ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักหลังไมค์ หัวใจฉ่ำ

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : บันไดหนีไฟ

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 55


    รายงานสด...จากแกงส้มนิวส์ ตอนนี้ผมมาซ้อมร้องเพลงกับพี่โดมมาสี่ชั่วโมงกว่าๆ แล้ว อีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืนแล้วเนี่ย แต่ผมไม่ง่วงเลย พี่โดมร้องเพลงเพราะมาก จนผมแอบหวั่นๆ ดีนะยังเป็นคนละแนว ไม่งั้นนะไอ่แกงเอ้ยยยย!!!  ตายสถานเดียว

    “ขอบคุณมากนะแกง พรุ่งนี้เจอกัน” พอซ้อมเสร็จผมก็ลาพี่โดมกลับรังนอนของผม

    “ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่โดม พี่โดมจะกลับเมื่อไหร่ครับ” ผมถามพี่โดม ดึกแล้วนะเนี่ย

    “รอไอ่แคนซ้อมละครเวทีอยู่ครับ รอกลับพร้อมกัน” พี่โดมตอบพร้อมยิ้มจริงใจ

    “อ่อ งั้นผมกลับก่อนน้า พรุ่งนี้เจอกันครับ” ผมไหว้พี่โดมก่อนกลับ พี่โดมโบกมือให้ ผมยิ้มหวานให้หนึ่งทีก่อนเปิดประตู พอเดินมาถึงลิฟต์....วันนี้มันอะไรกัน คนยิ่งเหนื่อยๆ แต่ลิฟต์ใช้งานไม่ได้ซะงั้น ผมถอนหายใจแรงๆทีนึงก่อนจะเดินไปทางบันไดหนีไฟ แค่สิบสองชั้นเอ๊งงงงงงง ดีนะที่เป็นขาลง ถ้าเป็นขาขึ้นนะ...รอเก็บศพข้าน้อยได้เลย คงหอบตายอ่ะ ผมไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกกันว่า “ปรากฏการณ์ไอดอลขาลง” ลงบันไดจนขาลากกันเลยทีเดียว เหอะๆๆ

    ไอ่ที่เลือกทางบันไดหนีไฟเพราะมันเงียบ อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่ไอ่ที่แถมมากับความเงียบคือความวังเวง แบบบางชั้นไม่เปิดไฟอ่ะ ก้มหน้าก้มตาเดินหูก็ฟังเพลงอย่างเดียวเลยทีนี้ ไม่ได้กลัวโจรปล้น ไม่ได้กลัวไอ่หื่นที่ไหนฉุด ไม่ได้กลัวฆาตกรโรคจิต ที่กลัวคือ ผี!!! ล้วนๆไม่มีตัวหาร พอลงมาถึงชั้นแปด

    “”โอ้แม่เจ้า” ผมอุทานในใจ นี่มันหนังเรทอาร์ชัดๆ มีชายหญิงกำลังจูบกันอย่างร้อนแรง มืออะมือ โหยยยย.... ไหนจะซอกคอ โหยยยยยย..... เลิฟซีนที่บันไดหนีไฟ มันเร้าใจตรงไหนวะเนี่ย ผมแอบหลบที่มุมอับคอยสังเกตการณ์อยู่เงียบ ผู้ชายดูคุ้นๆ หุ่นแบบนี้เคยเห็นที่ไหนนะ ไฟไม่สว่างซะด้วย ผมนั่งเล็งอยู่ไม่นาน สวรรค์ก็เปิดทางสว่างให้ผม นั่นมัน......ไอ่หื่นตัวล่ำนั่นเอ๊งงงง!!! ว่าแล้วต้องเป็นคนพรรค์นี้

    “ไปก่อนนะ” เสียงจากผู้หญิงร่างสวยบอก มือยังลูบที่หน้าไอ่พี่ฮั่น ยั่วชะมัด!!!

