คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4: เหวี่ยง!!!
ในที่สุดผมก็พาร่างกายที่แสนเหนื่อยล้ามาถึงห้องพักได้ ถุย!!...ชีวิต พ่อแม่อุตส่าห์ซื้อรถให้ขับแต่ดันต้องมาเดินกลับจนขาลากแบบนี้ เพราะอีตาพี่ชายบอสคนเดียวเลย ผมมองไปรอบๆห้องไม่เห็นบัลเล่ต์อยู่ในห้อง สงสัยยังไม่กลับมาจากวัด ผมก้มลงเพื่อถอดรองเท้าผ้าใบคู่โปรด
“ฮันแหนะ!!!” จู่ๆบัลเล่ต์ก็ปรากฏตรงหน้าผม ทำเอาผมผวาไปชนกับประตูที่อยู่ด้านหลัง
“เล่นอะไรเนี่ย... พี่แกงหัวจะวายตายเอานะ” ผมเป่าลมออกจากปากก่อนจะว่ากล่าวแม่ผีตัวน้อยที่หัวเราะคิกคักไม่หยุด
“แล้วหัวเราะอะไรเนี่ย???...ไปวัดหรือไปดูตลกคาเฟ่มากันแน่” ผมเดินผ่านร่างบัลเล่ต์เอากระเป๋ามาวางไว้ที่ชั้นวางของก่อนหันหน้ามามองเด็กตัวน้อยที่หัวเราะไม่หยุด
“อิอิอิ....บัลเล่ต์เห็นคุณพ่อฮั่นจุ๊บแก้มพี่แกงส้มด้วย” บัลเล่ต์เอามือป้องปากหัวเราะอย่างทะเล้น ให้มันได้อย่างนี้สิ!!! ทั้งพ่อทั้งลูก
“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดเรื่องแบบนี้ได้ไงห๊ะ!!! ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้จะได้ไปใส่บาตร”ผมแกล้งดุเพื่อปรามก่อนที่บัลเล่ต์จะเสียเด็ก และที่สำคัญเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน มันเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแต่ก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเพราะความตกใจเมื่อพบว่าบัลเล่ต์นั่งรออยู่ในนั่น
“พี่แกงทำไมต้องหน้าแดงด้วย หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศเลย” บัลเล่ต์โผล่หน้าจากราวเสื้อผ้ามาแซว
“จะกินขนมเค้กมั้ย???... ขืนทำตัวทะเล้นแบบนี้นะ พรุ่งนี้พี่แกงจะแกล้งตื่นสาย ผีน้อยๆแถวนี้จะอดกิน!!!” ผมแกล้งขู่ ทำเอาผีน้อยรีบรูดซิปปากเพราะกลัวอดกินขนมเค้ก ก่อนที่จะได้พูดอะไรกันอีกก็มีเสียงเคาะประตู จะใครจะซะอีกถ้าไม่ใช่พี่แคนและพี่โดมที่อยู่หอเดียวกับผม ผมชี้หน้าขู่เจ้าผีน้อยก่อนจะเดินมาเปิดประตู
“วันนี้บัลเล่ต์ไปค้างกับคุณตาเจ้าที่ที่ร้านดีกว่า แต่พี่แกงห้ามลืมขนมเค้กของบัลเล่ต์นะ” บัลเล่ต์โบกมือลาก่อนจะหายตัวแวบไป ผมส่ายหน้ากับความซุกซนของผีน้อย
“พี่โดม...มาคนเดียวเหรอ???” ผมเห็นพี่โดมที่มาเคาะประตูหน้าตาแสนเบื่อโลก
“อืม รำคาญไอ่แคนมัน” พี่โดมเดินมานั่งที่เก้าอี้ในห้องผมอย่างคุ้ยเคย
“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอพี่โดม” ผมละไม่เข้าใจ ทั้งที่ทะเลาะกันบ่อยประมาณว่านึกขึ้นได้เป็นต้องทะเลาะกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันถึงขั้นอยู่หอห้องเดียวกันได้ โลกนี้หนอ...มีอะไรที่ผมไม่เข้าใจอีกมาก
“ไม่... แต่รู้มั้ยว่าตั้งแต่วันก่อนที่กลับมาจากร้าน ไอ่แคนร้องเพลงไม่หยุดเลย ดูมันเพ้อๆแปลกพี่คิดว่าไอ่แคนมันกำลังมีความรัก” พี่โดมบ่น
“อ้าว...แล้วพี่แคนมีความรักพี่โดมจะไปรำคาญเค้าทำไม รึว่า....” ผมแกล้งทำท่าทางรู้ทัน
“แกงส้ม...รู้ทันพี่อีกแล้ว เอ๊ยยยยย!!! ไม่ใช่ ไอ่นี่ก็เอาซะเคลิ้ม พี่ถามมันมันก็ไม่ยอมตอบอยากรู้จริงว่ามันไปแอบชอบใคร” พี่โดมยกมือมาลูบคางคงคิดหนักน่าดู
“วันที่ไปร้านเหรอ???....ผมนึกไม่ออกเลยแหะ” ผมพยายามนึกถึงคนที่พี่แคนจะไปตกหลุมรักได้
“แกงส้ม....หรือว่า ชัดเลย!!! ใช่เลย เพลงหยุด” พี่โดมตบเข่าฉาดอย่างสะใจ เพลงหยุด...สต๊อป!!!
