คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4: เก็บไว้ในหัวใจ
HUNZ talk
“คุณฮั่น... โอ๊ยยยย!!! ป้าตกใจหมดเลย” ผมเดินเงียบๆฝ่าความืดเข้าไปในห้องครัว ทำให้ ป้านวล แม่ครัวคนเก่าคนแก่ของบ้านร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นังคุณเจนเอานมไปให้คุณหนูแล้วนะคะ” ป้านวลบอกผมเสียงเรียบ ทุกๆคืนไม่ผมก็ต้องเป็นเจนจิราที่หน้าที่เอานมอุ่นๆขึ้นไปให้คุณหนูสมายล์
“ผมขอนมอุ่นๆสักแก้วได้มั้ยครับ” ผมเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนอย่างสุภาพ ป้านวลเลิกคิ้วสูง
“ปกติไม่ทานนมหลังอาหารไม่ใช่เหรอ???” ถึงแม้จะสงสัยแต่ป้านวลก็ลงมืออุ่นนมให้ทันที ผมได้แต่ยิ้มส่งให้ไม่ตอบอะไร
“คิดถึงอรมันจริงๆ นังเพลินก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คุณเจนคะ คุณเจนขาทั้งวัน ป้าละหมั่นไส้จริงๆ เป็นเพราะครูสอยเปียโนของคุณหนูแท้ ยังไม่ทันข้ามวันก่อเรื่องซะใหญ่โต” ผมเบิกตากว้างเมื่อป้านวลพูดถึงแกงส้มในแง่ลบ เพราะต้องเสียอร คนสนิทที่ป้านวลรักเหมือนลูกเหมือนหลานไป
“ความจริงแล้ว...แกงส้มก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ ป้าก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” ผมพยายามแก้ตัวแทน
“ก็รู้...แต่ก็อดไม่ได้นิคะ จะมาทำตัวปากสว่างแบบนี้มันก็แย่นะสิ ป้าละเกลียดพวกปากไม่มีหูรูดที่สุด” เมื่อเห็นว่าแก้ตัวไปก็ป่วยการ ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆก่อนจะรับนมแก้วนั้นมา
“ผมไปก่อนนะครับป้า”
ไม่อยู่แล้วบ้านบ้าๆแบบนี้!!! ให้ตายสิแค่อยู่วันสองวัน ผมต้องเจอเรื่องแย่ๆสองเรื่องสามเรื่องซ้อน ถึงเงินจะมากแค่ไหนผมก็ไม่เอาแล้ว... ผมมองไปรอบๆไปเช็คว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ที่นี่แล้ว พอกันที...ผมจะไม่ทนกับความโรคจิต อารมณ์ร้ายของใครทั้งนั้น เห็นผมเป็นตัวอะไร... มาทำแบบนี้ได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ซอกกำแพง ผมก็ยกมือมาเช็ดปากด้วยความขยะแขยงแล้วรีบรวบกระเป๋าสัมภาระออกมาจากห้อง ผมกะว่าจะออกจากบ้านแบบเงียบๆ แต่ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ทำทุกอย่างพัง
“นี่...จะไปไหนเนี่ย???” เมื่อเห็นของในมือผม นายผีดิบก็ถามอย่างร้อนใจ ชิ!!! มีหน้ามาถาม ทำอะไรกับคนเค้าไว้....ไม่รู้ตัวเลยรึไงห๊ะ!!!
