คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 : โมโห
โครม!!!...
“โอ๊ย!” กำลังนอนเคลิ้มๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนแผ่หราอยู่ที่พื้นแล้ว เพิ่งจะรู้สึกขอบคุณในความลำเอียงของทางโรงเรียนที่ปูพรมให้ห้องสภานักเรียน
“โฟม มึงไปนอนที่พื้นทำไมวะ” ผมหันไปทางต้นเสียง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมอายจนอยากจะหาปี๊บมาคลุมหัว นอนตั้งนานพอจะตกนี้ก็ตกได้จังหวะจริงๆ คนที่เพิ่งออกมาจากห้องประชุมมองผมเป็นตาเดียว กลั้นหัวเราะกันใหญ่ ผมรีบลุกจากพื้นแล้วขึ้นไปนั่งบนโซฟาตัวเดิม ปั้นหน้าหล่อๆฉีกยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร ไอ้ตังค์มันฉีกยิ้มเดินตรงมาที่ผม ได้เวลาสัมภาษณ์ซะที นั่งรอตั้งนานเสียเวลาเล่นเกมหมด มันหยุดรับโทรศัพท์ เหลือบตามองผมนิดหน่อย ทำหน้าเครียดยังกับทะเลาะกับคนปลายสายงั้นละ ผมไม่ได้ยินหรอกเพราะมันเดินไปคุยที่อีกมุมของห้อง
“ตังค์!” เสียงพลักประตูเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับเสียงเรียกชื่อไอ้ประธาน ทำเอาคนในห้องรวมทั้งผมด้วยพร้อมใจกันหันไปมองที่มาของเสียง พี่น้ำตาลยืนอยู่หน้าประตู มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู ไอ้ตังค์ยิ้มเจื่อนๆ เดินมาหาพี่น้ำตาลแล้วลากออกไปนอกห้อง อะไรวะ กำลังอยากรู้เลยว่ามีเรื่องอะไรกัน หน้าพี่น้ำตาลนี้บูดใช่น้อย ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะครับ แต่สัญชาตญาณนักข่าวภาคสนามมันออกฤทธิ์
“แบบนี้ง้อนานแน่เลย พี่น้ำตาลงอนโคตรเก่ง” ไอ้เปรมมันมานั่งลงข้างๆผม อ้าว แบบนี้ผมก็ต้องนั่งรออีกดิ แล้วเมื่อไรจะได้สัมภาษณ์นี้ก็เสียเวลามากแล้วนะ อ่านการ์ตูนจบไปได้ตั้งสองเล่ม ม้อสาวในเฟสได้อีกตั้งหลายคน
“ไอ้ตังค์ไม่ตามใจแฟนมันเหรอ” ยังไงก็ต้องรอแล้วขอทำหน้าที่นักข่าวภาคสนามหน่อยแล้วกัน
“เปล่า ถ้ายอมได้มันก็ยอมพี่น้ำตาลหมดละ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็ต้องเคลียร์กันนาน” ผู้หญิงนี้เขาเป็นแบบนี้กันหมดรึไงนะ เห็นน่ารักๆอย่างพี่น้ำตาลไม่คิดว่าจะเอาใจยากแบบนี้ ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีมันก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับพี่น้ำตาล พี่น้ำตาลนี้ยิ้มแฉ่งเลย สงสัยไอ้ตังค์จะง้อสำเร็จ แต่ทำไมมันทำหน้าเครียดๆแบบนั้น