“จริงเหรอเนี่ยพี่โดม... พี่แคนชอบสต๊อป” พี่แคนชอบบอสของผม.... ข่าวเด็ดเลยนะเนี่ย!!!
“พี่ว่าชัวร์ แต่เราจะเอายังไง จะช่วยมั้ย???” พี่โดมหันมาถามความเห็นผม
“พี่ว่าไงล่ะ... ผมเอาตามพี่งั้นแหละ” ผมบอกให้พี่โดมตัดสินใจ พี่โดมนิ่งไปสักพัก
“เสี่ยงกับการถูกพี่ฮั่นเชือดมาก พี่ฮั่นยิ่งหวงน้องสาวของเค้าอยู่ด้วย” พี่โดมพึมพำ
“งั้นผมเอาด้วย... ช่วยให้พี่แคนพิชิตใจบอส!!!” พอได้ยินว่าพี่ชายบอสหวงมาก ผมก็จะทำให้ตานั่นเจ็บจนจุกที่น้องสาวมารักกับพี่แคน ทำผมไว้ร้ายนัก!!!
“พี่ตัดสินใจแล้วเหรอ??? ไหนว่าตามใจพี่ว่ะ” พี่โดมแย้งน้อยๆ แต่ก็ไม่คัดค้านอะไร หึหึ!!! ไอ่พวกชอบบังคับใจคนอื่น แถมยังมาขโมยหอมแก้มผมด้วยเหตุผลแย่ๆ แบบนั้น มันต้องเจอแบบนี้... จะคอยดูหน้าวันที่พี่แคนควงสต๊อปไปเยาะเย้ยอีตาพี่ชายบอสด้วยฝีมือการชงของเรา แค่คิดมันก็ ฮึกเหิม ฮึกเหิม!!!! วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ
CAN talk
“หยุด หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน หยุด หยุดความรัก ทั้งหัวใจ จะหยุดอยู่กับเธอคนเดียว” ผมเป็นเพลงที่ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้อง... ใบหน้าสวยคมที่มีรอยยิ้มหวานๆ ช่างทำให้หัวใจผมพองโตอย่างเหลือเชื่อ
“พี่แคน...พี่ต้องสู้” ประตูที่เปิดออกมาอย่างรวดเร็ว และร่างของแกงส้มที่พุ่งพรวดเข้ามาทำเอาผมตกใจ ส่วนไอ่โดมก็มองหน้าผมเหมือนรู้ทันอะไรสักอย่าง มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ที่ผมไม่เคยไว้ใจเลย
“สู้เรื่องอะไรแกงส้ม???” ผมถามน้องรหัสตัวดี ที่สายตามุ่งมั่นเหลือเกิน
“อย่ามาไก๋ แกชอบยัยสต๊อปใช่มั้ย???” นั่น...มันไม่ใช่คำถามแต่มันเป็นคำพูดที่บังคับทำให้ผมต้องยอมรับต่างหาก ผมตีหน้าไร้เดียงสาไม่รู้เรื่อง กลบเกลื่อนไว้ก่อน
“พวกแกพูดเรื่องอะไรกัน...ชั้นไม่รู้เรื่อง” ผมเบิกตาให้กลมกว้างเพื่อแสดงความจริงใจ
“พี่แคน...พี่ทนเห็นสายตาหวานๆของสต๊อปมองคนอื่นได้เหรอ???” แกงส้มลงมานั่งข้างผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
“พี่...” พูดไม่ออกครับ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง มันไม่ใช่ความสุขแน่ๆ ที่ผมจะรู้สึก
“แล้วมือเรียวนุ่มคู่นั้นประคองมือใครอีกคนที่ไม่ใช่พี่...พี่จะเสียใจมั้ย????” ...เสียใจสิ เสียใจมากด้วย รอยยิ้มอาจจะไม่มีทางปรากฏบนใบหน้าผมอีกแล้วก็ได้
“พี่แคน....พี่ยอมให้สต๊อปกระซิบบอกรักคนอื่นโดยที่พี่ได้แต่แอบรักเค้าแบบนี้ พี่ทนได้มั้ย???”