“ไปตามทาง ไปให้พ้นๆจากที่นี่” ผมตอบเสียงเบาแต่ถ้อยคำทุกพยางค์แฝงไปด้วยความหุนหัน
“วางของลง” ร่างสูงนั้นถือวิสาสะเดินผ่านตัวผมเข้ามาในห้อง วางแก้วนมที่ถือมาไว้บนโต๊ะริมประตู คนอะไร...ตัวโตยังกะตึกยังจะมาดื่มนมก่อนนมอีก ขัดกับหน้าตาชะมัด
“...ก็ชั้นบอกให้วางของลงไง” เมื่อเห็นว่าผมไม่ขยับตัว นายผีดิบหันมาสั่งผมอีกครั้งแต่น้ำเสียงไม่ใช่แบบที่ผมเคยได้ยิน ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนในน้ำเสียงนั้นหรือว่าผมหูฝาดกันแน่นะ
“ทำไมผมต้องทำตามคำสั่งของคุณด้วย” ผมเชิดหน้าสูง สบสายตากับนายผีดิบอย่างทระนง
“งั้นก็ถือว่าชั้นขอร้อง....” คำพูดนั้นทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ.... ยิ่งเห็นแววตาที่อ่อนโยนส่งมา นี่...มันหนังคนละม้วนกับไอ่บ้าที่อยู่นอกบ้านคนเมื่อกี้ชัดๆ หรือว่านายคนนี้เป็นโรคจิตประเภทมีสองบุคลิกอะไรแบบนี้ เฮ้ยยยย!!! มันเป็นไปได้ๆ
“กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า???” ผมถามออกไปอย่างงงแต่ก็ขยับตัวเล็กน้อยเผื่อนายผีดิบจะเข้ามาบีบคอผม เรื่องแบบนี้มันประมาทไม่ได้จริงๆนะครับ
“ชั้นก็แค่อยากจะขอโทษกับเรื่องเมื่อกี้...ชั้นผิดเอง อย่าไปเลยนะ” สำเนียงหวานกับคำพูดอ้อนวอนนั้น มันทำผมกลัวเป็นบ้า....นายคนนี้กำลังทำอะไรกันแน่!!!
“คุณทำผมกลัวแล้วนะ---มีอะไรพูดกันมาตรงๆ อย่ามาทำแบบนี้” ผมโอดครวญทำให้ร่างสูงนั้นยิ้มออกมาอย่างน่ารัก... ไม่ใช่... ผมไม่ได้บอกว่านายผีดิบนั้นน่ารัก ผมหมายถึงรอยยิ้มต่างหากที่น่ารัก อ๊ากกกก!!! เค้าเป็นอะไรของเค้าเนี่ย???
“จากใจเลยนะ... อย่าไปเลย อยู่ที่นี่แหละ ชั้นจะไม่ทำร้ายนายอีกแล้ว ต่อไปนี้ชั้นจะดูแลนายเอง”
“ผมรู้แล้ว....คุณจะโปรยเสน่ห์ให้ผมรักคุณอีกคนใช่มั้ยล่ะ---อย่าหวังเลย ผมจะไปละ!!!” ผมไม่มีทางหลงกลนายผีดิบนี้หรอก...
HUNZ talk
ทำไม...เป็นคนขี้ระแวงแบบนี้นะตุ้ยนุ้ย คนเค้าอยากทำดีด้วย ก็มานู่นนี่นั่น ลีลาท่ามากอยู่ได้ พูดด้วยดีๆ ก็ไม่เชื่อ ผมชักจะหมดปัญญาแล้วนะเนี่ย แต่จะว่าไป---ผมก็ทำตัวแย่ๆมาตลอด แล้วอยู่ๆมาทำดีฉับพลับแบบนี้มันคงดูน่ากลัวสำหรับแกงส้มไปสักหน่อย อีครั้นจะไปบอกว่าผมคือคนที่เค้าเคยให้สร้อยพระเมื่อหกปีก่อนมันก็จะเป็นการจู่โจมไปหน่อย ไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้นจะสำคัญสำหรับแกงส้มแบบที่สำคัญกับผมมั้ย???
“ผมรู้แล้ว....คุณจะโปรยเสน่ห์ให้ผมรักคุณอีกคนใช่มั้ยล่ะ---อย่าหวังเลย ผมจะไปละ!!!”
