นิยายรักสุดเศร้าละครรักน้ำเน่า ไม่เท่าเรื่องเล่าจากชีวิตจริง - นิยาย นิยายรักสุดเศร้าละครรักน้ำเน่า ไม่เท่าเรื่องเล่าจากชีวิตจริง : Dek-D.com - Writer
×

    นิยายรักสุดเศร้าละครรักน้ำเน่า ไม่เท่าเรื่องเล่าจากชีวิตจริง

    นิยายรักสุดเศร้าละครรักน้ำเน่า..ยังไม่เท่าเรื่องเล่าจากชีวิตจริง บทนำเรื่อง

    ผู้เข้าชมรวม

    245

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    245

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 เม.ย. 54 / 14:04 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    9 เม.ย. 54

    บัตรประจำตัวผู้ถือบัตรระบุชัดเจนทั้งวัน เดือน ปีพ.ศ.ที่เกิด 2535 นั่นแหล่ะอายุผม ถ้าบวกลบคูณหารกันได้ตัวเลขออกมาก็คงประมาน 19 ปี อาจเป็นตัวเลขที่ดูเหมือนจะเยอะไปสำหรับบางคนที่ไม่อยากแก่ แต่ไม่ใช่ผม เมื่อมีอายุมากขึ้นๆ ย่อมมีประสบการณ์หลายๆรูปแบบที่เจอะเจอมา อาศัยการจดจำสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง เรื่องเล่าจากคุณตาคุณยายหรือไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกันรวมไปถึงรุ่นน้องผมก็ด้วย

                    เด็กมัธยมปลายทั่วไปยุ่งอยู่กับการเรียนระยะสุดท้ายในรั้วโรงเรียนเพื่อก้าวออกไปสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่ตัวเองวาดฝันไว้อย่างสวยสดงดงาม แต่ช่างเถอะ ผมเชื่อว่ามันไม่มีอะไรที่ได้อย่างใจเราไปซะทุกอย่าง วันนี้มีอากาศให้ปอดหายใจ มีพื้นดินนุ่มๆให้เราเดิน สนามหญ้าไว้ออกกำลังกาย ห้างสรรพสินค้าไว้เดินช็อปฯเวลาเหงา สิ่งอำนวยสะดวกครบครัน บางทีลืมคิดไปว่า ไม่ใช่ความสุขหรอกหรอที่เราต้องการเพียงอย่างเดียว แต่ก็เถียงไม่ได้อีกว่าทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมานั่นแหล่ะเรียกว่าความสุข (จริงๆแล้วความสุขกับความสบายมันอยู่ใกล้กันนิดเดียว เราอาจจะแยกมันไม่ออกเอง) ผมเชื่อว่าคนที่อายุไม่น้อยไปกว่าผมรู้ดีว่าชีวิตนักเรียนมอปลายอันแสนเหนื่อยเหน็ดผ่านพ้นไปแต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อก้าวเข้าเป็นนิสิต/นักศึกษาแล้วคือ.... เอาเป็นว่าผมจะอธิบายง่ายๆนะว่า เมื่อคนเราทุกคนเกิดมานั้นย่อมความมีทุกข์ ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วหัวเราะแทนที่จะร้องไห้ได้เลย

    ตั้งแต่ผม อายุ 0-4 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า การร้องไห้เป็นสัญลักษณ์บอกให้คนอื่นหันมาสนใจ

    อายุ 4-6 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า ความสุขคือการได้นอนกลางวันหลังจากวิ่งเล่นกับเพื่อนจนเหนื่อย

    อายุ 6-8 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า ความสุขคือการที่แม่ยิ้มเวลาที่ผมเอาผลสอบไปให้ดูแล้วได้ที่1

    อายุ 8-12 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า การเลิกล้อชื่อพ่อแม่คนอื่นเป็นเรื่องที่ดีเพราะเพื่อนจะไม่เกลียดเรา

    อายุ 12-15 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า ความสุขคือการมีแฟนสวยๆสักคนเพื่ออวดให้คนอื่นอิจฉาเล็กๆน้อยๆ

    อายุ 15-18 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า ความสุขคือการอยู่ร่วมกับเพื่อน พึ่งพากัน สามัคคีเพื่อความอยู่รอด

    อายุ 18-22 ปี โลกสอนให้ผมรู้ว่า การเอาตัวรอดเพียงตัวคนเดียวให้ได้ในการดำรงชีวิตประจำวันเมื่อต้องเรียนและรักควบคู่ไปด้วยกันเป็นเรื่องที่ยากเอาการ

    อายุ 22 ปีเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมาว่าเราทำมันได้ดีแค่ไหน

    ไม่แปลกหรอกที่ตอนเด็กๆทำไมพ่อแม่ถึงต้องสอนให้ผมตั้งใจเรียน ขยันๆ ทำตัวดีดี จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ หากโตไปจะรู้เอง พ่อผมเคยพูดไว้

    ถึงตอนนี้แล้วผมคงบอกพ่อว่า ขอบคุณครับพ่อ (ยิ้ม)

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น