คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 : หมั่นไส้
“พี่ไปนะ”
“จะไม่กลับมาบ้างเลยเหรอ” ผมสูดน้ำมูกที่ไหลออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ผู้ชายตรงหน้าที่ผมหลงรักฉีกยิ้มอบอุ่น พร้อมกับเอานิ้วมือมาเกลี่ยน้ำตาที่แก้มผมเบาๆ
“เรียนจบแล้วจะมาหาเราคนแรกเลย”
“สัญญานะ” ผมยกนิ้วก้อยขึ้น คนตรงหน้าหัวเราะ ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม พร้อมกับกล่าวคำสัญญาที่ผมยึดมั่นฝังใจมาตลอด
“ครับ พี่สัญญา”
…
กริ๊งงงงง!!!...
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ผมสะดุ้งตื่น กระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับแสงแต่ของเหลวใสก็ไหลออกมาจากตาด้วย ผมเอามือลูบหน้าเบาๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา เอื้อมมือไปตบนาฬิกาปลุกให้หยุดส่งเสียงร้องน่ารำคาญ
…ฝันซะเหมือนจริง…
ผมเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบสมุดไดอารี่ออกมา ภาพที่เหน็บอยู่กับสมุดคือสิ่งที่ผมต้องการ
…ภาพถ่ายคู่กับ ‘เขา’ คนที่ผมรอมาตลอดห้าปี…
ผมเก็บภาพใบนั้นไว้ที่เดิม กระโดดขึ้นเตียงปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาให้หมด คำสัญญาที่ผมจำฝังใจมาตลอด ‘เขา’ คนที่ให้สัญญาจะจำมันได้มั้ยนะ ผมไม่ได้ติดต่อกับเขาเลยตั้งแต่จากกันครั้งสุดท้าย พูดให้ถูกเหมือนเขาจะขาดการติดต่อซะมากกว่า ผมส่งเมลล์ถึงเขาตลอดสองปี ทุกวันเว้นวัน แต่เมลล์ตอบกลับซักฉบับไม่เคยมี
…ก็แค่อเมริกา ห่างกันแค่สิบสองชั่วโมง นี้มันศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว จะติดต่อกลับมาหน่อยไม่ได้เหรอไง!...
คิดแล้วก็น้อยใจ คงมีแต่ผมละมั้งที่ยังจำสัญญาไร้สาระนี้อยู่ ผมเบื่อที่จะรอแล้ว ลืมมันไปตั้งแต่หลายปีที่แล้วที่ผมส่งอีเมลล์ไปฉบับสุดท้าย เกือบจะลบเรื่องนี้ไปจากหัวได้แล้วเชียว แต่ทำไมฝันถึงมันได้ก็ไม่รู้
…
“โฟม! โฟมๆๆ จะเจ็ดโมงครึ่งแล้ว เดี๋ยวสาย!” เสียงเคาะประตูห้องดังรัวกับเสียงปลุกของแม่ทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เหลือบตามองนาฬิกา เวรแล้วไง! เจ็ดโมงสิบนาทีแล้ว สายตั้งแต่เปิดเรียนวันแรกเลยกู ผมรีบเด้งตัวออกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ออกจากห้องน้ำเช็ดตัวให้แห้งทาครีมอย่างเร่งด่วน