ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักอันตราย นายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : เจ็บตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      10
      7 เม.ย. 55

                    ผมปวดหัวมากจริงๆ หลังจากยัยสิตางค์นั่น ประกาศเปิดสงครามความรักกับผมอย่าไม่แคร์สื่อใดๆ แถมยัยคนนี้ยังเปลี่ยนหน้ากากรวดเร็วยังกะนักกายกรรมเมืองจีน ผมต้องทำยังไงดีเนี่ยยยยย.... แกงส้มตั้งสติไว้ หายใจเข้าๆ ในเมื่อยัยนั่นต้องการจะทำลายล้างความรักที่แสนจะหอมหวานของผมกับพี่ฮั่น อย่าหวังว่าผมจะญาติดีกับยัยสิตางค์เลย แผนของผมคือ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ให้มันรู้ไปว่าใครจะแน่กว่าใคร ยัยจิ้งจอกพันหน้า!!!

                     “ทำไม ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นละ” เสียงทุ้มของพี่ฮั่นปลุกผมออกจากห้วงความคิด

                    “น่ากลัวเหรอ??? เดี๋ยวนี้เห็นผมน่ากลัวไปแล้วละสิ” ผมก็เลยงอนเพื่อแกล้งให้ตาโจรรูปหล่อง้อสักหน่อย ได้ผลครับ พี่ฮั่นหัวเราะในลำคอก่อนที่จะนั่งลงข้างผม

                    “พี่แค่เห็นว่าเราดูเครียดๆ ปรกติไม่เห็นทำหน้ามีความคิดอะไรแบบนี้” แหม... หาเราไม่มีความคิดอีกต่างหากนะพี่ฮั่น  ก็รู้นะว่าล้อเล่นแต่ตัวเองมีคดีติดตัวอยู่ ก็น่าจะพูดหวานๆ เอาใจเราสักหน่อย

                    “ใช่ซี่.....ไอ่เรามันไม่ค่อยจะมีความคิดอะไรหรอก ไม่รู้ว่าจะทำให้คนแถวนี้เบื่อรึเปล่าก็ไม่รู้” ผมขยับตัวออกห่างนิดนึง ท้ายประโยคทำเสียงสูงซะหน่อย Perfect!!! พี่ฮั่นอมยิ้มแบบรู้ทัน

                    “หึงสิตางค์เหรอ” ตรงประเด็น!!! ก็รู้นี่หว่า....เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นแผนหลอกให้เราหึงกันนะ ไม่ใช่ๆๆ เพราะท่าทางยัยสิตางค์เนี่ยเอาจริงยิ่งกว่าสิ่งใดอีก ผมจะไม่มีวันชะล่าใจเป็นอันขาด

                    “พี่กับสิตางค์ ไม่มีวันจะกลับไปรักกันได้อีกแล้ว เพราะคนเรามันเดินห่างกันมานานจนต่อไม่ติดแล้วแหละ แล้วอีกอย่างที่สำคัญคนที่พี่รักตอนนี้เค้าก็ทำให้พี่มีความสุขมากที่สุดในโลก พี่จะเหลือสายตาไปมองใครละ ตอนนี้สิตางค์เค้ากำลังอ่อนแอ ในฐานะเพื่อนพี่เองก็ต้องดูแล พยุงเค้าให้จิตใจกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เราเองก็ต้องสงสารเค้าให้มากนะ อย่าไปมองเค้าในแง่ร้ายเลย”  ผมเข้าใจลึกซึ้งแล้วแหละคำกับไอ่คำที่ว่า “คนซื่อกับคนโง่ห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด”  ตัวอย่างนั่งหล่ออยู่ข้างผมนี่เอง พี่ฮั่นนนนน...ยัยสิตางค์กำลังวางแผนจับพี่อยู่นะ แค่นี้ก็มองไม่ออก โอ๊ยยยยย!!! ไม่ได้ดั่งใจผมเลย

     

