คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 : อบอุ่น
“ไอ้แก๊บ เช็ดกระดานยังไงวะ คราบหมึกยังไม่หมดเลยนั้นน่ะ”
“ไอ้โม พื้นน่ะกวาดให้มันสะอาดๆหน่อยดิ๊ เห็นมั้ยใต้ตีนกูเนี่ยฝุ่นยังเต็มอยู่เลย” ผมยกเท้าให้ไอ้โมกับไอ้แก๊บที่หันมามองผมด้วยสายตาที่พร้อมจะฉีกกระชากร่างผมทิ้งเป็นชิ้นๆ เผอิญวันนี้เวรกลุ่มผมครับ แล้วเผอิญว่าผมกำลังเดี้ยง ออมหัวหน้าเวรเลยอนุญาตให้ผมนั่งอยู่เฉยๆได้ ปากมันว่างๆครับ เลยต้องพูด ให้ปากได้ออกกำลังกายบ้าง
“โฟมกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเราเช็คชื่อให้” ออมครับ เพื่อนผู้หญิงในห้องผมเอง เพิ่งเดินเข้ามาหลังจากที่เอาขยะลงไปเท
“ได้ไง ถึงเราช่วยไม่ได้ก็อยู่เป็นกำลังใจได้นะ” มันต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงครับ ฮ่าๆๆๆ ออมก็น่ารักนะครับ เอ๋ ผมจะลองจีบดูดีมั้ยนะ ไม่เอาดีกว่าเดียวพอเลิกกันแล้วมองหน้าไม่ติด ผมไม่เคยคิดว่าจะคบใครได้นานเกินสามเดือนหรอกครับ
“ถุย!” ไอ้สองตัวเพื่อนผมมันอุทานออกมาพร้อมกัน
“ฮ่าๆ โฟมนี้ปากหวานเนอะ “ ออมหัวเราะ แล้วเดินไปล้างมือที่อ่างล้างมือข้างห้อง
ครืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ… โทรศัพท์ผมสั่นดุ๊กดิ๊กอยู่ในกระเป๋ากางเกง
“หวีดดีพี่กิ๊ก” ผมกรอกเสียงลงไป พี่กิ๊กหัวหน้าชมรมที่ผมอยู่โทรมาครับ ซวยแล้ว! ลืมเรื่องสัมภาษณ์ไอ้ตังค์ไปเลย แล้วมันก็ไม่รู้จักเตือนผม
‘ไอ้โฟม สัมภาษณ์น้องตังค์ยัง’ นั้นไงว่าแล้วเชียวต้องมาทวงเรื่องนี้ แหมๆ อะไรกัน ที่เรียกผมละมีไอ้นำหน้า ที่กับไอ้ประธานนักเรียนนั้นเรียกซะเพราะ
“อ้อ ไอ้ตังค์มันยังไม่ว่างพี่กิ๊ก มันบอกงานยุ่งม๊ากมาก แต่ภายในอาทิตย์นี้น่าจะได้” ผิดศีลอีกแล้วกู ไม่เป็นไรเพื่อความปลอดภัยของแก้วหูที่ต้องทนฟังพี่กิ๊กบ่น เอาไอ้ตังค์มาอ้างนี้ละ
‘เออๆ ให้ว่องแล้วกัน ถ้าน้องตังค์ไม่ว่างก็รอก่อนก็ได้’ แล้วพี่แกก็ว่างสายไป ฮึ่ย! ไอ้ตังค์นี้แม่งวิเศษอะไรมาจากไหนว่ะ คนนี้คลั่งไคล้มันจัง
“โฟม มึงทำเวรเสร็จยัง” ไอ้แบงค์มันโผล่หน้ามาจากประตู เออใช่ นัดจะให้มันติวภาษาอังกฤษให้เย็นนี้นี้หว่า เกือบลืมไปแหนะ ผมหันไปมองออมเป็นการขออนุญาต ออมพยักหน้ายิ้มให้ เลยรีบคว้ากระเป๋าเตรียมออกจากห้อง แต่ไอ้เพื่อนรักสองตัวที่ตอนนี้ผมอยากเรียกมันว่าเพื่อนชั่ว ก็คอยเห่าเป็นเพลงสดุดีให้เกียรติผมตอนที่จะออกจากห้อง