โบกแป้งเด็กชโลมทั่วทั้งตัวและใบหน้า เอาโรลออนถูๆรักแร้ สวมชุดกับกางเกงนักเรียนมรดกตกทอดของไอ้พี่ชายที่ห่างกันตั้งสี่ปี ไม่รู้แม่ผมซักดีหรือไอ้พี่ชายมันใส่ถนอม เสื้อกับกางเกงมรดกตกทอดของผมจึงยังดูใหม่เอี่ยมอ่อง ไม่ลืมที่จะแขม่วท้องเพื่อคาดเข็มขัด เอ๊ะ! ทำไมช่องรูเข็มขัดที่ใส่สั้นลง ผมอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ย ใช่แน่เลย ปิดเทอมเอาแต่กินกับนอน แต่งตัวเสร็จก็ส่องกระจกเช็คความหล่อ เอามือลูบหัวเกรียนๆที่ตัดแบบสกินเฮด ไม่หล่อจริงตัดไม่ขึ้นนะทรงนี้ สะพายเป้ที่ไม่มีอะไรอยู่ข้างในนอกจากกล่องดินสอกับสมุดสองเล่ม เปิดเรียนวันแรกไม่มีอะไรมากหรอก เช็คความหล่อเรียบร้อยก็วิ่งออกจากห้องลงไปในครัว หยิบห่อขนมปังฟาร์มเฮ้าที่ไว้กินเวลาสาย เปิดตู้เย็นคว้าโยเกิร์ตพร้อมดื่มขวดใหญ่ยัดลงเป้ไปอีก เป็นอันเรียบร้อย เดินปั้นหน้าหล่อๆ ยิ้มแฉ่งรับอรุณ เดินไปทำหน้าที่ลูกที่ดี
“สวัสดีครับพ่อ” หันไปไหว้พ่อที่นั่งจิบกาแฟพร้อมกับนั่งดูข่าวไปด้วย
“สวัสดีครับแม่” ทำความเคารพบุพการีก่อนออกจากบ้าน ก็แบมือขอปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีพ ธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบอันเป็นสิ่งดำรงชีพทั้งอาทิตย์วางแหมะลงบนมือ เป็นอันเสร็จพิธีออกจากบ้านได้ ผมวิ่งไปที่โรงจอดรถคว้าไอ้แก่ มอไซค์ฮอนด้าคลิกสีขาวมรดกตกทอดของไอ้พี่ชายอีกตามเคย
เอี๊ยดดดดด!!!...
ผมเบรกรถกะทันหัน กำลังจะพุ่งออกจากรั้วบ้านไอ้แคมรี่สีขาวไข่มุกดันขับตัดหน้า หนอยแน่ะ! เห็นคนขับในรถแวบๆใส่ชุดนักเรียน ใครว่ะ กล้าดียังไงขับรถตัดหน้า
“น้ายามๆ” ผมจอดรถข้างป้อมยามหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ผมเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ แต่ไอ้เพื่อนปากสุนัขมันดันบอกว่าผมพูดมาก กับน้ายามนี้ผมซี้กับแกครับ เวลาหนีแม่เที่ยวดึกๆ ก็ให้แกช่วยปิดตลอด
“ว่าไง สายแล้วนะ” มองนาฬิกาข้อมือ เฮ้ย! เจ็ดโมงครึ่งแล้ว! แต่เดี๋ยวบึ่งไปคงทันตอนนี้ขอเก็บข้อมูลก่อน
“ไอ้แคมรี่สีขาวที่ขับไปเมื่อกี้ใครอะน้า”
“อ๋อ รู้สึกชื่อตังค์มั้ง อยู่โรงเรียนเดียวกับโฟมนิเห็นใส่ชุดเหมือนกัน”
“มันอยู่หมู่บ้านนี้เหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้า”
“เพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่ออาทิตย์ก่อน บ้านท้ายหมู่บ้านติดทะเลสาบน่ะ”
“ไอ้บ้านหลังใหญ่ๆ ที่ขายไม่ออกนั้นน่ะนะ”
“อืมนั้นละ” ไอ้ยะ! ไอ้นี้รวยใช่เล่น ไอ้บ้านท้ายหมู่บ้านที่มันติดกับทะเลสาบจำลองมันเป็นบ้านที่ใหญ่และสวยที่สุด ที่ขายไม่ออกเพราะมันแพงมากไงครับ บ้านผมเนี่ยอยู่แถวๆด้านหน้าหมู่บ้านเลย
“ไปแล้วครับน้า สายแล้ว” กำลังจะออกรถแต่สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะในป้อมยาม
“น้า ขอมะขามป้อมถุงหนึ่งดิ”
“อะ เอาไป”
“ขอบคุณครับ” ไม่รู้ว่าบ้านน้ายามแกมีสวนมะขามป้อมรึไง แก่จะมีติดป้อมตลอด เพราะมันเป็นอะไรที่เปรี้ยวมากๆเลยละครับ แก้ง่วงได้อย่างดี ผมมาขอแกประจำ เมื่อคืนนั่งดูมิยาบิดึกไปหน่อยไปโรงเรียนคงง่วงแน่ๆ
และแล้วรถผมก็มาจอดที่ประตูโรงเรียนเวลาเจ็ดโมงห้าสิบ สายจนได้ เขาเข้าแถวกันแล้ว ก็ได้แต่ทำหน้าจ่อยๆอย่างสำนึกผิดเข็นรถมอไซค์เข้าประตูไปจอดในที่จอดรถ ออกมาก็เจอะกับคุณครูห้องปกครองที่ส่งสายตาพิฆาตมาให้ ครูคนนี้ผมก็ซี้นะขอบอก ผมเป็นประเภทโดนเรียกเข้าห้องปกครองบ่อย
“หวัดดีครับครู หน้าหงิกแต่เช้าเดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”
“ไปทางโน้นเลยนายรัฐ” อะไรเนี่ย ซี้หน่อยก็ปล่อยไปไม่ได้ ผมจำต้องเดินไปรวมกับเด็กที่มาสายคนอื่นๆ แต่… เฮ้ย! ทำไมไม่มีใครเลยวะ ปกติมันต้องมีคนมาสายบ้างดิ ไอ้ผมก็มาสายออกบ่อยแต่ไม่เคยมาสายเอาเปิดเรียนวันแรกแบบนี้ สงสัยคนจะฟิตจัดเปิดเรียนวันแรกมันต้องพากันรีบมาจองที่นั่งแน่นอน สรุปว่าผมก็ฉายเดี่ยวสิวันนี้ เอ๊ะนั่น! คุ้นๆ เฮ้ย! ไอ้แคมรี่ที่ขับรถตัดหน้านี่หว่า มีเพื่อนแล้วกู
“ตังค์ ให้เพื่อนลงชื่อแล้วลงโทษหนึ่งใบ ยืนคุมให้กินให้หมดแล้วค่อยปล่อยไปเข้าแถว” อ๊ะ! มันไม่ได้ถูกลงโทษหรอกเหรอ ทำไมอาจารย์เอากระดาษลงชื่อมาสายให้มัน แล้วยังอาวุธพิฆาต ฟ้าทะลายโจรเป็นก้านเลยยื่นให้มันอีก
“มองอะไรนายรัฐ ถ้าจะหาเพื่อนมาสายละไม่มี ตังค์เขาเป็นประธานนักเรียนคนใหม่ ตังค์คุมเพื่อนดีๆละ นายรัฐน่ะเจ้าเล่ห์ อย่าได้หลงกลเชียว ครูจะไปตรวจแถวหลังตึกนะ”
“โห่ ครู ไรอะวันแรกก็หยวนๆหน่อยเหอะ” ไม่ยอมครับ ไม่ยอม! ไอ้แคมรี่ทำไมมันไม่ถูกจับอะ มันก็ออกมาพร้อมๆกับผมละวะ ใช้เส้นประธานนักเรียนละสิมึง
“เพิ่มอีกสองใบ ไปละ” อะไรเนี่ย! เปิดเรียนมาก็ประเดิมฟ้าทะลายโจรสามใบเลยเหรอ แหวะ!
