ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24: ไพ่ตายใบสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 55



    ผมเดินอาดๆ หลังจากปิดประตูรั้วเหล็กดัดลายหรูที่เหมาะเจาะกับรั้วต้นไม้แน่นสูงเพียงเอว เข้ามาภายในบ้านของนัทที่ตอนนี้ผมถือว่าเป็นที่ซุกหัวนอนอันดับหนึ่งในตอนนี้ผมความอ่อนล้าเพราะวันนี้ต้องเรียนและทำงานกลุ่มทั้งวัน กว่าจะเข้าบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มไปแล้ว  ผมควานหารูกุญแจท่ามกลางความมืด แต่มือก็สัมผัสถูกถุงพลาสติกที่ถูกแขวนไว้ที่ลูกบิดประตู ด้วยแสงที่น้อยนิดผมจึงเลือกปลดเอาถุงปริศนาติดมือมาก่อนจะมองว่าคืออะไร แล้วเอาตัวดันประตูเพื่อพาตัวเองและสัมภาระเข้ามาภายในตัวบ้าน

    “ของใครเนี่ย???” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะเปิดไฟให้แสงสว่าง แต่เมื่อแสงไฟวาบเข้ามาผ่านเลนส์ตา ผมก็รู้โดยทันทีว่าถุงนี้มาจากที่ไหน เพราะถุงที่ใช้บรรจุเครื่องดื่มในแก้วกระดาษใบโตและเค้กสีสวยน่าทานคือถุงจากร้านที่ผมทำงานมาตลอดเทอมที่มีชื่อร้านติดถุงใสลายสวยว่า “Honey Cake

    ผมเปิดประตูออกไปข้างนอกมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นใคร ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดให้ใบไมมม้กระดิก ผมเดินเข้ามาในบ้านมองถุงที่อยู่ในมือก่อนจะเดินเอาถุงนี้ไปทิ้งถังขยะอย่างไร้เยื่อใย พี่ฮั่น...พี่ทำได้แค่นี้เองเหรอ???

    แต่สิ่งที่ผมนึกไม่ถึงคือ...นับตั้งแต่วันนั้นจะมีถุงที่บรรจุนมสดใส่น้ำผึ้งและเค้กน่าทานมาแขวนไว้ที่เดิมทุกวัน ผมเองก็อยากรู้ว่าคนๆนั้นเค้าเอามาแขวนไว้ตอนไหนแต่เพราะว่าช่วงเป็นช่วงใกล้ปิดเทอมแล้ว ทั้งการสอบและงานต่างก็ปะดังปะเดเข้ามา อาจารย์แต่ละคนก็สั่งเหมือนทั้งเทอมผมลงทะเบียนเรียนแค่วิชาเดียวอย่างงั้นแหละ... ทำให้ผมต้องกลับบ้านดึกแทบทุกวัน เรื่องอื่นผมจึงถือว่าเป็นเรื่องรองไป ยกเว้นวันนี้ที่ผมเองต้องเคลียร์งานอยู่ที่บ้าน ผมจึงเลือกที่จะเอารถไปที่สโมสรกลางโครงการแล้วเดินกลับมาตั้งแต่เช้า และนั่งทำงานพร้อมกับจ้องที่หน้าจอเพื่อสังเกตหน้าบ้านผ่านทางกล้องวงจรปิด เวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ผมเห็นร่างสูงที่คุ้นตาปรากฏขึ้นผ่านทางหน้าจอโดยทำลังปีนรั้วในจังหวะที่ไม่มีคนผ่านไปมา ผมรีบวิ่งไปที่หน้าบ้านแต่ก็เป็นไปด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง แล้วจู่โจมเปิดประตูเมื่อเห็นเงาสูงทาบผ่านช่องแสงของประตู

    “แกงส้ม....” พี่ฮั่นร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าผมแล้วสีหน้านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มด้วยความดีใจ

    “ทำอะไรของพี่” ผมกอดอกถามสีหน้านิ่ง แววตาฉายแววโกรธนิดๆ รอยยิ้มกว้างนั้นจึงกลายเป็นเพียงยิ้มเจื่อนๆ

    “คือ....พี่เอาของมาให้”

    “เพื่ออะไร----พี่ทำแบบนี้ทำไม” ผมถามใบหน้าขาวใสอย่างขึงขัง

    “พี่คิดว่าพี่อยากทำอะไรเพื่อแกงส้มบ้าง ที่พี่ไม่เอามาให้กับมือเพราะพี่รู้ว่าแกงส้มจะไม่พอใจแบบนี้” สายตาคู่นั้นดูสลดเมื่อพูดประโยคนั้น ซึ่งมันก็ทำให้หัวใจผมสั่นไหวอย่างไร้แรงควบคุม... แต่ผมไม่อยากให้อภัยคนๆนี้เลย ไม่เลยสักนิด!!!