                    CAN talk

                    ผมกลับเข้าบ้าน ไฟที่บ้านปิดแสดงว่าสต๊อปยังไม่กลับเข้ามาบ้าน นั่นทำให้ผมหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที ปรกติแล้ว ผมกลับมาไม่ว่าจะเร็วจะช้ายังไงต้องมีเสียงใสๆ มาคอยต้อนรับถึงบางทีจะมาพร้อมกับการบ่นแต่ไม่เคยทำให้ผมเบื่อหรือรำคาญเลยสักนิด ผมเดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรทาน ยังไงๆ แม่ครัวหัวป่าของผมก็คงไม่กลับมาทั้งที่ยังไม่กินอะไรมาหรอก เพราะนายหน้าตี๋นั่นคงไม่ยอม ในขณะที่คิดเรื่องสาวเจ้าไปเรื่อยๆ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น ไม่ใช่ใครที่ไหนเหรอกครับ...คนที่ผมกำลังคิดถึงนั่นแหละ

                    “ฮัลโหล....” ผมพูดไปตามเสียงโทรศัพท์

                    “พี่แคนถึงบ้านรึยัง สต๊อปยังอยู่ที่ร้านอาหารอยู่เลย” เสียงใสๆถามผมเหมือนจะเป็นห่วงกระเพาะอาหารผมละสิ เพราะเรื่องอาหารการกินเธอจะเป็นคนที่ดูแลผมตลอด

                    “พี่อยู่ที่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะ พี่หาอะไรกินเองได้ ไม่ต้องรีบกลับหรอก” ทุกครั้งไป...ที่ผมคุยกับสต๊อป ผมไม่เคยทำตามสิ่งที่ต้องการของหัวใจ ได้แต่ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีและแสนอบอุ่น ความจริงผมอยากจะสั่งให้สต๊อปกลับมาทันทีเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ

                    “เหรอ...งั้นวันนี้สต๊อปกลับบ้านดึกนะค่ะ พี่แคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ” น้ำเสียงของสต๊อปดูนิ่งไป ก่อนที่จะวางสาย บอกว่าได้ว่า ไม่ต้องห่วง ผมได้แต่ถอนหายใจกับตัวเอง ถ้าเพียงสต๊อปไม่ใช่น้องสาวของเพื่อนรัก ผมจะไม่ปล่อยให้เธอต้องหายไปทั้งที่ผมยังไม่ทำอะไรสักอย่างแบบนี้แน่นอน ถึงจะทำใจมาตั้งนานว่าสต๊อปเป็นสิ่งต้องห้ามของผม แต่พอเห็นเธออยู่กับคนที่พร้อมจะดูแลอย่างจริงจัง...มันกลับเจ็บไปถึงข้างในหัวใจ แค่คิดเท่านั้นก็เหนื่อยหัวใจแล้ว ขอหลับตาพักสักนิดนะ.....

     

    STOP talk

    หลังจากวางโทรศัพท์จากพี่แคนแล้ว ชั้นก็ได้แต่เขี่ยอาหารในจานไปมา ช่างคิดได้นะสต๊อปว่าเค้าจะหวงจะห่วง เค้าคิดกับเราแค่น้องสาวยังจะไปหวังให้มันเจ็บอีกนะ เค้าไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะมากับใคร เธอจะกลับเมื่อไหร่ ทำไมหัวใจมันถึงไม่ยอมปล่อยวางจากพี่ชายที่แสนดีคนนี้สักทีนะ

    “สต๊อป..คิดอะไรอยู่” เสียงฮัทดังขึ้นทำลายความเงียบ

    “หื้ม...ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหน่ะ ฮัทอิ่มแล้วเหรอ สั่งเพิ่มมั้ย” ชั้นหันไปมองจานข้าวที่เกลี้ยงเรียบ

    “ไม่แล้วละ เหมือนจะมีคนอยากกลับแล้ว” ฮัททำเสียงเรียบกึ่งประชดประชันนิดๆ

    “บ้าเร๊อะ....ดูหนังต่อยังไหว ไม่มีใครรักเค้าห่วงเราหรอก” แอบคิดถึงคนในสายเมื่อกี้แล้วความน้อยใจจุกอกขึ้นมาทันที ไม่ต้องรีบกลับก็ได้... เพราะยังไงเราอยู่หรือไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากันสินะ

