ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักหลังไมค์ หัวใจฉ่ำ

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : จูบแรก

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 55


    HUNZ talk

    อะไรกันวะเนี่ย!!! เป็นคำแรกที่ผมนึกขึ้นในใจ ก็เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนตีสามครึ่งเนี่ยมันเป็นเรื่องสมควรแล้วเหรอครับ เพิ่งหลับไปตอนตีสองกว่าๆแถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก ยิ่งไอ่เบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์แปลกหน้าอีก โรคจิตโทรมาอีกรึเปล่าเนี่ย

    “ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงประมาณว่า ถ้าไม่สำคัญนะเมิงตายยยยยย!!!

    “พี่ฮั่น ผมเอง” ผมเอง??? ผมนั่นมันใคร แต่น้ำเสียงนี้มันคุ้นหูเหลือเกิน

    “ใครอ่ะ” ผมยังคงมาดความดุดันในน้ำเสียง

    “แกงส้ม” บร๊ะเจ้า!!! เจ้าตัวแสบโทรมาหาผม ผมหยิกตัวเองแรงๆหนึ่งที....เฮ้ย!!!ก็ไม่ได้ฝันนี่หว่า

    “โทรมาทำไมเนี่ย” ผมตาสว่างขึ้นมาทันที ลุกขึ้นมานั่งคุยโทรศัพท์เป็นเรื่องเป็นราว

    “มีเรื่องจะขอร้องหน่อย” เสียงนั้นดูสบายๆ นี่ยังไม่นอนอีกเหรอท่านชาย....เป็นค้างคาวรึไง

    “ไม่ถงไม่ถามสักหน่อยว่านอนแล้วรึยัง” ผมประชดไป....นี่มันตีสามครึ่งนะเฟ้ยยยย

    “ก็โทรไปแล้วรับแสดงว่ายังไม่นอน” แกงส้มตอบกลับมา ป่วยการที่จะประชดจริงๆ คิดได้ไงเนี่ย ว่ารับแล้วแสดงว่ายังไม่ได้นอน เอ่อ...เผอิญว่าโทรศัพท์บ้านผมมันมีเสียงไงครับ

    “อื้ม แล้วมีอะไรโทรมาทำไม อย่าบอกนะว่าโทรมาแกล้ง” ถ้าโทรมาแกล้งนะ ผมเอาตายแน่!!!

    “บอกไปแล้วว่ามีเรื่องจะขอร้อง ก็โทรมาขอร้องสิ วุ้ยยยยยย” คนขอร้องกันเค้าทำเสียงรำคาญด้วยเหรอ???

    “เออๆๆ มีอะไรว่ามา” ผมเหนื่อยใจที่จะพูดกับเจ้าตัวแสบจริงๆ เจ้าตัวนิ่งไปนิดนึง

    “เรื่องวันนี้ อย่าบอกใครได้มั้ย” น้ำเสียงที่ยียวนนั้นมีความเครียดปะปนอยู่ไม่น้อย

    “ทำไมละ นี่มันเรื่องใหญ่นะ ความจริงนายน่าจะแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ” ผมขยับตัวคุยอย่างจริงจัง

    “ไม่อยากให้เรื่องราวมันใหญ่โต แค่ข่าวรายวันก็เหนื่อยพอแล้ว อีกอย่างหนึ่งสงสารพี่เอกกี้ถ้ารู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ คงกระวนกระวายใจน่าดู” น้ำเสียงนั้นช่างดูอ่อนโยนถ้าผมไม่เคยเจอฤทธิ์เดชแบบจังๆหลายครั้งแล้วละก็คงนึกว่าเป็นคนอ่อนหวานมากๆ คิดถึงคนรอบข้างก็เป็นนะเนี่ย

    “อื้ม แต่นายก็ต้องระวังตัวมากๆนะ ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่การแกล้งหรือว่าคิดทำร้ายนายจริงๆ” ผมเตือนแกงส้ม เพราะดูจากที่แกล้งผมแล้วคงไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังเท่าไหร่