    “ผมไม่เคยกินมันเลยสักคำ....พี่เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว” ผมกลั้นใจพูดคำรุนแรงนั้นออกไปพร้อมปิดประตูใส่หน้าร่างสูงนั้นอย่างหมดเยื่อใย แต่ทำไมนะ...น้ำตามันถึงไหลออกมาแบบนี้ เพราะอะไรผมถึงยังหวั่นไหวกับสายคมคมคู่นั้น ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยจริงๆ

     

    HUNZ talk

     “พี่ไม่เข้าใจ...ทำไมเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย พี่ต้องทำยังไง พี่เริ่มหมดแรงแล้ว” ผมระบายออกไปเพราะความรู้สึกที่อัดอั้น ผมรู้ว่าผมผิดแต่แกงส้มจะเริ่มทำให้ผมท้อขึ้นไปทุกที

    “ผมเข้าใจพี่นะ...คนอย่างแกงส้มทำอะไรแล้วทำจริง เมื่อตั้งใจก็จะไปมันให้สุด แต่ผมอยากให้พี่สู้นะ ถ้าทางตรงไม่ได้ก็ต้องใช้สะพาน” โดมแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว

    “แต่พี่ไม่อยากใช้แผนหรือกลลวงอะไรอีกแล้ว ทำแบบนั้นแกงส้มยิ่งจะเกลียดพี่เข้าไปใหญ่”

    “มันอาจจะดูแย่นะครับ แต่พี่คิดว่าแกงส้มเค้าลืมพี่ได้เหรอ??? ไม่มีทาง ผมรับรอง” โดมพูดต่อ

    “ใช่แล้วครับ... แกงส้มใจอ่อนกว่าที่พี่คิด ตอนนี้อาจกำลังร้องไห้คิดถึงพี่อยู่ คนเรารักก็ต้องยอมรับว่ารัก เราควรจะเลิกเมื่อเราเลิกรักแล้วไม่ใช่เหรอครับ” แคนเสริมอย่างมีเหตุผล

    “ถามจริงๆเหอะ ทำแบบนี้ไม่กลัวแกงส้มพาลมาโกรธเราสองคนรึไง”

    “เพราะผมสองคนรู้ว่าแกงส้มมันรักพี่ ถ้าแกงส้มไม่รักพี่ต่อให้พี่รักมันจนจะเป็นจะตายยังไงพวกผมก็ไม่ช่วยหรอกครับ” คำตอบนั้นมันทำให้ผมซึ้งใจ... เพราะเห็นความหวังดีที่ทั้งสองมีให้ผมและความรักที่มีให้กับแกงส้ม...

    “เรายังมีไพ่ตายอีกใบในมือ...”  โดมพูดต่อเมื่อเห็นท่าทีที่เริ่มคล้อยตามของผม

    “ไพ่ตายคืออะไร พี่ไม่เข้าใจ”

    “บัลเล่ต์ไงครับ ไม้ตายที่เรามองข้ามมาตลอด ไพ่ที่แกงส้มคงปฏิเสธไม่ลง” บางทีผมก็เริ่มไม่ไว้ใจให้สองคนนี้เข้าใกล้น้องสาวตัวเองแล้วแหละครับ!!!

     

    หรือวันนั้นผมพูดแรงเกินไปนะ สามวันมานี่ไม่มีถุงเค้กมาห้อยไว้อยู่ที่ประตูเลย หรือว่าเค้าจะไม่สบาย คงไม่หรอกเพราะรายนั้นแข็งแรงจะตายไป ผมหัวใจกระตุกเมื่อคิดว่าเค้าอาจจะตัดใจยอมแพ้ไปแล้วจริงๆ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอแกงส้ม...นี่มันเป็นสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่เหรอ??? แล้วเศร้าไปทำไมกัน ความกระวนการะวายปกคลุมไปทั่วพื้นที่อารมณ์...