“โฟมคือว่าเรื่องสัมภาษณ์”
“จะสัมภาษณ์เลยใช่ไหม” ผมนี้หยิบกล้องวิดีโอออกมาอย่างรวดเร็ว รอนานแล้วจะได้ทำให้เสร็จๆซะที
“คือ เราไม่ว่างว่ะวันนี้”
“ก็แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก!” ปรี้ดแตกเลยครับ โกรธมากๆนะขอบอก ผมนั่งรอตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกว่าไม่ว่าง ถ้าบอกตั้งแต่แรกแล้วผมจะได้กลับไป นี้ผมเสียเวลามานั่งรอมันเพื่ออะไร
“ใจเย็นๆ ไอ้โฟม” ไอ้เปรมคงเห็นว่าผมเริ่มเดือด มันตบบ่าผมเบาๆ แต่ตอนนี้โกรธมากขอบอก ผมรีบเก็บกล้อง ยัดใส่เป้ แล้วเดินออกจากห้องทันที ไม่สนใจเสียงขอโทษของไอ้ตังค์ที่ดังตามมา ผมขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดมากถึงมากที่สุด ขับผ่าไฟแดงมาสองแยก หมั่นไส้แม่งไฟเขียวไม่กี่วิไฟแดงเป็นนาที ยิ่งหงุดหงิดอยู่ผ่าแม่งเลย ดีนะตอนเย็นๆคุณพ่อทั้งหลายไม่ออกหาเงิน ยิ่งนึกถึงหน้ามันก็ยิ่งหมั่นไส้ โมโหๆๆๆ ถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้วรถโล่ง บิดแม่งเลยให้หายโกรธ เสียงกระหึ่มของมอไซค์ที่ผมบิดสุดแรง กับแรงลมที่ปะทะกับตัวมันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ เป็นวิธีระบายความโกรธที่สุดยอด!
เอี๊ยดดดดด!!!… โครมมมมม!!!...
เจ็บ! ไอ้หมาบ้า! วิ่งตัดหน้ารถกู! กำลังบิดอย่างมันส์ หมาที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งตัดหน้า แล้วผมก็เสือกโง่เบรกให้มันเดินข้ามถนนไปอย่างปลอดภัย แต่ตัวเองนี้รถล้ม หลังกระแทกพื้นคอนกรีตแข็งๆ โชคดีที่ผมมีจิตสำนึกในการรักษากฎจราจรพอที่จะสวมหมวกนิรภัย หัวนี้กระแทกพื้นเลยละครับ ถ้าไม่สวมหมวกนิรภัยนี้เลือดคงอาบ กะโหลกคงร้าว
“เอ้า ลูกหมอกิตตินิ” คนที่บ้านอยู่แถบๆทางเข้าหมู่บ้านวิ่งมาดูผมใหญ่ เพิ่งจะรู้ว่าไอ้แก่มับทับขาก็ตอนที่น้ายามมายกออกไปนี้ละ ตายๆ ได้โดนแม่ด่าเละแน่
“โฟม!” มาแล้วไงเสียงนี้ กำลังนึกถึง แม่ก็แหวกฝูงชนเข้ามาหาผมแล้ว
“แม่..ฮึก..เจ็บอะ..ฮือๆ” ไม่ได้สำออยนะ มันเจ็บจริงๆ ก้มมองดูแขนนี้ถลอกเป็นทางยาวเลย ขาก็เหมือนกัน ดีที่ถูกรถทับไม่โดนท่อไอเสียไม่งั้นเป็นแผลเป็นแน่
“ขับยังไงให้ล้ม” แม่ผมท่าทางตกใจเหมือนกันนะครับ เอามือเช็ดน้ำตาผมออกเบาๆ เฮ้ย! หน้าเป็นแผลรึเปล่า
“แม่..ฮึก..หน้า..หน้า..ฮึก..เป็นแผลมั้ย” แม่ผมสำรวจไปทั่วหน้า ก่อนจะส่ายหัว เฮ้อ โล่งอก!