“อะ” มันยื่นกระดาษให้ผมลงชื่อ เงยหน้ามองนิดหนึ่ง จะได้จำใบหน้าล้างแค้นได้ถูก ผิวสีแทน จมูกเป็นสัน ใบหน้าได้รูป ปากบางเป็นกระจับ คิ้วโคตรเค็ม ขนตายาวได้อีก มันก็สูงพอๆกับผมละนะ แต่แม่งโคตรล่ำเลย หน้าตาโดยรวมก็งั้นๆ ผมหล่อกว่าเยอะ
“ไม่กินไม่ได้เหรอวะ ครูไม่รู้หรอก”
“ไม่ได้ครับ ทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ” ชิส์ หมั่นไส้ ทำมาเป็นพูดเพราะ หน้าตาแบบนี้พวกเด็กกิ๊ฟเต็ดชัวร์ๆ
“ทำไมมึงไม่โดนจับ มึงก็ออกมาพร้อมๆกับกู” กูจำมึงได้นะ ชื่อตังค์แบบที่น้ายามบอกด้วย ใช้มันแน่ๆ มันทำท่านึกก่อนจะยิ้มออกมา
“อ๋อ ที่ขับคลิกสีขาวใช่มั้ย ที่เกือบจะชนรถเราน่ะ”
“มึงนั้นละขับรถไม่ดู!”
“อืมๆ ขอโทษก็ได้ รีบๆกินเถอะ” ดูมันทำหน้า อยากจะเอาเบรกเกอร์เบอร์สี่สิบยันหน้ามันจริงเลย ไม่ได้จะรู้สึกสำนึกผิดจริงๆอย่างที่มันพูดเล้ย ผมขี้เกียจจะเสวนาพาทีกับมันเลยกลั้นใจเด็ดฟ้าทะลายโจรมาสามใบ เลือกใบที่เล็กที่สุด แต่…
“อะนี้ เราเด็ดให้” ไอ้เชี่ย! ใบโคตรใหญ่ ฮึ่ย! ได้แต่ฝากสายตาอาฆาตแค้น โวยวายไปเดี๋ยวโดนครูลงโทษอีก กลั้นใจค่อยๆเอาฟ้าทะลายโจรนรกเข้าปาก เคี้ยวๆ แหวะ แค่แตะลิ้นก็ขมขื่นไปถึงขั้วหัวใจ สีหน้าผมคงทุเรศมาก ขมจนน้ำตาไหลเลยละครับ ไอ้แคมรี่หน้าหมั่นไส้ก็ยืนขำ โรคจิตเหรอไงมึงเห็นคนอื่นทรมานแล้วมีความสุข
“หมดแล้ว” ผมอ้าปากให้มันสำรวจ ถ้าคิดจะซ้อนไว้ใต้ลิ้นแนะนำว่าให้รีบๆกลืนมันลงคอไปจะดีกว่า เพราะมันขมมาก!
“ไปเข้าแถวเถอะ” มันตรวจเสร็จก็สะพายเป้แล้วเดินไปเข้าแถวพร้อมกันกับผม
“อะ จะได้หายขม” มันยื่นหมากฝรั่งให้ แต่อย่าหวังว่าผมจะเอา ผมหยิบมะขามป้อมขึ้นมากัด เปรี้ยวสัดๆ หน้าเบ้เลยผม ได้ยินเสียงไอ้คนข้างๆหัวเราะ หมากฝรั่งคงจะดีกว่าจริงๆ มันขมติดปากเลยนะครับดื่มน้ำล้างปากก็ไม่หาย ผมเลยจำใจหยิบหมากฝรั่งมันมาเคี้ยว
“ชื่ออะไรเหรอ” หึ! ไม่สน ผมไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอกมัน
“เราชื่อตังค์” มันยังคงพล่ามต่อไป ผมก็เชิดหน้าเป่าหมากฝรั่งแตกดัง เป๊าะ!
“โฟมอยู่ทับอะไร” เฮ้ย! รู้จักชื่อกูได้ไงวะ แล้วก่อนหน้านี้จะถามทำเพื่อ ผมคงทำหน้าเอ๋อแดกมากไป มันเลยรีบอธิบายให้กระจ่าง
“เราถามน้ายามว่าในหมู่บ้านมีใครเรียนที่นี้ไหม” โหย น้ายามอะ อย่าได้ไปซี้กับมันเชียวนะ เดี๋ยวมะขามป้อมจะไม่พอให้ผมกิน
“ทับห้า” อ้าว! แล้วไปตอบมันทำไมวะกู
“ห้องเดียวกับไอ้แก๊บนิ”
“รู้จักไอ้แก๊บด้วยเหรอ” ซี้ผมเลยนะนั้น
“เพื่อนสนิทตอนประถม เราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” มันแยกตัวเดินออกไปทางอื่น หึ! อย่าเจอกันอีกเลย ผมรู้สึกไม่ชอบหน้ามันสุดๆ
“มาสายเหรอมึง” ไอ้แก๊บมันถาม ผมคายหมากฝรั่งทิ้ง หยิบมะขามป้อมขึ้นมาแทะ ทำไมวันนี้เข้าแถวนานจังวะ อ้อ เจ๊มารูโกะ ผมหมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียนผมน่ะครับ ตัวเล็กๆ อวบๆ ขาวๆ ตัดผมสั้นเหมือนมารูโกะ นักเรียนเลยเรียกแกแบบนั้น เจ๊มารูโกะแกก็มาให้โอวาทต้อนรับเปิดเทอม แหมนะ เวทีน่ะมันร่ม แต่นักเรียนนี้นั่งตากแดด ว่าแล้วก็คว้าซันบล็อกที่ติดกระเป๋าไว้มาทาซะหน่อย เดี๋ยวผิวไหม้ ไม่ได้หรอกครับหมดหล่อกันพอดี
“สำอางนะมึง ขาวอยู่แล้วยังจะทาอีก” ไอ้แก๊บมันด่าก่อนจะแย่งไปทาบ้าง ขาวก็จริงแต่ถ้าผิวไหม้นี้แสบนะจะบอก
กรี้ดดดดด!!!... อะไรๆๆๆ กรี้ดกันทำไม เอสเจมาโรงเรียนเหรอ ผมละจากการทาครีมกันแดดและการแทะมะขามป้อมหันไปมองทางเวทีหน้าเสาธง หาที่มาของเสียงกรี้ดที่จู่ๆ ชะนี เก้ง กวาง ทั้งโรงเรียนช่วยกันแผดเสียงออกมา นั้นมัน! ไอ้เชี่ยแคมรี่! มันยื่นเด่นอยู่กลางเวทีในมือมีช่อดอกไม้ มันพูดอะไรก็ไม่รู้เหมือนจะแนะนำตัวเพราะเสียงกรี้ดนี้อื้อไปหมด เจ๊มารูโกะนี้ยิ้มหน้าบานเลย การได้เด็กกิ๊ฟเต็ดเป็นประธานมันเป็นอะไรที่โรงเรียนต้องการมากเลยละครับ
“ล็อคปะวะมึง เลือกตั้งน่ะ” อดจะสงสัยไม่ได้ ปกติเด็กห้องเก่งมันไม่ลงเลือกตั้งหรอกครับ พวกนี้ไม่ค่อยร่วมกิจกรรมเพราะเสียเวลาเรียนมัน และแน่นอนมักจะถูกคนหมั่นไส้
“ไม่ล็อคหรอกมึง ไอ้ตังค์คนชอบเยอะ ทั้งเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง หล่อระเบิด รวยอีกต่างหาก” ไอ้แก๊บอธิบาย
“ไม่ได้เรื่อง เสียประชาธิปไตยหมด เลือกเอาหน้าตา” หมั่นไส้ครับพูดตามตรง
“มึงก็เลือกมันนิ”
“หา! กูเนี่ยนะ อย่าบอกนะว่ามันเบอร์สี่” ไอ้แก๊บพยักหน้า
นึกถึงตอนเลือกตั้งประธานนักเรียนครั้งที่ผ่านมา ผมไม่ได้สนใจการหาเสียงอะไรเลย ไม่ได้สนใจว่าใครลงสมัครบ้าง แต่ก็ยังมีความเป็นประชาธิปไตยพอที่จะมาใช้สิทธิ ตอนต่อแถวเข้าคูหาเผอิญผมปวดฉี่พอดี พอได้บัตรเดินเข้าคูหาก็เลยตัดสินใจกาเบอร์สี่เพราะว่าผมปวดฉี่ เสียงมันคล้องกันไงครับ นี้เพราะกูปวดฉี่หรอกนะถึงได้หน้ามืดเลือกมึงไอ้แคมรี่!
