ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักร้าว ในเงามาร

    ลำดับตอนที่ #11 : Chepter 10: ความจริงและจุดเปลี่ยน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 832
      1
      29 ต.ค. 55

    ผมสะดุ้งเหงื่อท่วมตัว ทำไมถึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีอย่างนี้นะ ในใจวนเวียนคิดถึงใบหน้าหล่อใสนั้น ตอนเย็นทั้งนายคนนั้นและคุณหนูก็ไม่กลับมาทานอาหารเย็น แต่จะแปลกอะไรล่ะในเมื่อทั้งสองมีสิทธิ์ที่จะไปไหนมาไหนกันได้อย่างเต็มที่ ความเจ็บแล่นเข้ามาปะทะหัวใจ... เมื่อไหร่นะความเจ็บช้ำถึงจะจางหายไปจากใจดวงนี้สักที หรือว่าเราจะลาออกจากที่นี่เพื่อตัดปัญหาให้มันพ้นๆกันไป....

    ผมทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง... เรื่องราวระหว่างผมกับเค้าก็ผุดเข้ามาให้ห้วงความคิด ถ้ายังเห็นหน้าเค้าอย่างนี้แล้วผมจะลืมทุกอย่างได้อย่างไรกัน!!!  “เงิน” มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมก้าวเข้ามาที่นี่แต่มันไม่ได้สำคัญมากพอที่จะทำให้ผมต้องทุกข์ทนแบบนี้อีกต่อไป ผมตัดสินใจแล้ว....ผมจะลาออกจากที่นี่!!!

    “ครูแกง!!! ครูแกง!!!” เสียงโวยวายพร้อมกับการทุบประตูเสียงดัง ทำให้ผมต้องรีบลุกออกจากเตียงไปเปิดประตูทันที ป้านวลที่มีแววตาขวัญเสียยืนตัวสั่นอยู่หน้าประตู

    “มีอะไรครับป้า...หน้าตาตื่นเชียว” ผมคว้ามือของหญิงวัยกลางคนเพื่อปลอบโยน

    “คุณฮั่น...คุณฮั่นถูกยิงคะครู” พอสิ้นเสียงนั้นหัวใจผมกระตุกวูบราวกับร่างกายตกมาจากหน้าผาสูงด่ำดิ่งสูงก้นเหวลึก....

    “ป้า...ป้าพูดเรื่องอะไร” ผมถามออกไปเหมือนคนโง่ นายผีดิบ...นายอย่าเป็นอะไรไปนะ!!! แค่นี้ยังทำให้ชั้นเจ็บปวดไม่พอรึไง... อย่าเป็นอะไรไปนะ อย่าทิ้งชั้นไปแบบนี้!!!

    “คุณหนูสมายล์เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล” พอได้ยินเท่านั้นผมรีบวิ่งไปหาคุณหนูสมายล์ทันที ร่างเล็กนั้นเหมือนกำลังร้อนรนออกจากห้อง เจนจิราก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่ผมไม่สนใจอีกแล้ว... ขอเพียงหนึ่งคำ แค่เพียงได้รู้ว่า คนๆนั้นปลอดภัยแล้วเท่านั้น... ผมขอแค่นั้นจริงๆ

    “คุณหนู.....คุณหนูผมได้ยินว่า----”

    “ขอโทษนะชั้นไม่ว่างจะคุยด้วย” เสียงสะบัดแปร่งหูทำให้ผมรู้สึกใจไม่ดี สายตาที่เคยนุ่มหวานกลับกลายเป็นสายตาโชนวาวด้วยความไม่สบอารมณ์ เจนจิรามีรอยยิ้มที่มุมอย่างมาดร้าย ผมชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว

    “ผมตามไปด้วยได้มั้ยครับ???” แต่กระนั้นความเป็นห่วงคนเจ็บก็มากกว่า ผมโพล่งคำถามที่ทำเอาร่างบางชะงัก หันมามองหน้าผมด้วยความแววตาเจ็บแค้นอย่างลึกซึ้ง

