คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 : อกหัก 100%
วันที่ความเจ็บช้ำมันทำลายหัวใจ
วันที่คำว่ารักมันได้ผลักฉันล้มลง
วันนั้นฉันเคยคิดว่าชีวิตฉัน
มันคงหมดความหมาย
พอน้ำตามันไหล จนไม่มีเหลืออยู่
พอฉันได้เรียนรู้ ก้าวผ่านคำว่าแพ้พ่าย
คำว่ารักที่เคยทำให้ฉันล้มลง ที่จริงไม่ใช่
มันแค่ผลักให้ฉันก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง
เมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร
มันยังคงรักมากเท่านั้น แต่ชีวิตมันต้องเป็นไป
เมื่อก่อนเคยรักเธอที่สุด มันยังคงรักเธอสุดหัวใจ
ไม่เคยจะเสียดาย ที่ชีวิตฉันเคยได้รักเธอ
เวลาที่เชื่องช้ามันก็ยังหมุนไป
เก็บเกี่ยววันร้ายๆ เตือนจิตใจให้จำ
รักที่มันต้องจบ แม้ว่ายังไงมันก็ยังสวยงาม
และที่สุดชีวิตต้องเดินต่อไปอีกครั้ง
เมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร
มันยังคงรักมากเท่านั้น แต่ชีวิตมันต้องเป็นไป
เมื่อก่อนเคยรักเธอที่สุด มันยังคงรักเธอสุดหัวใจ
ไม่เคยจะเสียดาย ที่ชีวิตฉันเคยได้รักเธอ
หากย้อนคืนวันเวลาได้อีกครั้ง
อย่างไร ฉันก็จะยอมให้เป็นเหมือนเดิม
จะรักเธอเหมือนที่เคยทำ
รับความเป็นไป จนถึงนาทีสุดท้าย
เมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร
มันยังคงรักมากเท่านั้น แต่ชีวิตมันต้องเป็นไป
เมื่อก่อนเคยรักเธอที่สุด มันยังคงรักเธอสุดหัวใจ
ไม่เคยจะเสียดาย
เมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร
มันยังคงรักมากเท่านั้น แต่ชีวิตมันต้องเป็นไป
เมื่อก่อนเคยรักเธอที่สุด มันยังคงรักเธอสุดหัวใจ
ไม่เคยจะเสียดาย ที่ชีวิตฉันเคยได้รักเธอ
ไม่เคยเสียดาย
ทำเพื่อใครสักคน ฉันได้ทำเพื่อความรัก
ร้องให้ใครสักคน ฉันก็ร้องจากหัวใจ
รักที่มันต้องจบ มันก็ยังงดงามฉันยังจำไว้
เสียงพี่ตูน บอดี้สแลมดังเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง ผมปาดน้ำตาที่มันไหลอาบแก้ม หยิบทิชชู บนโต๊ะข้างเตียงมาสั่งน้ำมูก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนไปเลื่อนหน้าต่างปิด ปิดม่าน แล้วก็เปิดแอร์ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนอีกครั้ง ตอนนีเกือบสองทุ่มแล้วครับ วันนี้ทั้งวัน อีนที่จริงเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันแล้วมากกว่า ผมเข้านอนตอนเที่ยงคืน ตื่นตีสี่มาอ่านหนังสือ ก็ผมจะ Entrance ปีนี้นิครับมันเลยต้องฟิตหน่อย แต่ความจริงตื่นมาก็ facebook ไปเกือบชั่วโมงแล้ว หกโมงเช้าอาบน้ำ หกโมงครึ่งกินข้าว จากนั้นก็เข้าห้อง คือตอนนี้ปิดเทอมอยู่ครับ ตอนเที่ยงมากินข้าว บ่ายโมงเข้าห้อง หกโมงเย็นกินข้าวเย็น หนึ่งทุ่มอาบน้ำ สองทุ่มเข้าห้องอ่านหนังสือ นอนอีกทีเที่ยงคืน เป็นแบบนี้ทุกวันในช่วงปิดเทอม ยกเว้นตอนที่เรียนพิเศษก็จะอยู่ที่เรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่ตอนนี้ปิดคอร์สแล้วครับ เพราะพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่ขยันอะไรหรอกนะครับ พ่อ แม่ พี่ น้อง ผมก็ตกใจเหมือนกันที่ผมทำตัวเป็นเด็กเรียนแบบนี้ได้ เพราะเกรดผมรวมสี่ภาคเรียนแค่ 3.49 เองครับ ที่ผมพยายามทำตัวไม่ให้ว่างเพราะ ผมต้องการลืมคนๆหนึ่ง คนที่ทุกวันนี้ผมต้องร้องให้เพราะเค้าทุกวัน คนที่ผมรักและเป็นคนที่ทำให้ผมผิดหวังมากที่สุด และก็กลายเป็นคนที่ผมเกลียดที่สุดไปแล้วในตอนนี้ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมก็ยังรักเค้ามากเหมือนกัน
“พี่ปี่ พี่ปิ่นจะไปสถานีรถไฟแล้ว!” ไอ้ปอน้องชายผมโผล่หัวเข้ามาทางประตู แล้วมันก็ชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อเสียงพี่ตูนลอยเข้าหูมันก่อนจะเดินมาดึงปลั๊กเครื่องเสียงผมออก
“ถอดปลั๊กทำไมพี่ฟังอยู่” ผมเอ็ดน้องแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก ก็มันมาถอดปลั๊กเครื่องเสียงผมทุกวันอยู่แล้ว
“ฟังอยู่ได้เพลงเนี่ย! ฟังมากี่รอบแล้ว ปอ รู้นะว่าพี่ปี่เจออะไรมา ถ้าจะฟังเพลงให้มันหายเศร้าก็ดีไป ความหมายเพลงเค้าออกจะดีฟังแล้วก็หัดคิดตามทำตามบ้างสิ ถ้าฟังแล้วเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ ก็ไม่ต้องฟังมันหรอก!” โฮ้! โคตรเจ็บ! เลยไอ้น้อง แต่เอ๊ะ! มาแปลกแฮะ ปกติไม่เคยด่า แค่ถิดปลั๊กแล้วเดินออกจากห้อง วันนี้มาเป็นชุดเลย องค์ไรลงวะ
“ด่ากูเหรอ กูพี่มึงนะ!” ผมเดินไปตบหัวมันเบาๆ ต้องเขย่งบวกกระโดดนิดๆด้วยครับถึงจะถึง ก็ไอ้ปอมันสูงมากแค่มอสี่เองสูงตั้ง 177 ผมเนี่ยแค่ 170 เอง
“พี่กูไม่ขี้แพ้แบบนี้หรอก” แน่ะ มีขึ้นกู ดูท่ามันจะงอนจริงครับ หันหลังหนีหน้าผมแต่ก็ยังไม่ยอมออกจากห้อง ไม่เห็นหน้าก็รู้ว่าหน้ามันเป็นไง ปากเบะเหมือนเป็ดแก้มป่องเหมือนตูดลิงแน่ๆ พฤติกรรมแบบนี้บ่งบอกว่ามันงอนและรอการง้ออยู่
“ปอไม่เป็นพี่ปอไม่รู้หรอกว่ามันเป็นไง พี่ก็พยายามลืมอยู่ ก็กะว่าพรุ่งนี้จะเลิกเป็นแบบนี้แล้ว เพราะเปิดเทอมเจอเพื่อน พี่คงลืมมันได้” ไอ้ปอหันมามอง นั้นไง หน้าตาแบบที่บรรยายไว้เด๊ะ!
“ก็ปออยากให้พี่ปี่เป็นเหมือนเดิม ตั้งแต่ปิดเทอมมา ปอแทบจะนับได้ว่าพี่คุยกับคนในบ้านกี่ครั้ง หัวเราะกี่ครั้ง ยิ้มกี่ครั้ง ออกจากห้องกี่ครั้ง แต่ถ้าจะให้นับว่พี่ร้องไห้กี่ครั้งอันนี้มันถี่มากจนปอนับไม่ไหว” ฟังแล้วน้ำตาคลอเลยครับ นี้น้องผมมันห่วงผมมากขนาดนี้เลยเหรอ น้ำตามันไหลออกมาอีกแล้วแต่ไม่ใช่เพราะความเศร้าแต่เพราะซึ้งในความห่วงใยที่น้องมีให้
“เอ้า พี่กูพูดเนี่ยเข้าใจบ้างไหม บอกว่าอย่าร้องไห้”
“ฮึก ปอ ฮึก ขอโทษ” ผมกอดไอ้ปอซะแน่น น้ำตาเปื้อนเสื้อมันไปหมด
“ขอโทษอะไร ปอไม่ได้โกรธซะหน่อย เลิกร้องได้แล้ว งั้นปอจะอัดคลิปที่พี่ปี่ร้องไห้ไปให้เพื่อนพี่ปี่ดูนะ” มันพูดแล้วก็เอามือลูบหัวผม กูพี่มึงนะเฟ้ย!