    “ช่างเค้าสิ...” ผมพูดกับตัวเองออกมาดังๆ เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมา แต่มันก็ไม่ได้ผลนัก เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นผมลุกขึ้นจากกองหนังสือที่ท่วมหัว เดินไปเปิดประตู.... ในใจลึกๆก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากให้เป็นเค้าคนนั้นที่ยืนรออยู่นอกรั้ว และมันก็เป็นความจริงๆ พี่ฮั่นในชุดลำลองสบายๆ ยืนเก้กังทำตัวประหม่า ผมทำหน้าเรียบเฉยทั้งที่หัวใจเต้นระทึกไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมค่อยเดินไปอย่างช้าๆ

    “มาทำไมอีก” ผมถามออกไปพร้อมกอดอก

    “มีคนเค้าอยากเจอ” พี่ฮั่นพูดออกมา ดูสิ....ดูลีลาเค้าสิครับ พูดจายังกะพระเอกเกาหลี ความจริงจะสื่อบอกว่าตัวเองคิดถึงละสิ!!!

    “แต่ผมไม่อยากเจอเค้า” ผมพูดตัดบทก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน หวังว่าเสียงทุ้มนั้นจะเรียกเพื่อรั้งไว้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด พี่ฮั่นกลับพูดอีกประโยคขึ้นมา

    “งั้นเรากลับกันเถอะ” ประโยคนี้ทำให้ผมหันหลังขวับ พี่ฮั่นก็ยืนอยู่คนเดียวนี่น่า

    “พี่พูดกับใครอ่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ พี่ฮั่นก้มมองบางอย่างข้างตัว แต่รั้วต้นไม้บัง... อาจจะเป็นลูกหมา ลูกแมว หรืออะไรสักอย่างแน่ๆ

    “พี่แกง...” เสียงเล็กในที่ผมคุ้นหูดังขึ้นมา ผมจำได้...ผมจำเสียงนี้ได้

    “บัลเล่ต์!!!” ผมรีบเปิดประตูออกไป เห็นเด็กน้อยหน้าใสส่งยิ้มให้ ผมหันไปมองหน้าพี่ฮั่นอย่างรวดเร็ว

    “พี่เจอแกได้ยังไง พี่เห็นบัลเล่ต์ได้ยังไง” ผมถามรัว ก็มีเพียงแค่ผมที่เห็นบัลเล่ต์ได้ และท่านเจ้าที่ก็บอกว่าบัลเล่ต์ไปแล้ว.... นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว

    “พี่แกง....บัลเล่ต์กอดพี่แกงได้แล้วนะ” เด็กหญิงวิ่งเข้ากอดผม ผมนั่งลงกอดตอบ...ตัวบัลเล่ต์อุ่นนุ่มนิ่ม...ทั้งที่เมือก่อนเธอเป็นเพียงอากาศ หรือบัลเล่ต์กลับมาเป็นอีกคนได้อีกครั้ง... มันเหลือเชื่อกว่าการที่ผมเห็นผีซะอีก

    “ตอนที่แกงส้มเห็นบัลเล่ต์ตอนนั้นน้องโคม่าอยู่โรงพยาบาล คงเป็นเพราะวิญญาณหลุดออกจากร่าง” พี่ฮั่นอธิบายช้าๆ ผมกอดร่างเล็กอย่างปลื้มใจ น้ำตาแห่งความดีใจค่อยๆไหลออกมา เรื่องมันดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก....

    “ไม่ร้องไห้นะ ต่อจากนี้ไปเราสองคนจะเจอกันบ่อยๆ บัลเล่ต์คิดถึงพี่แกงจะแย่อยู่แล้ว”

    “ปากหวานเกินเด็กนะเรา เข้าไปข้างในก่อนสิพี่แกงจะหาอะไรให้กิน” ผมยกมือมาปาดน้ำตาตัวเอง พร้อมเดินจูงมือบัลเล่ต์เข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงนั้นเดินตามมาต้อยๆ

    “พี่จะไปไหนก็ไป...ผมจะไปส่งบัลเล่ต์เอง” ผมหันไปสะบัดเสียงใส่พี่ฮั่น

    “ไม่ได้นะคะพี่แกง.... คุณแม่บอกว่าห้ามไปไหนถ้าไม่มีคุณแม่ คุณพ่อแล้วก็พ่อฮั่น” บัลเล่ต์ค้านขึ้นมาทันที พี่ฮั่นอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อมีคนออกหน้าแทน

    “ก็พี่แกงไง... พี่ก็ไว้ใจได้นะ” ผมให้เหตุผลกับบัลเล่ต์

    “แต่แพรวก็ไม่ได้รู้สักแกงส้มซักหน่อย” พี่ฮั่นเสริม... นี่มันเข้าข้างตัวเองชัดๆ

    “รู้ใจกันดีเนาะ” ผมประชดเล็กๆ หมั่นไส้นักทำเป็นรู้ดีซะทุกอย่าง...เห็นแล้วมันหงุดหงิด!!!