    “ไม่แล้วละ กลับเถอะ พรุ่งนี้เราจะรับไปทำบุญตั้งแต่เช้า กลัวเธอตื่นไม่ทัน” ฮัทพูดพลางส่งยิ้มละไมมาให้ เกือบลืมไปเลย!!! พรุ่งนี้ฮัทจะพาไปไหว้พระเก้าวัด ช่างรู้ใจเราดีจริงๆ พอว่าอย่างนั้นก็จ่ายเงิน กว่าจะเถียงให้แชร์ได้แทบแย่ ถึงฮัทจะเป็นผู้ชายแต่ยังไงเราก็ต้องคบกับแบบแฟร์ๆ พอลุกออกไปเพื่อที่จะไปลานจอดรถ ก็เจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด...ผู้หญิงร่างบาง ผิวขาวคนนั้น....เฟรม

    “สต๊อป...เดี๋ยวก่อน รอเราด้วย” ทันทีที่เห็นหน้าเฟรม ชั้นหันหลังกลับทันที

    “มีอะไรจะคุยกับเราอีกเหรอ” ไม่อยากคุยกับคนๆนี้แล้ว คนที่เคยเรียกว่าเพื่อนรัก!!!

    “เราโทรไปทำไมเธอไม่รับสายเลย” เฟรมถามอย่างพาซื่อทั้งที่ชั้นแน่ใจว่าเธอต้องรู้คำตอบ

    “เธอยังกล้าถามเหรอ เธอกับแฟนทำอะไรกับสต๊อปไว้ เธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะ” เสียงฮัทดังขึ้นมาอย่างมีน้ำโห เฟรมตวัดสายตามามองฮัทอย่างก้าวร้าว

    “จะให้บอกกี่ครั้งว่าเราไม่รู้เรื่องที่พี่เต้ทำ ถ้าชั้นรู้ว่าพี่เต้ทำแบบนั้น ชั้นคงไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดแบบนี้หรอกนะ” ดูเหมือนคำตอบที่มีอารมณ์นั้นจงใจตอบโต้คำพูดของฮัทโดยเฉพาะ

    “ฮัท...เรากลับกันเถอะ ไม่อยากเสียเวลา” ชั้นตัดสินใจพูดออกไป ทำให้เฟรมมองหน้าอย่างน้อยใจ

    “สต๊อป เมื่อเรารู้ทุกอย่างว่าพี่เต้คบกับเราก็แค่อยากอาศัยตำแหน่งของพ่อไปคบค้ากับเจ้านายพ่อที่รับเงินใต้โต๊ะพวกนั้น เราก็เลิกกับพี่เต้เลยนะ แล้วเรายัง...” เฟรมพูดด้วยน้ำเสียงร้องขอความเห็นใจ

    “หยุดพูดซะทีเถอะ ที่มาร้องห่มร้องไห้เนี่ย เพราะแฟนเธอทิ้งใช่มั้ย สต๊อปคนเราเจ็บแล้วมันต้องจำนะ อย่าไปให้โอกาสคนที่มันไม่จริงใจกับเราเลย” หลังจากที่พูดเสร็จฮัทก็ลากแขนชั้น โดยที่ทิ้งเฟรมน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่เพียงลำพังอยู่ด้านหลัง

    พอมาถึงบ้าน เอ๊ะ! ไฟข้างล่างเปิดอยู่นิ พี่แคนยังไม่ขึ้นไปบนห้องอีกเหรอ นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วนะ หรือว่าเปิดไฟไว้ให้เรา พอเปิดประตูเข้าไปก็รู้คำตอบ พี่แคนนอนหลับอยู่ที่โซฟา เสื้อผ้ายังเป็นชุดทำงานชุดเดิมกับเมื่อเช้า ถุงเท้ายังไม่ได้ถอดเลยด้วยซ้ำ มาหลับอะไรตรงนี้ ยุงไม่กัดจนพรุนแล้วเหรอเนี่ย

    “พี่แคน พี่แคนขา ตื่นได้แล้ว” ทั้งปลุกด้วยเสียงและเข้าไปสะกิดใกล้ จนชายหนุ่มตื่นขึ้นมา

    “กลับมาแล้วเหรอ...พี่รอตั้งนาน” แค่คำพูดธรรมดาเมื่อมาจากปากผู้ชายคนๆนี้มันจากดูอ่อนโยนจนใจแอบหวั่นๆ รอเราเหรอ??? แล้วแบบนี้ชั้นจะตัดใจได้เมื่อไหร่กัน

