คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : จุดเปลี่ยน
HUNZ talk
ทำไมถึงวุ่นวายใจแบบนี้นะ!!! ทั้งที่ผมก็อุตส่าห์สั่งย้ายห้องให้แกงส้มกับเพื่อนจากห้องพักพนักงานแคบๆมาอยู่ห้องระดับดีที่สุดของรีสอร์ตโดยผมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมยังกำชับไม่ให้บอกให้สามคนนั้นรู้ แต่ความรู้สึกกระสับกระส่ายนี้มาได้ยังไงนะ ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งใจจะล้มตัวนอนพักผ่อนเพื่อขับรถกลับในเช้าตรู่ ผมผุดลุกผุดนั่งอย่างร้อนใจ เด็กบ้านั่น...จะเป็นยังไงบ้างนะ
ในที่สุดผมก็เลือกที่จะเปิดประตูออกมา โดยมีเสื้อคลุมอยู่เพื่อพรางตัวเองเดินไปอย่างลับๆล่อ ก็ขอแค่อย่างน้อยก็ให้รู้ว่าแกงส้มปลอดภัยจริงๆ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ว่าทำไมต้องมาทำอะไรบ้าๆ อย่างที่ทำตอนนี้ด้วย ผมเดินเลียบไปตามทางเดินผ่านสวนหย่อมน่ารักสบายตาไปที่ห้องของแกงส้มที่อยู่ไม่ห่างจากห้องผมนัก ผมนั่งลงที่โต๊ะหินเล็กๆเพื่อซุ่มมองห้องที่เปิดไฟสว่างนั้น แกงส้ม...ชั้นขอโทษนะที่ทำให้นายเป็นแบบนั้น คราวหลังชั้นจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับนายอีกแล้ว.... วันนี้นอนหลับให้สบายนะ
แต่คำอวยพรห่างๆของผมคงไม่มีความหมายเมื่อร่างสูงที่เดินมาตามทางอย่างรีบร้อนนั้นปรากฏตัวขึ้น “ฮัท” คนๆนี้ต่างหากที่เป็นยาดีทำให้เด็กบ้านั่นอาการดีขึ้นทันตา ผมยิ้มเยาะตัวเองความมืดให้กับความเป็นห่วงไร้สาระที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบอารมณ์รู้สึกผิด ไอ่ฮั่น!!!...แกมานั่งบ้าให้ยุงมันกัดอะไรตรงนี้ จำไม่ได้เหรอ...สองคนนี้ทำให้เฟรมต้องนอนจมกองน้ำตามาเท่าไหร่แล้ว กลับไปทำหน้าที่ตัวเองยังจะดีซะกว่ามาปล่อยเวลาให้สูญเปล่าแบบนี้!!!
HUT talk
สังหรณ์ใจตั้งแต่แกงส้มเก็บของแล้วเชียว ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ.... ทันทีที่พี่โตโน่โทรมาผมก็รีบบึ่งมาที่นี่ทันที สองชั่วโมงกว่าผมก็ขับรถมาถึงที่นี่ ผมแปลกใจมากที่เห็นว่าแกงส้มได้มาพักห้องหรูขนาดนี้ ทั้งที่มาในฐานะทีมงาน
“ก๊อกๆๆๆ” ผมเคาะประตูรัว ริทเป็นคนมาเปิดประตูให้ ผมรุดเข้าไปหาแกงส้มอย่างเป็นห่วง ถ้าลูกชายเค้าเป็นอะไรไปผมจะมองหน้าพ่อแม่และครอบครัวแกงส้มได้ยังไงทั้งที่อุตส่าห์ไว้ใจฝากฝังให้ผมดูแล
“แกงส้มเป็นไงบ้าง” ผมถามเบาๆ เมื่อเห็นแกงส้มหลับพริ้มบนเตียงนอน
“ไม่มีอะไรนะ...ออกแนวเสียขวัญมากกว่า” ริทตอบผมขณะที่ห่มผ้าให้แกงส้ม
“ทำไมแกงส้มถึงได้เป็นหนักขนาดนี้นะ” พี่โตโน่พึมพำอย่างสงสัย