“เล่นหัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ผมพูดอู้อี้ในอกมัน แต่มันไม่ได้จะเข้าใจเลย จากลูบตอนนี้กลายเป็นขยี้แทน
“ทำไมจะไม่รู้ที่ต่ำที่สูงน่ะก็ปอสูงกว่าพี่ปี่อีก
“หนุ่มๆ กอดกันอยู่นั้นแหละ เร็ว! พี่จะตกรถแล้วเนี่ย!” พี่ปิ่นพี่สาวผม ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องเดินทางคืนนี้ทั้งบ้านเลยยกขบวนไปส่งคุณเธอกัน
“ปี่ เป็นไร! ร้องไห้ทำไม” พี่ปิ่นตกใจมากที่อยู่ดีๆ ผมก็เข้าไปกอดทั้งยังสะอื้นจนตัวโยน
“ปี่ ฮึก ปี่ คิดถึงพี่ปิ่น” ผมกอดพี่ปิ่นแน่นเลยครับ แต่คงให้ซุกหน้าร้องไห้กับอกพี่ปิ่นคงไม่ได้ ไม่งั้นคงได้ชิมรสชาติฝ่ามือพี่สาวผมแน่ๆ พี่ปิ่นเป็นผู้หญิงแต่สูงพอๆกับผมเลย เอ๊ หรือว่าผมเตี้ย ไม่มั้ง พี่ปิ่นสูงต่างหาก
“นี้เด็ก 18 เหรอ 16 เนี่ยทำไมขี้แยจัง” พี่ปิ่นกอดผมกลับแน่นเช่นกัน
“พี่ปิ่น ปอ 16 ไม่เห็นขี้แยเลย” ไอ้ปอค้าน
“ก็แกมันแก่แดดเกิน 16 นิยะ ไปกับสาวน่ะ condom ก็อย่าลืมใช้ละ” ไอ้ปอหน้าแดงเลยครับ จำได้ว่าพี่ปิ่นไปเจอถุงยางอนามัยในกระเป๋ามัน มันก็ยอมรับนะว่าก็เคย แต่ไม่ได้จริงจังคืนเดียวจบ ผมก็อึ้งนะ ไม่นึกว่าน้องผมมันจะ เออไวขนาดนี้ ก็ผมเนี่ยยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เลย
“ดูทำหน้างอนอีกแล้ว มานี้มะให้พี่กอดหน่อย” แล้วพวกเราสามพี่นอนก็กอดกันซะเพลิน จนพ่อต้องมาเรียกให้ไปสถานีรถไฟ ไม่งั้นพี่ปิ่นตกรถแน่ๆ
“ปี่! น้องปอ 4/1 น้องแกเหรอวะ!”
“ปี่ น้องปอ ที่สูงๆ ขาวๆ หล่อๆ ผมสกินเฮดอะ ใช่น้องแกปะ!”
“ปี่! ขอเบอรฺน้องปอหน่อยดิ เมลล์ก็ได้”
“ปี่!....................................”