    “ก็พอสมควร” พี่ฮั่นกลับยิ้มกว้าง ยิ่งทำให้ผมหมั่นไส้มากขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ผมที่พูดไม่ออกก็ได้แต่เดินเข้าไปบ้านโดยมีพี่ฮั่นตามหลังมา เมื่อเข้ามาในบ้านผมจะเข้าไปรื้ออาหารที่อยู่ในตู้เย็น...และสิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือเค้กหลายก้อนเต็มตู้ ถ้าพี่ฮั่นเห็นว่าเราเก็บเค้กที่เค้าเอาไว้ให้ทุกก้อนเค้าต้องได้ใจแน่ๆ.....ผมจะทำยังไงดีเนี่ย??? เค้าต้องรู้ว่าเราแอบคิดถึงเค้าอยู่แน่ๆ!!!

    “มีอะไรรึเปล่า” เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั้นมาแต่ไกล ผมรีบปิดประตูตู้เย็นแล้วเอาตัวบังไว้ พี่ฮั่นมองหน้าผมแปลกก่อนหัวเราะออกมา

    “ทำไมต้องทำหน้าตื่นๆแบบนั้นด้วย----มีอะไรรึเปล่า” พี่ฮั่นถามพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องครัวกะทัดรัด ผมส่ายหน้าแรงๆแทนคำตอบ

    “เหรอ???---ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยนะเนี่ย แล้วมีอะไรบ้าง บัลเล่ต์เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนคงหิวน่าดู เพราะปกติแพรวพาไปที่ร้านเจ้าหล่อนกินเค้กแทบทุกวัน แกงส้มพอมีพวกเค้กหรือขนมเก็บไว้บ้างมั้ย???” พี่ฮั่นก้าวช้าๆมาหาผม

    “มะ..ไม่มี ผมไม่ค่อยได้อยู่บ้าน” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผย

    “งั้นก็ดูในตู้เย็นสิ ว่ามีอะไร” พี่ฮั่นชี้ไปที่ตู้เย็นที่ผมยืนบังอยู่

    “ไม่มีอะไรเลย” ผมเองยังรู้ว่าตัวเองมีพิรุธแล้วแบบนี้ตาเหยี่ยวอย่างพี่ฮั่นมีหรือที่จะไม่สังเกตเห็น

    “พี่ขอดูในตู้เย็นหน่อยสิ” พี่ฮั่นยิ้มกรุ้มกริ่มเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ ผมต้องทำอย่างไร เลือกที่จะใกล้ชิดพี่ฮั่นโดยให้เค้าได้เปรียบเพื่อปิดบังสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตู้เย็น หรือยอมให้ความแตกเพื่อไม่ให้จิตใจตัวเองต้องอ่อนไหวไปมากกว่านี้  พี่ฮั่นวางมือทั้งสองข้างบนตู้เย็นซึ่งนั้นก็คร่อมตัวผมอยู่ ผมเบือนหน้าไปด้านข้างหลับตาปี๋... ก็ไม่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้วนี่ครับ

    “มีอะไรจะรับสารภาพรึเปล่า....คนดีของพี่” เสียงกระซิบแผ่วเบาเขย่าหัวใจผมจนสั่นระรัว กลิ่นลมหายใจหอมละมุนที่ผมคุ้นเคยลอยเข้ามาสัมผัสจมูก ลมหายใจร้อนๆปะทะต้นคออย่างมีความหมาย

    “อยากดูก็ดูไปเลย!!!” ผมขึ้นเสียงแล้วผลักร่างสูงออกจากตัวแล้วรีบเดินออกห้องครัวอย่างรวดเร็ว ผมเดินไปนั่งข้างๆบัลเล่ต์ที่กำลังรื้อการบ้านมาทำท่ามกลางกองหนังสือของผมบนโต๊ะรับแขกตัวเก๋

    “แล้วพ่อฮั่นล่ะคะ” บัลเล่ต์ถามหาคนที่เพิ่งทำให้หัวใจผมเต้นระรัวราวกับมีกลองใบใหญ่ถูกกระหน่ำตีอยู่ในนั้น ผมชี้ไปทางห้องครัวก่อนขยับเพื่อไม่ให้เด็กน้อยผิดสังเกต

