คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 : หลุด
“เฮ้ยๆๆๆ อย่าขับเร็ว”
“ก็อย่าว่าโฟมเด็กดิ ว่าอีกนะจะแว้นให้ดู พี่เปานั่งเงียบๆเป็นสก๊อยส์ไปเลยไป” ผมผ่อนมอไซค์ที่เผลอบิดแรงตามอารมณ์ ก็คนที่นั่งซ้อนท้ายผมอยู่นั้นละต้นเหตุ ชอบว่าผมเด็กอย่างนู้นอย่างนี้
“ฮ่าๆ ครับๆ จอดข้างทางได้แล้ว อายุแค่นี้เดี๋ยวโดนคุณพ่อเรียก ไม่มีเงินเสียค่าปรับให้นะ” ผมจอดรถข้างทาง ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นคนซ้อนแทนเมื่อจะผ่านทางที่มีตำรวจอยู่ ก็ผมเพิ่งจะสิบสองเองนิ ยังทำใบขับขี่ไม่ได้ เซ็งเลย ผมอยากให้พี่เปาซ้อนท้ายมากกว่าที่ผมต้องซ้อนท้ายพี่เปาอีก ถึงผมจะเด็กกว่าพี่เปาหกปีแต่ผมก็อยากทำตัวให้พี่เปาเห็นว่าผมดูแลพี่เปาได้
“เกาะดีๆนะครับเด็กสก๊อยส์”
“ไม่ใช่ โฟมเป็นเด็กแว้น พี่เปาอะเป็นสก๊อยส์ เข้าใจ๊” ผมยักคิ้วกวนๆให้คนตรงหน้า ใบหน้าที่หล่อแต่ผมว่ามันออกจะหวานนิดๆหัวเราะ มองทีไรพี่เปาก็น่ารักทุกที ทำไมผมไม่โตกว่านี้อีกซักสามสี่ปีนะ พี่เปาจะได้ไม่ต้องมีข้ออ้าง
‘พี่ก็ชอบโฟมนะ แต่ว่าเรื่องแบบนี้โฟมคิดดีแล้วเหรอ พี่ไปนั่งคิดไปคิดมาพี่ว่าเราเป็นพี่น้องกันก่อนดีกว่ามั้ย ถ้าโฟมโตกว่านี้อาจมีความคิดอีกแบบก็ได้ โฟมยังเด็ก พี่ว่าเราเป็นพี่น้องกันก่อนดีกว่า’
นั้นละคือคำพูดที่พี่เปายุติความสัมพันธ์ของเราไว้ให้เป็นแค่พี่น้องกัน
“แน่ะ มาแอบแต๊ะอั๋งอีก” พี่เปาหันมาเอ็ดอย่างขำๆ เพราะผมเอามือไปเกาะเอวพี่เปาไว้ ตอนแรกก็แค่เกาะๆนั้นละ แต่ก็ค่อยๆเลื่อนมือไปจนเกือบจะกอดเอว
“ตามจริงอยากให้พี่เปากอดเอวโฟมมากกว่า ไว้มีใบขับขี่ก่อนเถอะ จะพาไปซิ่งทุกวัน”
“ให้จริงอะ ตอนนั้นคงหาสาวมาซ้อนแทนพี่แล้วมั้ง ฮ่าๆ”
“ไม่เชื่อคอยดู อย่าหนีไปก่อนแล้วกัน”
“ครับๆ พี่จะคอย” ผมยิ้ม นึกถึงวันที่ผมโตพอที่พี่เปาจะไม่เรียกผมว่าเด็กอีก ตอนนั้นหวังว่าพี่เปาคงยอมรับผมได้ คำว่าคอยของพี่เปา ผมไม่ได้รับรู้แค่ว่ามันเป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่ผมเก็บเอามาคิดตลอด คิดตลอดเวลาว่าพี่เปาจะคอยผมจริงๆอย่างที่พูด
“โฟมๆ” เสียงเรียกชื่อทำให้ผมตื่นจากภวังค์ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าภาพที่ผมนั่งซ้อนท้ายรถพี่เปาเริ่มเลือนๆ พี่เปาไม่ได้เรียกผมหรอกเหรอ ใช่แล้ว ผมฝันไปนี้เอง ก็พี่เปาขาดการติดต่อไปตั้งห้าปีแล้วนิ ผมค่อยๆลืมตาที่ปิดขึ้นอย่างช้าๆ ความรู้สึกปวดแล่นเข้ามา สงสัยแผลจะเริ่มบวม ภาพความเป็นจริงในปัจจุบันเริ่มปรากฏชัดขึ้น หน้าของไอ้ตังค์อยู่ตรงหน้าผม