    “เพื่ออะไร---ครูแกงจะไปหาพี่ฮั่นทำไม.... ชีวิตของพี่ฮั่นเป็นของชั้น---ครูได้โปรดจำเอาไว้ ไม่มีใครมาพรากเราออกจากกันได้!!!” แต่สิ่งที่กลับมามันมากกว่าความเกรี้ยวกราด อยู่ๆคุณหนูสมายล์ก็ตะคอกขึ้นมา แต่ความเสียใจในแววตานั้นมันกลับซ่อนไว้ไม่มิด นี่...มันมีเรื่องอะไรกัน!!!

    “คุณหนูพูดเรื่องอะไร....” ผมถามออกไปด้วยความสงสัยทั้งที่ความรู้สึกก็สัมผัสได้ว่ามันคงเพราะความสัมพันธ์ที่ไม่สมควรจะเกิดระหว่างผมกับเค้าคนนั้น.... แต่ทุกอย่างมันก็จบลงตั้งแต่มันยังไม่ทันเริ่ม หรือว่าแม้แต่ความห่วงใยของผม มันก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ???

    “เรื่องนี้ชั้นไม่ปล่อยไว้แน่---สักวันชั้นจะจัดการมันด้วยมือของชั้นเอง รอวันนั้นให้ดีเถอะ!!!” ผมได้แต่มองตามร่างบางนั้นด้วยความสับสน ความกลัวเริ่มเข้ามาแทรกซึมในความรู้สึก.... แต่ผมก็ไม่อาจจะครุ่นคิดเรื่องนี้ได้นานนัก เมื่อผมเองยังไม่รู้แม้แต่น้อยเลยว่า “คนๆนั้น” จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ความทรมานที่เกิดจากความเย็นชาระหว่างเราทั้งสอง มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกเจ็บปวด ณ ขณะนี้ อีกสักครั้งเท่านั้นที่ชั้นอยากเห็นหน้านาย... แค่ได้เห็นว่านายไม่เป็นอะไร แค่เท่านั้นเอง....  ผมจึงเลือกที่จะวิ่งตามคุณหนูสมายล์แต่ร่างบางสง่าของเจนจิรากลับเข้ามาขวาง... ใบหน้าสวยนั้นมันช่างทำให้ผมรังเกียจได้อย่างน่าประหลาด

    “จะไปไหนคะ...ครูแกง” น้ำเสียงหยันเหยียดนั้น มันทำให้ผมขยับตัวเล็กน้อย ตอนนี้ผมพร้อมที่จะสู้แล้ว ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น 

    “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ!!!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเบาหากแต่หนักแน่น แต่ร่างนั้นกลับไม่ได้สะทกสะท้าน ตรงกันข้ามเจนจิราลอยหน้าลอยตามองผมจนตัวผมเองเริ่มจะมีอารมณ์เดือดดาลเล็กๆ ทำไมต้องมาทำตัวเป็นนางร้ายในเวลาคับขันแบบนี้ด้วยนะ!!! แต่อีกใจก็รู้สึกใจชื้นว่า เจนจิราเองก็คงนั่งไม่ติดเหมือนกันหาก “คนๆนั้น” อาการน่าเป็นห่วง ซึ่งผมก็รู้สึกโล่งอกไปได้บ้าง

    “ขอโทษนะ ตอนนี้ทุกคนห้ามออกจากบ้าน คุณหนูสั่งไว้” ผมก้าวไปได้เพียงสามก้าว เสียงเฉียบก็ดังมาจากด้านหลัง ผมหันมามองเจนจิราผู้เป็นต้นเสียง ใบหน้าสวยงามแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด

    “แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ คุณหนูสมายล์เป็นแค่นายจ้างไม่ใช่เจ้าชีวิต!!!” ผมขึ้นเสียงอย่างเหลืออด แต่รอยยิ้มนั่นกลับมีร่องรอยการเย้ยหยันมากขึ้น