    “ขอบคุณนะที่ช่วยวันนี้อ่ะ” แกงส้มขอบคุณผมอีกครั้งหนึ่ง

    “มีอะไรมากกว่าคำขอบคุณมั้ยละ” ผมกระเซ้าเล่น ไม่อยากให้ตัวร้ายเครียดมากไป

    “ให้ไปแล้วไง ไม่รู้เหรอ” แกงส้มตอบผมเสียงใสกลับมา ให้อะไรไม่เห็นจะมีเลย

    “ไม่สังเกตเลยใช่ป่ะเนี่ย หมีโง่เอ๊ยยยย!!!” อ่าวๆๆ วอนซะละ.....

    “ไม่เห็นจะมีเลย มั่วแล้วนายอ่ะ” ผมตอบกลับไป แกงส้มหัวเราะเบาๆ

    “ก็ผมเรียกพี่ฮั่นว่าพี่ทุกครั้งเลยไง ไม่สังเกตเลยเหรอ” ผมลองทบทวนดูใช่จริงๆด้วย

    “แต่พี่ห้ามข่มผมนะ ผมให้ได้แค่คำว่าพี่ แต่เรายังเป็นศัตรูกันเหมือนเดิม” น้ำเสียงแกงส้มกลับมายียวนอีกครั้ง ผมหัวเราะในใจเบาๆ แกงส้ม...เด็กน้อยเอ๊ย!!! ความรู้สึกระหว่างชั้นกับนายมันไม่เหมือนเดิมแล้ว น้ำเสียงน่ารักแบบนี้มันไม่ได้ใช้กับศัตรูหรอก นายรู้สึกดีกับชั้นมากขึ้นเยอะเลยต่างหาก

    “เออๆๆ” ผมตอบไปให้เจ้าตัวสบายใจ แต่ก็ยังอดขำกับความไร้เดียงสาบ้าบอของแกงส้มไม่ได้

    “งั้นพี่ก็นอนได้แล้วดึกแล้ว ยิ่งแก่ๆ เดี๋ยวสุขภาพโทรมหมด” แกงส้มยังไม่วายกัดผม พูดมาได้เนาะที่ชั้นต้องตื่นมาตาสว่างแบบนี้ก็เพราะใคร ยังมีหน้ามาบอกให้ผมนอนอีก

    “ได้....ชั้นจะกลับไปนอนแล้ว” ผมเน้นคำว่า “กลับ” ให้เจ้าตัวสะกิดใจขึ้นมาหน่อย

    “งั้นแค่นี้นะ นอนหลับฝันดีละ” แล้วเจ้าตัวก็วางสายไปแบบดื้อๆ ผมแอบยิ้มกับความไปเร็วมาเร็วของเจ้าคนนี้จริงๆ แกงส้ม....ความจริงนายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนิ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำไป  เอ๊ย!!!! คิดอะไรวะไอ่ฮั่น บ้าไปแล้ว ผมไม่ได้ยิ้มเพราะแกงส้มสักหน่อย โอ๊ยๆๆๆๆ ปวดหัว  นอนดีกว่า!!!

     

                    วันนี้เป็นวันหยุดของผม ต้องขอบคุณคอนเสิร์ตของสามเกรียนที่ทำให้ผมเองมีมีเวลามากขึ้น (มีข้ออ้างในการบอกปัดงาน) ผมเลยมีเวลามาสิงอยู่ที่บ้านของสต๊อปเพื่อนรักแบบสบายอารมณ์

    “แกงส้มนายหยิบทัพพีให้หน่อยสิ” ยายชีลงมือทำอาหารกลางวันทานเองที่บ้านเลยนะครับวันนี้ โดยที่มีผมเป็นลูกมือจำเป็น ส่วนสมายล์ก็เอาแต่ชิมและวิจารณ์จนผมหมั่นไส้ไล่ไปรอนอกห้องครัว

    “ทำอะไรตั้งเยอะแยะ กินหมดเหรอเนี่ย” ก็ยายชีทำมาซะหลายอย่างเลย สต๊อปหันมายิ้มกว้าง