กว่าจะเข้าแถวเสร็จเหงื่อนี้ท่วม ไม่รู้ไอ้แคมรี่มันจะพูดอะไรมากมาย ดีที่มีมะขามป้อมให้นั่งแทะเล่นแก้เบื่อ ไอ้พวกเพื่อนผมมันก็มาแจมด้วยจนหมดถุงนั้นละครับ แต่กินนี้ต้องคอยหลบครูด้วยนะเออ
“ไอ้คุณโฟมครับ ได้ข่าวเลิกกับพี่กุ้งแล้วเหรอมึง” พอเข้าห้องครูยังไม่มาก็เริ่มจับกลุ่มกันแล้วครับ ไอ้โมเพื่อนซี้ผมอีกคนมันเริ่มเปิดประเด็น
“เออ ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน แค่กูไม่แตะเนื้อต้องตัวนี้ทำไมต้องงอนด้วยวะ หาว่ากูรังเกียจเลยบอกเลิกซะงั้น” เรื่องผู้หญิงนี้ผมก็คบมาเยอะนะครับ แต่คบไม่เคยได้นานซักคนอย่างมากก็แค่สองเดือน ผมอาจจะทำหน้าที่แฟนได้ไม่ดีมั้ง ผมไม่ชอบตามเทคแคร์คนหรอกนะมันน่ารำคาญ และผู้หญิงที่ผมคบแต่ละคนก็มาจีบผมก่อนด้วย และก็บอกเลิกผมก่อนเช่นกัน เห็นผมแบบนี้ ผมไม่เคยล่วงเกินแฟนผมซักคน อย่างมากก็แค่กอด เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง ถึงจะเต็มใจก็เถอะ แต่ผมว่ามันก็ไม่ควร หัวโบราณเหมือนกันนะผม
“ครับๆ ไอ้คุณพระอิฐพระปูน ยั่วขนาดนั้นยังทนได้” ไอ้แก๊บมันเสริม
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะมึง” ผมรีบตัดบท เบื่อที่จะถูกพวกมันรุม
“ไอ้แก๊บ มึงเป็นเพื่อนเก่าไอ้ประธานนักเรียนเหรอ” ผมถามไอ้แก๊บ มันพยักหน้า
“มันย้ายบ้านไปอยู่หมูบ้านเดียวกับมึงแล้วนิ”
“อืม แม่งขับรถปาดหน้ากูเมื่อเช้า โคตรหมั่นไส้”
“ได้ข่าวว่าแฟนสวยนะมึงไอ้ตังค์น่ะ” ไอ้โมมันพูด ผมนี้สนใจขึ้นมาทันที
“ใครวะ” อยากรู้จริงๆนะ
“ก็พี่ตาลมอหกไง เด็กศิลป์ญี่ปุ่นน่ะ น่ารักคาวาอิมากเลยมึง”
“พี่น้ำตาลน่ะนะ” ไอ้โมกับไอ้แก๊บพยักหน้า อะไรวะ พี่คนนี้ผมอุตส่าห์แอบมองตั้งนาน พี่เขาน่ารักสุดๆ สวยสะดุดตามากๆ ผมชอบแอบมองอยู่บ่อยๆ แต่ไอ้แคมรี่มันสอยไปแล้วอะ หมั่นไส้มันขึ้นมาอีกสามเท่า
“ก็เหมาะกันดีนะมึง ไอ้ตังค์ก็หล่อพี่น้ำตาลก็น่ารัก ปั่มปั๊มกันลูกออกมาคงหน้าตาดี”
“พอๆ มึงก็พูดไปนั้น ไอ้ตังค์หล่อตรงไหนวะ งั้นๆ”
“อิจฉาเขาละสิมึง กูรู้หรอกมึงเล็งๆพี่น้ำตาลอยู่” ไอ้แก๊บมึงจี้ใจดำกูมาก!
