ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มนุษย์ล่องหน, เพื่อนในห้องเรียนของคุณ
ในห้องเรียนยามเช้า ก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ
"หวัดดี A "
"เออหวัดดี เฮ้ย B ทำเลขเสร็จยังว่ะ เอามาลอกหน่อยดิ "
ไม่ว่าสถาบันไหนก็คงจะมีการสนทนาที่คล้ายๆ กันอย่างนี้ และเรื่องของเค้าอยู่ที่นั้น ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมือง ยามเช้าตรู่ ผู้คนกำลังพลุกพลาน บนถนนที่เต็มแน่นไปด้วย รถเมย์ แท๊กซี่ รถประจำตัวส่วนบุคคล ผู้คนที่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปทำงาน เด็กนักเรียนถูกเบียดอยู่บนรถเมย์ เพื่อเดินทางไปโรงเรียนให้ทันก่อนการเข้าแถวเคารพธงชาติ บนรถเมล์ ที่ต้องยืนถือกระเป๋าหนักไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกค้างหนึ่งคอยยึดราวเอาไว้ เพื่อเดินทรงตัวกับความเร็วของการแข่งขันบนท้องถนน ความวุ่นวายในยามเช้าแบบนี้ เป็นความชินตากันจนน่าเบื่อ และเค้า มนุษย์ล่องหน ก็เป็นอีกหนึ่งที่ปนรวมอยู่ด้วยในสังคมกลุ่มนั้น
ในรถโดยสารประจำทางสายหนึ่ง กำลังแล่นอยู่บนถนนผ่านป้ายรถตามเส้นทางสายของตนเอง หยุดรับผู้โดยสารและแล่นออกจากที่นั้น มาหยุดที่สี่แยกไฟแดง ทั้งสองฝากถนน ฝั่งตรงข้าม ถนนเส้นทางซ้ายและขวา ถูกเบียดเสียดด้วยเสียงรถยนต์แออับคับคัง และเค้าก็อยู่ที่นั้น บนรถโดยสารประจำทางเพื่อไปโรงเรียน
มนุษย์ล่องหนแบกกระเป๋าหนักที่เต็มไปด้วยหนังสือ สมุด เอกสารประกอบการเรียนต่างๆ บนหลัง เค้าถูกเบียดไปมาโดยผู้คนที่ทยอยขึ้นมาบนรถ และแน่นอน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นเค้า เพราะเค้ากำลัง "ล่องหน"
มนุษย์ล่องหน, อย่าดันเค้าไปข้างหลังด้วยเหตุผลที่บอกว่า คุณไม่เห็นเค้า
มนุษย์ล่องหน, หันมาขอโทษเค้าด้วย ที่เหยียบเท้าเค้า อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และเดินหนีไป
มนุษย์ล่องหน, อย่าแกล้งหลับ โปรดลุกขึ้นมายืนแทนเค้า และให้ที่นั่งแก่เค้า มนุษย์ล่องหนก็เหนื่อยล้าเป็นเหมือนกัน
ไฟเขียวแล้ว รถเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง แล่นผ่านจุดศูนย์กลางของสี่แยก เข้าถนนสายฝั่งตรงข้าม ผ่านถนนฝั่งซ้าย ขวา ที่ยังจอดรอคิวไปเขียวต่อไป ไม่นานนักรถสายนั้นก็มาจอดอยู่ป้ายรถหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่นี่คือจุดหมายที่เค้ารออยู่ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาบนรถ ด้วยความหนาแน่นของผู้คนบนรถ เค้าต้องทนทำตัวให้เล็กที่สุด เพื่อผ่านออกมาที่ประตูรถ และยังต้องแบกกระเป้าสะพายหนักๆ ออกมาพร้อมๆ กับร่างกายของตัวเอง มนุษย์ล่องหนคนหนึ่งใครจะเห็นเค้าได้ บุคคลธรรมดาธรรมดาที่อยู่บนรถคันเดียวกันนั้น จะไปใส่ในอะไรมาก ว่าจะมีอะไรเบียดผ่านหลังไป จะไม่ใครใส่ใจว่ามีมนุษย์ล่องหนเพิ่งชนกับตัวเองเมื่อกี้