“ตอนเช้าอีกคนมาส่ง พอตกเย็นอีกคนมารับ” ไอ้โมมันเริ่มก่อน เรื่องที่ไอ้ตังค์เดินมาส่งผมเมื่อเช้าเผอิญมีเพื่อนในห้องเห็นเลยเข้ามาถาม ไอ้สองตัวเพื่อนผมมันเลยรู้ครับ
“ระวังเถอะเดี๋ยวใครเขาจะหาว่าเป็นนางวันทองสองใจ” ไอ้แก๊บรีบเห่าต่อทันที ไอ้พวกเวรนี้ สามัคคีกันด่ากูปานคู่ผัวตัวเมียเลยนะมึง ผมหันไปยกนิ้วไม่สุภาพใส่พวกมันไปคนละที ออมอยู่ด้วยครับเลยไม่อยากพ่นคำด่าต่อหน้าผู้หญิงให้เสียภาพพจน์
“ไปห้องสมุดดีกว่ามีแอร์จะได้ไม่ร้อน” ไอ้แบงค์มันบอกสถานที่ ผมก็พยักหน้าเออออ ห้องสมุดนี้ผมก็ไปบ่อยนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะไปนอนเล่นมากกว่า แอบดูคนเขาจู๋จี้กันตามมุมมืดๆไปด้วย พอถึงห้องสมุดก็หาที่นั่งครับ เลือกเอาที่เงียบๆห่างไกลผู้คนจะได้เป็นส่วนตัว เริ่มติวไปได้ซักพักผมก็เริ่มง่วง
“ตรงนี้เข้าใจมั้ย โฟมๆ” ไอ้แบงค์เขย่าตัวผม ผมปรือตามอง อ้าปากหาววอด ง่วงมากครับไม่ไหวแล้ว สงสัยฤทธิ์ยาแก้ปวดกับยาอะไรไม่รู้อีกมากมายที่กินจะออกฤทธิ์ให้ร่างกายรู้สึกเพลียจะได้พักผ่อน
“ง่วงเหรอ” มันถาม ผมพยักหน้าแล้วฟุบหน้าลงกับแขน
“งั้นวันนี้พอก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ”
“เฮ้ย รบกวนมึงปะวะ ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ก็ได้เยอะแล้วเดี๋ยวที่เหลือกูอ่านเอง” ไม่อยากรบกวนมันน่ะครับ ผมเกรงใจจริงๆนะ มันอุตส่าห์เสียเวลาส่วนตัวมาติวให้
“ไม่รบกวนหรอกเรื่องแค่นี้เอง กูก็จะได้ทวนไปพร้อมๆกับมึงด้วยไง แต่ถ้ามึงจะอ่านที่เหลือเองก็แล้วแต่ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามกูได้” ผมฉีกยิ้มงามๆเป็นการขอบคุณในน้ำใจของมัน
“เออ ว่าแต่มึงสนิทกับไอ้ตังค์เหรอ เห็นเขาว่ามันมาส่งมึงที่ห้องเมื่อเช้า” เขาไหนมันว่าว่ะ แล้วกะอีแค่ไอ้ตังค์มาส่งที่ห้องนี้ทำไมคนจะอยากรู้กันจัง
“อ้อ กูกับมันอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เลยมาโรงเรียนด้วยกัน มันเห็นว่ากูเดี้ยงเลยช่วยพยุงขึ้นมาส่ง ก็ห้องมันก็อยู่ตึกเดียวชั้นเดียวกับเรานิ ไม่เห็นจะแปลก” ผมอธิบาย