    “วันนี้วันศุกร์ทำไมถึงรีบทำการบ้านจังเลย” ผมนั่งลงบนพื้นข้างๆเด็กหญิงตัวเล็ก

    “ก็ถ้าทำการบ้านเสร็จแล้ว บัลเล่ต์จะได้ขอคุณมามาหาพี่แกงได้ แล้วจะได้ไปหาคุณตาเจ้าที่ด้วย บัลเล่ต์มองไม่เห็นคุณตา บัลเล่ต์เหงาคิดถึงทั้งสองคนจัง” เหตุผลของเด็กน้อยทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างซึ้งใจ ผมลูบหัวบัลเล่ต์เบาๆ พร้อมดูการบ้านที่มือน้อยๆทำอย่างตั้งใจ

    “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปหาท่านเจ้าที่กัน พี่แกงจะเป็นคนกลางดีมั้ย???”

    “ดีค่ะ พี่แกงน่ารักที่ในโลก แบบนี้พ่อฮั่นรักตายเลย” คำพูดที่ดูเรียบๆกลับกระแทกหัวใจผมเข้าอย่างจัง คนแบบนั้น...ใครเค้าอยากให้มารักกันเล่า!!!

    “มาแล้วคร้าบบบบบ” เสียงพี่ฮั่นดังมาแต่ไกลในมือมีถาดที่วางเค้กและนมอุ่นๆ ผมหลบตาตีสีหน้าเรียบทั้งที่รู้สึกร้อนรนเหมือนโจรที่ถูกตำรวจจับได้ ยิ่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งตรงมาที่ผม มันยิ่งทำให้ใบหน้าร้อนวูบวาบด้วยความอับอาย

    “เค้กร้านพ่อฮั่น... บัลเล่ต์จำได้” เสียงใสดังขึ้นเพื่อตอกย้ำความอับอายมากขึ้นไปอีก

    “ไม่ใช่หรอกจ้า....มันแค่คล้ายๆ” เสียงทุ้มนั้นมีสำเนียงอ่อนหวานและหยอกล้อ มันยิ่งสร้างความเจ็บใจให้ผม ผมเงยมองหน้าขาวใสนั้นอย่างเคืองแค้น นี่มัน...สงครามประสาทชัดๆ

    “บัลเล่ต์อยากนอนค้างกับพี่แกงจัง พ่อฮั่นโทรขอคุณพ่อให้หน่อยสิคะ นะพ่อฮั่นคนหล่อ” บัลเล่ต์พูดอ้อนพร้อมเกาะพี่ฮั่นแต่คำนั้นผมกลับติดใจ พี่ฮั่นกับพี่ต้นเค้าคุยกันดีๆแล้วเหรอ???

    “พี่กับพี่ต้น----” ผมไม่ปล่อยให้คำถามค้างอยู่ในใจ จึงผมออกไป

    “เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังนะ----ตอนนี้ขอทำตามลูกสาวตัวน้อยๆก่อน” ประโยคหลังพี่ฮั่นกอดบัลเล่ต์อย่างรักใคร่ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแย่งของรัก ทั้งบัลเล่ต์และพี่ฮั่นเหมือนจะใส่ใจผมน้อยลง... ความรู้สึกหวั่นไหวค่อยๆคืบคลานเข้ามาในใจ แอบค้อนพี่ฮั่นที่เดินหยิบมือถืออกไปทางนอกบ้าน

    “เย็นนี้บัลเล่ต์อยากทานอะไรจ๊ะ” ผมพยายามเอาใจบัลเล่ต์เพื่อทำคะแนนนำ เรื่องอะไรจะให้บัลเล่ต์รักพี่ฮั่นมากกว่าผมล่ะ ผมเจอบัลเล่ต์ก่อนนะ!!!

    “อะไรก็ได้ค่ะ” บัลเล่ต์ตอบเสียงแจ่มใส พี่ฮั่นเดินเข้าพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี

    “เดี๋ยวพ่อฮั่นกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้นะ คุณพ่อกับคุณแม่หนูโอเคแล้ว” ว่าแล้วพี่ฮั่นก็หมุนตัวกลับออกไปทันที ผมจึงสะกิดบัลเล่ต์เพื่อพากันไปหาซื้อของมาทำกินกันตอนเย็น เมื่อกลับมาเด็กน้อยที่ทำการบ้านเสร็จก็คอยวนเวียนไปรอบๆเวลาผมทำอาหารผมพูดคุยกับบัลเล่ต์ไปเรื่อยเปื่อยเพราะความที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่เสียงเปิดประตูก็ทำให้ร่างเล็กๆวิ่งไปโดยทันที ผมละหมั่นไส้คนที่มาจริงๆเชียว