    “รอทำไมกันคะ ก็โทรมาบอกแล้วว่ากลับดึก” ชั้นแกล้งเฉไฉเดินไปเอากระเป๋าที่วางไว้

    “ก็เป็นห่วงไงล่ะ แต่เห็นกลับมาก็สบายใจแล้วละ” อร๊ายยยยย!!! มันจะเกินไปแล้วนะหัวใจชั้น

    “งั้นสต๊อปขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พอว่าแล้วก็หันหลังกับ แต่มือของพี่แคนก็จับรั้งที่ข้อศอกเบาๆวันนี้เค้าเป็นอะไรของเขาเนี่ย ใจหนึ่งก็อยากตะโกนว่าอย่าทำแบบนี้กับเราอีกนะ เหนื่อยกับการต้องรักพี่มากขึ้นๆแล้วนะ  แต่อีกใจ...กลับมีความสุขล้นปรี่

    “เจียวไข่ให้หน่อยสิ พี่หิวจนแสบท้องไปหมดแล้วเนี่ย” ใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเจ้าของเสียงขอร้องนั้น ทำให้ชั้นอมยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็บอกแล้วไงทานก่อนเลยก็ไม่เชื่อ ถ้าไม่มีสต๊อปสักคน คงจะอดตายแน่ๆ เลยนะพี่แคน

     

    เสียงฮัมเพลงในห้องน้ำ ทำให้ผมนึกขำ ใครเค้าจะคิดว่ามาเฟียที่ชอบตีหน้าเข้ม จะอารมณ์สุนทรีในห้องน้ำทุกๆเช้า ผมกำลังเก็บที่นอน อย่าเพิ่งคิดว่าที่ทำเพราะเป็นหน้าที่ของแม่บ้านนะครับ แต่ว่าที่บ้านผมแม่ชอบบังคับให้ผมทำงานบ้านตั้งแต่เล็กๆ นิสัยเจ้าระเบียบของแม่เลยติดต่อผมมาบ้าง แต่ไม่ใช่จะทุกเรื่องนะครับ  ไม่งั้นชีวิตของผมคงไม่วุ่นวายอย่างนี้หรอกครับ

    “แกงส้ม...” เสียงพี่ฮั่นดังขึ้นมาจากห้องน้ำ ผมเลยเดินไปเอาหูแนบประตูเพื่อฟังความต้องการ

    “ครับ...ฟังอยู่” ทันทีที่ตอบเท่านั้นแหละ ประตูก็ถูกกระชากเปิดอย่างรวดเร็ว ผมเสียหลักเกือบล้มลงไปในห้องน้ำ ถ้าไม่มีแขนแข็งแรงรับไว้ เกือบจะขอบคุณอยู่แล้วเชียว ถ้าพี่ฮั่นไม่หัวเราะร่าเริงชอบใจที่ได้แกล้งผม ผมเลยกระเด้งตัวออกมาจากวงแขนนั้น

    “ทำไมเล่นแบบนี้ ผมล้มหัวฟาดพื้นจะทำยังไง” มันน่ามั้ยละ ชอบเล่นอะไรไม่คิดอย่างนี้คงต้องโกรธให้จำ พี่ฮั่นทำตาเบิกกว้างเพราะความตกใจก่อนที่จะเข้ามากอดหลวม

    “พี่แน่ใจว่ารับเราได้ พี่ถึงทำ อย่าโกรธเลยนะ จะยอมให้หัวฟาดพื้นไปได้ยังไง เดี๋ยวพื้นห้องน้ำก็เปื้อนกันพอดี” เอ๊ะ! ยังไงเนี่ย ดูพูดเข้าสิ ผมเลยทำแก้มป่องแสดงว่างอนจริงๆ นะ แต่ก็แพ้การหอมรุนแรงฟอดใหญ่นั้นอีกแล้ว กลิ่นสบู่หอมกรุ่นติดตามตัวลอยกระทบจมูก ทำให้อดใจจะเอาจมูกกระทบไหล่กว้างนั้นไม่ได้ พี่ฮั่นลูบหัวผมอย่างเบามือ ใครจะมาบอกว่าพี่ฮั่นไม่รัก ผมคงไม่เชื่อหรอกครับ เพราะหัวใจสองเราสื่อสารกันทุกวันถึงความรักที่วิ่งวนภายในหัวใจทุกๆ วินาที บรรยากาศแสนจะอ่อนหวานก็หมดไปเมื่อมือถือของพี่ฮั่นดังขึ้น อย่าบอกนะว่ายัยสิตางค์โทรมา นี่มันเจ็ดโมงเช้านะ อ๊ากกกกก!!! อยากตายยยยยยย