“อืม ไม่แปลกจริงๆนั้นละ ไอ้ตังค์มันก็เป็นคนมีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไร” ไอ้แบงค์บอก
“แสดงว่ามึงก็รู้จักกับไอ้ตังค์ดิ”
“อืม เคยเรียนกับมันตอนประถม กูเป็นหัวหน้าห้องก็ต้องเจอมันบ่อยๆด้วย ตอนประชุมสายชั้น”
“ กูว่าก็นิสัยดีอยู่หรอก แต่แม่งน่าหมั่นไส้ว่ะ คนชอบมันเยอะเกิน”
“ฮ่าๆ ก็ทั้งหล่อทั้งเก่งขนาดนั้น มันก็ต้องมีคนชอบเยอะเป็นธรรมดา ได้ข่าวว่าแฟนมันก็สวยนิ”
“อืม พี่น้ำตาลมอหกไง สวยจริงนะมึง เสียดายถูกไอ้ตังค์งาบไปก่อน กูว่ามึงก็หล่อสู้ไอ้ตังค์มันได้นะ ทำไมไม่ลงสมัครเลือกตั้งแข่งกับมันว่ะ กูนะจะช่วยมึงหาเสียงเลย” อารมณ์หมั่นไส้ไอ้ตังค์ไม่ได้จะลดลงเลยครับ ยอมรับว่าผมไม่รู้สึกเกลียดขี้หน้ามันเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เวลาเห็นใครชมมันคลั่งไคล้มันแล้วอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
“หืม มึงเชียร์กูจริงอะ งานสภาแม่งหนักกูไม่อยากทำหรอก แต่ก็ดีใจนะที่มึงบอกจะอยู่ข้างกู” ไอ้แบงค์ยิ้ม ดูหน้ามันรื่นเริงผิดปกติ
“เออ แบงค์ มึงจะว่ากูเสือกก็ได้นะ แต่ขอถามหน่อยเหอะ มึงมีแฟนยังวะ กูเห็นทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่หรือว่ารุ่นเดียวกันก็ชอบมึงเยอะเหมือนกันนี้หว่า” เพื่อนในห้องคนไหนมีแฟนผมก็พอจะรู้ๆบ้างละครับ แต่ไอ้แบงค์เนี่ยผมไม่ยักจะเคยได้ยินว่ามันกุกมันกิ๊กอะไรกับใคร คนมาชอบมันก็ออกจะเยอะ หรือมีแล้วปิดเงียบก็ไม่รู้
“ก็กำลังจีบๆอยู่ แต่ไม่จะรู้ติดรึเปล่า เหมือนเขาจะไม่รู้ตัว” ไอ้แบงค์ตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ หน้ามันแดงๆอมชมพูนิดๆ ผมว่าผมขาวแล้วนะไอ้แบงค์มันยังขาวใสกว่าผมอีก
“ใครวะบอกได้ปะ” สัญชาตญาณนักข่าวภาคสนามเริ่มออกมาแล้วครับ ไอ้แบงค์มันยิ้มๆก่อนจะตอบ
“ไว้จีบติดเมื่อไหร่จะบอก”
“หน้าตาอย่างมึงน่ะติดอยู่แล้ว ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบ” มันหล่อจริงครับผมยอมรับ หน้ามันตี๋ แต่ตาไม่ตี่จนเหมือนกับเส้นขีดอย่างไอ้โมตี๋เล็กลูกเฮียเหมาเจ้าของร้านโจ๊ก ไอ้นั้นเวลายิ้มทีลูกตานี้หายมิด
“แล้วถ้าผู้ชายละ”
“ฮะ!” ไอ้แบงค์เอามือจุ๊ปากให้ผมเบาๆ ลืมไปว่านี้เป็นห้องสมุด
“นี้มึง...”