สี่โมงครึ่งได้เวลากลับบ้านแล้วครับ แต่ว่าผมติดภารกิจต้องเข้าชมรม คิดว่า หล่อๆ เท่ๆ อย่างผมจะเรียนชมรมอะไร บาสงั้นเหรอ ตัดพวกชมรมกีฬาไปได้เลย ลืมแล้วเหรอไงผมกลัวผิวไหม้ ชมรมดนตรี โห่ ไล่ โด เร มี ฟา ซอล ถูกก็บุญแล้ว ถ้าพูดถึงชมรมพวกวิชาการนี้ตัดไปเลย คาบเรียนปกติก็เรียนไอ้วิชาพวกนี้จนสมองบวมอยู่แล้วยังจะคิดเข้าชมรมให้มันเพิ่มความเครียดอีกทำไม อย่างผมนี้เลย ชมรมวารสาร!
ผมเดินเข้าห้องชมรมตามที่พี่กิ๊กประธานชมรมโทรนัดมา พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นแต่ละคนประจำอยู่หน้าคอม อะไรจะงานเข้าตั้งแต่เปิดเรียนวันแรกเลยเหรอ
“โฟม มานี้ๆ” พี่กิ๊กกวักมือเรียกผมให้ไปหา หน้าที่ชมรมวารสารหลักๆคือต้องทำวารสารออกให้โรงเรียนเดือนละฉบับ หน้าที่ของผมในชมรมก็เป็นพวกลุยภาคสนาม เพราะส่วนมากชมรมนี้เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ และงานอื่นในชมรมอย่างเรียบเรียงวารสาร ทำโฟโต้ชอป ออกแบบปก อะไรเทือกนี้ผมก็ทำไม่เป็น เพราะงั้นงานภาคสนามหาข่าวนี้ละที่เหมาะกับผมที่สุด
“เปิดเรียนวันแรกก็มีงานแล้วเหรอพี่” พี่กิ๊กรวมรวบกระดาษสามสี่แผ่นแล้วเย็บติดกันก่อนจะยื่นให้ผม มันเป็นสคริปสัมภาษณ์ที่ผมต้องไปสัมภาษณ์คนที่ทางชมรมเลือกประจำเดือน
“ก็ต้องรีบทำ อะไรทำได้ก็ทำไปก่อนเดี๋ยวมันจะไม่ทัน” ผมรับบทสัมภาษณ์มาดู หลายข้อเหมือนกันนะเนี่ย
“สัมภาษณ์ใครอะพี่”
“น้องตังค์ ประธานนักเรียนคนล่าสุด”
“หา!”
