คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 23: คำขอโทษ
HUNZ talk
ผมนั่งซุ่มในรถกับไอ่ต้นและสองแฝดอย่างกระวนกระวาย แคนบอกว่าแกงส้มมีเรียนเก้าโมงในวันนี้ ผมเลยนัดตัวช่วยทั้งสามมาตั้งแต่เช้าตรู่ ผมอยากเห็นหน้าแกงส้มจนแทบจะทนไม่ไหว จากบรรยากาศเงียบเชียบก็มีคนทยอยมาจนกลายเป็นเดินขวักไขว่แต่กระนั้นแล้วร่างสูงโปร่งที่ผมรอคอยก็ยังไม่ปรากฏ
“พี่---ผมปวดฉี่...ไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ป่ะ” ไอ่บีกระซิบกระซาบเบาๆ
“ไม่ได้!!!---ถ้าแกออกไปแล้วแกงส้มเห็นแล้วหนีเตลิดไปอีกจะว่ายังไง” ผมพูดเสียงเด็ดขาด
“โหยยยย--- ไตผมมันจะระเบิดอยู่แล้ว ขอเหอะๆนะนะ พรางตัวก็ได้” ไอ่บียังไม่หยุดร้องขอ พร้อมหยิบผ้าพันคอมาพันไว้รอบหัวเพื่อปิดบังใบหน้า ซึ่งในสายตาผมแล้วมันดูไม่ปกติ
“แบบนี้มันยิ่งดูพิรุธไปใหญ่” ไอ่เอชิงบอกก่อนที่ผมจะพูดแบบเดียวกัน
“แกงส้ม....ทำไมไม่มาเรียนเช้าๆว่ะ ทำแบบนี้ได้ไง” ไอ่บีหันไปโทษแกงส้ม ผมเอื้อมจากที่นั่งข้างคนขับไปตบหัวมันที่เบาะด้านหลัง โทษฐานบังอาจพูดจาจาบจ้วงคนรักของผม!!!
“โอ๊ยยย!!! อะไรของพี่อีกเนี่ย??? ยิ่งปวดฉี่อยู่ พี่ต้นผมจะปล่อยในรถพี่แล้วนะ” ไอ่บีหันไปขู่เจ้าของรถ
“เฮ้ยๆๆๆ หยุดเลยนะ เอานี่ไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ไอ่ต้นส่งขวดน้ำขนาดหนึ่งลิตรไปให้แฝดผู้น้องจอมกวน ไอ่บีมองขวดน้ำอย่างเหวอๆ ส่วนแฝดคนพี่ก็หัวเราะกับมุกไอ่ต้นพร้อมยกนิ้วให้สองข้าง และผมก็เห็นรถสีขาวมุกคุ้นตา และเมื่อจ้องดูป้ายทะเบียนก็เห็นแน่ใจว่าคือคนที่ผมรอคอย
“มาแล้วๆ” ผมพูดกับตัวเองพร้อมจำเปิดประตูรถออกไปหาแกงส้ม คนที่ผมคิดถึงตลอดทั้งคืนจนหลับตาลงไม่ไหว วินาทีนี้...เป็นวินาทีที่ผมเห็นหน้าแกงส้มแล้วรู้สึกดีที่สุดในชีวิต
“เดี๋ยวก่อนๆ” ไอ่ต้นคว้ามือผมไว้ ผมหันขวับไปมองอย่างสงสัย
“อะไรของแก---ชั้นจะไปหาแกงส้ม” ผมต่อว่าเล็กน้อย แต่สายตายังคงจับจ้องร่างสูงโปร่งที่ปิดประตูรถเดินเข้าไปในตัวอาคาร
“ชั้นเพิ่งรู้ว่าแกไม่ฉลาดก็วันนี้นะเนี่ย” ไอ่ต้นกลับพ่นคำพูดน่าต่อยออกมา ผมขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“ก็ถ้าแกตามไปแล้วแกงส้มยังโกรธแกอยู่ มันจะตามตัวไม่ง่ายเหมือนคราวนี้นะเว้ย แกน่าจะรอจนแกงส้มเลิกเรียนแล้วขับรถตามไปว่าแกงส้มพักอยู่ที่ไหนดีกว่ามั้ย???... ถ้ามันพลาดที่นี่อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าแกงส้มกบดานอยู่ที่ไหน” ไอ่ต้นอธิบาย ผมและสองแฝดพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
“จริงของแก... ชั้นก็ลืมนึกไป” ผมพูดเบาๆ พร้อมตบบ่าไอ่ต้นเพื่อแสดงความขอบคุณ
“แล้วผมไปเข้าห้องน้ำได้รึยัง” ไอ่บียังคงวนเวียนกับห้องน้ำอย่างจดจ่อ
“อั้นไว้ก่อน” ผมบอกออกไปอย่างไม่สนใจ...