“แม่พาลูกไปโรงบาลก่อน กระดูกหักไหมนั้น” โห่ พ่อผมก็พูดซะให้กลัว สุดท้ายก็ต้องไปทำแผลที่โรงบาลละครับ ตามจริงผมจะให้พ่อทำแผลให้ที่บ้านเพราะพ่อผมเองก็เป็นหมอ แต่พ่อแม่ผมกลัวว่าจะมีแผลอะไรช้ำในเลือดคั่งเลยให้ไปตรวจละเอียดที่โรงบาล ก็ไม่มีอะไรมากครับแค่แผลที่แขนกับขาไปขูดกับพื้นถนน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ผมยังดวงแข็ง แต่เห็นสายตาแม่ที่มองมานี้รู้เลยว่าชะตาใกล้ขาด แม่ผมถามว่าทำไมถึงขับรถล้ม ไอ้ผมก็โบ้ยความผิดไปให้หมาทันที แต่มีพลเมืองที่แสนดีท่านหนึ่งบอกแม่ผมว่า เห็นผมบิดรถซะแรงมาแต่ไกล
ไอ้ผมก็อุตส่าห์ทำหน้าตาเจ็บปวดรวดร้าวเผื่อแม่จะเห็นใจ แต่ดูเหมือนความพยายามมันจะไร้ผล เพราะผมถูกตัดค่าขนมครึ่งหนึ่งสามอาทิตย์ ไอ้แก่ก็เดี้ยงส่งเข้าอู่ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้ตังค์คนเดียว ถ้ามันไม่ทำให้ผมโกรธ ผมก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก!
ผมนอนกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปมาอยู่บนเตียง พอฤทธิ์ยาหมดก็เริ่มปวดแผลมันรู้สึกตึงๆ ดีนะที่เป็นแผลแค่แขนซ้าย ยังพอมีแขนขวาให้ใช้งานได้ ตอนนี้รู้สึกปวดไปทั้งตัวแล้ว
“โฟม เพื่อนมาเยี่ยมลูก” เพื่อนเหรอ ผมยังไม่ได้โทรไปบอกไอ้โมกับไอ้แก๊บเลยนะหรือว่าแม่จะบอก แต่บ้านมันสองคนก็ไกลจากบ้านผม ค่ำๆแบบนี้คงไม่มาเยี่ยมหรอก พอใครอีกคนโผล่หน้ามาเท่านั้นละ ผมแทบอยากจะกระโดดเตะก้านคอมัน ติดที่สังขารไม่อำนวย ไอ้ตังค์มันยิ้มให้ผมอยู่หน้าประตู
ตุ๊บ!!!... ผมขวางหมอนไปโดนหน้ามันทันทีที่แม่ผมออกจากห้อง
“มึงมาทำไม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” แน่ะ! ยังหน้าด้านเดินเข้ามาอีก
เพล้ง!!!... คราวนี้รีโมทเลยครับแต่มันหลบทัน รีโมทเลยลอยไปกระทบกับผนังห้องถ่านหลุดกระจาย
“เฮ้ย! มากไปแล้วนะ!” มันตีหน้าบึ้งตรงมาที่ผม นี้กูโกรธมึงอยู่นะ มันคว้าข้อมือผมข้างที่กำลังกำหมอนอีกใบเตรียมปาใส่มัน
“โฟม ฟังเราก่อน”
“มึงไม่ต้องมาพูดเพราะ!” สู้ด้วยร่างกายไม่ได้ก็ใช้เสียงนี้แหละ
“ไอ้เชี่ย! มึงจะหยุดดิ้นมั้ย!” ผมชะงัก หน้าไอ้ตังค์โคตรโหด กูไม่น่าบอกมึงให้พูดไม่เพราะเลย ตะคอกโคตรน่ากลัว
“กูจะมาขอโทษเรื่องตอนเย็น เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม…”
“ฮึก..มะ..มึง..ฮึก..มึงตะคอกกู..ฮึก..ฮือๆ” เคยเป็นไหมครับ เวลาที่เราป่วยมันจะเป็นช่วงที่จิตใจเปราะบาง ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็น้อยใจแล้ว ผมจะบ่อน้ำตาตื้นมากเลยละครับช่วงนี้ ใครไม่ตามใจ ใครดุ ใครด่า แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยผมก็น้ำตาแตกแล้ว
“อะ..เอ่อ..” มันดูลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก คงไม่คิดว่าผมจะร้องไห้ออกมาแบบนี้
“ปลอบกู..ฮึก..พูดเพราะๆ..ฮึก..ฮือๆ” ไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะครับ แต่มันห้ามไม่อยู่ต้องปลอบถึงจะหาย ไม่งั้นผมจะรู้สึกน้อยใจแล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุดแบบนี้ กูร้องไห้จนเหนื่อยแล้วนะสะอื้นจนปวดไปทั้งตัวแล้ว รีบๆปลอบซิ!