โอ้ย! ผมอยากจะบ้าตายกับเพื่อนผม ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียม ก็ตั้งแต่มาโรงเรียน มันเหมือนเป็นประเพณีของพวกผู้หญิงเขาน่ะครับ โดยเฉพาะพวกป้าๆ ม.6 แก่ๆ ที่ขะชอบจับเด็ก ม.4 เอ้ย! หมายถึงสอดส่องสายตา ดูว่าเด็กเข้าใหม่มีใครบ้าง เพราะ ม.4 เนี่ยจะมีเด็กจากที่อื่นที่ไม่ได้เรียนมอต้นที่โรงเรียนนี้มาเรียนกันเยอะพอสมควร อย่างไอ้ปอก็อีกคน มันเป็นนักเรียนเก่าโรงเรียนที่อยู่ข้างเคียงโรงเรียนผมเองครับ คือโรงเรียนผมอดีตเคยเป็นหญิงล้วนตอนนี้เป็นสหศึกษาแล้วแต่ผู้หญิงก็ยังเยอะกว่าผู้ชายอยู่ดี ส่วนโรงเรียนที่อยู่ข้างเคียงก็เคยเป็นชายล้วนตอนนี้เป็น สหศึกษา ที่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทั้งโรงเรียนผมและโรงเรียนข้างเคียงเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดทั้งคู่ครับ ที่ตั้งก็อยู่แทบจะติดกัน แค่มีโรงเรียนประถมขั้นกันแค่นี้ เดินไปหากันได้สบายเลยครับ เพราะดูจากสถิติที่ผมประเมินด้วยสายตาแล้ว นักเรียนหญิงโรงเรียนผมมักจะเป็นแฟนกับหนุ่มโรงเรียนข้างเคียงซะเป็นส่วนใหญ่ หนุ่มในโรงเรียนพวกสาวๆไม่ค่อยสนใจหรอกครับ เพื่อนผู้หญิงผมคนหนึ่งบอกว่า หนุ่มๆในโรงเรียนน่ะ ไว้เป็นอาหารตาเฉยๆ ยิ่งมีน้อยๆอยู่ก็ควรสงวนไว้ อย่ากินกันเอง โฮ้! ผู้หญิงเนี่ยความคิดน่ากลัวเหมือนกันนะครับ มิน่าละหล่อๆอย่างผมทำไมถึงไม่มีสาวไหนมาขอเป็นแฟนเลย!
“น้องมึงท่าจะป๊อปวะปี่ มาวันแรกทำเอาพวกป้าๆคลั่งกันใหญ่” ไอ้นัทเพื่อนสนิทผมนั่งลงข้างๆก่อนจะเอาไอโฟนมันออกมาเล่นเกมส์อะไรก็ไม่รู้
“ไม่เท่ากูหรอก ตอนม.4นะ สาวกรี้ดกูเยอะกว่านี้อีก!” ผมค้านเต็มที่ครับ เรื่องแบบนี้ยอมไม่ได้ ก็ผมหล่อกว่าไอ้ปอตั้งเยอะเชื่อผมดิ!
“อ๋อเหรอออออออออออออออ” ไอ้นัทลากเสียงยาววววว แสดงความน่าเชื่อถือ ตรงไหน!
“ปี่ๆ มึงลงคอร์สนี้เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” มันยื่นโบชัวของสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ มาตรงโต๊ะผมแล้วเอานิ้วมันชี้คอร์สที่มันต้องการเรียน
“Admission มึงเทพขนาดนี้จะเรียนอะไรอีกวะครับ” มันเทพจริงๆนะ เกรดเฉลี่ยเกือบ 4.00 ถ้าไม่ติดวิชาธุรกิจตอน ม.5 ที่มันโคตรจะเกลียดจนไม่ยอมทำงานส่ง เลยได้ 2.5 วิชานั้นมาเชยชม
“อยากเรียน จบ!” เหตุผลมึงแค่อยากเรียนเนี่ยนะ ผมว่ามันจะไปม้อสาวมากกว่า