    “ว่าไงสิตางค์” ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้นะ ยัยนี่เริ่มเข้าทำลายความสุขในตอนเช้าของผมแล้ว

    “อ่อ....ก็ได้ครับ....ครับ....ครับ ครับเดี๋ยวบอกให้” ครับ ครับ ครับ แหมพูดซะเพราะเลยนะ

    “แกงส้ม สิตางค์บอกว่าวันนี้จะชวนทำชาบูกินกันที่นี่ พี่ว่าจะชวนสต๊อปกะไอ่แคนมาด้วย” หึหึหึ...พี่ฮั่นคร้าบบบบ ถามความสมัครใจผมรึยัง ยัยนี่เพิ่งมาเมื่อวันก่อนวันนี้ก็จะมาอีกแล้วเหรอเนี่ย

    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแสดงฝีมือเอง” ผมตอบพี่ฮั่นไป ครั้งที่แล้วเธอทำผมเจ็บใจมาก คราวนี้ผมไม่ปล่อยไว้แน่ พอตกบ่ายผมเลยทำหน้าที่คนรักที่น่ารักเข้าไปเตรียมของในห้องครัว แต่น่าเสียดายนะครับพี่วันนี้สต๊อปไม่มา เพราะมัวแต่ไปเดินสายไหว้พระ เลยมีแค่พี่แคนที่จะมารวมวงชาบูหรรษามื้อนี้ ขณะที่ผม พี่เอ พี่บี ช่วยกันเตรียมของในห้องครัว ส่วนพี่แคนและพี่ฮั่นก็นั่งคุยกันเฝ้าพวกผมในห้องครัว

    “สวัสดีจ๊ะ”  เสียงหวานๆ ที่เป็นที่รำคาญหูของผม ก็ดังขึ้นตามเวลานัดเป๊ะ!

    “แคน แกจำสิตางค์ได้มั้ย” พี่ฮั่นยิ้มกว้าง มากไปๆนะพี่โจร ผมคิดไปเองรึเปล่า หน้าตาพี่แคนอึ้ง แล้วมีท่าทางไม่พอใจที่เห็นพี่สิตางค์ และพี่สิตางค์ก็คงไม่นึกว่าจะเจอพี่แคนที่นี่แต่หล่อนก็ควบคุมท่าทีได้อยากรวดเร็ว ถ้าผมไม่สังเกตุอยู่ก็คงไม่มีทางได้เห็นหรอก

    “ทำกันไปถึงไหนแล้วจ๊ะ ขอโทษทีนะที่พี่มาช้า เดี๋ยวพี่ช่วยหั่นปลาหมึกนะ” ยัยสิตางค์เริ่มอาสาด้วยท่าทางเรียบร้อยแสนดีที่ขัดหูขัดตาเป็นที่สุด ยัยนี่เอาตุ๊กตาทองไปเลย!!!!

    “พี่ฮั่น ลองมาชิมน้ำจิ้มดูสิ อร่อยรึยัง” ผมจัดการกระตุ้นต่อมอิจฉาให้ยัยนั่นทำงาน พี่ฮั่นขยับมามาใกล้อ้าปากรอให้ผมป้อน น่ารักป่ะหล่ะ!!! ฮ่าๆๆๆ ผมเลยป้อนพี่ฮั่นอย่างไม่ขัดศรัทธา

    “โอ๊ยยยย...” อะไรเนี่ย ทันทีเลยนะ ยัยสิตางค์ขัดขวางบทเลิฟซีนของผมด้วยการลงทุนทำมีดบาดนิ้ว

    “สิตางค์ ทำไมไม่ดูดีๆ ” พี่ฮั่นผละจากผมไปประคองมือยัยนั่น อ๊ากกกกก!!! ตั้งสติไว้แกงส้ม