    “วันนี้พี่ที่กองถ่ายสมายล์จะมาทานข้าวที่นี่ ไหนๆเค้าก็ดูแลน้องสาวเราแล้ว เราก็ต้องเต็มที่กับเค้าหน่อย” สต๊อปบอกผม ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะหันผักต่อ เสียงลงบันไดตึงตังของสมายล์ทำเอาบรรยากาศเงียบๆ หายไป เจ้าตัวลงมาก่อนหยิบทอดมันที่เสร็จแล้วเข้าปาก

    “กินมากๆเดี๋ยวก็อ้วน แล้วก็จะไม่มีงาน” ผมแหย่น้องสาวเพื่อนรัก สมายล์แลบลิ้นใส่ผม

    “เชอะๆๆ ไม่สนใจ” สมายล์มองหน้าผมก่อนที่จะทำเมิน ผมส่ายหน้ากับความน่าหมั่นไส้ของหล่อน

    “แล้วพี่ๆเค้าจะมาเมื่อไหร่” สต๊อปเงยหน้าจากหม้อ มาถามน้องสาว

    “ถึงหน้าปากซอยแล้ว เดี๋ยวคงถึง.......มากันแล้ว” ระหว่างที่ตอบเสียงแตรรถขัดจังหวะการสนทนา สมายล์รีบวิ่งแจ้นไปทันทีทิ้งให้ผมกับสต๊อปพี่สาวหน้ามันในชุดผ้ากันเปื้อนอยู่หลังครัว

    “เข้ามาเลยค่ะ.....นั่งก่อนนคะ เดี๋ยวไปเอามาให้ดื่ม” ผมได้ยินเสียงใสๆของสมายล์ต้อนรับแขกผู้มาเยือน ก่อนที่ร่างเจ้าของเสียงจะโผล่มาที่ครัวอีกครั้ง เพื่อเปิดตู้เย็นรินน้ำให้พี่ๆดื่ม

    “มากันกี่คนล่ะ” สต๊อปหันไปถามมือก็ตักแกงใส่ถ้วย สมายล์ชูสามนิ้วเป็นอันเข้าใจกัน

    “พี่แกงไม่ต้องหลบนะ พบปะผู้คนบ้างอะไรบ้าง” สมายล์หันมาบอกผมที่กำลังจัดจานผักอยู่ นี่เห็นผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย พอพูดจบน้องสาวตัวแสบก็เดินออกไปพร้อมถาดน้ำ  ผมจัดเดินถือถาดอาหารไปที่โต๊ะในชุดผ้ากันเปื้อน แต่ไอ่ที่ผมคิดไม่ถึงคือ ร่างสูงในเสื้อผ้าชุดลำลองสบายๆ พี่ฮั่น!!! มาได้ไงเนี่ย

    “แกงส้ม” เสียงพี่โดมหลุดออกมาก่อน พวกนี้มาได้ไงแล้วสภาพผมแบบว่า....สุดสุดอ่ะ

    “หวัดดีครับ....มาไงเนี่ย” ผมหวัดดีก่อน ไอ่คำหลังผมเจาะจงไปที่ร่างสูงหน้าหล่อนั่น

    “อ่อ ก็พี่แคนมาทานข้าวที่บ้านสมายล์ไง เพื่อนๆเค้ามาด้วยแปลกตรงไหน” สมายล์ตอบข้อข้องใจ ผมรู้สึกว่าการมาครั้งนี้มันแปลกๆ เหมือนมีอะไรลับลมคมใน อยู่ๆจะมาทานข้าวที่นี้ทำไมเนี่ย

    “แล้วแกงมาที่นี่ได้ไงเนี่ย” พี่แคนถามผมมองผมไม่วางตา

    “อ่อ...วันนี้ผมไม่มีงานอ่ะครับ เลยมานั่งๆนอนๆที่นี่แหละครับ” ผมตอบมือก็จัดอาหารบนโต๊ะ