“แต่กูไม่อยากเรียนวะ รู้หรอกน่ามึงอยากลงทำไม จะไปม้อสาวอะดิ ระวังเหอะมึงกูจะฟ้องน้ำ” เอาแฟนมันมาขู่ครับ น้ำเป็นแฟนไอ้นัท เป็นผู้หญิงที่สวยมากๆๆๆๆๆๆๆ ผมยังแอบอิจฉาไอ้นัทเลย น้ำเป็นถึงด่วโรงเรียนข้างเคียง ตอนที่ไอ้นัทกับน้ำคบกันแบบเปิดเผยเป็นที่ฮือฮาของนักเรียนทั้งสองสถาบันมาก หนุ่มๆโรงเรียนข้างเคียงแทบน้ำตาเล็ดที่ถูกหนุ่มโรงเรียนผมสอยดาวตัวเองไป ก็สมกันดีครับ ไอ้นัทก็ป๊อบใช่ย่อย มันหล่อจริงครับผมยอมรับ ตัวสูงมากๆๆ 181 เปรตโคตร มันเคยบอกผม ผิวมันขาวๆ ตี๋นิดๆ หุ่นดีมาก มีซิกแพกด้วย ชัดมากด้วยครับผมเคยเห็นตอนไปว่ายยน้ำกับมัน แต่ผมไม่ชมมันหรอก เดี๋ยวมันได้ใจ เพราะเรื่องความหล่อ ไอ้ปี่ไม่เคยยอมใร ก็ผมหล่อจริงนะ! ถึงจะตัวเล็กไปหน่อยก็เหอะ
ตึง! อยู่ดีๆ ก็เกิดเสียงดัง พร้อมกับความเงียบตามมา สายตาทุกคู่หันมาทางที่ผมกับไอ้นัทนั่งอยู่ ก็ไอ้นัทมันเอามืบตบโต๊ะซะลั่น เป็นบ้าไรวะ ผมกำลังจะถามแต่มันก็ลุกจากโต๊ะแล้วออกจากห้องไปแล้ว
“เชี่ยนัท เป็นไรวะปี่” ไอ้ต่อ ที่มันกำลังเมาส์เรื่องบอลกับพวกไอ้บอส ไอ้พี เพื่อนก๊กผม ที่นั่งอยู่ด้านหลังหันมาถาม
“มึงมีชู้ปะวะไอ้ปี่ เห็นปะสามีงอน ออกจากห้องไปเลย” เสียงไอ้บอสครับ สามีบ้าน....มึงดิ!
“มาวันแรกก็กัดกูเลยนะ แม่งชอบยัดเยียดให้กูเป็นเมียชาวบ้าน!” ไอ้สามตัวมันไม่สำนึกเลยครับ แถมยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
“โอ๋ๆๆๆ อย่างงอนสิจ๊ะ คนสวย มาๆๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงติม” ไอ้พีมันยื่นปากมาทำท่าจะจูบผม สยองวะ! ไอ้ผมก็หนีดิครับ ไอ้ต่อไอ้บอส ก็ไม่คิดจะช่วยกันเลยพากันนั่งหัวเราะจนน้ำตาเล็ด มีความสุขกันจังนะพวกมึงแกล้งกูเนี่ย! แต่ผมว่าผมได้ยินใครพูดว่าจะเลี้ยงอะไรซักอย่างนะ อะ! นึกออกแล้ว
“ไอ้พีเที่ยงนี้คอนเนตโต้นะเว้ย” ผมยิ้ม ไอ้พีเก็บปากจู๋ๆ ของมัน ขมวดคิ้วทำหน้างงๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเหมือนคิดอะไรได้
“เวร! ไม่น่าหลุดปากแกล่งมึงเลยคอนเนตโต้เลยนะมึง กูเลี้ยงแค่ฟรุตตี้หรอกสัด” ไอ้งก! เลี้ยงเพื่อนทั้งทีแม่ง ฟรุตตี้ 5 บาท
“ก็ได้ฟรุตตี้วันละแท่งทั้งอาทิตย์” ไงละมึงแพงกว่าคอนเนตโต้แท่งเดียวตั้ง 3 บาท
“ได้คืบจะเอาศอก” มันตบหัวผมก่อนจะหันไปบลูทูช คลิปหนัง เอวี ที่ไอ้ต่อโหลดมาเมื่อคืน ลามกวะไอ้พวกนี่ ฮิๆ ที่ผมไม่บลูกับพวกมันด้วยเพราะคลิปนั้นผมโหลดดูตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว เรื่องแบบนี้ไอ้ปี่เร็วกว่าเพื่อน
และยังคิดถึงเธอนะ อะ อะ อะ..... ชีวิตที่มีเธอ วันคืนเหล่านั้นช่างมีความหมาย อะ อะ อะ... วอนท้องทะเล ขอบฟ้าแสนไกล บอกเธอได้ไหม ยังคอย
ครืดๆๆๆๆๆ ครืดๆๆๆๆๆๆๆ เสียงร้องมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนจากไอโฟนของไอ้นัทที่มันลืมไว้บนโต๊ะ ผมมองดูหน้าจอเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมม์ชื่อไว้ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นวี่แววของเจ้าของเครื่อง รับแม่งเลย