“โอ๋ๆ ขอโทษครับ ตังค์ขอโทษ ไม่ร้องนะโฟมคนเก่ง เจ็บตรงไหน ตรงนี้รึเปล่าตังค์เป่าให้ เพี้ยง! หายแล้วๆ” มันเอามือลูบหัวผมเบาๆ แอบเล่นหัวกูนะมึง แต่ไม่เป็นไรช่วงอารมณ์นี้ผมชอบ มันยกแขนด้านซ้ายของผมที่พันแผลไว้ขึ้นมาเป่าเบาๆ
“เจ็บขาด้วย” ผมบอกมัน ตอนนี้อารมณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ชอบที่สุดเลยเวลามีคนมาเอาใจตอนป่วย
“ขาเหรอ เพี้ยง! หายยังครับ” มันก้มลงไปเป่าขาผมเบาๆ ตอนนี้หายแล้วครับหยุดร้องไห้แล้ว
“มึงมาทำไม” มันขมวดคิ้ว คงตกใจกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของผม
“กะ..กู..เอ้ย!..เรา..”
“ไม่ต้องพูดเพราะ กูหายแล้ว แค่อย่าตะคอก อย่าด่ากู อย่าขัดใจ แค่นั้น”
“กูขอโทษเรื่องที่ปล่อยให้มึงรอ” มันทำหน้าสำนึกผิด
“เหตุผล” ผมก็ไม่ได้จะใจร้ายใจดำมากนักหรอก ไอ้โกรธน่ะก็จริง แต่ถ้ามีเหตุผลก็พอจะให้อภัยได้
“คือ พี่น้ำตาล..”
“แฟนไม่ยอมว่างั้น” ผมช่วยเสริมให้กระจ่าง ไอ้ตังค์พยักหน้าเบาๆ ก็อยากเข้าใจหรอกนะว่ายังไงมันก็ต้องเลือกแฟนมากกว่าเลือกผมที่เพิ่งจะรู้จักกัน แต่โกรธก็ตรงที่ให้มานั่งรอนี้ละ มันเสียเวลา
“แล้วก็ปล่อยให้กูรอตั้งนาน”
“ก็กูคิดว่าว่างนี้หว่า ไม่ได้นัดกับพี่ตาลด้วย แต่พอเลิกดันโทรมาซะงั้น บอกให้กูไปส่งบ้าน กูกะจะบอกมึงว่าเดี๋ยวตามมาสัมภาษณ์ที่บ้านมึงก็ได้ แต่มึงก็วิ่งมาก่อน พอกูมาบ้านมึงแม่มึงก็บอกว่ามึงขับรถล้ม” อ้าว งั้นนี้ผมก็เจ็บตัวฟรีเลยอะดิ ไม่น่าใจร้อนเล้ยไอ้ฟอง หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
“เห็นแม่มึงบอกมึงขับมาเร็วแล้วหมาวิ่งตัดหน้า”
“ไม่ตลกนะเว้ย! อย่าขำ” ผมชี้หน้าไอ้ตังค์ที่นั่งทำหน้าอมยิ้มอยู่
“เพราะมึงนั้นละ ทำให้กูโกรธ” ไม่ผิดครับ ผมไม่ยอมรับว่าผมผิดเด็ดขาด
“เฮ้ย มึงขับเร็วเองเกี่ยวอะ..เออๆ กูผิดเองขอโทษ” ผมทำท่าจะร้องไห้มันเลยรีบยอมรับผิด หึๆ อันนี้มารยาครับ ไม่ใช่อารมณ์จริง
“แค่ขอโทษเนี่ยนะ ง่ายไปปะวะ มึงดูสภาพกูดิ” ไอ้ตังค์ใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างผม แววตามันดูหม่นหน่อยๆ จะคิดได้รึเปล่าว่ามันสำนึกผิด