“กูมารับไปเรียน ไหวมั้ยมึง” อ้อ ที่แท้มันมารับไปเรียนนี้เอง แต่ผมไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้ปวดหัวมากๆด้วย
“กูปวดหัว” ผมเบ้หน้า เค้นเสียงเบาๆผ่านลำคอที่แหบแห้ง
“เฮ้ย ตัวโคตรร้อนเลย” มันเอาหลังมือมาทาบหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ไปตามพ่อกูมา” ผมบอกมัน ตอนนี้ปวดหัวจนต้องนิ่วหน้า ตามตัวก็เมื่อยไปหมด ให้พ่อมาดูจะได้หายาให้กิน
“พ่อแม่มึงออกไปทำงานแล้ว บอกว่ามีเวรเช้า เย็นๆจะกลับ” คงไม่คิดว่าผมจะไข้ขึ้นมั้ง พ่อกับแม่เลยออกไปทำงานไม่อยู่ดูผมซักคน ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะปิดตาให้หลับๆไปอีกรอบจะได้ไม่ต้องทนปวดหัว ปากก็พึมพำบอกไอ้ตังค์เบาๆ
“กูไปเรียนไม่ไหวว่ะ มึงไปเหอะ”
“แล้วมึงจะอยู่ยังไง เป็นหนักขนาดนี้” เสียงมันดูกังวล จะอะไรมากมายวะ หรือว่ามันคิดว่ามันผิดเรื่องที่ผมขับรถล้ม
“นอนๆไปเดี๋ยวก็ดีเอง” ผมตอบ ไอ้ตังค์ถอนหายใจ ได้ยินเสียงมันค้นอะไรซักอย่างแถวๆโต๊ะตรงหัวเตียง
“กินยาแก้ปวดก่อน เดี๋ยวกูไปเอาข้าวมาให้กิน” มันเขย่าผมให้ตื่น ยื่นยากับน้ำส่งให้ ผมรับมากินก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบ
“เดี๋ยวไปทำข้าวต้มให้”
“ไม่เอา..” ผมรีบแย้ง กำลังจะพูดต่อเสียงเอ็ดของมันก็แทรกขึ้นมา
“ป่วยแล้วต้องกินจะได้หายไวๆ ไม่กินไม่ได้” มันพูดเสียงบังคับ
“กูจะบอกว่าไม่เอาข้าวต้ม กูแดกไม่เป็น เอาไข่เจียว” ผมได้แต่ตอบมันไปเบาๆอย่างคนไม่มีแรง ทำไมต้องกินข้าวต้มด้วยก็ไม่รู้ กระเพาะผมยังย่อยได้เป็นปกตินะ
“อ้อ เออๆ รอแปปหนึ่ง” พูดจบมันก็เดินออกจากห้องผมไป ผมมองดูนาฬิกาตรงผนังห้อง จะสองโมงแล้วนิ แบบนี้ไอ้ตังค์ก็ไปโรงเรียนสายน่ะสิ แต่มันคงหาข้ออ้างได้ละมั้ง แล้วผมจะไปห่วงมันทำไมวะ ประธานนักเรียนโดนจับสายนี้น่าจะเป็นอะไรที่สนุกพิลึก นึกหน้ามันตอนเคี้ยวฟ้าทะลายโจรนรกนั้นแล้วอดขำไม่ได้ ซะใจดีพิลึก ผมเอามือกุมท้องเบาๆเพราะขำมากไปจนมันสะเทือนเจ็บไปทั้งตัว
ผ่านไปซักพักไอ้ตังค์มันก็เดินเข้ามาในห้องผม พร้อมกับจานข้าวที่มีไข่เจียวสีเหลืองนวลโปะอยู่ข้างบน กลิ่นลอยมาแตะจมูก มัน แหวะ! เหม็นอะ!