ถึงหน้าโรงเรียนแล้ว การผจญกับการเบียดเสียดบนรถประจำทาง เป็นเรื่องซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด เดินเข้าโรงเรียนผ่านกลุ่มอาจารย์ที่คุยกันอย่างเมามัน ทั้งๆ ที่หน้าที่ของท่านควรจะตรวจดูนักเรียนก่อนเข้าโรงเรียนอยู่ทุกๆ เช้า มนุษย์ล่องหนเดินผ่านอาจารย์เหล่านั้นไปหน้าตาเฉย โดยไม่พูดทักทายสวัสดีเป็นอย่างใด "ชั่งเหอะ ไม่ว่ายังไงพวกอาจารย์ก็ไม่มีทางเห็นเราอยู่ดี " เขาคิดแบบนั้น ปล่อยทิ้งกลุ่มอาจารย์ที่เข้าเวรยามเช้าไว้แบบนั้น แล้วเดินตรงไปยังตึกหลังหนึ่ง เดินขึ้นบันไดไปที่ละขั้นทีละขั้น เด็กนักเรียนที่วิ่งขึ้นลงอย่างไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย "เช้าๆ แบบนี้แข็งแรงกันนัก " มนุษย์ล่องหนคิดในใจคนเดียวอีกครั้ง ทันใดนั้นถูกนักเรียนประมาณรุ่นเดียวกัน วิ่งสวนมาจากด้านหลัง ชนไหล่เข้าอย่างจัง และวิ่งแซงขึ้นนำหน้า หลังจากที่เค้าาทรงตัวได้แล้วจึงหันมองตามหลังไป เค้าจำได้ คนคนนั้นคือเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเค้าเอง แต่เค้าก้ต้องเสียงใจภายหลังที่ได้รู้ว่าคนที่ชนเค้าโดยไร้คำขอโทษ ไร้ความรู้สึกใดใดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือเพื่อนร่วมห้องของเค้าเอง "ไม่เป็นไรหรอก ก็เราคือมนุษย์ล่องหนนี่น่า เค้าคงไม่รู้หรอกว่าเพิ่งชนเข้ากับอะไร " มนุษย์ล่องหนคิดแบบนั้น
อีก สาม สี่ เมตรจะถึงหน้าห้องเรียน
"หวัดดี A "
"เออหวัดดี เฮ้ย B ทำเลขเสร็จยังว่ะ เอามาลอกหน่อยดิ "
เสียงของเพื่อนที่เพิ่งชนตนเองที่บันไดดังออกมานอกห้อง มนุษย์ล่องหนเดินเข้าห้องตรงไปที่โต๊ะของตัวเอง ไร้เสียงทักทาย ไม่มีใครมองมาทางเค้า มีเพียงบางคนที่หันมามองทางประตูห้องเพียงแวบเดียว และหันกลับไปทางเดิมทันที มนุษย์ล่องหนถอดกระเป๋าออกมาวางบนเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องเรียน ไปหาข้าวเช้ากินในโรงอาหารข้างล่าง ช่วงเวลาที่เค้าก้าวเข้าห้องเรียนไปเก็บกระเป๋าจนถึงช่วงเวลาที่เดินออกมา บรรยากาศในห้องเงียบสนิทเป็นปกติ ไร้เสียงพูดทักทาย ไร้คำพูดของคนในฐานะ "เพื่อน"
"เราเองก็ไม่ได้ทักอะไรกับใครเหมือนกัน ทำไงได้ก็เราเป็นมนุษย์ล่องหนนิ ใครจะมองเห็น? " เค้าคิดปลอยใจตัวเองระหว่างเดินลงบันได และถูกชนไหล่ไปโดยไม่ได้ยินเสียงขอโทษอะไรเลยอีกครั้ง
มนุษย์ล่องหน, ทักทายเค้าด้วย เค้าคือเพื่อนของคุณ
มนุษย์ล่องหน, หันมาดูซักนิดว่าคุณชนอะไรไปเมื่อกี้
มนุษย์ล่องหน, เอาเป็นว่าเค้าให้อภัยคุณได้ทุกเมื่อ หากคุยเอ่ยคำขอโทษกับเค้า
