่รุ่นทวดแล้ว  ปู่เลยอยากให้ผมกับน้องชื่ออะไรที่มันมีความหมายถึงของที่บรรพบุรุษผมใช้ทำมาหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว   

                    “เฮ้ย  น้ำหวาน  ที่บ้านมีปัญหาอะไรรึเปล่า  พี่เห็นพ่อแม่มองพี่แปลกๆตอนกินข้าว  ผมถามมันระหว่างที่เดินไปบ้านปู่โจ๊กที่อยู่ติดกัน  ไอ้น้ำหวานมันยักไหล่บอกว่าเดี๋ยวผมก็รู้เอง

                    “สวัสดีครับ  ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งหมดที่นั่งรออยู่แล้วในห้องนั่งเล่น  มีคุณลุงคุณป้าที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายกับลูกสะใภ้ของปู่โจ๊ก  ปู่โจ๊กกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา  ผมก็ยิ้มรับก่อนจะเดินไปหาท่าน

                    “ยิ่งโตยิ่งหล่อนะเรา  ปู่โจ๊กลูบหัวผมเบาๆ  เล่นชมแบบนี้ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก

                    “ชมแบบนี้ผมเขินแย่  ผมบอกพลางหัวเราะแล้วยื่นของฝากให้ปู่โจ๊ก

                    “เจ้าเพ้งไปไหนละ  ปู่หันไปถามพี่แพรว  เพ้ง’  ชื่อนี้ทำเอาใจผมกระตุก  หน้าไอ้เพ้งลอยเข้ามาในหัวผม  ตัวไม่ตามมาหลอกหลอนชื่อมันก็อุตส่าห์ตามมาหลอกหลอน  เฮ้อ! 

                    “เพ้งลูกชายหน้าไง  รุ่นเดียวกับน้ำตาลนั้นละ  ตอนเด็กๆยังเคยแก้ผ้าวิ่งเล่นน้ำฝนด้วยกันอยู่เลยจำได้ไหมจ๊ะ  ป้าพลอยหันมาบอก 

                    ผมส่ายหน้าเบาๆ  จำไม่ได้จริงๆครับ  มันกี่ปีมาแล้วละนั้น  เห็นพ่อบอกว่าป้าพลอยกับลุงพลทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯเพราะลูกชายป่วยหนักตั้งแต่เด็กๆต้องเข้าโรงพยาบาลที่นั้นประจำ  สงสัยคงอยู่นานไปเลยตั้งรกรากอยู่นั้นซะเลย  พี่แพรวพอแต่งงานแล้วเป็นห่วงปู่เลยกลับมาทำงานและดูแลปู่ที่นี้  แต่ผมสงสารพี่แพรวนะครับ  ไอ้น้องโก๋เกิดได้ไม่กี่เดือนสามีแกก็ประสบอุบัติเหตุเสียไปซะก่อน

                    “สงสัยยังไม่ตื่น  เดี๋ยวแพรวไปปลุกให้  พี่แพรวอาสาแล้วเดินขึ้นบันไดไปตามคนชื่อเพ้งลงมา

                    “มาหาน้ามะโก๋  ผมอุ้มโก๋นั่งตักแล้วเอาของเล่นให้  เด็กน้อยก็แบบนี้ละครับ  ใครให้อะไรก็ดีใจหมด

                    “น้ำตาลน่ารักอย่างที่คิดไว้จริงๆ  ไม่ห่วงแล้วละ  ป้าพลอยหันมายิ้มให้ผม  แต่ผมว่าคำพูดคุณป้านี้มันแปลกๆนะ

                    “เพ้งมาๆ  กำลังรอ  ผมหันไปตามเสียงปู่โจ๊กที่เรียกหลายชายตัวเอง

                    “สวัสดีครับ 

                    ภาพผู้ชายตัวสูง  ผิวขาว  คิ้วเข้ม  หน้าเรียวยาว  ดวงตาคม  และรอยยิ้มที่ผมเคยคลั่งไคล้ตรงหน้าทำเอาผมแทบทรุดตกจากเก้าอี้  ก็คนที่กำลังยกมือไหว้พ่อแม่และปู่ผมอยู่มันคือ.. ไอ้เพ้ง!  ไอ้เพ้งคนที่ผมชอบมาเกือบปี  ไอ้เพ้งคนที่เอาน้ำราดหัวผม  ไอ้เพ้งคนที่ทำร้ายจิตใจผม  ไอ้เพ้งคนที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุด

                    “เฮ้ย!” 