เสียงบรรยายของอาจารย์ดังฟังชัดแต่ทำไมไม่ถึงไม่เข้าหัวผมเลยสักนิดนะ ผมเตือนตัวเองว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ... ผมต้องก้าวต่อไปได้แล้ว โลกของผมไม่สมควรจะหมุนรอบคนเพียงคนเดียว ต่อให้คนๆนั้นจะสำคัญแค่ไหนก็ตาม ผมไม่ยากให้ชีวิตต้องมายึดติดกับความเจ็บปวด มันเป็นเรื่องของคนโง่...
“แกง---แกง--- แกงส้ม!!!” ยัยจิ๊ดซึ่งนั่งใกล้ๆผมสะกิด หลังจากเรื่องราววันนั้น ยัยจี๊ดก็หันมาทำดีกับผมและยอมเชื่อผมที่บอกให้ไปทำบุญกับผีสาวที่เจอบนรถทัวร์ จนตอนนี้เธอไม่มาตามยัยจี๊ดอีกแล้ว
“มีอะไร” ผมกระซิบกลับอย่างรำคาญ
“ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่บ้านไอ่นัทมันเหรอ???” ยัยจี๊ดถามตรงประเด็นไม่เสียเวลาอ้อมค้อมสักนิด
“อื้ม...ก่อนมันไปมันเอากุญแจให้ไว้ ทำไมเธอมีปัญหาอะไรห๊ะ” ผมอธิบายสั้นพร้อมถามกลับ
“เปล่า.... ก็นึกว่าตกลงปลงใจกับไอ่นัทมันแล้วซะอีก”
“บ้าบอ---ชั้นกับไอ่นัทเป็นแค่เพื่อนกัน ทุกอย่างมันก็ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เธออย่ามาทำเป็นชงหน่อยเลย” ผมส่ายหน้ากับความไร้สาระของยัยจี๊ด ก่อนจะทำเป็นตั้งใจเรียนแต่ความคิดในหัวกับไม่ยอมหยุดนิ่ง ผมเริ่มเข้าใจความเจ็บปวดของนัทแล้ว การที่คนเราปักใจรักใครสักคนจนหมดหัวใจ...มันง่าย แต่การถอนหัวใจที่รักยิ่งกลับคืนมานั้นมันช่างยากลำบาก ทั้งที่ผมเฉยชาด้านความรู้สึกกับนัททำเป็นไม่รับรู้อะไร ทำเป็นไม่เข้าใจในความหวังดี รวมทั้งมองข้ามแววตาที่เปี่ยมไปด้วยรัก แต่นัทก็ยังมั่นคงจนดูเหมือนคนโง่งมงาย ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับเป็นผมที่ต้องทุกข์กับความรักความหลังที่ไม่ยอมลบเลือนจากหัวใจ
เช้าวันนั้น...ผมตื่นขึ้นมาพร้อมความหวังเล็กๆ ว่าระหว่างเราอาจจะมีอะไรที่ดีขึ้น แค่พี่ฮั่นขอโทษผมก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น หลังจากการกระทำที่รุนแรงไร้ความปราณี พี่ฮั่นกลับหายตัวไปปล่อยให้ผมตื่นมาเผอิญความอ้างว้างที่เข้ามาจู่โจม รอยแดงเป็นจ้ำๆ ทั่วร่างมันไม่อาจจะเทียบเคียงความรวดร้าวในหัวใจที่แสนสาหัส พี่ฮั่นทิ้งผมไปโดยไม่แยแส... มันก็บอกความรู้สึกที่เปลี่ยนไปในหัวใจพี่ฮั่นได้เป็นอย่างดี เมื่อไม่มีอ้อมกอดในวันที่หนาวสั่น ไม่มีรอยยิ้มปลอบใจในวันเศร้า แล้วความหวังของผมจะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร... มันเป็นเช้าที่ผมตื่นมาพร้อมความบอบช้ำทางร้ายกายและความชอกช้ำทางจิตใจ ทำให้ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจากนี้ไป พี่ฮั่นจะตายไปจากหัวใจพร้อมความรักครั้งสุดท้ายของผม