จบการเคารพธงชาติ สวดมนต์เสร็จ ก็ต้องมาเจอการประชาสัมพันธ์ในตอนเช้าของอาจารย์ที่เข้าเวรเช้า แดดในตอนสายแบบนี้ ชังดูประชดประชันเหลือเกิน มนุษย์ล่องหนอยู่รวมในระหว่างแถวนักเรียนนั้น ถึงจะเป็นมนุษย์ล่องหนก็เถอะ ไม่ได้หมายความว่า ไม่รู้สึกร้อนอะไรเพราะว่าร่างกายโปร่งใสแสงผ่านได้ตลอดซะหน่อย นี้เป็นเหตุผมทำให้มนุษย์ล่องหนยังทนยืนปาดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองอยู่ขณะนี้
ตลอดคาบเช้าเต็มไปด้วยวิชาอันน่าเบื่อ คณิตศาสตร์ สุขศึกษา สังคม ภาษาไทย โรงอาหารในช่วงเที่ยงช่างอลหมาน "แต่ก็ยังดีกว่าในรถเมล์เมื่อเช้าล่ะ " มนุษย์ล่องหนคิดแบบนั้น ในขณะที่ตัวเองถูกดันจากคนข้างหลังในการต่อคิวเข้าซื้ออาหาร ในอีกสิบนาทีต่อมา เค้าก็ได้จานข้าวตามสั่งอยู่ในมือ เดินออกมาจากแถวร้านอาหารที่ยังคงแน่ไม่เปลี่ยน เดินมองหาโต๊ะว่างเพื่อเริ่มนั่งกินข้าว เค้าเจอเป้าหมายแล้ว จึงเร่งฝีเท้าตรงไปที่นั้น แต่เค้าช้าเกินไป มีนักเรียนคนอื่นที่อยู่ใกล้กว่าเข้าไปนั่งซะแล้ว แต่ไม่เป็นไร เค้าเหลือบไปมองเห็นโต๊ะอีกตัวข้างๆ กันนั้น ยังว่างอยู่ เค้าไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมไปที่นั้น แต่แล้วมนุษย์ล่องหนก็โดนแย้งที่นั่งอีกเป็นครั้งที่สอง นักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินแซงเค้าจากด้านหลังไปนั่งที่นั้นอย่างหน้าตาเฉย
ผ่านไปอีกสิบนาทีกว่าที่มนุษย์ล่องหนเดินถือจานข้าววนไปมารอบโรงอาหาร ในที่สุดก็ได้ที่นั่ง เป็นชุดโต๊ะยาวตัวหนึ่งที่นั่งกันได้ เจ็ด แปดคน โดยแบ่งฝั่งล่ะสี่ เค้าเลือกนั่งที่หัวมุมโต๊ะด้านหนึ่ง และเริ่มอาหารมื้อกลางวัน
"รู้งี้มาให้เร็วกว่านี้ก้ดี เมื่อเข้าปั่นแทบตาย ลืมไปเลยว่ะว่าวันนี้มีเลขคาบแรก เกือบไม่ทัน"
"เองก็ทำเองมาจากบ้านบ้างซิวะ! "
"ขี้เกียจโว๊ย!!! "
เสียงดังมาจากโต๊ะกินข้าวถัดจากที่มนุษย์ล่องหนนั่งอยู่ไปหนึ่งโต๊ะด้านหลัง พวกนั้นคือกลุ่มเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันนั้นเอง กำลังคุยกันเรื่องการบ้านคณิตศาสตร์ เค้าเองที่นั่งอยู่ข้างหลังกลุ่มนั้นอยู่คนเดียว เค้าเองก็อยากเข้าร่วมในกลุ่มสนทนานั้นบ้าง เค้าไม่อยากนั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียวแบบนี้ แต่คงทำไม่ได้ มนุษย์ลองหนคิด หากเขาเดินเข้าไปที่โต๊ะนั้นและร่วมสนทนาด้วย คงไม่ได้การต้อนรับอย่างดีเท่าที่ควรนัก ใครกันจะมาพูดกับเค้าด้วย นักเรียนคนหนึ่งที่ชอบเดินไปไหนต่อไหนคนเดียว ไม่คบกับใคร ไม่ยุ่งหรือพูดคุยกับใคร จะให้ทำไงได้ คงไม่มีใครคบหาสมาคมกับเค้าหรอก ในเมื่อเค้าคือ "มนุษย์ล่องหน" ที่ไม่มีใครมองเห็น.....