“อ่อ---ที่แท้ก็กลัวว่าจะตกหลุมรักชั้นนั่นเอง งั้นนายก็ไปเหอะ” ผมจึงเริ่มตามน้ำ อะไรก็ได้ขอแค่แกงส้มอยู่ที่นี่ก็พอ แล้วผมจะเป็นคนดูแลปกป้องแกงส้มจากเรื่องราวร้ายๆเอง
“พูดแบบนี้---มันหลงตัวเองไปหน่อยนะ คนอย่างผมนี่นะไปหลงรักคนอย่างคุณ” แกงส้มเริ่มวีน วางข้างของลงข้างตัวแล้วยกมือเท้าเอว
“ก็แน่ละ....ก็ชั้นมันน่ารักน่าหลงขนาดนี้ ถ้านายกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวก็ไปเหอะ ชั้นไม่ไปส่งนะ” ผมเล่นไม่เลิกนอกจากคำพูดน่าหมั่นไส้ ผมยังส่งรอยยิ้มล้อเลียนร่างสูงโปร่งนั้น
“ผมไม่ได้กลัว” แกงส้มเริ่มมีน้ำโห ก้าวเข้ามาหาผมอย่างท้าทาย
“ไม่กลัวก็ไม่ต้องไปสิ...” ผมยื่นข้อเสนอที่ท้าทาย มองหน้าที่เชิดด้วยความทระนง
“ได้...ผมจะอยู่ที่นี่” แกงส้มรับคำท้าอย่างง่ายดาย ว่าแล้วร่างสูงโปร่งก็เดินไปเก็บข้าวของที่วางไว้เข้ามาภายในห้องเหมือนเดิม ผมแอบถอนหายใจลอบยิ้มอย่างโล่งอก ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม่แข็งนะเรา... แต่เห็นแกงส้มเป็นแบบนี้บอกตรงๆ ว่ามันก็ดูน่ารักน่าแกล้งดี งั้นผมก็จะแสร้งทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแกงส้มแบบนี้ไปเรื่อยๆละกัน อีกอย่าง...ถ้าเกิดเจนเห็นผมทำดีกับแกงส้มแม้แต่เพียงเล็กน้อย มีหวังแกงส้มต้องถูกเด้งออกจากบ้านไม่ต่างจากอรแน่ๆ ไว้มีโอกาสดีๆ ผมถึงจะบอกความจริงทุกอย่างกับ “ตุ้ยนุ้ย” ละกัน
“แล้วนมนี่...ชั้นเอามาแก้ตัวที่ทำกับนายแบบนั้น” ผมชี้ไปที่แก้วที่ผมวางไว้ตั้งแต่เข้าห้อง แกงส้มหันมองตามมือ
“ชิ!!!” แกงส้มสบถออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันกลับไปรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าต่อ
“ชั้นอุตส่าห์เอามาขอโทษนะ ดื่มซะ!!!” ผมเล่นบทโหดกับร่างสูงดูนุ่มนิ่มอีกครั้ง แกงส้มทิ้งเสื้อผ้าในมือลงบนเตียงก่อนค่อยหันมามองหน้าผม
“นมที่คุณ “อุตส่าห์”เอามาให้มันมีค่าพอกับสิ่งที่คุณทำอย่างนั้นเลยเหรอ???” แกงส้มพูดช้าแววตาจ้องจะเอาเรื่อง
“ก็แค่จูบ” ผมตอบสั้นๆเหมือนรำคาญ...แต่มันตรงข้ามกับใจ เมื่อนึกถึงริมฝีปากนุ่มนั้น หัวใจก็สั่นรัวขึ้นมา ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยลิ้มรสริมฝีปากของใคร แต่ก็ไม่อาจทำให้ผมรู้สึกภูมิใจเท่ากับรสจูบที่เพิ่งเกิดขึ้น
“แค่จูบเหรอ!!! นั่นมันจูบแรกของผมเลยนะ” แกงส้มโวยวายออกมา นั่นทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างงั้นนายก็จูบชั้นคืนสิ...หลายๆครั้งก็ได้” ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปไกลๆ ใบหน้าเกรี้ยวกราดนั้น ความเบิกบานที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสเกิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อผมได้อยู่กับคนๆนี้ ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าตอนนี้ผมมีความสุข
“ไอ่บ้า!!! ออกไปเลยนะ กวนประสาทอยู่ได้” แกงส้มผลักร่างผมออกไป ผมหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจ
“ไปก็ได้---แต่นายต้องดื่มนมให้หมดก่อน” ผมเดินไปหยิบแก้วนั้นมายื่นให้แกงส้ม แกงส้มมองแก้วนมอย่างหวาดระแวง ผมละเชื่อในความขี้ระแวงไว้ใจคนยากของแกงส้มจริงๆ แต่นั่นก็เป็นข้อดีสำหรับการเอาตัวรอดในการอยู่ในบ้านหลังนี้ บ้านที่มีผู้หญิงที่ชื่อเจนจิรา!!!