    “สิตางค์มัวแต่เหม่อ” คำตอบน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด จะทำยังไงดีละเนี่ย

    “แกงส้มกล่องปฐมพยาบาลในห้องเรา ไปเอามาหน่อย” พี่ฮั่นสั่งผม มันน่านักนะ!!! ก่อนที่ผมจะไปยัยสิตางค์มองหน้าผม แววตาหล่อนดูสะใจจริงๆ ยัยปิศาจของแท้ ผมเลยกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปบ้านก่อนหยิบกล่องปฐมพยาบาล ทำยังไงดีนะ ยัยนี่เว่อร์ไปมั้ย มีดบาดยังกะเป็นมะเร็งเอาวะ สู้ซักตั้ง วิชามารต้องเจอวิชามาร ผมตัดสินเร็วเท่าความคิด ไหนๆก็ไหนๆ เอาวะ!!!

    “พลั่ก โอ๊ยยยยยย....” ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมตั้งใจทิ้งดิ่งตัวเองลงจากบันไดเองแหละครับ เรียกความสนใจทุกคนมามองที่บันไดที่เดียว พี่ฮั่นทิ้งยัยสิตางค์ไว้ในครัววิ่งมาหาผมที่กองอยู่บันไดทันที

    “เป็นไงบ้าง ทำไมไม่ระวังเนื้อตัวบ้างเลยนะ” เสียงพี่ฮั่นดูร้อนรนมากด้วยความเป็นห่วง ทุกคนเดินมาที่ตรงจุดเกิดเหตุ ยัยสิตางค์เดินออกมาจากครัวอย่างเสียไม่ได้

    “ผมเป็นห่วงพี่สิตางค์  รีบไปหน่อย เลยไม่ทันมองบันไดครับ ” ผมขอตอบด้วยเหตุผลของคนดีที่สุดในชีวิตนะครับ พี่ฮั่นมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง จับแขนจับขาไม่ปล่อยเลย ฮ่าๆๆๆๆ ชัยชนะเป็นของข้า

    “สิตางค์เค้าแค่มีดบาดมือ แต่เราเป็นหนักขนาดนี้มันคุ้มกันมั้ยเนี่ย ไปที่โซฟาไหวมั้ย” พี่ฮั่นประคองผมขึ้น ได้ยินมั้ย....แค่มีดบาดมือ ผมมารกว่าเยอะ5555 ส่วนพี่ฮั่นดูท่าทางจะเป็นห่วงจนพี่แกไม่สนใจคนรอบข้างเลย แหมก็ผมเล่นจริงเจ็บจริงซะขนาดนี้....

    “พี่ว่าพี่อุ้มดีกว่า เดี๋ยวเจ็บมากไปกว่านี้” อ๊ากกกกก!!! ถามว่าเขินมั้ยเขินครับ แต่ความสะใจมาแรงมาไวแซงทุกเหตุผลและตรรกะใดๆ ทั้งสิ้นบนโลกใบนี้  ระหว่างที่พี่ฮั่นอุ้มผมไปที่โซฟาที่ห้องโถง ผมยักคิ้วให้ยัยสิตางค์ พี่แคนส่งยิ้มให้ผมอย่างรู้ทัน

    “สิตางค์ ที่เหลือฝากด้วยนะ แกงส้มคงทำต่อไม่ไหว” พี่แคนหันไปบอกพี่สิตางค์แบบยิ้มๆ ก่อนที่จะตามมาดูอาการผม ทิ้งยัยปิศาจสองพันหน้ายืนหน้านิ่งร้อนระอุด้วยความแค้นใจ ผมบอกแล้วผมเองก็เป็นหนึ่งในเรื่องความแสบ ยิ่งจะมีคนคิดจะแยกผมออกจากพี่ฮั่นแล้วละก็ ผมทุ่มสุดตัว การเจ็บครั้งนี้ถามผมว่าคุ้มมั้ย....มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก สิตางค์ ถ้าเธอยังไม่หยุดอย่าหาว่าแกงส้มไม่เตือน!!!

     

    ปล.  ความสุขของไรเตอร์คือการเห็นคนอ่านมีความสุข แต่จะให้ไรเตอร์สุขมากๆ คือการเม้นเป็นกำลังใจนะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×