“ไม่ได้!!!” ผมตอบแกงส้มเสียงดังทันที ผมยอมปล่อยให้สต๊อปเป็นของคนอื่นโดยที่ผมเองมัวแต่เพ้อฝันแล้วไม่ทำอะไรเพื่อไขว่คว้ารักนี้มาแนบไว้ในอ้อมใจ
“แล้วพี่จะสู้มั้ย???” แกงส้มถามผมเสียงดังเข็มแข็งซึ่งทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิม แล้วมันก็ได้ผล
“สู้!!!” ผมมองหมัดที่กำไว้แน่น คนเราอยากจะรักก็ต้องเสี่ยง แกงส้มยิ้มเหมือนได้กุมชัยชนะนั้นไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวนะแกงส้ม....นี่มันเรื่องของพี่ทำไมแกอินกับเรื่องของพี่ขนาดนั้นว่ะ” ผมตั้งข้อสังเกตที่ดูเหมือนแกงส้มจะมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องความรักของผมมากเกินไป ไอ่โดมพยักหน้าเห็นด้วยกับผม
“มาปลุกใจไอ่แคนซะจนพี่นึกว่าตัวเองอยู่บางระจันซะอีก” ไอ่โดมเสริมทัพ แกงส้มมองหน้าผมกับไอ่โดมสลับกัน
“เปล๊า!!!” แกงส้มขึ้นเสียงสูง ซึ่งมันบ่งบอกว่าไอ่น้องคนนี้มีอะไรแอบแฝง
“ไม่เอาแล้วไปดีกว่า น้องอุตส่าห์หวังดีมาจ้องจับผิดกันอยู่ได้” แกงส้มตัดพ้อน้อยใจแล้วเดินออกไปทิ้งให้ผมกับไอ่โดมมองหน้ากันด้วยความงุนงงอยู่สองคน
หลังจากเงินค่าวินมอเตอร์ไซค์แล้ว ผมก็แวะที่กระจกรถของผมเพื่อจัดแต่งทรงผมให้ดูดีหลังจากผ่านสมรภูมิลมจนนึกว่าหัวตัวเองคือรังนก แล้วค่อยเดินเข้าไปในร้าน แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะแวะทักทายท่านเจ้าที่และบัลเล่ต์
“ท่านเจ้าที่สวัสดีครับ บัลเล่ต์กินเค้กรึยัง??? อร่อยมั้ย” ผมเห็นท่านเจ้าที่และบัลเล่ต์แปลงร่างตัวเล็กจิ๋วนั่งสบายอารมณ์อยู่ในศาลของท่านเจ้าที่
“อร่อยมากเลยพี่แกง เอาทุกๆวันเลยนะบัลเล่ต์ชอบ” เสียงใสดังมากจากในศาล ส่วนเจ้าตัวก็ยิ้มร่า
“แบบนี้พระท่านจะไม่เป็นเบาหวานกันหมดเหรอ???” ผมพูดกลั้วหัวเราะ
“พี่แกงก็... บัลเล่ต์ชอบฝีมือคุณพ่อฮั่นนี่คะ อร่อยที่สุดในโลกเลย เอางี้...ฝากพี่แกงจุ๊บแก้มคุณพ่อทีนึง” บัลเล่ต์ไอ่ประโยคแรกๆ ไม่เท่าไหร่แต่ประโยคหลังเนี่ยมันน่าจับมาตีก้นซะให้เข็ด
“พ่อใครก็ไปจุ๊บเองสิ ของแบบนี้จะให้พี่แกงไปทำได้ไง” ผมบอกน้องผีอย่างหงุดหงิด
“ก็เมื่อวานคุณพ่อฮั่นยังจุ๊บพี่แกงเลย” บัลเล่ต์...ทำไมหนูทำกับพี่แบบนี้
“เราพลาดอะไรไปรึเปล่า เราเห็นแค่แบกกันออกไป...ไม่นึกว่า” ท่านเจ้าที่ก็เป็นไปกับยัยผีน้อยตัวแสบอีก แก่แล้วนะ!!!