“แกงส้มมันมีอดีตกับน้ำ...พี่สาวของแกงส้มที่เป็นเพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า ตอนแกงส้มเด็กๆ เคยไปเล่นน้ำบ้านคุณยายที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นแกงส้มว่ายน้ำเป็นแล้วและน้ำมันก็ไม่ลึกมากทุกคนเลยวางใจปล่อยแกงส้มเล่นน้ำในคลองเองคนเดียว แต่มันเกิดเหตุที่ว่าแหเก่าๆใต้น้ำบังเอิญพันขาเจ้าแกงมัน แล้วเป็นจังหวะแกงหมดแรงพอดี เรียกให้ใครมาช่วยก็ไม่ได้ยิน ถ้าไม่มีคนหาปลาผ่านมาทางนั้นแกงส้มเหลือแต่ชื่อแน่ๆ เชื่อมั้ย? ว่าแกงส้มช็อคไม่พูดไม่จาเป็นอาทิตย์ร้องไห้ตกใจคิดว่าคนอื่นทิ้งเค้า...” ผมเล่าให้พี่โตโน่กับริทฟัง
“มันคงเป็นจิตใต้สำนึกของแกง ที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็กๆนั่นแน่ๆ” ริทพูดเสริม
“ถึงว่าแกงจะเดินเลี่ยงสระว่ายน้ำตลอดเลย” พี่โตโน่พูดให้ความเห็น
“แกงส้มเลยคิดว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนถึงทุกวันนี้แหละ” ผมนั่งลงที่ขอบเตียงมองหน้าแกงส้ม
“เพราะไอ่บ้านั่นคนเดียว คิดว่าตัวเองรวยแล้วทำอะไรก็ได้” พี่โตโน่พูดเสียงดังขึ้นมา
“เงียบๆ น้องหลับไปแล้ว” ริทปรามเสียงเบาหากแต่ทำให้อีกฝ่ายจ๋อยลงทันที
“พี่โตโน่รู้จักคนที่ทำร้ายแกงส้มเหรอ???” ผมรีบหันไปถามทันที
“เคยเห็นมาที่ร้านคนที่กวนประสาทแกงส้มวันนั้นไง คนที่ให้ทิปหลายๆพัน” พี่โตโน่หันไประลึกความจำกับริท ทำไมผมถึงนึกถึง... พี่ฮั่นก็ไม่รู้
“อ่อ...จำได้แล้ว” ริทตอบหลังนึกขึ้นได้
“หน้าตาเค้าเป็นยังไง” ผมถามอย่างร้อนใจ
“สูง หน้าหล่อแบบร้ายๆ ขาวใส ดูขรึมๆ แต่ดูเหมือนมีอะไรในตัวเยอะ” ริทอธิบาย ผมรีบวิ่งที่ไปล๊อบบี้ทันที ไม่ผิดแน่!!! ผมจะไม่ยอมให้เรื่องนี้บานปลายมากไปกว่านี้แล้ว ถ้าทุกอย่างมันจะเกิดมันต้องเกิดกับผมไม่ใช่คนรอบข้างผมแบบนี้
“ขอโทษนะครับ คุณอิสริยะ อยู่ห้องไหนครับ” ผมวิ่งหน้าตาตื่นทำเอาพนักงานสาวสวยตกใจ
“อ่อ...เพิ่งเช็คเอ้าท์ออกไปเมื่อกี้ค่ะ น่าจะอยู่ที่ลานจอดรถนะคะ” พนักงานสาวตอบผมพร้อมผายมือไปทางลานจอดรถ ผมออกวิ่งตามไปทันทีและในที่สุดก็พบร่างสูงนั้น ผมรีบวิ่งไปดักหน้าทันที
“พี่ฮั่น ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ผมพูดพร้อมจ้องตาเพื่อร้องขอเวลา พี่ฮั่นหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“เรื่องแฟนแกหน่ะเหรอ??? แฟนแกอยากลองดีกับชั้นเอง ก็ต้องได้รับการสั่งสอนเป็นธรรมดา” พี่ฮั่นพูดพร้อมยิ้มมุมปากอย่างไม่ยี่หระกับสิ่งใดๆ ผมหลับตาตั้งสติกับเรื่องที่กำลังจะพูด
“แกงส้มไม่ใช่แฟนผม” ผมพูดอย่างจริงจัง แต่สิ่งที่ได้คือหมัดหนักๆ ที่ของมาจากพี่ฮั่น
“แกมันเกินไปแล้วนะไอ่ฮัท กับเฟรมแกก็ไม่ใยดีทั้งที่เฟรมรักแกมาก พอไอ่เด็กแกงส้มนี่แกก็ยังบอกว่าไม่ใช่แฟนเหรอ แกจะหยุดที่ตรงไหนห๊ะ!!! ชั้นไม่คิดว่าแกจะเห็นหัวใจคนอื่นเป็นของเล่นแบบนี้” พี่ฮั่นชี้หน้าผมด้วยความโกรธ แล้วเดินไปที่รถขับออกไปอย่างไม่สนใจผมเลย ผมทุบพื้นอย่างหัวเสีย ทำไมทุกๆอย่างมันถึงวุ่นวายปั่นป่วนแบบนี้.....