“กูถามเล่นๆ มึงอย่าคิดมาก หรือถ้ากูชอบผู้ชายแล้วมึงจะรังเกียจกูเหรอ” ผมส่ายหน้าหวือ เรื่องแบบนี้ผมไม่ถือหรอก ตามจริงผมก็เคยชอบผู้ชายคนหนึ่งมากๆนิ พูดให้ถูกตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกดีๆกับคนในอดีตคนนั้นอยู่ แต่มันก็เริ่มเบาบางลงไปตามกาลเวลา
“กูไม่ว่าอะไรหรอก มึงจะชอบใครผู้หญิงหรือผู้ชายก็สิทธิของมึง แค่มึงทำดีกับกูก็ถือว่ามึงเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับกูแล้ว” ผมเอามือตบบ่ามันเบาๆ
“ห้องสมุดจะปิดแล้วกลับกันเถอะ เออ มึงบอกว่ามาโรงเรียนกับไอ้ตังค์แล้วมึงกลับบ้านไง”
“ซวยแล้วไง ลืมบอกมันเลยว่ากูจะกลับช้า ไม่ใช่มันหนีกลับบ้านไปก่อนแล้วเหรอวะ” ลืมไปเลยว่าไม่ได้ขับไอ้แก่มาโรงเรียน ไอ้ตังค์มันจะรอผมมั้ยเนี่ย ให้ไปเบียดคนบนรถโดยสารสภาพเดี้ยงๆแบบนี้ไม่ไหวนะ ผมรีบเก็บของแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปยังห้องสภานักเรียน ซึ่งความเร็วมันยังช้ากว่าตอนที่ร่างกายปกติผมเดินซะอีก
“เดี๋ยวกูเดินไปส่ง ถ้าตังค์มันกลับแล้ว กูไปส่งมึงเอง” ผมพยักหน้ารับความช่วยเหลือ เดินไปคนเดียวก็กว่าจะถึงจริงนั้นละครับซ้ำยังเจ็บแผลอีกด้วย มีคนคอยพยุงค่อยหายเจ็บหน่อย
“เดี๋ยวๆ พักก่อน กูเจ็บขาว่ะ” ผมเกาะไหล่ไอ้แบงค์ไว้ รู้สึกแผลที่ขามันเจ็บตึงๆ ย้ำเท้าแต่ละทีนี้ปวดจี๊ดเลย
“ไหวป่าวมึง” ไอ้แบงค์ถามอย่างเป็นห่วง ค่อยๆประคองผมไปนั่งตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนแถวนั้น
“โทรหามันไม่ง่ายกว่าเหรอ” ไอ้แบงค์บอก ก็อยากโทรนะครับแต่ว่า..
“โทรศัพท์กูไม่มีตังค์” มันหัวเราะ แล้วยื่นโทรศัพท์มันให้ ผมรับมาบอกขอบคุณมัน แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของไอ้ตังค์ตามที่บันทึกไว้ในเครื่องผม
‘สวัสดีครับ’ เสียงนุ่มๆทุ้มๆเป็นเอกลักษณ์ของคนปลายสายตอบกลับมาหลังจากที่ผมรอสัญญาณไม่นาน
“ไอ้ตังค์กูเอง” ผมตอบกลับไปก่อนจะนึกได้ว่าไอ้ ‘กูเอง’ ที่ผมบอก มันจะรู้มั้ยว่าเป็นผม ผมใช้เบอร์ไอ้แบงค์โทรไปนี้หว่า กำลังจะบอกว่าผมเป็นใครมันก็ตอบกลับมาซะก่อน
‘โฟมเหรอ มึงอยู่ไหนเนี่ยกูรอตั้งนาน’ อ้าว รู้ด้วยว่าเป็นผม มันคงจำเสียงได้
“โทษว่ะลืมบอก อยู่ม้านั่งหน้าห้องสมุด”
‘เออ รอนั้นละเดี๋ยวกูไปหากูก็เพิ่งเคลียร์เอกสารเสร็จ ไม่ต้องเสือกเดินมานะมึงยิ่งเดี้ยงๆอยู่ หัดเจียมสังขารมั้ง’ นี้มันเพื่อนหรือพ่อวะ แม่งมาเป็นชุด
“ถ้ากูจะกระเสือกกระสนไปหามึงก็คงไม่โทรไปหาหรอก รีบมาเร็วๆกูอยากกลับบ้าน หิวข้าวแล้ว” บ่นใส่มันบ้างแล้วก็กดตัดสายทิ้ง
“ซี้ด..อูย..ปวดโคตรเลยว่ะ” ผมเอาปากเป่าขาตัวเองเบาๆเผื่อมันจะหายเจ็บ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยครับ
“ปวดมากเหรอ” ไอ้แบงค์ถาม ก้มลงดูแผลผมที่พ่อผมเอาผ้าบางๆพันกันฝุ่นไว้ให้
“อืม สงสัยเดินมากไป แต่อีกไม่กี่วันคงหาย”
“โฟม!” ไอ้ตังค์มันตะโกนเรียกชื่อผม มาโคตรเร็วสงสัยวิ่งมา เห็นมันยืนหอบนิดหน่อยก่อนจะเดินตรงมาทางที่ผมนั่งอยู่
“อยู่กับไอ้แบงค์เหรอ” มันหันมายิ้มให้ไอ้แบงค์
“พอดีกูมาติวภาษาอังกฤษให้ไอ้โฟม เลยช่วยพยุงมันไปหามึง แต่มันเจ็บขาก่อนเลยไปไม่ไหว” ไอ้แบงค์ตอบแทนผมเสร็จสับ ดีมากเพื่อน ผมเจ็บขาจนไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว
“เจ็บมากปะมึงเดินได้มั้ยเนี่ย” ไอ้ตังค์ค่อยๆพยุงผมให้ลองลุกขึ้นยืน
“โอ้ย! แปปๆ เจ็บว่ะ” ผมเกาะไหล่มันแน่นแล้วค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงไปคืน
“งั้นมึงมาขี่หลังกู ที่จอดรถอยู่อีกไกลมึงคงไปไม่ไหว” ไอ้ตังค์มันบอกพร้อมกับย่อตัวลงตรงหน้าหันหลังให้ผมขี่หลังมัน
“เอ่อ..” มันรู้สึกแปลกนะเว้ยให้มาขี่หลังผู้ชายด้วยกันเนี่ย เหมือนไอ้แบงค์มันจะเข้าใจความรู้สึกผมเลยช่วยสื่อสารบอกไอ้ตังค์ให้
“เดี๋ยวกูช่วยพยุงไปอีกคนคงไม่เป็นไรมั้ง”
“ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะยิ่งอักเสบ เร็วๆไอ้โฟมจะได้กลับไปนอนพักที่บ้าน หรือมึงจะให้กูอุ้มไปแทน”
“ไม่ต้องๆ ขี่หลังก็ได้ อย่าพากูร่วงนะมึง” ผมค่อยๆเลื่อนตัวไปเกาะที่หลังไอ้ตังค์ มันค่อยๆยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเมื่อผมเกาะหลังมันเรียบร้อยแล้ว มันโคตรจะถึก ไม่มีเซเลยครับ ผมว่าตัวผมก็หนักพอสมควรนะ
“พวกกูไปละ” ไอ้ตังค์บอกลาไอ้แบงค์ ผมได้แต่โบกมือลามัน นักเรียนคนอื่นที่อยู่แถวนั้นก็มองกันใหญ่เลยครับ ผู้ชายขี่หลังกันมันเป็นภาพที่น่าสนใจน้อยซะที่ไหนกัน ดีที่เย็นแล้วพอสมควรคนเลยไม่ค่อยเยอะ
“มึงไม่หนักเหรอ” ผมถามมัน
“หนัก ตัวมึงไม่ใช่เบาๆ” ตอบตรงมากเลยนะมึง! ใครว่าผู้ชายไม่สนใจหุ่น ผมเสียความมั่นใจนะครับมาว่าผมหนักแบบนี้ ไอ้โมกับไอ้แก๊บก็ทักว่าผมบวมขึ้น
“หนักก็ไม่ต้องแบก” ผมทำเป็นดิ้นจะลงจากหลังมัน แต่ไม่ลงหรอกครับเดินเองปวดขา ขี่หลังมันสบายกว่าเยอะ
“เฮ้ยๆ อย่าดิ้น ก็หนักจริงแต่ว่ากูแบกไหว แรงกูเยอะนะมึง ที่เห็นตัวใหญ่แบบนี้มีแต่กล้ามเนื้อ ไม่เหมือนมึงมีแต่ไขมัน”
“ไอ้เชี่ย หุบปากไปเลย กูน่ะสมส่วนเว้ย!” แค่ผมน้ำหนักขึ้นมากไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ผมไม่อ้วนนะจะบอก ที่น้ำหนักขึ้นเพราะร่างกายมันปรับให้สมดุลกับความสูงต่างหาก ถึงแม้ไอ้โมมันจะบอกว่าหน้าท้องผมเริ่มยุ่ยแล้วก็เหอะแต่นั้นก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการปรับสมดุลของร่างกายครับ