    “คุณคิดผิดแล้ว.... บ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด โดยเฉพาะคนที่คิดจะเป็นศัตรูหัวใจกับคุณหนูแล้วละก็---ที่นี่มันก็คือนรกบนดินดีๆนี่เอง” ท้ายประโยคเจนจิราย้ำเน้นแต่ละคำอย่างชัดเจน หัวใจผมกระตุกวูบ.... หมายความว่ายังไงกัน!!! มันควรจะจบมันลงไปได้แล้วนะ เค้าเลือกที่จะรักคุณหนูไม่ใช่ผม....เรื่องมันจบแบบนั้น แบบที่ควรจะจบ... ผมไม่เสียใจหากผมต้องออกจากบ้านหลังนี้ แต่ขอให้ได้รู้ว่า “คนๆนั้น” ไม่เป็นอะไร ขอให้รู้ว่าเค้าปลอดภัย เพียงเท่านั้นไม่ว่าจะต้องห่างกันแค่ไหนผมก็พอใจแล้ว

    “คุณห้ามผมไม่ได้หรอก!!!” ผมบอกอย่างหนักแน่น แต่ก็ต้องเข้าใจความหมายเมื่อให้ชายสองคนยืนขวางหน้าประตูไว้ ผมหันกลับไปมองเจนจิราอีกครั้ง แววตามาดร้ายส่องมาอย่างสะใจก่อนสาวร่างงามจะเยื้องก้าวขึ้นไปบนบันได้ ผมมองกลับไปที่ชายสองคนที่มองตรงมาที่ผมอย่างขึงขัง.... นี่...มันมากเกินไปแล้วนะ!!! ทำไมต้องกีดกันขนาดนั้นด้วย ในเมื่อเค้าเลือกเธอนะ...คุณหนูสมายล์!!!

     

    SMILE talk

    หน้าด้าน...หน้าด้านที่สุด ชั้นอยากจะไล่มารหัวใจออกไปให้พ้นหูพ้นตา...แต่อย่างที่เจนจิราบอกมันก็ถูกเก็บครูแกงไว้ใกล้ๆ ทำให้สองคนนั้นเจ็บปวดหัวใจจนรักกันไม่ได้ดีกว่าจะปล่อยให้ครูแกงไป... เพราะพี่ฮั่นคงจะตามหาจนเจอแล้วทุกอย่างจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา!!!

     

    “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ... หมออยากให้คนไข้พักผ่อนญาติก็ยาเพิ่งรบกวนนะครับ” เสียงนั้นเหมือนทำให้ความอึดอัดในใจหมดไป พี่ฮั่นปลอดภัยแล้ว.... ชั้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก น้ำตาไหลออกมาเพราะความดีใจที่ท่วมท้นล้นอกจนไม่รู้จะแสดงออกมาได้อย่างไร ชั้นสั่งห้องวีไอพีและพยาบาลพิเศษที่ดีที่สุดไว้ดูแลคนที่ชั้น“รัก”มาก ไม่ว่าจะเสียไปสักเท่าไหร่ชั้นก็ไม่แคร์ ขอแค่พี่ฮั่นปลอดภัยชั้นยอมให้ไดทุกอย่าง!!!

    ใบหน้าซีดเซียวที่นอนเหยียดยาวบนเตียงผู้ป่วย ในมือกำสร้อยพระที่พี่ฮั่นห้อยติดตัวมาตลอด ชั้นเคยถามพี่ฮั่นหลายครั้งเกี่ยวกับสร้อยที่ดูเหมือนจะสำคัญกับพี่ฮั่นมากเส้นนี้ แต่ก็ได้กลับมาเพียงรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขนั้น บางครั้งชั้นก็หงุดหงิดใจที่เห็นพี่ฮั่นให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นมากกว่าชั้น...แต่มันก็ดูงี่เง่าเกินไปที่ชั้นคิดจะเอาชนะแม้กระทั่งสิ่งของ จึงได้แต่เก็บความหงุดหงิดใจในไว้เงียบๆเพียงคนเดียว