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ปวดหัวเหรอ” มันเดินเข้ามาใกล้ ผมรีบยกมือกันทันที
“เอาออกไป กูเหม็น”
“ฮะ” มันเลิกคิ้วทำหน้างง
“เหม็น! เอาออกไป!” ผมเค้นเสียงที่ไม่ค่อยจะมีออกมา ไอ้ตังค์เดินเอาจานข้าวไปวางไว้ที่อีกมุมของห้อง ก่อนจะเดินกลับมาหาผมด้วยใบหน้าที่มีคิ้วขมวดเป็นปม
“เหม็น..” มันพูด ผมพยักหน้า เวลาไม่สบายผมไม่ค่อยถูกกับของคาวครับ ได้กลิ่นทีไรจะรู้สึกคลื่นไส้ ไม่ต้องพูดเลยว่าถ้าเข้าปากแล้วจะเป็นไง
“กูไม่ชอบ มันเหม็น จะอ้วก” ผมบอกไปตามความจริง
“แต่มึงต้องกิน…”
“ผลไม้ เอาผลไม้มา เอาที่หวานๆ เปรี้ยวๆ” นั้นแหละครับสิ่งที่ผมจะกินได้ เพราะพวกผลไม้จะไม่มีกลิ่นคาว แถมกินแล้วรู้สึกสดชื่นอีกด้วย ไอ้ตังค์เลิกคิ้ว ได้ยินเสียงมันหัวเราะ ผมเลยตวัดสายตาไปมอง
“หัวเราะไร” ไอ้บ้านี้ คนเขาปวดหัวจะตายอยู่แล้วยังมาขำอีก
“ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูจะคิดว่ามึงท้องนะเนี่ย กี่เดือนแล้วละครับ”
“เชี่ย กวนนะมึง รีบไปเอาผลไม้มาให้กูกินเร็วๆ”
“สั่งๆ” มันบ่นแต่ก็หัวเราะเดินออกจากห้องไป ซักพักก็กลับขึ้นมาพร้อมกับแอปเปิ้ลที่ปลอกเปือกและหั่นเป็นชิ้นๆอย่างดี ไอ้นี้พ่อบ้านนี้หว่า
“มึงไม่ไปเรียนเหรอ สายแล้ว” ผมนั่งกัดแอปเปิ้ลไปถามมันไป ไอ้คนถูกถามก็นั่งมองผมกินอยู่นั้นละ ผมเลยหยิบให้มันชิ้นหนึ่งแต่มันส่ายหัว
“อืม สายแล้ว ไปให้ถูกจับทำไม”
“ขี้เกียจไปก็บอกมาเหอะ อย่าอ้างๆ ประธานนักเรียนอย่างมึงแค่บอกครูว่าติดธุระจำเป็นเขาก็เชื่อแล้ว” มันหัวเราะ ยังจะหัวเราะได้อีกเนอะถูกหลอกด่าเนี่ย
“รู้ทันกูอีก” เห็นมั้ยละ ใครว่าเด็กกิ๊ฟเต็ดขยัน ขอค้าน
“กินเสร็จก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อน เช็ดตัวมั้ยกูเช็ดให้”
“เฮ้ย! ไม่ต้อง เช็ดเองได้เว้ย” มีผู้ชายมาเช็ดตัวให้นี้มันน่าอายออก
“อืม งั้นรีบกินเถอะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก กูจะอ่านหนังสืออยู่แถวนี้” มันพูดจบก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงผม หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ‘ชีววิทยา ม.5’ ผมเหลือบมองชื่อหนังสือในมือมันที่เขียนไว้บนหน้าปก ขอกลับคำพูดที่ว่าเด็กกิ๊ฟเต็ดขี้เกียจ ไอ้เชี่ย ขยันโคตร โดดเรียนมานั่งอ่านหนังสือ เขามีแต่โดดเรียนไปลั่นล้ากัน หรือนี้จะเป็นวิธีลั่นล้าของมัน ช่างเถอะ จะทำอะไรก็เรื่องของมัน ผมไปทำความสะอาดร่างกายดีกว่า รู้สึกกลิ่นเริ่มโชยแล้ว