“ครับๆ อะถึงรถแล้ว” มันค่อยๆปล่อยผมลงแล้วเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่งได้สบายๆ
“ตังค์ กลับบ้านไปกูขอสัมภาษณ์มึงได้ปะ พี่กิ๊กแม่งทวงงานแล้ว” ผมถามมันขณะปรับเบาะให้เอนต่ำลง
“ได้ ถ้ามึงไหว กูไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ผมพยักหน้าแล้วเอนตัวลงนอนบนเบาะ
“แล้วนี้พี่น้ำตาลไม่ได้ให้มึงไปไหนด้วยเหรอวันนี้” ปกติเห็นไปด้วยกันทุกเย็น
“อ้อ พี่ตาลเขาไปฟิตเนส เห็นบ่นๆว่าช่วงนี้อ้วน กูว่าผอมจนจะไม่มีอะไรอยู่แล้ว” ฟิตเนสเหรอ ผมว่าผมไปเข้าบ้างดีกว่า แต่ค่าสมาชิกคงแพงแน่เลย ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนท้ายหมู่บ้านก็ได้วะ
“พูดเหมือนเห็นทุกซอกทุกมุมของเขาแล้วงั้นแหละมึง” ผมยักคิ้วให้มัน อยากรู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่น้ำตาลไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วรึเปล่า
“ทะลึ่งแล้วมึง มากสุดแค่จับมือเว้ย กูสุภาพบุรุษพอ”
“พี่ตาลสวยขนาดนั้นซักวันจะดีแตกน่ะสิมึง”
“กูไม่หื่นขนาดนั้นไอ้บ้า ว่าแต่มึงเหอะไม่มีฟงมีแฟนเหรอวะ”
“เคยมี เยอะด้วย แต่เลิกหมดแล้ว กูว่าแม่งไม่อิสระว่ะ ต้องเอาใจนู้นนี้นั้นเอบีซีดี ขอโสดดีกว่า” ผมตอบไปตามความจริง ไอ้ตังค์หัวเราะ เคยคิดเหมือนกันว่าที่ผมคบใครได้ไม่นานหรือเพราะลึกๆแล้วผมยังคงรอใครบางคนอยู่รึเปล่า
“เขาทนที่มึงพูดมากไม่ได้น่ะสิ”
“ไอ้เชี่ย ระวังปากดีๆเหอะ หายเมื่อไหร่กูจะซัดเข้าให้” กัดกูได้ตลอดเวลาจริงๆนะมึง ไอ้คนโดนด่าก็เอาแต่หัวเราะครับ สงสัยมันจะโรคจิตชอบถูกด่า ผมขี้เกียจปวดสมองคิดคำด่ามันเลยหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถแล้วเอนหัวลงซบเบาะ
“อะ หมอนรอง เดี๋ยวปวดคอ” ไอ้ตังค์เอื้อมไปหยิบหมอนรองคอที่อยู่ด้านหลังรถให้ตอนติดไฟแดง
“ขอบใจ” ผมรับมาเอารองไว้ที่หัว
“นอนพักไปเดี๋ยวถึงบ้านกูปลุก” มันเอามือลูบหัวผมเบาๆ น่าแปลกที่ผมหลับตาลงยอมปล่อยให้มันลูบหัว ถ้าปกติคงด่ามันไปแล้ว สงสัยจะเพลียเกินไป แต่ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกตอนที่มือใหญ่ๆของมันลูบหัวผม รู้สึกเหมือนกับตอนที่ผมได้รับสัมผัสแบบนี้จากเขาคนนั้นในอดีต ความรู้สึกอบอุ่นที่ห่างหายไปนานก่อตัวขึ้นในหัวใจ ทำไมสัมผัสจากไอ้ตังค์ถึงให้ความรู้สึกแบบนี้กับผมได้นะ
~~~~~ Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล ~~~~~
ความคิดเห็น