    “ชุดน่ารักดีนะ” พี่ฮั่นเดินเข้าใกล้ ตายละ!!! ตอนนี้อยู่ในชุดกันเปื้อนสีชมพูของสต๊อป สายตาที่พี่อั่นมองแล้วอมยิ้มทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย ผมรีบถอดเสื้อกันเปื้อนออกทันที

    “อ้าว....น่ารักดีถอดทำไม เหมาะกับนายจะตายไป” พี่ฮั่นทำตายียวนใส่ผม อุตส่าห์ว่าจะยุติศึกสงครามแล้วนะ ยังจะมากวนประสาทอีก ผมเลยเอาเสื้อกันเปื้อนคลุมหัวไอ่พี่ฮั่นทันที ตามด้วยกระโดดขี่หลังบิดหูทั้งสองข้าง พี่ฮั่นร้องโวยวาย อย่าได้อยู่มันเลย ตายมันตรงนี้แหละ!!!!

    “เฮ้ย!!!! ปล่อย หนักนะเนี่ย เจ็บๆๆ ไอ่เด็กบ้า โอ๊ยยยยยยยย....” พี่ฮั่นร้องโวยวาย สะบัดตัวไปตัวมา กอดหนีบตัวพี่ฮั่นไว้สุดฤทธิ์ มือทั้งสองข้างยังคงบิดหูไม่ปล่อย เอามันหลุดคามือเลย จังหวะที่พี่ฮั่นสะบัดตัว ผมเสียหลักจะร่วงลงมา แต่เคราะห์ยังดีหรือว่าความจงใจที่พี่ฮั่นพลิกตัวกลับมาประคองผมไว้ก่อนที่จะร่างหัวฟาดพื้น แต่หน้าที่ใกล้จนผมได้กลิ่นลมหายใจของพี่ฮั่นมันทำให้ให้ผมหัวใจเต้นผิดจังหวะ สายตาที่มองมาไม่ได้มีความเกลียดชังแต่อย่างใด ผมแอบคิดเอาเองว่าเป็นความห่วงใย เฮ้ย!!! เคลิ้มอะไรเนี่ยแกงส้ม.....

    “เป็นไงซ่าจนได้เรื่อง” พี่ฮั่นดุผมเล็กๆ ก่อนปล่อยผมจากวงแขนนั้น ผมหันไปมองทุกคนเหมือนทุกคนนิ่งไปเพราะฉากเลิฟซีนเมื่อกี้ ไม่ใช่!!! ฉากสงครามต่างหากเล่า ใจยังเต้นเร็วไม่หาย

    “เสร็จแล้วจ้า” สต๊อปที่เพิ่งออกมาในจังหวะที่ทุกคนเงียบ แต่เมื่อหล่อนเห็นแขกของน้องสาวตัวแสบก็ไม่ต่างจากผม ตะลึงครับ.... สงสัยสองพี่น้องคงมีเรื่องเคลียร์กันยาว

    “พี่ฮั่น พี่โดม พี่แคน” สต๊อปเรียกชื่อเรียงตัวก่อนจะยกมือไหว้ ตาหันไปมองน้องสาวอย่างเอาเรื่อง

    “ทานข้าวกันดีกว่านะคะ” สมายล์ยังคงน้ำเสียงใสไม่มีสลดเลยนะเธอ ทุกคนนั่งกันที่โต๊ะผมนั่งตรงกันข้ามกับพี่ฮั่นพอดี ซึ่งรายนั้นก็มองหน้าผมอยู่เรื่อยๆระหว่างทานข้าว แต่ก็ให้ความสนใจสต๊อปมิใช่น้อย หรือว่าพี่ฮั่นจะชอบสต๊อป พอคิดแบบนี้ขึ้นมาใจผมก็หายวาบ ก็เป็นห่วงเพื่อนนี่น่า