“มันเป็นอุบัติเหตุต่างหากเล่า ไปทำงานแล้ว บัลเล่ต์..โป้ง!!!” ผมยกนิ้วหัวแม่มือให้บัลเล่ต์แล้วหมุนตัวกลับสาวก้าวเดินออกจากที่นี่ทันที
“พี่แกง...ท่านเจ้าที่บอกว่าพี่แกงโมโหกลบเกลื่อนความเขิน จริงมั้ย????” ยัง ยังไม่จบนะ ทั้งคู่เลยนะทั้งเจ้าที่ทั้งผีเด็ก เล่นกัดไม่ปล่อยเชียว เพราะอีตาพี่ชายบอสคนเดียวเลยที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
พูดไม่ทันขาดคำ พอเดินเข้ามาหลังครัวก็ต้องมาเจอหน้าหล่อเจ้าเล่ห์ที่กำลังแต่งหน้าเค้กอยู่ ผมส่งสายตาเคียดแค้นออกไปให้ หวังว่าจะส่งไปถึงต่อมรับความรู้สึกแล้วแปลผลบอกว่า “แค้นโว้ยยยยยยย!!!!”
“เธอหอม แบบไม่ต้องใส่น้ำหอม ใจฉันมันยังต้องยอม ก็หอมกระจายได้อีก อยากได้กลิ่นอีก” อยู่ๆ พี่ชายบอสก็ร้องเพลงออกมา ไอ่ร้องเพลงไม่ว่าแต่ดูเพลงสิ อ๊ากกกกกกก!!!!
“ร้องเพลงอะไรเนี่ยห๊ะ” ผมจึงหันไปวีนทันที รายนั้นก็หันหน้ามามองผมอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไรของนาย....แค่ร้องเพลงทำไมต้องมาเสียงดังใส่ชั้นด้วย อ่อ....สงสัยนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ความจริงชั้นลืมไปแล้วนะเนี่ย แต่ถ้ายังอารมณ์ค้างก็บอกได้นะได้อีกหลายฟอด” สายตากรุ่มกริ่มพร้อมร่างสูงที่ขยับมาใกล้ ทำเอาผมถอยไปสองก้าวก่อนจะประจันหน้า
“ขอสั่งห้ามให้พี่ชายบอสเข้าใกล้ผมเกินกว่าสองเมตร ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน” ผมออกคำสั่งเสียงเฉียบ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้สนใจจะฟังเลยแม้แต่น้อย
“ไร้สาระ รีบๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ชั้นจะทำงาน” พอพูดจบก็หันหลังกลับไปแต่งหน้าเค้กต่อซะงั้น...แล้วที่ผมพูดไปเมื่อกี้ รับทราบรึยัง??? โอ๊ยยยยยยย!!! ปวดหัวกับนายคนนี้จริงๆ ผมจึงเดินตึงๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สักวันนะ...ผมจะเอาคืนนายคนนี้ให้สาสม!!!
ไม่รู้ว่าวันนี้บังเอิญหรือฟ้าเป็นใจที่ลูกค้าน้อยกว่าปกติให้ผมได้มีโอกาสขุดคุ้ย เอ๊ยยยย!!! สืบเรื่องพี่ชายบอส ผมทำเป็นเช็ดนั่นนี่ตามเรื่องตามราว ก่อนที่จะเขยิบเข้าไปหาสตีอปที่กำลังนั่งคิดบัญชีของร้านอยู่
“สต๊อป....พี่ชายเธออายุเท่าไหร่แล้ว” ผมถามเหมือนไม่มีอะไร
“ปีนี้ 24 ทำไมเหรอ???” สต๊อปก่อนเงยหน้าขึ้นมาถามดู
“ก็แค่สงสัยว่าอายุเท่าไหร่แล้วถึงยังไม่มีครอบครัว” ผมแกล้งตอบไปเหมือนเป็นเรื่องชวนคุยธรรมดา สต๊อปเองก็ดูเหมือนจะไม่สงสัยอะไร
“พี่ฮั่นเจ้าชู้จะตาย มีแฟนเยอะมากตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหกแล้ว” สต๊อปเองก็เครื่องติดง่าย เริ่มเม้าท์พี่ชายออกมาโดยที่ผมไม่ต้องถาม.... ผมละชอบผู้หญิงที่ตรงนี้นี่แหละ!!!