    “พี่แกง....พ่อฮั่นเอาขนมเค้กมาให้ตั้งเยอะ” บัลเล่ต์ร้องบอกผม ผมมองตามเสียงแต่สานตาปะทะกับตาคมเข้มอย่างจัง แววตาอ่อนหวานของพี่ฮั่นทำให้ผมต้องเบือนหน้ามาตั้งใจกับหม้อแกงต่อ

    “พี่เห็นว่าที่อยู่ในตู้มันเก่าแล้ว พี่เลยเอามาเปลี่ยนให้” ยิ่งคำพูดมันยิ่งทำให้ผมแค้น.... ไม่น่าพลาดเลย เก๊กมาตั้งนานแต่ดันถูกจับได้ว่าเก็บเค้กที่เค้าให้จนแทบจะล้นตู้ โอ๊ยยยยย.... แกงส้ม แล้วจะทำยังไงต่อไปเนี่ย???

    “หนูไปอาบน้ำดีกว่า” อยู่ๆบัลเล่ต์ก็ทำตัวรู้คิว วิ่งออกไปทันที สรุปว่าในห้องครัวก็เหลือเพียงแค่ผมกับพี่ฮั่นสองคน

    “พี่ไปได้แล้ว...ผมไม่ให้พี่ทานด้วยหรอกนะ” ผมหันไปเหวี่ยงร่างสูงทันที

    “คงไม่ได้หรอก เพราะพ่อกับแม่บัลเล่ต์เค้าย้ำนักย้ำหนาว่าพี่ต้องอยู่กับน้อง แล้วถึงแกงจะไม่ให้ทานอาหารหอมฉุยก็ไม่เป็นไร พี่มีมาม่าคัพพกมาด้วย กินไปมองหน้าแกงส้มไปมันก็อร่อยที่สุดในโลกแล้ว” พี่ฮั่นเดินก้าวเข้ามาห่างจากผมไม่กี่นิ้ว ผมจะผลักอกแต่พี่ฮั่นใช้ความเร็วรวบมือทั้งสองข้าง ผมตกอยู่ในภาวะเป็นรอง พี่ฮั่นเบียดตัวเข้ามาแนบชิด จมูกเราสองคนห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยเข้ามาในจมูก สัมผัสแน่นแต่อ่อนโยนเหลือเกิน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความโหยหามันทำให้ความอ่อนไหวชนะทุกอย่างในจิตใจผม ผมยืนนิ่งผิดกับภายในหัวใจที่สั่นสับสน

    “ทำบึ้งตึงกับพี่แบบนี้...ไม่สงสารพี่บ้างเหรอ??? รู้มั้ย...ว่าพี่คิดถึงแกงส้มแทบขาดใจแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วหวานมันสะกดหัวใจผมอยู่หมัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหวานของร่างสูงหรือความคิดถึงที่มากล้นต่อคนที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ผมไม่ขัดขืนฝืนตัวกับพี่ฮั่น

    “พี่รักแกงส้มมาก...มากจนไม่อยากพรากจากกันอีกแล้ว พี่ขอโทษพี่รู้ว่าสิ่งที่มันเลวร้ายยากที่จะให้อภัย แต่การที่พี่ต้องทนอยู่คนเดียวแบบนี้มันทรมานเกินกว่าพี่จะรับไหว ถ้ายังรักกัน...กลับมาหาพี่เถอะนะ” น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นทำให้ผมกลับมาทบทวนหัวใจตัวเองอีกครั้ง.... ผมควรจะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็อยากกลับไปซบอกอบอุ่นที่ผมโหยหามาตลอดแต่แผลในใจที่เกิดขึ้น ผมพร้อมที่จะกลับไปเจ็บปวดอีกครั้งได้เหรอ???

     

    ปล.   ตอนหน้าจะจบแล้วนะจ๊ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดจ้า หวังว่าจะมีความสุขกับเรื่องนี้นะจ๊ะ ^^
    ถึงไรต์จะเป็น
    KSFC แต่ฝากให้ทุกคนช่วยกันดันพี่ฮั่นเป็นหนุ่มน่ากอดแห่งปีด้วยนะจ๊ะ
    http://sudsapda.com/activity/Huggableguy2012/vote.aspx


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×