    พี่ฮั่น....เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่แสนโหดร้าย ที่กล้าพรากพ่อและแม่ไปพร้อมๆกันโดยไม่สนใจว่าชั้นจะอยู่ได้อย่างไร มือแรกที่ฉุดชั้นขึ้นจากพื้นและเช็ดน้ำตาให้คือ...พี่ฮั่น สายตาหวังดีและไม่ต้องการอะไรตอบแทนทำให้ชั้นรู้ว่าโลกนี้ได้มอบพี่ฮั่นมาเป็นคนที่ยืนเคียงข้างชั้น ใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อนั้น...ช่างน่ามองเหลือเกิน ชั้นกรีดนิ้วไปตามไรผมนั้นอย่างแผ่วเบา มือแข็งแรงของพี่ฮั่นคว้าสะเปะสะปะมากุมมือชั้นไว้แนบแก้ม เพียงสัมผัสเท่านี้ก็ทำเอาหัวใจชั้นเต้นแรง... ไม่เคยเลยสักครั้งที่พี่ฮั่นจะทำอะไรแบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะความต้องการส่วนลึกของพี่ฮั่น.... ชั้นได้แต่ยืนหัวใจฟองโต

    “แกงส้ม....แกงส้ม...อย่าไปจากพี่เลย” แต่วิมานในอากาศก็พังทลายเมื่อชื่อที่ถูกเรียกจากริมฝีปากงามนั้นไม่ใช่ชื่อชั้น.... ครูแกงงั้นเหรอ??? สองคนนี้....พวกทรยศ อุตส่าห์วางใจ ที่แท้ก็ลักกินขโมยกินลับหลังชั้น แต่ไม่เป็นไรพี่ฮั่น... สมายล์ให้อภัยพี่ได้เสมอ แต่สมายล์ไม่มีวันปล่อยให้พี่มีความสุขกับคนอื่นหรอก ชีวิตของพี่เป็นของสมายล์... มันจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป!!!

     

    ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป.... แต่ที่แน่ๆคืนนี้ผมไม่อาจข่มตาลงได้ นายฮั่น...อย่าเป็นอะไรไปนะ ถ้านายเป็นอะไรไปตอนนี้ชั้นจะทำยังไง น้ำตาที่ไหลออกมาเกิดจากความคับแค้นที่สั่งสมในอก ทำไมถึงใจร้ายกันแบบนี้... หัวใจผมกำลังจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว สิ่งเลวร้ายที่คนๆนั้นหยิบยื่นมาให้มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดีๆที่มีในหัวใจลดน้อยลงไป มันดูโง่งมแต่ตอนนี้ผมรับมันได้... ผมรู้แล้วว่าความรู้สึกนี้มันคือ “ความรัก” ถึงจะเป็นความรักที่เหมือนเดินเข้าไปในถ้ำที่ไม่มีทางออก ไร้แสงไฟ แต่ไม่ว่าอย่างไร... ผมก็เต็มใจที่จะก้าวสู่วังวนของความรักที่เจ็บปวดนั้น

    แต่เสียงมือถือก็ดังผิดจังหวะ นี่มันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ใครกันนะโทรมาตอนนี้ ผมเดินไปที่มือถือ ปรากฏว่าเป็นชื่อป้านวลที่เป็นคนโทรเข้ามา

    “ครับป้า...” ผมข่มเสียงให้ราบเรียบเป็นปกติ

    “ครูแกงเปิดหน้าต่างออกมาสิ---เร็วๆคะ” ป้านวลพูดรัวเร็ว เห็นอย่างนั้นผมจึงไม่ถามต่อ เดินไปที่หน้าต่างทำตามที่ป้านวลบอกทันที เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปก็เห็นบันไดไม้ไผ่ทอดอยู่