ในวิชาพละของช่วงบ่าย ปีนี้เรียนบาสเกตบอล อาจารย์ให้จับคู่ พลัดกันซ้อมส่งลูกไปมาในแบบต่างๆ ส่งระหว่างอก ส่งโดยกระเด้งพื้นไปให้ฝ่ายตรงข้าม และส่งโดยโยนเหนือหัว หลังจากฟังคำอธิบายของอาจารย์เสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปจับคู่และเริ่มส่งลูกไปมา
เป็นอย่างที่เค้าคิดไว้ เหลือเค้าอยู่คนเดียว ที่ไม่มีคู่ส่งบอลด้วย ไม่มีใครเลือกจับคู่กับเค้าเพื่อซ้อมส่งลูก มนุษย์ล่องหนยืนถือลูกบาสอยู่ในมือคนเดียวที่นั้น ท่ามกลางลานกว้างที่มีนักเรียนส่งลูกบาสไปมา แต่มีเพียงเค้าคนเดียวที่ยังยืนถือบอลนิ่งอยู่คนเดียว มนุษย์ล่องหนเริ่มทนอยู่แบบนี้ไม่ไหว เขาตัดสินใจเดินไปหาเพื่อนคู่หนึ่งที่กำลังโยนบอลเหนือหัวไปมา เพื่อขอพลัดเปลี่ยนคู่บ้าง แต่มันไม่ได้ผล ทั้งสองคนนั้นยังส่งบาสไปมาอย่างปกติ เขาล้มเลิกจากเพื่อนกลุ่มนี้แล้วเดินไปหาอีกกลุ่มที่อยู่ข้างๆ กัน แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร สองคนนี้ไม่มีทีท่าว่า เค้าเข้ามาขอพลัดเปลี่ยนส่งลูกบาส และยิ่งกว่านั้น เมื่อเค้าเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีก สองคนนั้นก็เลิกส่งลูกบาสแล้วเดินหนีออกจากตรงนั้นไปรวมกับเพื่อนอีกกลุ่มเพื่อแบ่งทีมเล่น
มนุษย์ล่องหนหยุดหาคู่เพื่อซ้อมส่งลูกแล้ว เขาคิดว่า เค้าเลือกหันเข้ากำแพงเพื่อซ้อมส่งลูกจะดีกว่า ในเมื่อตัวเอง "ล่องหน" อยู่แบบนี้ ไม่มีใครเห็นเค้าแน่ และสุดท้ายนั้น คาบของวิชาพละจบลงโดยที่เค้าส่งลูกกระเด้งไปมากับกำแพงอยู่คนเดียว "เอาซิ ปีนี้จะได้ หนึ่งหรือสองล่ะ " มนุษย์ล่องหนกำลังทำนายเกรดเฉลี่ยของวิชาพละในปีนี้ โดยเมื่อปีที่แล้วเขาทายถูก กับวิชาวอเลย์บอลที่ได้เกรดหนึ่งอย่างหวุดหวิด
แล้วทั้งวันนี้ ก็มาหยุดลงในตอนที่ มนุษย์ล่องหนนอนตีพุงบนเตียงในห้องนอน อาหารเย็นของเขาวันนี้ ยังดีกว่าข้าวพัดกระเพาเมื่อตอนกลางวัน ตอนที่เค้านั่งทนฟังเสียงสนทนาของเพื่อนร่วมห้องอยู่คนเดียว และทุกๆ วันที่เจอแต่เรื่องซ้ำๆ เหมือนตรายางที่จะปั้มกี่ทีก็เป็นลอยหมึกเหมือนเดิม โชคดีของตัวเขาเองที่ยังมีแรงและกำลังใจอยู่ในอีกมุมหนึ่ง บางมุมมองที่ทำให้เค้าหลุดออกจากการ "ล่องหน" ที่สมควรแก่การขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋ารถเมล์ที่คอยรับค่าโดยสารจากเค้าโดยไปมองข้ามเค้าไปอย่างคนอื่นๆ บนรถ ขอบคุณคนขับรถที่ได้ยินเสียงออดที่เค้ากดก่อนลงที่หน้าโรงเรียน ขอบคุณแม่ค้าในโรงอาหารของโรงเรียนที่ยิ้มให้เค้าทุกเช้าและกลางวัน ขอบคุณอาจารย์ในโรงเรียนที่ให้การบ้านแก่เขา เป็นการบอกกับตัวเขาเองว่าเขายังมีตัวตนอยู่ และสุดท้ายนั้น ขอบคุณสถานที่, บุคคลอันเป็นที่ใกล้ชิดกันมากที่สุด ขอบคุณบ้าน, บุคคลในครอบครัวของเค้าเอง ครอบครัวที่มองเห็นเค้าอยู่ตลอดเวลา....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น