    “พี่ลืมบอกไป เราเต้นเก่งมากเลยนะสต๊อป” พี่ฮั่นชมสต๊อปเป็นรอบที่สามสิบ เดี๋ยวก็น่ารัก เดี๋ยวก็มีเสน่ห์บนเวที เดี๋ยวก็นู่น เดี๋ยวก็นี่ อะไรกันหนักกันหนานะ ผมแอบอ้วกหลายครั้งแล้วนะ

    “เพราะเรื่องเต้นนี่แหละคะ สต๊อปถึงรู้จักและสนิทกับแกงมาถึงทุกวันนี้” สต๊อปพูดจบ สายตาของพี่ฮั่นมาจบที่หน้าผม มันเลยยักคิ้วให้ที แต่รายนั้นกลับยิ้มให้กลับมา

    “สนิทกันมานานรึยังครับ” พี่แคนกระตือรือร้นถาม แต่สต๊อปกลับมองหน้าพี่แคนแปลกๆ

    “ก็นานพอที่จะรู้ว่าพี่แกงชอบอะไรกลัวอะไรอะ” สมายล์เลยแก้สถานการณ์ให้

    “จริงเหรอ แล้วแกงส้มกลัวอะไรละครับน้องสมายล์” พี่โดมเงยหน้ามาพูดหลังจากตักข้าวจานที่สาม

    “อย่านะ!!!” ผมรีบห้าม ทุกคนหัวเราะคิดคัก แต่อย่างที่คิดนั้นแหละ ไม่มีอะไรห้ามสมายล์ได้

    “พี่แกงกลัวผีมากเลยค่ะ” สมายล์ตอบ ทุกคนหัวเราะหนักขึ้น กลัวผีมันผิดตรงไหนกัน ยิ่งพี่ฮั่นนะ ทำหน้าเหมือนกับล่วงรู้ความลับสวรรค์ยังไงยังงั้น....

     

    HUNZ talk

    เมื่อวานนี้ผมเหมือนถูกหวยชุดใหญ่อยู่ๆ ไอ่แคนก็ลากผมกะไอ่โดม ไปที่บ้านสต๊อปนางในฝันของมัน แล้วสิ่งที่มาต้อนรับผมคือ แกงส้ม....ไอดอลจอมโวยวายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพู มันน่ารักน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก แล้วยิ่งจังหวะที่ผมประคองแกงส้ม ใบหน้าของเราสองคนห่างกันเพียงนิดเดียว ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกแปลกๆ... อาจจะเป็นเพราะเด็กคนนี้สร้างสีสันในชีวิตผมมากมายช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่เจอกันละมั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สีสันชีวิตของผมจะต้องมาซ้อมเต้น แน่นอน...ผมมีเรื่องเซอร์ไพรส์แน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ

    “พี่ฮั่น” เสียงจริงจังเรียกผมจากด้านหลัง ผมหันไปปรากฏว่าเป็นแกงส้ม

    “มีอะไร เรียกซะ ตกอกตกใจหมด” ผมต่อว่าเป็นพิธี เจ้าตัวดูไม่ใส่ใจกับคำพูดผมเลย

    “พี่ชอบสต๊อปเหรอ????” ห๊า!!!! ไปเอามาจากไหนเนี่ย ไม่ใช่ชั้นนะ.....

    “จะบ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย” ผมรีบปฏิเสธทันที สีหน้าแกงส้มดูสบายใจขึ้น

    “แล้วเมื่อวานพวกพี่มีแผนอะไรทำไมต้องไปทานข้าวที่บ้านสต๊อปด้วย” เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ

    “ก็แคนอยากรู้จักกับที่บ้านสมายล์ก็แคนมันสนิทกับน้องเค้าในกองถ่าย” ผมคิดว่าผมแถไม่รอด

    “อย่ามาพูด สนิทได้ยังไงสมายล์ไปถ่ายละครสามวันเองนะ แล้ววันก่อนยังไม่สนิทกับพี่แคนแบบนี้เลย” แกงส้มดักคอผมได้จริงๆด้วย โอ๊ย!!! ทำไงดีเนี่ย เอาวะความจริงเลยละกัน