“ไอ้เชี่ย โคตรปวดเลย” ผมเดินงอตัวออกจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาผืนเดียวนั้นละ ไม่สนหรอกว่าจะเพิ่งรู้จักกับไอ้ตังค์ จะอายอะไรผู้ชายด้วยกัน
“เฮ้ย! อาบน้ำทำไม สระผมอีก มึงจะหายมั้ยเนี่ย” มันปิดหนังสือในมือ เดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ผมพาดไว้กับเก้าอีกเดินตรงมาที่ผม มันคงเห็นว่ามีน้ำเกาะบนตัวและหัวผมมากเกินกว่าการเช็ดตัวจะทิ้งไว้ได้ ก็มันเหนียวตัวนิครับ ผมก็เหนียว เพราะปกติผมสระผมทุกวัน ไม่ได้สระมันเลยรู้สึกแปลกๆ
“ไข้ขึ้นนะจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย” มันเอาผ้าขนหนูขยี้หัวผม ปากก็บ่นไปด้วย
“เออดีว่ะ กูยอมไข้ขึ้นอีกถ้าได้เห็นมึงฟันร่วง”
“ตลกตาย”
“ยังไม่ตาย..เฮ้ย! โอ้ย!”
“โฟม!”
วินาทีน่าอายที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเกือบจะสิบเจ็ดปีได้เกิดขึ้นกับตัวผมแล้ว
“เอ่อ..” ไอ้ตังค์เบิกตากว้างก้มลงมองผมที่นั่งกองอยู่บนพื้น มือมันที่ยื่นมาจะคว้าผมไว้ค้างอยู่กลางอาการพอๆกับตาของมันที่เบิกกว้างค้างอยู่นั้นละ
“หันไป!” ผมตะโกน มันเริ่มรู้สึกตัวหันหลังให้ผมทันที ไอ้โต๊ะเวร มึงจะมาดึงผ้าเช็ดตัวกูหลุดทำไมวะ!!!
“โอ้ย!…”
“อย่าหัน!” ผมเป่ามือตัวเองที่เผลอไปตีขอบโต๊ะด้วยความหมั่นไส้เบาๆ ไอ้ตังค์พอได้ยินเสียงผมร้องก็ทำท่าจะหันมา ก็ตอนที่ผมกำลังจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ไม่รู้เดินอิท่าไหนปมผ้าเช็ดตัวที่ผูกไว้ถึงได้ไปเกี่ยวกับขอบโต๊ะ พอมันหลุดตามสัญชาตญาณก็ต้องคว้าไว้ใช่มั้ยละครับ แต่เนื่องจากสังขารผมมันไม่อำนวยขยับตัวเร็วไปเลยสะเทือนไปถึงแผล ส่งผลให้ผมล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ไอ้ตังค์ก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีจะคว้าผมไว้ แล้วมันจะไม่เห็นอะไรต่อมิอะไรของผมได้ไงละ ฮึ่ย! ให้แก้ผ้าให้พวกไอ้แก๊บกับไอ้โมเพื่อนสนิทผมดูผมยังอายเลย แล้วนี้ไอ้ตังค์ผมเพิ่งจะรู้จักมันวันเดียว จะไม่ให้ผมอายได้ไง แถมผมยังหมั่นไส้มันด้วย แบบนี้โคตรจะเสียเซลฟ์ กูต้องเห็นมึงแก้ผ้าให้ได้ไอ้ตังค์จะได้เจ๊ากัน เฮ้ย! แล้วผมจะไปอยากดูของมันทำไม!
~~~~~ Nonsense รักนี้ไม่มีเหตุผล ~~~~~
ความคิดเห็น