    “อื้ม เดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ” โอ้โห.... มีการติดต่อกันด้วย จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็กลับเข้าไปในตึก ส่วนตัวพี่ล่ำก็ยืนเล่นมือถือ คิดว่าผมจะออกไปละสิ....ผมไม่โง่นะคร้าบบบบบ!!! ขืนออกไปตอนนี้นะผมเป็นศพหมกบันไดหนีไฟแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเป็นนายคนนี้นะอัดคลิปไว้แล้ว เสียดาย!!! รอประมาณเกือบสิบนาที ไอ่พี่ฮั่นก็เดินกลับเข้าไปในตึกตามผู้หญิงคนนั้นไป ผมถึงได้ออกจากที่ซ่อน นอกจากจะเป็นวัยรุ่นขาลงยังเป็นไอดอลตากุ้งยิงอีก ไม่อยากจะเห็นเล้ยยยยยย ให้ตายสิ ภาพติดตาชะมัด ยัยคนนั้นเคลิ้มเชียว สงสัยไอ่ฮั่นโชกโชนรุนแรงแน่ๆ เห็นแล้วสยิวกิ้วมาก  อูยยยย  ขนลุก!!!

    ถึงแม้จะกลับถึงบ้านอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็ตาม ผมก็อดคิดเรื่องไอ่พี่ฮั่นไม่ได้ ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ ไม่ได้คิดถึงอะไรแบบนั้นสักหน่อย!!! แค่คิดว่า รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ทำยังไงผมถึงจะรู้จักนายคนนี้ได้มากกว่านี้นะ .....สต๊อปไง เพื่อนผมน่าจะรู้จักนายนั่นเพราะเห็นว่าในเรื่องการเต้น ชื่อ ฮั่น มาเป็นอันดับต้นๆ ว่าแล้วผมก็โทรหาเพื่อนรักทันที

    “ฮัลโหล....” เสียงงัวเงียของเพื่อนรักกรอกมาตายสาย นี่ก้เพอ่งจะตีสามเองนะ นอนเร็วไปไหน

    “สต๊อป ถามอะไรหน่อยดิ” ผมไม่อ้อมค้อม พุ่งตรงประเด็นไปที่คำถาม

    “อะไรของนายเนี่ย ตีสามนะเว้ยยยย!!! มีอะไรก็ถามมา” สงสังแม่ชีแกจะหงุดหงิด

    “เธอรู้จักนายฮั่นมั้ย” ผมถามออกไป

    “ฮั่น ฮั่น อ๋อ รู้จักสิ ครูสอนเต้นในฝันชั้นเลยนะ เก่งอย่าบอกใครเชียว” เสียงสต๊อปเริงร่าขึ้นมาทันที

    “ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมแปลกใครจริงๆ คนแบบนั้นเนี่ยนะจะเก่งขนาดนั้น

    “อื้ม อายุไม่เท่าไหร่ แต่มาได้ขนาดนี้ สุดยอดดดดดดด!!!  ออกแบบท่าเต้นให้น้องร้องดังๆหลายคนแล้ว เห็นว่าแย่งกันน่าดูเลยนะ” ไหนว่าง่วงไง ทำไมมันจะกระตือรือร้นขนาดนั้นห๊ะ!!! เอาซะผมหมั่นไส้นายนั่นขึ้นมาอีก 5%

    “ชั้นก็ดัง ไม่เห็นชั้นจะรู้จักเลย” ผมพูดตามที่ใจผมคิด แต่สิ่งที่กลับมาคือเสียง ตู้ดๆๆๆ สต๊อปวางสายไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จะวางก็ไม่บอก ยายชีนี่ไม่ได้เรื่องเลย.....

     

    แค่คิดก็ไม่อยากจะไปซ้อมแล้ว ฉากเมื่อวานมันติดตาผมมากเลยเนี่ย วันนี้ต้องมาซ้อมกับไอ่พี่ฮั่นหื่นนั่นอีก โอ๊ยยยยยย!!! แกงส้มแกนี่ผิดที่ผิดทางตลอด ผมบ่นในใจกับตัวเองพอรู้ตัวอีกทีร่างกายผมก็พาผมมาประจันหน้ากับไอ่พี่ฮั่นเรียบร้อย

    “สวัสดีจ้าน้องโดม น้องฮั่น” เสียงพี่เอกกี้ดังขึ้นก่อน ผมได้แต่ยกมือไหว้ทุกคน ยกเว้นตานั่นคนเดียว พอเผลอแปบเดี๋ยวพี่เอกกี้ก็อัญเชิญตัวเองไปสิงสถิตข้างตัวไอ่พี่ฮั่นแบบไม่ต้องเรียก