“แล้วช่วงเป็นหนุ่มสักสิบแปด...มีแฟนกี่คน” ผมบวกลบอายุในใจคิดว่าช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่แม่ของบัลเล่ต์และพี่ชายบอสจะคบกันจนมีบัลเล่ต์ออกมา สต๊อปขมวดคิ้วนิ่งคิด
“ช่วงนั้นช่วงดวงตกของพี่ฮั่นเลยนะ เพื่อนรักก็มาทรยศหักหลัง แฟนก็ตีตัวออกห่าง แถมยังต้องออกจากวงการ....”
“สต๊อป!!!” เสียงเรียกเฉียบนั้นทำเอาทั้งผมและสต๊อปสะดุ้งโหยง
“ขะ ขะ...ขา” สต๊อปหันกลับไป ดูเหมือนเธอจะไม่อยากให้พี่ชายได้ยินเรื่องที่เธอกำลังเล่าเมื่อสักครู่
“ทำไมไม่ซื้อแป้งมา ที่มีไม่พอนะเนี่ย” พอพี่ชายบอสพูดออกมา สต๊อปถึงขั้นเป่าปากออกมาอย่างโล่งใจ
“งั้นเดี๋ยวสต๊อปออกไปซื้อให้เดี๋ยวนี้แหละ แกงส้ม...เดี๋ยวค่อยมาคุยกันใหม่” สต๊อปเดินออกไปเพื่อที่จะไปซื้อแป้งตามที่พี่ชายจอมเผด็จการ ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เช็ดโต๊ะตามเรื่องตามราว เสียงโมบายที่แขวนที่ประตูดังขึ้นทำให้ผมกับพี่ชายบอสหันไปต้อนรับลูกค้าพร้อมกัน
“นัท” ผมเรียกชื่อเพื่อนรักก่อนที่จะเดินเข้าไปหาอย่างไม่รีรอ
“กลับมาจากไปเที่ยวแล้วเหรอ...เป็นไงบ้างสนุกมั้ย???” ผมถามเพื่อนรักรัวทันที
“ความสนุกมันหมดตั้งแต่แกถูกไล่ลงจากรถแล้วแหละ” นัทพูดอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะกลางร้านที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าเพราะเป็นเวลาที่ยังไม่มีใครเลิกเรียนหรือกลับมาจากการทำงาน ผมเดินไปเอาเมนูมาให้เพื่อนรัก นัทสั่งกาแฟและเค้กอีกหนึ่งชิ้น ผมเดินไปชงกาแฟโดยที่มีพี่ชายบอสยืนขวางทางไว้
“ใครหน่ะ???” พี่ชายบอสถามด้วยน้ำเสียงที่ผมคิดว่าไม่พอใจอยู่หน่อยๆ
“ตอนนี้เป็นลูกค้า อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันนะเนี่ย...” ผมแอบจิกไปเล็กน้อยแต่ดูเหมือนพี่ชายบอสจะไม่สนใจ มัวแต่มองไปทางเพื่อนรักของผม
“วันก่อนอีกคน วันนี้อีกคน” มันเป็นวลีที่ผมไม่เข้าใจ และเจ้าของวลีนั้นก็เดินไปหลังร้านโดยไม่เปิดช่องให้ผมซัก มีลูกค้า...แล้วมันไม่ดีตรงไหน??? ผมละไม่เข้าใจเค้าจริงๆ ผมเดินไปชงการแฟ และจัดเค้กไปเสิร์ฟให้เพื่อนรักก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ทำไมมาไม่โทรหาก่อน” ผมหันไปถามเพื่อนที่จู่ๆก็โผล่มา
“ไปดูมือถือสิ ว่าโทรมากี่สาย ถ้าไม่เจอพี่โดมก็คงไม่รู้ว่าแกอยู่ที่นี่” นัทพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณืเล็กๆ ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่ม ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ลืมไปว่าตัวเองทิ้งมือถือไว้ที่กระเป๋า
“แล้วจะไปเมื่อไหร่” ผมถามนัท เพราะนัทต้องย้ายไปอยู่กับแม่ที่อเมริกาในเร็วๆวัน
“อาทิตย์หน้า” นัทก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย ผมเองก็รู้สึกเบาโหวงที่ท้องอย่างบอกไม่ถูก
“พอนึกว่าไม่มีแกนั่งเรียนข้างๆชั้นก็ใจหาย” ผมบ่นพึมพำออกมา นัทลูบหัวผมเบาๆเพื่อปลอบใจ
“ฮันนี่เค้กครับ...สูตรพิเศษของร้านนี้เลยนะครับ” เสียงทุ้มของพี่ชายทำให้บรรยากาศระหว่างเพื่อนของผมกับนัทหายไปในพริบตา ใบหน้านั้นถึงแม้จะตีหน้าว่าไร้เดียงสาแต่ผมก็ดูออกว่าพี่ชายบอสตั้งใจจะแกล้งผมกับเพื่อไม่ให้ได้คุยกัน...คนอะไร ไม่มีมารยาทชะมัด!!!