“แล้วจะให้กูทำยังไง” นี้ละครับคำที่ผมรอคอยมานาน ไอ้แก่ผมเข้าอูอยู่ ถ้าจะไปโรงเรียนก็ต้องขึ้นรถโดยสารไป โหย ผมไม่ตื่นเช้าขนาดทันรถโดยสารหรอกนะ และที่สำคัญเงินค่าขนมผมก็ลดตั้งครึ่งหนึ่ง ปกติได้เต็มๆก็แทบใช้ไม่พอ ผมต้องประหยัดทุกวิถีทาง
“รถกูพัง” ผมเปรยๆ ทำสีหน้าเศร้าๆ ไอ้ตังค์เลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่าแล้วไง ผมเลยรีบพูดต่อ
“ถ้าไปโรงเรียนก็ต้องนั่งรถโดยสาร คนตอนเช้าก็เยอะ กูเป็นผู้ชายก็ต้องยืน แผลก็กว่าจะหาย..”
“งั้นมึงไปกับกูก็ได้ ทางเดียวกัน” ผมยิ้มทันที นี้ละที่ผมต้องการ ฮ่าๆ ได้นั่งแคมรี่สบายๆ ไม่ต้องไปเบียดคนบนรถโดยสารแล้ว แต่แค่นี้ยังไม่พอ
“กูถูกแม่ตัดค่าขนม ได้รับปกติก็แทบใช้ไม่พอ มึงว่าถ้าอดข้าวเที่ยงสามอาทิตย์นี้..”
“เออๆ กูเลี้ยงข้าวเที่ยงมึงสามอาทิตย์แล้วกัน” เยส!!! นี้ละใช่เลย คิดอีกทีก็คุ้มกับที่เจ็บตัวเหมือนกันนะ ออกจะได้กำไรด้วยซ้ำไป
“มึงกลับบ้านเหอะดึกแล้ว”
“โห่ ไล่กันเลย” ก็มันตั้งสี่ทุ่มกว่าแล้วนิครับ ไอ้ผมก็เริ่มง่วงแล้ว เจรจาธุระเสร็จแล้วนิ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องเสวนากับมันต่อ
“แล้วไม่สัมภาษณ์กูเหรอวะ” ผมเอนตัวลงนอน ไอ้ตังค์มันช่วยพยุง เออ มันก็นิสัยดีนะเนี่ยถึงจะทำตัวน่าหมั่นไส้ไปหน่อยก็เหอะ
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน กูง่วงแล้ว” ผมอ้าปากหาว โบกมือไล่มันให้กลับบ้าน
“งั้นพรุ่งนี้ตอนเช้าเดี๋ยวกูมารับ นอนพักซะมึง จะได้หายไวๆ” ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ ตอนนี้ปิดตาแล้วครับได้ยินแต่เสียงไอ้ตังค์
“กูไปนะ ฝันดี หายไวๆนะครับ”
“อื้ม..” ผมงึมงำอย่างรำคาญ ปัดมือที่ลูบหัวออก ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆของไอ้ตังค์ ก่อนจะตามด้วยเสียงเปิดและปิดประตูห้อง
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งตื่นจากความง่วง ยกมือข้างที่ไม่เจ็บลูบหัวตัวเองเบาๆ คำพูดสุดท้ายของไอ้ตังค์ก่อนมันกลับไปลอยเข้ามาในหัว
“จะมาพูดเพราะทำไมวะ แอบเล่นหัวกูอีกนะมึง” ผมพึมพำแต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เออ! แล้วผมจะยิ้มทำไมเนี่ย!
~~~~~ Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล ~~~~~
ความคิดเห็น