“สวัสดีครับ”
ใครค่ะ
“อ้าวแล้วโทรหาใครละครับ” เซงไหมครับเวลารับโทรศัพท์แล้วมีคนถามว่าใครเนี่ย มันรู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก
เพื่อนนัทรึเปล่าคะ
“อ้อ โทรหานัทเหรอครับมันไปไหนไม่รู้ไว้จะบอกให้นะครับ แล้วไม่ทราบว่าใครโทรมาครับ”
บอกว่าน้ำโทรมานะคะ ตืดๆๆๆๆๆ แล้วปลายสายก็วางสายไป น้ำเหรอ? ก็แฟนไอ้นัทนิ ทำไมไม่เมมม์ชื่อแฟนตัวเองไว้วะ
“เล่นไรมือถือกูวะ จะดูคลิปมึงหาไม่เจอหรอกกูซ่อนไว้ดี” ไอ้เจ้าของโทรศัพท์ มันเดินยิ้มหวานมาเลย ว่าแต่มันไปไหนมา ทำไมสภาพมันถึงเหงื่อท่วมแบบนี้
“เมื่อกี้น้ำโทรมา” มันหุบยิ้มเลยครับ เมนส์มาหรือวะ แม่ง อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เหมือนพี่ปิ่น เวลาเป็น ปจด เลย
“อืม” ตอบกลับมาสั้นๆ
“ทำไมมึงไม่เมมม์เบอร์แฟนไว้วะ”
“ตกลงมึงจะเรียนคอร์ส Admission กับกูปะ” เปลี่ยนเรื่องเลยนะมึง ผมว่ามันชักจะแปลกๆแล้ว
“มีไรบอกกูได้นะนัท กูเพื่อนมึงนะ แล้วไปทำไรมาวะเหงือแม่งเต็ม ซกมกวะ”
“เล่นบาสมา กูเบื่อจารย์ แม่งเปิดเทอมวันแรกไม่ชอบสอนทุกที” มันยิ้มอีกแล้วครับ โว้ยยย กูตามรมณ์มึงไม่ทันวะ
“ว่าไงตกลงมึงจะเรียนไหม”
“ไม่ถามพวก ไอ้ต่อ ไอ้พี ไอ้บอส วะ”
“กูถามแล้วพวกมัน say no บอกเสียเวลาปั่นดอท”
“มึงจ่ายค่าเรียนให่กูไหมละ” ยักคิ้วกวนๆ ให้มันทีหนี่ง กล้าจ่ายให้กูไหมละ 4000 เชียวนะมึง
“ก็เอาดิ” อ้ากกกก มันเอาจริงครับยื่นบัตร ATM ให้ผมอีกต่างหากจดรหัสให้พร้อม
“มึงอยากได้เท่าไหรกดเอา”
“ตลกละ! เอาไปเลยกูให้พ่อกูจ่ายให้ อวดรวยนะมึง” มันหัวเราะแล้วเอาบัตร ATM เก็บใส่กระเป๋าตังคืน
“ตกลงมึงเรียนใช่ไหมงั้นบ่ายนี้ไปสมัครกับกู”
“บ่ายนี้! โรงเรียนยังไม่เลิก จะไปไง”
“เส้นพ่อกูซะอย่าง ตอนบ่ายนี้จารย์มีประชุมไม่สอนหรอก”
พ่อไอ้นัทให้เงินสนับสนุนโรงเรียนค่อนข้างเยอะครับ บ้านมันรวยมาก แต่ไอ้นัทมันอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อมันต้องไปดูธุรกิจที่ กรุงเทพฯ นานๆทีจะกลับบ้าน ส่วนแม่มันเสียไปตั้งแต่มันยังจำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมว่ามันก็น่าสงสารเหมือนกันนะ พ่อมันเลยเลี้ยงมันแบบให้อยู่บนกองเงินกองทองชดเชยความอบอุ่นที่มันไม่ได้รับจากแม่ แต่ผมว่าเรื่องของจิตใจมันชดเชยด้วยเงินไม่ได้หรอกครับ
“จะรีบสมัครทำไมวะตอนเย็นก็ได้”