หลังจากการถูกนายฮั่นนิสัยแย่จับกดน้ำ ผมถูกพี่ม้าสั่งพักงานสามวันเต็มๆ ผมได้แต่นั่งๆนอนที่คอนโดอย่างเรื่อยเปื่อย จนแทบจะง่อยเปลี้ยเสียขากันเลยทีเดียว และวันนี้ผมจะได้ไปทำงานแล้วครับ ผมปั่นจักรยานสูดอากาศยามเช้าไปที่ร้านตามกิจวัตรที่เป็นมาทุกวัน ประเด็นคือสามวันที่พักไปพี่ม้าเค้าจะหักเงินผมมั้ยนะ!!! ผมจอดจักรยานไว้ที่ประจำ เดินมาที่ร้านแต่...ร้านถูกเปิดแล้วไม่น่าเชื่อใครจะมาก่อนผมเนี่ย ผมหันกลับไปมองที่ลานจอดรถอีกครั้ง รถของพี่ม้าและพี่โตโน่ก็ไม่มีแล้วใครที่เปิดร้าน..... รึว่าจะเป็นขโมย ไม่ได้การละ!!!.... ผมคว้าไม้กวาดมาเป็นอาวุธ ค่อยๆย่องเข้าไปอย่างระแวดระวังเสียงกุกกักมาจากทางห้องครัว ผมเห็นร่างตะคุ่มๆ
“ไอ่โจร แกตายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” ผมวิ่งไปทางร่างนั้นอย่างไม่คิดชีวิต
“ปั๊ก!!!” เสียงโลหะกระทบของแข็งดังลั่นในหัวผม แน่นอนครับ....มันไม่ใช่เสียงไม้กวาดในมือกระทบกับโจรแน่นอนครับ เพราะความเจ็บปวดบนผมหัวของผมมันฟ้องให้เห็นอย่างปฏิเสธไม่ได้
“แกงส้มเป็นไงบ้าง” เสียงคุ้นๆ ข้างหูอย่างเป็นห่วง ผมค่อยๆลืมตา
“พี่ริท!!!” สรุปว่าที่ผมเห็นนั่นคือพี่ริทเหรอเนี่ย....กรรมของผม ช่วงนี้เป็นอะไรนะ หาเรื่องเจ็บเนื้อเจ็บตัวเก่งจริงๆ เลยแกงส้ม พี่ริทหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ก่อนยกกระทะก้นแบนอาวุธมาให้ผมดู
“พี่ก็ฟาดมาได้นะ” ผมตำหนิพี่ริทเล็กๆ หัวผมแตกก็บุญแค่ไหนแล้วเนี่ย
“ก็พี่ตกใจนี่หว่า...อยู่ๆก็วิ่งตรงมาแบบนั้นก็เลยป้องกันตัว” พี่ริททั้งพูดทั้งขำ
“แล้ววันนี้ทำไมมาเช้าเนี่ย พี่โตโน่ไปไหน” ผมถามหาคู่หูพี่ริท พี่ริทหยุดหัวเราะทันที
“ไม่ได้มาด้วยกัน...พี่ไม่อยากทำให้เรื่องราวมันต้องน่าลำบากใจ” พี่ริทพูดด้วยเสียงเศร้า
“เกิดเรื่องอะไร พี่โน่เค้าทำอะไรให้พี่ริทไม่สบายใจ” ผมรีบถามเพราะไม่ไว้ใจในทักษะด้านความรักของพี่โตโน่เลยแม้แต่นิด จังหวะที่ดีๆพี่โตโน่สามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นนรกได้ในเสี้ยววินาที
“ไม่หรอกพี่แค่รู้ตัวว่าพี่เป็นส่วนเกินของพี่โน่กับแกง” พี่ริทแสร้งยิ้มให้ทั้งที่ปิดความข่มขื่นไว้ไม่มิดในแววตา
“พี่ริท...ผมกับพี่โน่ไม่มีอะไรมากกว่าความเป็นพี่เป็นน้องเลยนะ” ผมอธิบายลิ้นพันกันรัว