    “ป้า---ป้าทำอะไรครับ” ผมกรอกเสียงไปตามสาย

    “ป้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณฮั่น---ปีนลงมาเถอะป้าเตรียมรถไว้นอกบ้านแล้ว”

    “แต่คุณหนูก็อยู่ที่โรงพยาบาล--ผมจะเข้าไปหาคุณฮั่นได้ยังไง” ผมบอกอุปสรรคใหญ่...ถึงจะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แต่ยังไงผมก็ไม่อาจเข้าไปได้หากคุณหนูยังคงเฝ้านายฮั่นอยู่อย่างนั้น

    “คุณหนูออกมานอนโรงแรมแถวนั้นจ๊ะ ครูออกไปหาคุณฮั่นเถอะ ป้าเชื่อว่าคุณฮั่นเองก็อยากเห็นหน้าคุณเหมือนกัน” คำพูดนั้น...มันทำให้ผมใจชื้น นายฮั่น...ถ้าอยากเห็นหน้าชั้นจริงๆ ชั้นก็จะไปหาไม่ว่าจะมีอะไรขวางหน้า เพราะหลังจากนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับชีวิตผม... ผมแค่ได้บอกความรู้สึกที่มีอยู่ในใจให้กับคนที่เข้ามาอยู่ในหัวใจได้รับรู้...ก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสได้พูดมัน!!!

    ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะบิดลูกบิดก้าวเข้าไปด้านในห้อง ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผมวางกระเป๋าเป้ลงที่ชุดโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะก้าวเบาๆเพราะกลัวร่างสูงนั้นจะตื่น ใบหน้าขาวคมที่ซีดเซียวไม่ได้ทำให้ความทรงเสน่ห์ของรูปหน้านั้นลดลง คงเจ็บมากสินะ...คนบ้า!!! ทำไมต้องทำให้คนอื่นเค้าร้อนรนด้วยความเป็นห่วงแบบนี้ด้วยนะ

    “แกงส้ม....” ชื่อของผมหลุดออกจากริมฝีปากได้รูปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าของผมร้อนผ่าวอย่างไม่อาจควบคุม

    “นี่เพ้อจริงหรือว่าแกล้งเนี่ย???” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยผมที่ตกมาปรกหน้าผากอย่างอ่อนโยน

    “เพ้อจริงเพราะความคิดถึงเป็นเรื่องจริง” จู่ๆคำพูดนั้นก็ผหลุดออกจากปากมาทั้งที่ตายังหลับอยู่ ผมจะก้าวออกห่างจากร่างนั้น แต่มือของคนเจ็บกลับว่องไวเช่นเดิม คว้าข้อมือผมเอาไว้แนบกายไว้ หัวใจของผมสั่นไหวอย่างรุนแรง

    “โดนยิงมา---ยังมาทำซ่าอีกนะ” ถึงแม้ในใจจะละลายไปกับความกรุ้มกริ่มแต่ผมก็ยังพูดจาเสียดสีคนเจ็บได้ ผมถูกดึงร่างเข้าไปหาจนต้องนั่งลงบนเตียง

    “ความจริงก็เจ็บปางตาย...แต่ได้เห็นแกงส้ม---ความเจ็บปวดมันก็หายไปหมด” ไม่เพียงคำพูดที่แสนหวาน สายตาคมเข้มก็จ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ผมหลบสายตานั้นอย่างเอียงอาย

    “แล้วเจ็บมากมั้ย???....” ผมถามเมื่อเห็นว่าใบหน้านั้นยังคงร่องรอยความอ่อนแรงอยู่ ผมสำรวจไปทั่วร่างสายตาไปปะทะสร้อยพระที่แขวนไว้ เหมือนเจ้าตัวจะรู้ขยับตัวเบี่ยงพยายามจะผูกเสื้อคนไข้ให้เรียบร้อย