                    มันโพล่งออกมาอย่างตกใจตอนที่เห็นผม  ตอนนี้ผมค้างไปเลยละครับ  รู้สึกชาไปหมดทั้งตัว  อะไรโลกมันจะกลมขนาดนี้!  ที่ผมเรียนมาโลกมันต้องรีๆไม่ใช่เหรอไง

                    “อ้าว!  รู้จักกันด้วยเหรอ  ลุงพลหันไปถามลูกชาย

                    “เรียนที่มหาลัยเดียวกัน  เลยเห็นหน้าบ่อยๆ  ไอ้เพ้งมันเดินมานั่งลงข้างๆปู่โจ๊กแต่สายตาก็จ้องผมไม่วาง

                    “เรียนที่เดียวกันงั้นเหรอ ดีๆ  จะได้ไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก  คงรู้จักกันแล้วสินะ  นี้น้ำตาลหลานปู่ชา  ปู่โจ๊กแนะนำไอ้เพ้งให้ผมรู้จัก  ปู่ชานี้ปู่ของผมเองครับ

                    “เข้าเรื่องกันดีกว่าไหมปู่โจ๊ก  ปู่ผมสะกิดปู่โจ๊ก  พร้อมกับมองไปทางผู้ใหญ่ที่เหลือ 

                    พ่อแม่ผม  ไอ้น้ำหวาน  พ่อแม่ไอ้เพ้งพี่แพรวแล้วก็น้องโก๋ออกไปจากห้องนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน  เหลือแค่ผมกับไอ้เพ้งแล้วก็คุณปู่ทั้งสองเท่านั้น  นี้มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

                    “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับปู่  ไอ้เพ้งมันชิงประโยคที่ผมกำลังจะพูดออกไป 

                    “เพ้ง  น้ำตาล  เขยิบมานั่งใกล้ๆกันลูก  ปู่โจ๊กบอก  ผมกับไอ้เพ้งมองหน้ากันแวบหนึ่งก่อนจะทำใจเขยิบมานั่งใกล้กันตรงพื้นหน้าปู่ทั้งสองที่นั่งบนเก้าอี้

                    “จำเรื่องที่ปู่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ได้ไหม  ปู่โจ๊กถามหลานชายตัวเอง  มันทำท่านึกก่อนจะพูด

                    “เรื่องที่ว่าทวดของผมแล้วก็ทวดของ..เอ่อ..น้ำตาล  มันหันมามองผมเหมือนจะไม่อยากพูดชื่อผมให้ระคายปาก

                    “เรื่องที่ทวดทั้งสองเป็นเพื่อนกัน  แล้วก็ซื้อตึกแถวสองตึกนี้เป็นที่ทำมาหากินใกล้กัน  ตอนนั้นมีนายทุนจะมาซื้อที่แต่ท่านทั้งสองก็ช่วยกันต่อต้านเพื่อรักษาร้านโจ๊กและร้านกาแฟที่เปิดมากว่าสิบปีเอาไว้  มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอผมเพิ่งรู้นะเนี่ย

                    “แล้ว..เอ่อ..แล้วก็..”  เพ้งมันทำท่าอึกอักเหมือนไม่อยากจะพูด  แต่ก็ยอมพูดต่อ

                    “แล้วปู่ทั้งสองก็สัญญากันว่าถ้ามีลูกจะให้ลูกแต่งงานกันเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน 

                    ให้ตายเถอะ!  นี้มันอย่างกับซีรี่ย์เกาหลีน้ำเน่าที่ไอ้แทนมันชอบดูเลย  ต่างกันแค่ในซีรี่ย์บรรพบุรุษเป็นทหารไปรบในสงครามเกาหลี  แต่นี้บรรพบุรุษผมช่วยกันต่อต้านนายทุนเพื่อปกป้องร้านโจ๊กกับร้านกาแฟ! 

                    “แล้วไงอีก  ปู่โจ๊กเร่งให้เพ้งมันพูดต่อ  นี้มันยังไม่จบอีกเหรอ  แต่ว่าผมกำลังรู้สึกถึงลางร้ายอะไรบางอย่าง

                    “แต่ว่าลูกทั้งสองของทวดซึ่งก็คือปู่กับปู่ชาเป็นผู้ชายทั้งคู่  คำสัญญาเลยตกไปที่รุ่นหลาน  แต่ว่าพอรุ่นหลานพ่อผมกับคุณลุงก็เป็นผู้ชายทั้งคู่  คำสัญญานั้นเลยตกมาที่รุ่นเหลน

                     ไม่นะ!  ผมว่าผมเริ่มเข้าใจแล้วละว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม

                    “เดี๋ยวนะ!”  เพ้งมันโพล่งออกมาอย่างตกใจเหมือนนึกอะไรได้

                    “เดี๋ยวนะปู่  ถ้าคำสัญญาตกมาที่รุ่นเหลนก็รุ่นผมดิ  แล้วพี่แพรวก็เป็นผู้หญิงแต่แต่งงานไปแล้ว  ก็เหลือแค่ผม  แล้วลูกคุณลุงก็ผู้ชายทั้งหมด แล้ว..” 

                    มึงสงสัยเหมือนกูเลยเพ้ง

                    “เพ้งกับน้ำตาลต้องแต่งงานกัน  เพื่อทำให้คำสัญญาของทวดทั้งสองเป็นจริง!”  ปู่โจ๊กกับปู่ชาพูดออกมาพร้อมกัน

                    “หา!!!!!!”

                    ..นี้มันเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว  ให้ผู้ชายสองคนมาแต่งงานกันเนี่ยนะ!..








    ..รักไม่บังคับใจ.. 





















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×