“พี่รู้ว่าแกงส้มยังไม่คิดอะไร แต่พี่โน่.... อ่อ!!! พี่ขอโทษคำพูดนั้นมันคงไม่หวานซึ้งถ้ามันไม่ได้มาจากคนที่เค้ามีความรูสึกให้กันจริงๆ สักวันพี่โน่ก็ต้องพูดออกมา” พี่ริทพูดเสร็จก็เดินไปเตรียมผักทันที ตอนแรกผมคิดว่าจะพูดให้รู้เรื่องรู้ราวมันตรงนี้ แต่เพราะคำพูดพี่ริททำให้ผมชะงัก เรื่องทุกอย่างมันไม่ควรจบลงเพราะผม.... มันเป็นเรื่องของพี่ทั้งสอง พี่โตโน่งานนี้พี่ต้องช่วยเหลือตัวเองแล้วนะ ที่สำคัญโดยด่วนด้วย!!!
ทั้งที่มีเรื่องอยากจะบอกพี่โตโน่แท้ๆ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแขกเยอะตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ผมกับเพื่อนพนักงานเหนื่อยซะจนสายตัวแทบขาด กลับไปพักได้ทีละคน งานนี้มีคนเดียวที่ยิ้มหน้าบาน คือ พี่ม้า นั่นเองงงง!!! ผมได้มานั่งคู่กับพี่โตโน่อีกทีคือตอนนี้เย็นบนเวทีที่ดนตรีสดของร้าน ส่วนพี่ริทจำเป็นต้องออกมาช่วยเสิร์ฟเพราะลูกค้าที่มากมายเหลือเกิน ผมแอบสงสัยว่าพี่ม้าแอบไปแจกใบปลิวลดราคา 80% คนเดียวที่สะพานลอยรึเปล่า ถึงได้มีกองทัพลูกค้ามากขนาดนี้!!!
“ลูกค้าฝากโน๊ตมาให้” พี่ริทยื่นโน้ตมาให้ผม ผมก้มลงอ่าน
“อ่าว...โน๊ตของพี่ต่างหาก พี่ริทเอามาให้ผมทำไมเนี่ย” ผมหันไปพูดกับพี่โตโน่ ซึ่งปฏิกิริยาของพี่โตโน่ก็เปลี่ยนไปทันที พี่โตโน่ทิ้งกีต้าร์ในมือลงบนเบาะข้าง
“ริท....มาพูดกันให้รู้เรื่องเลยนะ” พี่โตโน่ตะโกนจนคนทั่วร้านตกใจหันมามองเป็นตาเดียว พี่ริทชะงักหันมามองอย่างตกใจ อย่าว่าแต่พี่ริทเลยไอ่ผมเองก็อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวตั้งนาน
“ทำไมต้องหนีหน้าพี่ด้วย มันจะรังเกียจกันขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่โตโน่ถามอย่างโมโห
“พี่โน่เราไปคุยกันทีหลัง” พี่ริทตอบด้วยเสียงละมุน พี่โตโน่ส่ายหน้ากัดฟันอย่างดื้อรั้น
“ไม่!!! เอาให้รู้เรื่องตรงนี้แหละ” พี่โตโน่พูดเสียงดัง พี่ริทหันไปมองพี่ม้าอย่างเกรงใจซึ่งพี่ม้าเองก็ยืนมองด้วยความตกใจไม่ต่างจากทุกคนในร้าน
“ผมไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวปัญหาของพี่กับแกงส้ม ถ้ามีผมติดพี่อยู่อย่างนี้มัน...” พี่ริทพูดออกมาอย่างแผ่วเบา หากแต่ผมเองยังสัมผัสถึงความเสียใจน้อยใจในน้ำเสียงเบาๆ นั้น
“ไอ่บ้า!!! ชั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับแกงส้มสักนิด คนที่คิดชั้นคือนายต่างหาก ทำไมเรื่องอื่นละฉลาดจัง แต่เรื่องแบบนี้ทำไมมองไม่ออก หรือว่าต้องให้ชั้นชักดิ้นชักงอถึงจะรู้ว่าชั้นชอบนาย ชั้นรักนาย ห๊ะ” บร๊ะเจ้า....นั่นหรือคือการสารภาพรักของพี่โตโน่ ผมเสียเวลาในการสอนทุกอย่างเพื่ออะไรทั้งที่การบอกรักแบบนี้มันดูน่ารักและจริงใจ ผมปลื้มแทนพี่ริทจริงๆ เลย ฮิ้ววววววววว!!!!