    “นี่มัน----” ผมคว้ามือทั้งสองข้างของคนที่พยายามปิดบัง ผมดึงสร้อยเส้นนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อได้เห็นชัดๆ นี่มันคือสร้อยพระที่ผมให้คนหนึ่งคนแทนคำสัญญาของเรา น้ำตาไหลออกมา ผมบอกไม่ถูกว่าที่ร้องไห้เป็นเพราะความรู้สึกในส่วนไหน ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้สึกสับสนไปหมด

    “แกงส้ม....” เสียงแหบพร่านั้นมีสำเนียงเว้าวอน ผมปาดน้ำตาอย่างลวกๆ

    “ทำไมไม่บอกผมว่าคุณคือ....พี่คนนั้น” ความน้อยใจมันแทรกเข้ามาในความรู้สึก นับตั้งแต่วันนั้นผมก็พยายามไปตามหาเข้าที่ตรอกเปลี่ยวตรงนั้นมาตลอด แต่ก็ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เหงาของคนที่ผมคิดถึง กระเป๋าสตางค์ใบแล้วใบเล่าถูกรีดไถไป ผมไม่เคยนึกเสียดายมัน แต่ผมเสียใจที่คนที่สัญญากันเป็นมั่นเหมาะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีคำลา ไม่มีอะไรทั้งนั้น!!!

    “พี่...พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกแกงส้มยังไง” พี่ฮั่นคว้าร่างผมไว้กอดแนบอก ผมอยากจะสะบัดตัวออกมาแต่ก็กลัวว่าจะทำให้พี่ฮั่นเจ็บแผลที่เพิ่งผ่าตัด

    “พี่รู้มั้ย???---ว่าผมรอคอยพี่มานานแค่ไหน พี่หายไปไหนทำไมไม่ร่ำลาผมเลยสักคำ” ผมต่อว่าพี่ฮั่นด้วยความน้อยใจกับเรื่องราวในอดีต พี่ฮั่นจรดจมูกลงที่ซอกคอผมอย่างแผ่วเบา ลมหายใจร้อนๆปะทะซอกคอทำให้ผมจิตใจกระเจิดกระเจิง

    “พี่ขอโทษนะ---พี่นึกว่าแกงส้มลืมไปพี่ไปแล้ว พี่ไม่นึกว่าพี่จะสำคัญกับแกงส้มจริงๆ” คำพูดนั้นมันทำให้ผมโมโหขึ้นมา น้ำตาที่เกือบแห้งไหลพรากออกมาอีกครั้ง เค้าไม่คิดว่าผมสำคัญ....แต่ผมเห็นว่าเค้าสำคัญมาตลอดหกปี ความรู้สึกดีๆที่มีให้มีแค่ผมที่ยังคงจดจำมันไว้ ผมนี่มันช่างไร้เดียงสาจริงๆ

    “งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ช่างมันเถอะ...เราอย่ามารื้อฟื้นเรื่องนี้อีก” ผมค่อยๆถอยตัวออกห่างด้วยความเจ็บช้ำหัวใจ ทุกอย่างที่ผ่านมามีค่ามาบ้างมั้ย???....ในสายตาของพี่!!!

    “เดี๋ยว---คุยกันก่อน โอ๊ยยย!!!” ทั้งที่โกรธเค้าแท้ๆ แต่เมื่อได้ยินคำอุทานแสดงความเจ็บปวด ผมก็หันมาประคองร่างสูงนั้นโดยทันที

    “คนบ้า...รู้จักระวังตัวบ้างสิ” ผมดุพี่ฮั่นทั้งที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา พี่ฮั่นฉวยโอกาสที่ผมเข้ามาประคองคว้าร่างผมไปกอดไว้แน่น ผมจะไม่ดิ้นรนเพราะรู้ว่าจะทำให้พี่ฮั่นเจ็บตัวอีก