    “ถ้าพี่บอกไปเราต้องเหยียบนะ ห้ามบอกใคร” ผมมองหน้าแกงส้มอย่างจริงจัง แกงส้มพยักหน้ารับ

    “ไอ่แคนมันชอบเพื่อนเรา”ผมบอกไปแล้ว ขอโทษนะไอ่แคนมันจำเป็นนี่หว่า

    “จริงเหรอ???” แกงส้มทำตาโตน่ารัก ก่อนจะขมวดคิ้วเดินออกไปเฉยๆ ทิ้งผมไว้คนเดียวอย่างงงๆ ระหว่างที่พักซ้อม และก่อนที่จะวางตัวเป็นมิตรกับเด็กคนนี้ เพราะนับวันผมเห็นมุมน่ารักๆ ของเด็กคนนี้ขึ้น ทั้งรักเพื่อน ห่วงใยคนอื่น ผมรอคอยจังหวะที่จะเอาคืนแกงส้มเพื่อเรียกศักดิ์ศรีคืน แกงส้มลุกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ผมเลยแอบตามไปเงียบๆ แผนนี้ผมคิดมาทั้งคืนเพราะรู้ว่าวันนี้พี่เอกกี้ไม่มา พอแกงส้มเข้าไปในห้องน้ำชาย ผมดึงคัตเอาท์ลง ไฟบริเวณนั้นดับสนิทลง แกงส้มเงียบในห้องน้ำ ผมเอามือถือมาเปิดเสียงผู้หญิงร้องไห้ที่โหยหวนและหลอนสุดๆที่เพิ่งโหลดเก็บไว้เมื่อคืน

    “อ๊ากกกกกกกกก!!!!” แกงส้มร้องเสียงหลงทันที เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปกะว่าจะไปเดินรอบตัวตัวแกงส้มเพื่อทำให้เจ้าตัวตกใจมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมไม่คาดฝันคือ แกงส้มวิ่งสวนออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ผมกับแกงส้มล้มกลิ้งไปด้วยกัน สัมผัสนี้มัน....ไฟสำรองสว่างทำให้บริเวณนี้ขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่ปรากฏขึ้นคือ ตัวแกงส้มอยู่บนตัวผม....ริมฝีปากแกงส้มประทับบนริมฝีปากผม ตาโตของแกงส้มเบิกกว้างก่อนจะถอนรีมฝีปากออกไป เช็ดริมฝีปากอย่างตกใจ ผมเองก็มึนๆเหมือนถูกตีหัวจากด้านหลัง

    “นี่มันจูบแรกของผม” แกงส้มมองหน้าผมก่อนจะสติแตกใส่

    “นายมาจูบพี่เองนะ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทั้งที่รู้ว่าเรื่องเกิดจากตัวผมเอง

    “ไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า แล้วพี่จะทะเล่อทะล่าเข้ามาทำไมเล่า” แกงส้มวีนผมไม่เลิก

    “แล้วนายจะโวยวายอะไรนักหนา” ผมก็เลยเถียงกลับบ้าน หน้าผมแดงไปจนถึงลำคออยู่แล้ว

    “ก็มันจูบแรกผมเลยนะ เข้าใจมั้ยจูบแรกอ่ะ จูบแรกของผม” แกงส้มย้ำจังเลยนะ ไอ่จูบแรกเนี่ย

    “โอ๊ยยยย!!! ยังกะอยากได้ตายแหละ” ผมเลยเอาความเกรียนเข้าสู้....ทั้งที่เขินแทบตาย

    “ไอ่บ้า!!! ”แกงส้มวีนผมเล็กๆ เหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจ

    “เออๆ ขอโทษก็ได้ ลืมมันได้ป่ะหล่ะ” ผมเห็นว่าถ้าทะเลาะกันแบบนี้คงทั้งคืน แกงส้มนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนทีร่จะลุกขึ้นยืน ผมลุกขึ้นตาม จะโกรธเรามากมั้ยเนี่ย!!!