“วางยาป่ะเนี่ย??? ดื่มก่อนสิ” แกงส้มยื่นแก้วยมให้ผม ผมมองหน้าแกงส้มพลางส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ได้---” ว่าแล้วผมก็ดื่มนมไปอึกหนึ่ง แกงส้มมองหน้าผมเพื่อจับพิรุธ ผมยื่นนมให้แกงส้มพร้อมยักคิ้วล้อเลียน สายตาแกงส้มเต็มไปด้วยความหมั่นไส้ ผมเห็นแล้วนึกถึงแววตาอ่อนใสเมื่อครั้งก่อนนั้น... ถึงจะโตขึ้นแต่ความรู้สึกอย่างปกป้องคนๆนี้ก็มีเช่นเดิม ไม่ต้องมีหน้าที่ใดๆมาบังคับหรือบุญคุณที่ตอบแทน ผมอยากดูแลคนๆนี้ด้วยความรู้สึกที่มีจากใจ....มันเป็นความลึกซึ้งในความรู้สึกที่ลึกเกินบรรยาย
“ไปได้แล้ว---มายืนมองหน้ากันอยู่ได้” เสียงทุ้มหวานทำให้ผมตื่นจากห้วงความคิด ผมยักไหล่ก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่งของเจ้าของห้อง
“ลืมไป....ฝันดีนะ” ผมหันมาบอก “ฝันดี” ด้วยความรู้สึกเขินอายถึงแม้มันจะทำให้หัวเต้นเต้นผิดจังหวะแต่มันก็เป็นสิ่งที่อยากทำ แกงส้มชะงักมือที่รื้อของออกนิ่ง ก่อนจะเบือนใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินไปทางอื่น ผมรอจนแน่ชัดว่าคงไม่มีคำตอบเช่นเดียวกันจากร่างสูงโปร่งจึงเดินกลับสู่ห้องตัวเองที่อยู่ตรงหันข้าม และคืนนี้ของผมก็จะเป็นคืนที่ผมฝันดีเช่นกัน
ผมตื่นเช้ารีบแต่งตัวกว่าทุกวัน เพราะวันนี้ผมจะทำให้คุณครูแกงส้มตื่นทันอาหารเช้าให้ได้ หลังจากเช็คความเรียบร้อยตัวเองในกระจกแล้ว ก็สาวก้าวเดินออกจากประตูห้องตัวเองมาหยุดที่ประตูห้องตรงกันข้าม ผมหายใจลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะประตู เสียงกุกกักของฝีเท้าทำให้ผมเลือกที่จะไม่เคาะอีกครั้ง
“ครับ----เฮ้ยยย!!! อะไรของคุณเนี่ย มาเคาะประตูตั้งแต่เช้าเลยนะ” เมื่อเห็นผมเจ้าของห้องก็ออกอาการเม้งทันที แต่ผมก็ตีหน้านิ่ง
“ชั้นมาปลุก....กลัวจะตื่นไม่ทันอีก” คำตอบดูเรียบแกมดุดัน แต่ความจริงผมเองก็เป็นห่วง กลัวอะไรหลายๆจะเป็นผลเสียกับเค้ามากกว่า
“ตื่นมาตั้งแต่ตีห้าแล้ว---ทำนู่นนี่อยู่เลยยังไม่ออกไป” แกงส้มพูดพร้อมชี้ไปทางโน๊ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ทำงาน ผมพยักหน้าแสดงว่ารับรู้
“แล้วจะลงไปพร้อมกันเลยมั้ย???” ผมถาม แกงส้มมองหน้าผมกระพริบตาถี่ด้วยความตกใจ
“แล้ว---ทำไมต้องลงไปพร้อมคุณด้วยละ” แกงส้มกอดอกมองหน้าผม
“ก็----แค่ถามเฉยๆ มารยาทไง” ผมตอบข้างๆคูๆ แกงส้มเลิกคิ้วกับคำตอบผมแต่ก็ดูไม่ติดใจอะไรนัก