“ทำไมเหรอ”
“เปล่าครับ” ต้องไปสัมภาษณ์ไอ้ตังค์เหรอเนี่ย การสัมภาษณ์พี่กิ๊กบังคับเลยครับว่าต้องสัมภาษณ์สด ถ้าให้คำถามเขาไปเขียนตอบมามันดูไม่เป็นธรรมชาติ จะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่เราจะสัมภาษณ์ นี้แหละถึงเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้อ่านสนใจ ผมก็ได้แต่น้อมรับคำบัญชา ไม่ได้จะเข้าใจศาสตร์ของวารสารแบบพี่กิ๊กเขาหรอก
“เอาวันไหนละครับ” ถ้าไม่ด่วนมากจะได้ดองไว้ก่อน หนึ่งวันก่อนส่งค่อยไปสัมภาษณ์
“จะให้ดีก็พรุ่งนี้ อย่างช้าก็มะรืน”
“เฮ้ยพี่! รีบจัง”
“พี่จะได้รีบคัดกรองไง ด่วนๆนะ รีบไปห้องสภานักเรียนสิ ได้ข่าวว่ามีประชุม น้องตังค์คงยังไม่กลับ” โว้ย! อะไรเนี่ย! ยิ่งหมั่นไส้มันอยู่ ต้องไปนั่งสัมภาษณ์มันอีก เวลาสัมภาษณ์นี้ต้องอัดวิดีโอไปให้พวกฝ่ายจัดพิมพ์และเรียบเรียงหรือคอลัมนิสต์นั้นละครับเรียบเรียงคำพูด เพราะงั้นผมจำเป็นต้องสุภาพเวลาทำการสัมภาษณ์ คิดแล้วก็เซ็ง ผมต้องไปพูดเพราะๆกับมันเหรอเนี่ย ผมเตรียมอุปกรณ์เพื่อจะไปสัมภาษณ์ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่กระดาษสคริปกับกล้องวิดีโอเท่านั้น ผมเดินลงไปที่ชั้นล่าง ห้องสภานักเรียนอยู่ตึกเดียวกับห้องของชมรมวารสาร ชั้นล่างของตึกนี้แค่ห้องสภานักเรียนก็กินไปเกือบครึ่ง ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย พวกสถานักเรียนจะไม่สังกัดอยู่ชมรมใดทั้งสิ้น เพราะมันสังกัดอยู่ในสภากันแล้วไง ผมเคาะห้องพอเป็นมารยาทก่อนจะผลักประตูเข้าไป อ้าว! คนหายไปไหนหมดวะ ได้ยินเสียงแว่วๆมาจากอีกห้องที่มีประตูเชื่อมต่อกับห้องที่ผมเข้ามา มันคือห้องประชุมของสภานั้นเอง
“ไอ้โฟม มาทำอะไร” ไอ้เปรมเพื่อนเก่าสมัยมอต้นผลักประตูออกมาจากห้องประชุม
“เปรม มึงเป็นเลขาใช่ไหม” ที่รู้เพราะผมมองแผนผังสถานักเรียนที่ติดเด่นหราตรงผนังห้อง
“ฝากให้ประธานนักเรียนหน่อยนะ บอกกูขอรบกวนเวลาไม่นาน” ผมยื่นจดหมายขอสัมภาษณ์ที่ชมรมออกให้ ฝากไอ้เปรมเอาไปให้ไอ้ท่านประธานนักเรียน
“อ้อ จะสัมภาษณ์ไอ้ตังค์เหรอ เดี๋ยวกูเอาไปให้ มึงนั่งรอก่อนนะ เลิกประชุมห้าโมงครึ่ง” มันเดินไปหยิบเอกสารที่โต๊ะแล้วก็กลับเข้าไปในห้องประชุม มันจะประชุมอะไรกันตั้งแต่เปิดเรียนวะ ต้องรออีกตั้งเกือบชั่วโมง ผมหย่อยก้นนั่งลงบนโซฟา หยิบโทรศัพท์เสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงรอ แอร์เย็นๆกระทบเบาๆที่ใบหน้า แสงไฟสลัวๆที่เปิดไว้หลอดเดียวมันทำให้ความง่วงแทรกซึมเข้ามา ของีบฆ่าเวลาหน่อยแล้วกัน
~~~~~ Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล ~~~~~
ความคิดเห็น