    “แกงส้มดูเพลียๆนะเนี่ย ได้นอนรึเปล่า” พี่โดมทักผมขึ้นมา

    “นิดหน่อยครับ” จะให้บอกมั้ยว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ เจอฉากวาบหวิวก่อนนอนเข้าไปอย่างนั้น

    “พี่บอกแล้วไง ว่าพักผ่อนให้เพียงพอ” พี่เอกกี้ตามมาสมทบ

    “คร้าบบบบบ” ผมลากเสียงยาวเอาใจผู้จัดการส่วนตัวแสนน่ารัก

    “เล่นเกมส์อยู่เหรอ เลยไม่ได้หลับไม่ได้นอน เด็กๆก็แบบนี้แหละ” นึกว่าจะไม่พูด ผมหันขวับไปมองคนพูดที่ลอยหน้าลอยตาใส่ เอาซะผมอยากจะถอดรองเท้าก่อนกระโดดจระเข้ฟาดหางสักที

    “เด็กๆ เค้าเล่นเกมส์ แล้วแก่ๆตัณหากลับอย่างนายละทำอะไร”มีรึว่าผมจะยอม เริ่มก่อนนะ

    “ปากเหรอนั่นหน่ะ” นายนั่นจ้องหน้าผมเขม็ง กลัวที่ไหนละ แหมๆทำเป็นเข้มมาข่มผม

    “เออดิ เห็นเป็นอะไร ” ผมก็ไม่ยอมหยุด เอาความกวนเข้าสู้ แต่ก่อนที่นายฮั่นจะได้อ้าปาก

    “หมดยกจ้า” พี่เอกกี้โพล่งก่อนที่สงครามน้ำลายจะลุกลาม พี่โดมทำหน้าเหวอๆ ผมเลยค้อนให้อีกทีเป็นการส่งท้าย และแล้วพี่จิ๊บก็มาที่ห้องซ้อมเต้น ทุกคนยกมือไหว้ ส่งเสียงทักทายกัน

    “แคนติดงานเหรอ...งั้นก็มากันครบแล้วสิ” คำแรกพี่จิ๊บหันไปถามพี่โดมพอพี่โดมพยักหน้าจึงพูดต่อ

    “ไง ฮั่นคิดงานเรียบร้อยนะ” พี่จิ๊บหันไปคุยกับเจ้าของงาน

    “ครับ” รายนั้นตอบสั้นๆ สงสัยยังหัวเสียกับผมอยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ใครจะสน!!!

    “คือช่วงเปิดตัวผมจะเปิดแนวแบดบอยเต้นกับน้องผู้หญิงห้าคนครับ” ดูความคิดสิ แหมชอบจริงนะสาวๆหน่ะ ผมแอบแบะปากใส่ เจ้าตัวทำตาลุกวาวแต่นั่นแหละต่อหน้าพี่จิ๊บจะทำอะไรได้ 55555

    “ส่วนของ....แกงส้ม เป็นแนวเจ้าชายเจ้าหญิงโมเดิร์นๆ โรแมนติกๆหน่อยครับ” นั่นความคิดนายเหรอ??? ก็โอเคนะ เอาตามความจริงก็...ผมชอบ แต่ชอบแค่งานนะไม่รวมถึงนาย!!!

    “อื้มพี่ก็ว่าโอเคนะ แต่ของแกงส้มต้องหาคนที่ทั้งเต้นเก่งทั้งสวยนะ ไม่งั้นคงแย่เพราะมีแค่คนเดียว” พี่จิ๊บออกความเห็นสงสัยคนที่ดูแลเรื่องนักเต้นก็คงเป็นไอ่พี่ฮั่นนี่แหละ

    “ผมเตรียมไว้แล้วแหละครับ ของผมคือน้องเซ็ตนี้ ส่วนของแกงส้มก็เป็นไวน์ครับ” ไวน์เหรอ??? แต่ดูจากท่าทางของพี่จิ๊บคนนี้คงดูเหมาะสมจริงๆ เพราะพี่จิ๊บพยักหน้ารับ ประตูห้องซ้อมเปิดมาอีกครั้ง

    “อ้าว....มาพอดีเลยนะไวน์” พี่โดมทักผู้มาใหม่ เฮ้ยยยยยย!!! นั่นมันคู่ขาไอ่พี่ฮั่นนี่หว่า