“ก็เปิดคอร์สเย็นเนี่ย ห้าโมงเย็น” แม่งไม่มีการว่างแผนเลยนะมึง ว่าแล้วผมก็พยักหน้าตอบรับมัน ก่อนจะโทรไปหาพ่อขออนุญาตถอนเงินจากบัญชี 4000 แล้วบอกให้พ่อไปเติมให้คืนด้วย บ้านผมไม่ได้รวยหรอกครับฐานะปานกลางแต่เรื่องการศึกษาของลูกจะต้องเสียเงินมากขนาดไหน พ่อแม่ผมก็ไม่เคยว่าอะไรเลยครับ ผมว่าถ้าให้เลือกระหว่างเกิดบนกองเงินกองทองแบบไอ้นัทกับมีครอบครัวที่อบอุ่น ผมเลือกอย่างหลังครับ แม้เราจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่การที่เรามีครอบครัวที่คอยให้ความอบอุ่น ให้กำลังใจเรา มันก็มีความสุขแบบที่เงินทองไม่สามารถซื้อได้
ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้วครับ ผมกับไอ้นัทกำลังนั่ง โซ๊ย บะหมี่เกี๊ยว ร้านเฮียเกียงอยู่ การออกจากโรงเรียนตอนบ่ายไม่จำเป็นต้องใช้เส้นพ่อไอ้นัท เพราะพวกจารย์ทั้งหลายมีประชุมเลยประกาศอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้
“เลือกที่นั่งวิวดีนะมึง” ผมสะกิดไอ้นัทให้ดูสาวโรงเรียนข้างเคียงกลุ่มหนึ่งที่เดินออกจากประตูโรงเรียน คือ ร้านเฮียเกียงอยู่แถวๆที่เรียนพิเศษ แล้วไอ้ตึกเรียนพิเศษเนี่ยมันก็ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนข้างเคียงด้วยครับ
“บอกเฉยๆก็ได้จะกระแทกทำไมวะ” ไอ้นัทเอาทิชชู เช็ดน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กระเด็นเปื้อนเสื้อมัน เพราะตอนที่ผมสะกิดหรือกระแทกมันก็ไม่รู้ มันกำลังคีบลูกชิ้นอยู่ ลูกชิ้นเลยตกลงน้ำกระเด็นใส่เสื้อมัน แฮะๆ ขอโทษวะเพื่อน
“นัทททททททท” ทำเสียงอ้อนสุดตรีน
“อะเอาไป อยากกินก็บอกดีๆไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นกูขนลุก” ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมจริงๆ มันคีบลูกชิ้นในจาน 2 ลูกให้ผม ก่อนจะเช็ดปากแล้วนั่งมองผมกินอยู่นั้นละ มองไรวะ คนกำลังกินอยู่
“มองทำไม”
“เห็นมึงร่าเริงเหมือนเดิม แสดงว่าหายแล้วใช่ไหม” ผมนิ่งมองหน้าไอ้นัทที่ยังคงจ้องผมอยู่ จะบอกว่าหายอันที่จริงวันนี้ทั้งวัน ผมไม่ได้คิดถึงคนนั้นเลย อาจเป็นเพราะเจอเพื่อนได้คุยกับพวกมันก็เลยลืม แต่พอมีอะไรมาทำให้นึกถึง ใจที่คิดว่าจะหายดีก็เกิดเจ็บขึ้นมาอีก เรื่องที่ผมเป็นแบบนี้ มีแค่ไอ้นัท กับไอ้ปอที่รู้ ถ้าถามว่าหายไหม ผมตอบได้เต็มปากว่ายังและคิดว่าคงอีกนานกว่าจะหาย แต่เพื่อความสบายใจของเพื่อน
“ก็นิดหนึ่ง ดีขึ้นเยอะ” ผมยิ้มบางๆ
“รู้ไหมตอนที่เห็นมึงเศร้า มึงร้องไห้ กูตกใจมากเลยนะไม่คิดว่าอย่างมึงจะเศร้ากับเรื่องแบบนี้ได้ขนาดนี้ ถ้าตอนปิดเทอมไม่ติดว่าต้องไปอยู่กับป๊าที่กรุงเทพฯนะ กูจะไปอยู่กับมึงทุกวันเลย กูเป็นห่วงมึงมากนะปี่” มือหนาลูบบนหัวผมเบาๆ ซึ้งนะที่มันเป็นห่วง เป็นเพื่อนกันมา 6 ปี ไม่คิดว่ามันจะห่วงผมขนาดนี้ แต่คำพูดมันแปลกๆ ยังไงๆ อยู่นะ ฟังแล้วรู้สึกขนลุก
“ถ้ากูเป็นผู้หญิงเนี่ยจะคิดว่ามึงจีบกูอยู่นะเนี่ย” ผมปัดมือมันออก มองหน้ามันแบบกวนๆ
“ก็กูจีบอยู่ไง”
“ฮะ!”