“พี่โน่พี่พูดอะไร” พี่ริทร้องเสียงหลง แต่รอยยิ้มบนใบหน้าใสๆนั้นก็ทำให้รู้ว่าคำตอบมันคืออะไร
“มาพูดกันตรงๆเลยดีกว่าริทจะเอายังไงกับพี่ จะรักหรือว่าจะไม่รักบอกมาตรงนี้แหละ” พี่โน่เดินก้าวไปหาพี่ริทที่หยุดนิ่งกลางร้าน
“พี่โน่” พี่ริทเรียกชื่อพี่โตโน่อย่างเขินอาย พี่โตโน่จ้องหน้าพี่ริทเพื่อรอคำตอบ
“ก็ลองดูกันไปก่อน” พี่ริทตอบอย่างเลี่ยงๆ หลบตาพี่โตโน่ ผมละลุ้นระทึกจริงๆ เชียวกับคู่นี้
“ไม่มีในตัวเลือก รักหรือไม่รัก” พี่โตโน่พูดสั้นอย่างจริงจัง พี่ริทลอบยิ้ม
“รักก็ได้” พี่ริทพูดออกมาในที่สุด พี่โตโน่คว้าพี่ริทมากอดแน่นโดยไม่สนสายตาใคร เสียงเฮลั่นร้าน ทุกคนปรบมือกันเกรียวกราวกับความรักที่น่าลุ้นของสองคนนี้ ผมเองก็ดีใจอย่างสุดตัว กลิ่นของความรักอบอวลร้านอย่างหอมหวาน ผมแอบเห็นพี่ม้ายิ้มอย่างพอใจไม่น้อย ผมขอให้พี่สองคนรักกันนานนะครับ....
ผมโบกมือลาคู่รักคู่ใหม่ที่อาสาปิดร้านกันสองคน ผมอมยิ้มกับภาพความประทับใจวันนี้ พอหันมามองตัวเอง... เมื่อไหร่จะมีคนมารักเราแบบนี้กันนะ แต่ของแบบนี้จะไปเร่งรัดอะไรก็ไม่ได้ ผมเชื่อเรื่องชะตาฟ้าลิขิต คนของผมคงอยู่ที่ไหนสักแห่งรอคอยการได้พบกันของเรา หรือเราอาจจะเจอกันแล้วก็ได้นะ ผมหัวเราะกับตัวเองในความคิดแบบนี้ แกงส้มจะเพ้อเจ้อไปไหนเนี่ยเรา ขณะที่ผมกำลังสนุกกับความคิดตัวเองอยู่นั้น ข้างทางมีร่างเด็กน้อยคนหนึ่งนอนไร้สติอยู่ ผมรีบจอดก่อนวิ่งไปดูอย่างร้อนใจ
“น้องครับ น้อง” ผมคุกเข่าเขย่าตัวเด็กชายคนนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีมือปริศนามาประกบที่บริเวณจมูก ผมพยายามดิ้นรนเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบร่างสูงยืนยิ้มอย่างพอใจก่อนทุอย่างจะมืดดับสนิทไป.....