    “สวัสดีค่ะพี่จิ๊บ หวัดดีค่ะ หวัดดีค่ะ” ยัยไวน์นี่สวยจริงๆแหละแต่....ผมไม่ไหวนะ ภาพเลิฟซีนเมื่อวานกระเด้งเข้ามาในสมองผมอีกครั้ง ยัยคนนี้ต้องเอาตัวเข้าแลกชัวร์ๆ นายฮั่นทำไมเป็นคนแบบนี้

    “คนนี้เหรอครับที่ชื่อไวน์” ผมไม่ปล่อยให้นายนั่นใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดหรอกนะ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับผมละก็ไม่มีทาง!!!  พอผมพูดออกไป ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

    “ผมว่าคนนี้ไม่เหมาะกับผม” เอาตรงๆ แบบนี้อย่าให้เสียยี่ห้อแกงส้ม นายฮั่นมองหน้าผมอย่างตกใจ

    “ทำไม...พี่ขอเหตุผล” พี่จิ๊บมองหน้าผม ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะนำเสนอ

    “เพราะว่า ผู้หญิงคนนี้ลุคดูรุนแรงเกินกว่าที่จะเป็นเจ้าหญิงสำหรับผม” ผมพูดแล้วหันไปมองหน้าไวน์ สีหน้าเย็นเฉียบนั้น ทำให้ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา แต่นั่นแหละ ผมไม่แคร์...

    “เจ้าหญิงของนายต้องเป็นแบบไหนละ นี่นักเต้นนะตัวเลือกไม่ได้มีเยอะพอที่จะให้นายมาเลือกมากแบบนี้” ไอ่ฮั่นตอกผมกลับแววตาที่แสดงออกมาสื่อถึงความไม่พอใจอย่างแรง

    “เอาแบบไหนก็ได้ ที่ไม่ดูเป็นสาวสวย สาวเอ๊กซ์ สาวเซ็กส์ ไม่เลือกที่แบบนี้ แววตาต้องไร้เดียงสาไม่กร้านโลกแบบนี้” ผมพูดตามความจริง ผู้หญิงคนนี้สวยแต่ดูผ่านโลกมาเยอะเกินไป

    “มันก็มีเหตุผลนะแกงส้มที่ไวน์ดูเป็นผู้ใหญ่เกิน แต่คนที่ทั้งสวยและเต้นเก่งขนาดนี้หาไม่ง่ายนะ” พี่จิ๊บให้เหตุผล พี่เอกกี้กับพี่โดมดูอึ้งๆ ไป ส่วนนายฮั่นเหรอครับโกรธครับ สงสัยจะโกรธมากด้วย

    “ถ้าเค้าหาได้ก็ให้เค้าหาเถอะครับ แต่ถ้าพรุ่งนี้นายหานางฟ้าของนายไม่ได้ ไวน์นี่แหละที่จะเป็นคนเต้นคู่กับนายอย่างไร้เงื่อนไข” นายฮั่นมองหน้าผมอย่างท้าทาย ผมจ้องตากลับ   นางฟ้า....มีอยู่แล้วแหละ!!!

     

    HUNZ talk

    ถ้าผมอยู่กับไอ่เด็กแกงส้มสองคน คงมีข่าวฆ่ากันตายขึ้นหน้าหนึ่งแน่นอน ไวน์ก็โมโหเดินออกไปทันทีที่ผมกับแกงส้มท้าทายกัน งานเข้าครับ!!! ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่า ไอ่เด็กอวดดีนั่นรู้เรื่องผมกับไวน์ ดูการการวีนอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นหน้าไวน์ และคำหลายๆคำ มันส่อไปในทางนั้น ครับ...ผมกับไวน์มีความสัมพันธ์กันแต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัดใดๆ ผมเองก็แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดี ไวน์เป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง และการเต้นที่เฉียบขาดทำให้เธอเป็นเบอร์หนึ่งของนักเต้นฝ่ายหญิงอยู่แล้ว ผมเลือกเอาคนที่ดีที่สุดให้แกงส้มอยู่แล้ว ผมอยากรู้จริงๆ ว่าไอ่อวดดีนั่นจะหาใครที่เหมาะสมมาได้ยังไง ท่าทางเจ้าตัวจะดูมั่นใจมากๆด้วยสิ เสียงมือถือในกระเป๋าดังขึ้น ถึงกับถอนหายใจครับเมื่อเห็นชื่อที่โชว์ขึ้นมา