“ผมไม่ได้สั่งครับ” นัทตอบกลับอย่างสุภาพ
“เป็นโปรโมชั่นครับ สำหรับเพื่อนของพนักงาน” ท้ายประโยคพี่ชายบอสหันมายิ้มให้ผมเพื่อจะยั่วโมโห.... โอ๊ยยยยยยย!!! ใครก็ได้เอานายคนนี้ไปเก็บที ไอ่โปรโมชั่นบ้าบอนี่มีที่ไหนกัน
“แกงส้ม...ชั้นกลับก่อนนะ วันนี้เหมือนเจ้านายแกงส้มไม่สะดวก” เพราะนัทเป็นคนมีมารยาทบวกกับความแสบของพี่ชายบอสทำให้ฝ่ายที่ถูกต้องล่าถอยเหลือเพียงผมกับตัวปัญหาปะทะสายตากันอยู่ในร้าน
“ไปซะละ” พี่ชายบอสพูดก่อนที่จะหมุนตัวกลับ ผมคว้าแขนล่ำนั้นไว้เพื่อจะเอาเรื่อง แต่ร่างนั้นกลับดึงผมเข้าไปและโอบไหล่ผมอย่างสนิทสนม
“ปล่อยเว้ย...” ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับการเล่นไร้สาระเอาแต่ใจเห็นแก่ได้ไม่ไหวแล้ว
“ก็แค่อยากลองเข้าใกล้นายในระยะสองเมตรที่หวงนักหนา แต่ก็ไม่มีอะไรนิ นอกจากกลิ่นหอมๆของ....” ผมผลักร่างสูงนั้นอย่างมีโทสะ ใบหน้านั้นมีแววตาที่ตกใจไม่น้อย...แต่ผมไม่สนใจหรอก
“หมาบ้ากัดหรือว่าผีเข้ารึไงห๊ะ ไม่เห็นเหรอว่ากำลังคุยกันทำไมต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายด้วย จนนัทต้องกลับไป รู้มั้ยว่าเวลาของผมกับนัทต่อจากนี้มันมีค่าทุกนาที....ถามจริงๆเหอะสนุกนักเหรอได้แกล้งคนอื่นเนี่ย” ผมเท้าเอวขึ้นเสียงอย่างเหลืออด ถ้าให้เหวี่ยงผมก้ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น โดยลืมหมดจนหมดสิ้นว่าคนนี้คือเจ้าของเงินเดือนที่ผมต้องการเอาไปชดใช้ร้านเหล้าที่เสียหาย
“แกล้งคนอื่น...ไม่สนุก และนายก็ไม่ใช่คนอื่น” ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นเหมือนกัน พอพูดจบพี่ชายบอสก็มองหน้าผมอย่างโมโหก่อนจะเดินตึงๆไปหลังร้าน กลับกลายเป็นว่าผมโดนเหวี่ยงกลับซะงั้น
“ผิดอะไรเนี่ย???” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ไม่เข้าใจกับคำพูดของพี่ชายบอสที่ทิ้งไว้เป็นปริศนา ทำไมอะไรๆ รอบตัวผมถึงมีแต่เรื่องครึ่งๆกลางๆ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างไปซะทุกเรื่องเลยนะ
ปล. เม้นน้อยๆเพื่อสร้างแรงใจอันยิ่งใหญ่ให้กับไรเตอร์นะ.....รักรีดเดอร์ทุกคนนะจ๊ะ ^^
ความคิดเห็น