    “โอเคงั้นเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก สัญญา” แกงส้มพูดพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา ผมเกี่ยวก้อยกับแกงส้ม ความรู้สึกประหลาดเหมือนมีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นที่มือที่ประสานกัน ผมกับแกงส้มดึงมืออกทันที แกงส้มหน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะออกตัวเดินกลับไปที่ห้องซ้อมทันที ผมยิ้มกับตัวเองด้วยความเขินและอิ่มเอิบในหัวใจกับคำว่า “จูบแรก” ของไอดอลหน้าหวานร่างสูงโปร่ง ก่อนที่จะเดินตามร่างนั้นไปทันที ผมกับแกงส้มนั่งไม่ห่างกันแต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา แบบนี้สินะที่เค้าเรียกว่าเขิน ผมหันไปมองแกงส้มที่นั่งหลบสายตาผมแกล้งมองไปทางอื่น

    “มีของส่งมาให้น้องแกงส้มจ้า” พี่สต๊าฟคนหนึ่งถือกล่องมา เป็นกล่องใบใหญ่พอสมควร

    “เปิดดูเลยแกงส้ม พี่อยากเห็น” พี่คนที่ถือกล่องมาบอกแกงส้ม รายนั้นยิ้มหวานให้หนึ่งก่อนที่จะเปิดกล่องใบสวยนั้น ผมเองก็มองอยากรู้จริงๆ ว่าแฟนคลับส่งอะไรมาให้นักร้องตัวแสบ

    “เฮ้ย!!!!” แกงส้มอุทานพร้อมกับโยนกล่องทิ้งทันที นกพิราบตัวสีขาวล้วน มีมีดปักกลางอกร่วงเลือดท่วมออกมาจากกล่อง แกงส้มหน้าซีดอย่างขวัญเสีย ทุกคนในที่นั้นต่างร้องอุทานกัน

    “เอาไปทิ้งเร็ว” เสียงพี่สต๊าฟคนหนึ่งตะโดนบอกกันอย่างร้อนใจ แกงส้มตาเบิกกว้างทำอะไรไม่ถูก ผมเหลือบเห็นการ์ดที่ติดอยู่ที่กล่องจึงก้มเอามาอ่าน ในการ์ดใบนั้นเขียนมาสั้นๆว่า “LOVE

    “น้องแกงส้มไม่เป็นไรนะคะ” พี่สต๊าฟสองคนเข้ามาปลอบแกงส้มที่ยังยืนอึ้งอยู่ แกงส้มฝืนยิ้มให้

    “กลับกันได้แล้ว” ผมตะโกนบอกน้องๆทุกคน แล้วเดินเข้าไปหาแกงส้มคว้ามือให้ลุกขึ้น

    “ป่ะ พี่ไปส่งเอง” คำพูดของผม ทำให้แกงส้มพยักหน้ารับก้มตัวเอาของ แล้วตามผมมาโดยง่าย ในใจของผมนั้น คิดไปถึงเรื่องวันนั้นที่แกงส้มเกือบถูกรถชน มันต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ แต่....ทำเพื่ออะไร ผมเองไม่อยากเซ้าซี้ซักถามอะไรจากเจ้าตัวมากนัก แกงส้มเดินตัวเบียดผมสื่อถึงความตกใจกลัวที่มีไม่น้อย จากความรู้สึกที่ไม่ชอบเด็กอวดดีคนนี้....วันนี้ ทำไมผมถึงอยากจะดูแลเด็กคนนี้ อยากปกป้องทั้งร่างกายและจิตใจ ใบหน้าซีดเซียวนั้นไม่เหมาะกับใบหน้าหวานนี้เลย ผมคงต้องใช้เวลาเพื่อเด็กคนนี้มากขึ้น ถึงแม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่สิ่งที่ผมรู้แน่ๆ คือ ผมต้องทำ!!!!

     

    ปล. ยังไงก็ช่วยเม้นหน่อยนะจ๊ะ เพื่อกำลังใจและแรงผลักดันในตอนต่อไป ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×