    “ฮัลโหล...ไวน์” ผมรับโทรศัพท์ด้วยความเหนื่อย

    “พี่ฮั่น...ทำไมพี่ฮั่นปล่อยให้ไอ่เด็กบ้านั่นทำกับไวน์แบบนี้” เสียงแหลมทำให้ผมประสาทแทบกิน

    “ไวน์ใจเย็นๆ ก่อนนะ” ผมพูดเสียงเย็น ข้อหนึ่งที่ผมไม่อาจจะจริงจังกับไวน์ก็เรื่องอารมณ์นี่แหละครับ เมื่อเวลาไม่ได้ดังใจไวน์ก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไหนจะคำพูดก็ทำให้ผมหมดความประทับใจมากโข

    “เด็กอะไรก็ไม่รู้ เอาแต่ใจเรื่องมาก ดูที่มันว่าไวน์สิต่ำที่สุด!!!” ผมตกใจกับสิ่วที่ไวน์พูดมาก

    “ไวน์แรงไปนะ พี่ว่าเราเองก็สงบสติอารมณ์หน่อยสิ” ผมไม่ชอบให้ใครมากพูดอะไรหยาบๆ แบบนี้ ใช่ สิ่งที่เด็กนั่นทำมันเกินกว่าเหตุ แต่การตราหน้าว่าใครต่ำมันรุนแรงเกินไป

    “อ่อ...พี่ฮั่นเข้าข้างมันเหรอ เห็นในข่าวแล้ว เทวดาชัดๆ โอ๋กันเข้าไป สักวันเถอะมันจะขี่คอข้ามหัวเอา ไวน์คนหนึ่งแหละที่เกลียดมัน อย่าหวังเลยว่าไวน์จะทำงานนี้ ไม่มีทาง แล้วจะรอดูว่าคนที่มันเอามาหน่ะจะดีแค่ไหนกัน ไวน์ขอแช่งให้งานมันพังๆๆ ซวยๆๆ” อารมณ์ของไวน์รุนแรงจนทำให้ผมเริ่มเดือด

    “ไวน์ งานที่ไวน์แช่งมันงานของพี่ด้วยเหมือนกัน และถ้าเราเองยังไม่ใจเย็นก็ไม่ต้องมาคุยกับพี่ แค่ปัญหาเรื่องเด็กนั่นพี่ก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ไวน์อย่ามาทำตัวไร้สาระแบบนี้กับพี่อีกคนเลย แค่นี้นะ พี่ยุ่ง ” ผมเองก็ไม่รอฟังคำตอบจากไวน์เหมือนกัน หรือว่างานผมจะพังเอาจริงๆเนี่ย เฮ้อ!!!!

    ผมเดินออกจากห้องเห็นเจ้าตัวดียืนรอลิฟต์อยู่ พอแกงส้มหันมาเห็นผมที่กำลังเดินเข้าไปหาเท่านั้นแหละครับ เดินหนีไปทางบันไดหนีไฟทันที พี่เอกกี้ร้องเรียกก็ไม่หยุด มีเหรอครับที่ผมจะยอมปล่อย ผมสาวก้าวตามไปทันที พอพ้นสายตาคนเจ้าตัวแสบออกวิ่งทันที ผมวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

    “จะตามมาทำไมเล่า ไอ่บ้า” เสียงไอดอลจอมเหวี่ยงตะโกนออกมาขณะวิ่งหนีผม ผมก็วิ่งตามกดดันไปเรื่อยๆ พอผ่านไปสี่ชั้นเท่านั้นแหละครับเป็นเรื่อง

    “เฮ้ย.....อ๊ากกกกกก...ตึกๆๆๆๆๆๆ...พลั่ก!!!” ภาพที่เห็นคือร่างสูงโปร่ง กลิ้งหลุนๆไปกับขั้นบันได ก่อนที่จะไปนอนแผ่หมดสภาพการเป็นไอดอลที่ตรงทางเลี้ยวของบันได ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ

    “ฮ่าๆๆๆๆ แพ้ภัยตัวเอง” ผมหัวเราะก่อนเดินไปนั่งยองๆข้างร่างที่นอนโอดครวญ

    “ไอ่คนใจร้าย ไอ่หมีหื่น” ไอดอลคนดังด่าผม เฮ้ย!!!! แล้วรู้ได้ไงว่าเพื่อนผมเรียกผมว่าหมี

    “ไปเอาชื่อนี้มาจากไหน” ผมถาม แกงส้มหันมามองหน้าผมก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้น

    “พี่โดมบอก” ไอ่หมู!!! กลับไปมีเคลียร์ บอกใครไม่บอกมาบอกไอ่เด็กบ้าคนนี้

    “น้ำใจอ่ะมีมั้ย คนเค้าเจ็บนะเนี่ย เพราะนายเลย” อ้าว....วิ่งตกบันไดเองมาโทษผมซะงั้น ผมเลยประคองให้ลุกขึ้น แต่ดูเหมือนข้อเท้าจะพลิดเล็กน้อย

    “อ่ะ...ขี่หลัง เดี๋ยวจะเป็นหนักไปกว่านี้” ผมนั่งลง แกงส้มมองหน้าผมอย่างตกใจ

    “เพื่องานหรอก ถ้านายเจ็บตัวงานชั้นก็พังกันพอดี” ผมบอกดักคอไว้ก่อน รายนั้นพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะขึ้นขี่หลังผม

    “ความจริงมันเป็นเรื่องที่นายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้านายไม่วิ่งไล่ชั้น ชั้นก็ไม่ต้องตกบันไดแบบนี้หรอก” แกงส้มบ่นผม คนเค้าอุตส่าห์ช่วยยังจะมาปากดีอีก ผมเลยแกล้งเอาตัวของเด็กบ้ากระแทกกับผนังบ้าง ราวบันไดบ้าง แล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย

    “มีตาป่ะเนี่ย....โอ๊ยยยยย!!!.......นายแกล้งชั้นเหรอ........เจ็บเว้ยยยยยยย......ไอ่บ้า......ราวบันได.....ไอ่หมีหื่น......บลาๆ”  ตลอดทางเจ็ดแปดชั้น เด็กบ้าด่าผมหนึ่งคำ ผมก็จัดการหนึ่งครั้ง ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่คิดเลยว่าการอยู่ใกล้ไอ่เด็กบ้าบอคนนี้จะทำให้หายเครียดราวกับปลิดทิ้ง ผมเดินมาถึงรถคันหรูของแกงส้ม การวางของผมเหรอครับ ถ้าเป็นที่อื่นเค้าคงจะเรียกว่าโยนลงไปที่เบาะรถมากกว่า

    “โอ๊ยยยยยยย!!!!  สาบานนะว่าช่วยเนี่ย จะทำให้ชั้นช้ำในตายสิไม่ว่า” แกงส้มมองหน้าผมสายตาเหวี่ยงเต็มที่ก่อนที่จะจัดระเบียบตัวเองบนรถ ผมเอื้อมมือไปรัดเข็ดขัดให้ กลิ่นน้ำหอมหอมด้วยแฮะ แถมมือยังนุ่มอีกต่างหาก เหมือนรายนั้นเค้าจะแอบเขินเห็นหูแดงด้วย มองไปมองมาก็น่ารักดีเหมือนกันนะเรา ผมเลยปิดประตูให้ เจ้าของรถลดกระจกลง สงสัยจะขอบคุณ

    “คราวหน้าคราวหลังปิดเบาๆนะประตู รถมันแพง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอากระจกรถขึ้นทันที ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไป ถ้าเลือกได้นะ ผมจะอุ้มเด็กบ้านี่ไปทิ้งไว้ที่เดิม ให้นอนอยู่อย่างนั้นแหละ หอบมาตั้งไกล ตัวก็ไม่ใช่ว่าจะเบา คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี พูดดีด้วยรึก็เปล่า อย่าหวังจะได้รับความช่วยเหลือใดๆ อีกเลยนะ แสบไม่ทิ้งลายจริงๆเลยนะ แกงส้ม!!!

     

     

    ปล. อ่านแล้วเม้น เป็นอะไรที่ไรท์เลิฟมากกกกกก!!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×