“เฮียเกียงเก็บตังครับ!”
ผมกำลังตากแอร์อยู่ใน 7-11 ไอ้นัทไปเลือกขนมอยู่ ที่มันพูดในร้านเฮียเกียง ผมถามมันว่าหมายความว่าไงมันก็เอาแต่หัวเราะ ถามว่าแกล้งเหรอก็ยิ้ม ผมเลยสรุปว่ามันแกล้งกวนตีนผมไปงั้น เพราะมันคงไม่คิดจะจีบผมหรอก ก็มันมีแฟนโคตรสวยอย่างน้ำอยู่ทั้งคน แล้วที่สำคัญผมไม่เคยคิดกับมันเกินเพื่อนเลยและมันคงไม่คิดกับผมเกินเพื่อนด้วยเหมือนกัน
“บอกให้ไปกดสเลิปปี้ ยื่นอ่อยอยู่นั้นแหละ” ไอ้นัทหอบถุงขนมมาเต็มแขนเลยครับ จะไปเรียนหรือไปปิกนิกวะครับ แต่แม่งไม่มีเลย์เลย เอาเลย์ด้วยดิ ! กูอยากกิน
“ไอ้นัท มึงไปหยิบเลย์เพิ่มเลยของชอบกูทำลืม”
“ใครจ่ายตังวะ” นั้น มีทวงบุญคุณ แล้วมันก็เดินไปทางช่องขนมส่วนผมหยิบแก้วไปกดสเลิปปี้ แก้ว 20 บาท กดมาแก้วใหญ่แก้วเดียว กินสองคนก็เหลือเฟือแล้ว
ก๊อกๆๆๆๆ..... ผมกำลังเคาะให้น้ำมันลงไปอัดกันในแก้ว เพื่อจะได้กดน้ำมาเพิ่มอีก ก็อกๆๆๆๆ... ยังคงเคาะต่อไป ก๊อกๆๆๆๆ.... มันยังลงได้อีกหน่า ก๊อกๆๆๆ...
“ไม้! หญิงอยากกินสเลิปปี้ไปกดให้หน่อยเอาบลูเบอร์รี่นะ”
กึก! ผมหยุดเคาะทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ “ไม้” ใช่ครับ คนนี้แหละ ที่ผมรักมากแล้วก็เกลียดมากที่สุด
“ขอทางด้วยครับ” เสียงที่แสนคุ้นเคย เสียงที่ผมฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ เสียงที่เคยอยากได้ยินอยู่ตลอด แต่ตอนนี้แม้แต่เงาของมันผมก็ไม่อยากเห็น พอได้ยินเสียงมันก็ทำให้ผมจี๊ดขึ้นมา หัวใจบีบตัว ความโกรธและความเสียใจแล่นเข้ามา ผมหันหลังให้ไอ้ไม้อยู่ แล้วคงขวางทางกดน้ำสเลิปปี้ด้วย เอาไงดีวะ ไม่อยากเจอหน้ามันเลยจะกระเถิบไปข้างๆก็ติดตู้น้ำ ทางออกเดียวคือหันไปเจอมัน แต่ผมไม่อยากเจอมัน น้ำตาผมมันมาคลอที่เป้าตาแล้วด้วย ไม่! จะให้มันได้เห็นน้ำตาเราไม่ได้ อย่าร้องนะไอ้ปี่
“นายเราจะกดสเลิปปี้” มันเอามือมาแตะไหล่ผมแล้วครับ แล้วกำลังจะหมุนตัวผมให้ไปเผชิญหน้ากับมัน ช่วยด้วย! ไม่อยากเห็นหน้ามัน ที่สำคัญตอนนี้ถึงแม้น้ำตาจะไม่ไหลแต่มันเอ่ออยู่ที่ลูกตา ใครเห็นก็รู้ว่าร้องไห้ ไม่! ผมจะไม่เสียน้ำตาให้คนอย่างมัน!
~~~~~ รักนะรู้ปะ!~~~~~
ความคิดเห็น