HUNZ talk
น่ารักเหมือนกันนะ... ผมมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่นอนหมดสติอยู่ข้างๆ ผมนั่งพินิจใบหน้าหวานแต่แฝงด้วยความดื้อรั้นนั้น ปกติที่ผมเจอแกงส้ม ผมมองข้ามความน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด เพราะวาจาที่อวดดี เถียงคำไม่ตกฝาก ท่าทางไม่ยอมอะไรทั้งนั้นของเด็กคนนี้ ในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้ผมต้องมาดูบัญชีและตรวจกิจการไร่องุ่นของผม ผมเลยแวะรับแกงส้มเพื่อมาพักผ่อนด้วยกัน....ครับ ผมเรียกว่า “แวะรับ” แต่แกงส้มคงไม่เห็นด้วยกับการแวะรับครั้งนี้เป็นแน่ ว่าแล้ว...แกงส้มก็ขยับตัวผมก้มมองนาฬิกาข้อมือตอนนี้ก็น่าจะฟื้นได้แล้วนะ แกงส้มสะบัดหัวจากอาการมึนงงจากฤทธิ์ยาสลบ
“คุณอีกแล้วเหรอ” แกงส้มพูดอย่างอ่อนแรงแต่น้ำเสียงก็มีร่องรอยความหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่....” ผมตอบสั้นๆ เพื่อกวนโมโหหนุ่มหน้าหวานจอมกวนคนนี้
“แล้วจะพาผมไปไหน” แกงส้มขยับตัวมองไปด้านนอกซึ่งก็ไม่สามารถเห็นได้ถนัดเนื่องจากมืดสนิทด้วยเป็นยามดึก
“พาไปดูกิจการของชั้นอีกอย่างหนึ่ง” ผมบอกแต่แกงส้มตาโตด้วยความตระหนกตกใจ
“กิจการอะไร โรงงานนรก หรือว่าแหล่งผลิตยาบ้า เฮ้ยยยยย!!! หรือว่าจะพาชั้นไปขาย” แกงส้มโวยวายเสียงดัง
“ดีๆทั้งนั้นเลยนะ เก่งจังนะเรื่องหาคุกให้ชั้นเนี่ย มองชั้นในแง่ดีบ้างจะได้มั้ย???” ผมพูดไปหัวเราะไปกับความเวิ่นเว้อวุ่นวายของเด็กตัวแสบคนนี้
“เหอะๆๆ จากสิ่งที่ได้สัมผัสมามันไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้แล้ว” แกงส้มมองหน้าท้าทายผม ไม่เคยเข็ดเลยนะ ผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้คนอวดดีก่อนจะหอมฟอดใสไปที่แก้มใสๆนั้น
“ไอ่บ้า ทำแบบนี้ได้ยังไง” แกงส้มลูบแก้มที่ถูกผมล่วงล้ำร้องอย่างไม่พอใจ
“ชั้นเคยทำแล้วไงซอกคอนายจำไม่ได้เหรอ???” ผมเลยรื้อฟื้นความจำอีกสักหน่อย แกงส้มหายใจแรงขึ้นเพราะความโกรธ ก่อนขว้างกระเป๋ามาโดนหน้าผมเต็มๆไอ่เรื่องเจ็บมันไม่เจ็บหรอกครับแต่เด็กแสบคนนี้ต้องได้รับการสั่งสอนว่าอย่าได้ริลองดีกับผม!!!
“นายอย่าคิดว่าจะรังแกชั้นง่ายๆ” แกงส้มยังไม่ทิ้งลายความแสบ ผมโผเข้าไปคว้าร่างนั้นมาในวงแขนโดยที่แกงส้มยังไม่ทันตั้งตัว บีบคางของใบหน้านั้นให้เชิดขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากที่ปากนั้นอย่างหนักหน่วงและบดอย่างแรง แกงส้มพยายามสะบัดหน้าหน้าแต่ไม่อาจจะหลุดจากกรงเล็บเสืออย่างผมได้ ผมดูดดื่มรสหวานจากริมฝีปากนั้นจนพอใจจึงค่อยถอนริมฝีปาก แกงส้มหลับตาเม้มปากอย่างเจ็บใจ
“ถ้าติดใจก็ลองดีบ่อยๆนะ....ชั้นยินดีบริการ” ผมก้มไปกระซิบข้างหูแกงส้ม แกงส้มเบือนหน้าหนีขยับตัวไปชิดตัวรถ ยกมือปาดน้ำตาที่คงไหลรินออกมาเพราะความเจ็บใจ แกงส้ม...นายจะเกลียดชั้นก็ได้ชั้นไม่ว่า แต่นายจะหนีไปจากชั้น....ไม่ได้!!!!
ปล. ช่วงนี้ไรเตอร์ยุ่งๆ อาจจะอัพไม่บ่อยเท่าเมื่อก่อนนะคะ แต่ต้องการกำลังใจเหมือนเดิมนะ ปิ๊งๆๆ ^^
ความคิดเห็น