“งั้นคุณก็ลงไปก่อนเหอะ” แกงส้มบอกสั้นๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าผม ผมได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง... อยากทำทุกอย่างในความสัมพันธ์ของเราดีกว่านี้ แต่นั่นก็หมายถึงการไล่ให้แกงส้มออกจากบ้านหลังนี้เร็วขึ้น รู้ว่าที่นี่คงให้ความสุขกับแกงส้มได้ไม่ดีนัก.... แต่แกงส้มก็เป็นความสุขเพียงสิ่งเดียวที่ผมหาได้จากบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ความกดดันที่ต้องเป็นเหมือนสินค้าที่ถูกสั่งจองไว้...ผู้คนตราหน้าหาว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน เอาตัวเข้าแลกกับการได้อยู่อย่างสบาย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมหมดอาลัยและศรัทธาในชีวิตของตัวเอง ลมหายใจทุกวันอยู่ได้เพราะระลึกถึงคำว่า “บุญคุณ” ที่คุณท่านมีให้ผมมา ถ้าคุณหนูสมายล์ขาดผมไปสักคน ก็คงมีแต่หมู่แร้งกามารุมทึ้งหาผลประโยชน์จากตัวเธอ ถึงเธอจะขึ้นชื่อในความร้ายกาจแต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่พร้อมจะยืนหยัดบนโลกที่เลวร้ายตามลำพัง.... ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ต้องใช้ทั้งหมดของชีวิตต่อจากนี้ ดูแลคุณหนูสมายล์ให้ดีที่สุด
สำหรับคนอย่างผม “หน้าที่” ต้องมาก่อน “หัวใจ” และสิ่งนี้ผมทำใจยอมรับมันมาเนิ่นนาน ผมไม่เคยเหลียวมองใครๆเลยสักครั้ง แต่เมื่อแกงส้มก้าวเข้ามาในชีวิต หัวใจที่ด้านชามันกลับสั่นไหวอีกครั้ง มันอาจจะเป็นเพราะแกงส้มคือความทรงจำสวยงามที่ผมคิดถึงมาตลอด แต่รสจูบนั้น...มันทำให้ผมหัวใจสะท้าน ความอ่อนไหวเข้ามาทักทายอีกครั้งพร้อมกับความสดใสร่าเริงดังดวงตะวัน ไม่ว่าแกงส้มอยู่ตรงไหนก็เหมือนมีแสงแดดอ่อนๆส่องประกายระยิบระยับตลอดเวลา ผมอยากดูแลใบหน้าไร้เดียงสาอ่อนโยนนั้นแต่ผมก็รู้ว่ามันต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า “ห้ามใจ” มันอาจจะยากแต่นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำ ความรักของผมมันอันตรายเกินไปสำหรับคนที่ควรมีความสุขอย่างแกงส้ม.....ผมจะไม่ดึงรั้งแกงส้มมาเสียใจกับรักที่มันเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด!!!
ปล. ตอบคำถามรีดคนหนึ่งก่อนว่า ไรต์มีทวีตจ้า...แต่ยังเล่นไม่เป็นเลยเนื่องจากความ low-tech ขั้นรุนแรง ส่วนมากจะสิงที่อยู่เฟสมากกว่า อย่าว่ากันนะ...^^
ช่วงนี้คุณหนูสมายล์ยังไม่ค่อยมีบทบาท ต้องรอคู่ของเธอปรากฏตัวก่อน รับรองว่าตอนนั้นทุกคนต้องชอบเธอขึ้นมาบ้างจ้า.... ส่วนฮั่นแกงไรต์พยายามเขียนให้มันดูหน่วงๆ น่าอึดอัด แต่มันจะลึกซึ้งอ่อนหวานกว่าทุกเรื่อง แกงส้มเรื่องนี้จะร้อนกว่าทุกเรื่อง บอกไว้ก่อนว่า แกงเวอร์ชั่นนี้ สู้คนจ้า!!!
ขอกำลังใจเป็นเม้นติชม...คงไม่มากเกินไปนะจ๊ะ ^^
ความคิดเห็น