    “ปล่อยนะ--ผมจะไปแล้ว” ผมตัดพ้ออย่างแผ่วเบา พี่ฮั่นกระชับกอดให้แน่นขึ้น

    “อยู่กับพี่เถอะนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย...” น้ำเสียงอ่อนหวานนั้นทำให้ผมใจอ่อนขึ้นมาในทันใด พี่ฮั่นค่อยๆคลายอ้อมกอด ก่อนจะยกมือมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ริมฝีปากได้รูปประกบบนริมฝีปากผมอย่างอ่อนหวาน ร่างผมเอนตัวลงนอนโดยมีคนเจ็บคร่อมอยู่ด้านบน ลิ้นเรียวตวัดดูดดื่มรสหวานอย่างช่ำชอง  เรียวนิ้วลูบไล้ไปทั่วร่างกายผมช่างเร่าร้อนราวกลับมีไฟร้อนแผดเผาไปตามสัมผัสนั้น ผมเร่งจังหวะรสจูบนั้นให้เร็วขึ้นร้อนแรงขึ้นด้วยความคิดถึงและความเก็บกดที่ต้องทำตัวเย็นชาห่างเหินกัน ผมต้องการเขามากมายเหลือเกิน... ความสุขจากร่างกายเบียดแนบนั้นทำให้ผมครางครวญออกมาอย่างเป็นสุข

    “อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ....พี่กำลังจะอดใจไม่ไหวนะ” เสียงหวานกระซิบข้างหูก่อนจะงับใบหูเร่าอารมณ์ ผมพยายามเบี่ยงตัวหนีเพราะความรู้สึกรักที่ท่วมท้นมันทำให้ผมพร้อมทุกอย่าง...รวมทั้งพร้อมยอมตกเป็นของเขา...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผมพร้อมยอมรับมัน....

    “โอ๊ยยยยย!!!” แต่ทุกอย่างก็ไม่อาจข้ามไปถึงจุดนั้นเมื่อร่างสูงเริ่มมีอากาศเจ็บแผล แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม

    “ทำไมต้องมาเจ็บตอนนี้ด้วยนะ---เสียดายจริงๆ” แต่กระนั้นก็ยังมีอารมณ์มาหยอกเย้าผม ก่อนจะเอื้อมตัวมากอดผมไว้อย่างอบอุ่น ผมซุกใบหน้าลงที่อกกว้างนั้นอย่างรักใคร่ ผมอยากอยู่แบบนี้ตลอดไป อยากอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอ่อนหวานนี้....

    “แกงส้ม.....นอนตรงนี้กับพี่นะ มันคงเป็นเหมือนฝันถ้าเราสองคนได้อยู่เคียงข้างกันข้ามผ่านคืนนี้ไป” พี่ฮั่นกระซิบอย่างแผ่วเบา ผมกอดร่างนั้นตอบ หัวใจอิ่มเอมไปด้วยความสุขราวกับหัวใจเราทั้งสองกางปีกโบยบินไปยังดินแดนแห่งความรัก ถึงแม้จะไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากผม แต่พี่ฮั่นครับ...สิ่งที่มีในหัวใจผมมันมากกว่าสัมผัสรักที่เรามีให้กัน.... ในอดีตพี่เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจของผม ปัจจุบันพี่คือคนที่ผมโหยหาทุกอณูการสัมผัส ไม่ว่าอนาคตเป็นอย่างไร คืนนี้ของเรามันจะเป็นความทรงจำที่ดีของเราทั้งสอง....ผมเชื่อและแน่ใจอย่างนั้น!!!

     

    ปล. ขอโทษด้วยนะจะที่กว่าจะอัพให้ มันยุ่งมากมายจริงๆ จะพยายามหาทางจัดการตัวเองเพื่ออัพให้นะจ๊ะ คิดถึงรีดมากๆ อย่าลืมกันน้า^^ ห้ามลืมเม้นด้วย!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×