HUNZ talk
ในที่สุดผมก็ตามแกงส้มจนไปถึงที่พักกบดานซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการหรู ถึงแม้จะเป็นหลังกะทัดรัดแต่ราคาก็ไม่ได้กะทัดรัดเลยแม้แต่น้อย ผมจึงข้องใจว่าที่นี่เป็นบ้ายของใครกัน... ไม่น่าจะเป็นบ้านที่ครอบครัวแกงส้มซื้อไว้ให้เพราะดูเหมือนจะฟุ่มเฟือยเกินกว่าฐานะดีในระดับหนึ่งอย่างแกงส้ม
“แฟนแกหนีมาอยู่ที่นี่ได้ไงว่ะ...” ไอ่ต้นเอ่ยถามเมื่อเห็นแกงส้มเดินเข้าไปในตัวบ้านที่ดูเงียบเชียบ
“ไม่รู้เหมือนกัน---แกงส้มก็ไม่เคยพูดถึงบ้านหลังนี้นะ” ผมตอบไปตามจริง
“หรือว่าเป็นบ้านแฟนใหม่เค้า... เรื่องนี้มันก็ไม่แน่นะ น้องเค้าจะน่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอก ยิ่งเสียหลักอยู่” คำพูดไอ่บีจุดชนวนอารมณ์ผมได้ทันที ผมชะเง้อมองเข้าไปในบ้านอย่างกังวล
“ชั้นต้องไปถามให้รู้เรื่อง” ว่าแล้วผมก็ปลดเข็มขัดนิรภัยทันที แต่ทั้งสาวก็เข้ามาห้ามผมเสียงหลง
“อะไรอีกเนี่ย???----ใจชั้นร้อนเป็นไฟแล้วรู้มั้ย???” ผมพูดเสียงดังแต่ก็ไม่ถึงกับตวาด มีสำเนียงร้องขออยู่ท้ายเสียง
“พี่---ผมเข้าใจ แล้วพี่จะไปเอาอะไรกับปากหมาๆของไอ่บีมัน” ไอ่เอพูดอย่างใจเย็น
“เอ๊า!!!” ผู้ถูกพาดพิงร้องออกมาเบาๆ
“เออ---ใจเย็นหน่อยสิวะ ถ้าแกเข้าไปตอนนี้อะไรๆมันอาจจะแย่ลงก็ได้ แกต้องใช้สมองมากกว่าอารมณ์นะ” ไอ่ต้นเตือนสติ ผมพ่นลมออกทางปากก่อนยอมอยู่นิ่งๆ มองเข้าไปที่บ้านหลังงามนั้นไม่วางตา
“แล้วแกจะให้ชั้นง้อแกงส้มยังไงว่ะ... นั่งรอแบบนี้ชั้นก็ไม่ไหวเหมือนกันนะเว้ย จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ผมพูดอย่างหมดหวัง... ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้มีหวังผมขาดใจตายเพราะความโหยหาแกงส้มแน่ๆ
“ผมว่าเรื่องแบบนี้มันต้องลงทุนกันสักหน่อยนะพี่ เอาแบบอลังการเลย พิสูจน์ความจริงใจเพื่อให้แกงส้มเห็นว่าพี่รักและพร้อมจะทำทุกอย่างให้เค้ากลับมา” ไอ่บีพูดแทรกออกมาซึ่งทำให้ทุกคนในรถมองมันแบบทึ่งๆ
“ไม่น่าเชื่อความคิดดีๆจะออกมาจากต่อมบรรจุขี้เลื่อยของแกนะเนี่ย???” ไอ่เอตบบ่าน้องชายอย่างภาคภูมิ
“ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายชั้นจะออกให้ทุกอย่าง” ไอ่ต้นพยักหน้าสนับสนุนพร้อมออกปากรับผิดชอบ
“ไม่ต้องหรอก---”
“ที่แกต้องทะเลาะกันก็เพราะชั้น เรื่องนี้ชั้นขอรับผิดชอบเพื่อลบความผิดนะ”
เสียงมือถือดังติดกันมาเป็นรอบที่สามแล้ว ผมพยายามทำเป็นไม่ได้ยินแต่ก็ไม่เป็นผล แอบเคืองขุ่นในใจว่าใครช่างกล้าโทรมาแต่เช้าตรู่ในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันพักผ่อนจากการเรียนที่หนักหน่วงมาตลอดทั้งสัปดาห์ แสงอาทิตย์อับอบอุ่นไม่ได้ทำให้เช้าวันนี้สดใสเสียเลย
“ว่าไงยัยจี๊ด--มีธุระอะไร” ผมกรอกเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกไปตามสาย
“แกงส้มวันนี้อาจารย์นัดสอบตอนสิบโมงนายเห็นรึยัง???” แค่ประโยคเดียวเท่านั้นทำเอาผมตาเหลือกทันที ผมกระเด้งตัวออกจากที่นอนพร้อมเสยผมอย่างตกใจ
“งั้นแค่นี้นะ...ไปอาบน้ำก่อน” ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแล้วละครับ... นี่คงเป็นผลของการใจลอยชอบเหม่อคิดแต่เรื่องราวของพี่ฮั่นเลยทำให้พลาดแบบนี้ หนังสือก็ไม่ได้อ่านสักตัว แถมช่วงนี้ยังเรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่องอีกต่างหาก ผมต้องตายแน่ๆ!!!
ผมกลั้นใจเหยียบคันเร่งเร็วกว่าการขับรถในวันปกติ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์รถติดน้อยกว่าวันธรรมดานิดนึง แต่มันก็ไม่ทำให้ผมไปอ่านหนังสือหน้าห้องได้ทัน แกงส้มมมมมม....อนาถแท้ชีวิต พอไปถึงผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องที่เพิ่งถามจากยัยจี๊ดทางโทรศัพท์ เมื่อเข้าไปในห้องทุกคนนั่งที่เรียบร้อย เหลือที่ไว้ให้ผมกลางห้อง ผมเดินเข้าไปอย่างงงๆ ทั้งที่อาจารย์ไม่อยู่แต่ทำไมทุกคนถึงนั่งสงบนัก แล้วทุกคนต่างก็มีคัพเค้กหลากวางอยู่หน้าตัวเอง
“เค้กอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เค้กแห่งความรัก” มันเป็นคำตอบงงๆ ที่ผมไม่คิดจะซักไซ้อะไรต่อ ผมแอบหยิกตัวเองว่าฝันไปรึเปล่า??? ทำไมมันแปลกๆแปร่งๆ ไปซะหมดทุกอย่าง
“แล้วของเราไม่มีเหรอ???---หรือว่ามาช้าไป” เมื่อมาถึงที่นั่งว่างๆ บนโต๊ะของผมกลับไม่มีคัพเค้กเหมือนกับทุกคน อยู่ๆยัยจี๊ดก็เดินออกไปหน้าห้องด้วยความสงบเสงี่ยมผิดปกติเพราทำท่าส่งสัญญาณแปลกที่เหมือนจะมีเพียงผมที่ไม่รู้เรื่องกับชาวบ้าน
“กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย” อยู่ๆทุกคนก็ร้องเพลงนี้ขึ้นมา ผมหันไปมองรอบๆห้องประตูค่อยๆเปิด ร่างสูงในชุดพ่อครัวเต็มยศ ที่พยายามประคองเค้กสีส้มที่ผมเคยคุ้น ใบหน้าหล่อใสยิ้มกว้างระหว่างที่เดินมาหาผม
“พี่ฮั่น...” ผมเรียกชื่อนั้นเบาๆ ทุกเสียงในห้องเงียบลงทันทีที่ปรากฏ
“พี่มาที่นี่ได้ยังไง” ผมถามออกไปเสียงแข็ง รู้สึกสะใจนิดๆที่ทำให้รอยยิ้มนั้นหุบลงได้สักที
“พี่มาหาแกงส้ม...มาขอโทษ ดูสิ...พี่ทำเค้กของแกงส้มมาให้ด้วยนะ พี่นั่งทำมันทั้งคืนเลย” พี่ฮั่นพูดอย่างแจ่มใส นั่นมันยิ่งทำให้ผมเดือดดาล คนๆนี้ยิ้มออกมาได้ยังไงกันทั้งที่ผมเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย
“แกงส้มลองชิมดูสิ” พี่ฮั่นยื่นเค้กมาให้ ผมรับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แล้วพี่ทานอะไรมารึยัง” ผมถามแต่สายตากลับก้มลงมองเค้กในมือ
“ยังจ๊ะ...” พอคำตอบหลุดออกมาเท่านั้น ผมก็เหวี่ยงเค้กในมือละเลงบนใบหน้าหล่อใสอย่างเต็มมือ เสียงร้องตกใจดังออกมาจากหลายๆคน บรรยากาศกลายเป็นเงียบสงัดราวกับทุกคนหยุดหายใจ พี่ฮั่นที่บัดนี้หน้าเปื้อนเค้กไปหมดก้มหน้านิ่ง ก่อนเช็ดมือเช็ดเค้กบางส่วนออกและส่งยิ้มตอบกลับมา
“แกงป้อนพี่คำโตไปนะ” เสียงนั้นแม้จะฟังไม่ถือสาแต่ผมก็จับเสียงแหบพร่านั้นได้ท้ายคำ ผมผลักร่างนั้นให้พ้นทาง เจ็บใจนัก เจ็บใจที่เค้าทำเหมือนเรื่องทุกอย่างมันเล็กน้อย เจ็บใจตัวเองที่มีความสงสารหลงเหลือให้คนพรรค์นี้
“แกงส้ม....พี่ขอโทษ” พี่ฮั่นร้องออกมาเสียงดัง ผมชะงักเท้าแล้วค่อยหมุนตัวกลับ
“ที่พี่ขอโทษผมเพราะอะไร เพราะอยากขอโทษจริงหรือขอโทษเพราะอยากให้ผมกลับไปหาพี่เหมือนเดิม” ผมหันไปถามร่างสูงด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
“ก็ทั้งสองอย่าง... อะไรก็ได้ที่ทำให้แกงส้มกลับมาหาพี่” ผมหัวเราะออกมาอย่างเจ็บใจกับคำตอบที่ได้
“พี่รู้มั้ยว่าคำขอโทษของพี่มันไม่มีค่าเลยสักนิด มันเป็นแค่สะพานที่ทำให้พี่ได้สิ่งที่พี่ต้องการ พี่แค่อยากให้ผมกลับไปพี่ถึงมาขอโทษ สิ่งที่พี่ทำกับผมเป็นแค่อดีตที่ผมควรจะลืมๆมันไปสินะ พี่เคยคิดบ้างมั้ย???... ว่าผมต้องทนเจ็บปวดมากแค่ไหน แค่คำขอโทษพี่ยังให้ความจริงใจกับมันไม่ได้เลย พี่เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!!!” ผมตะเบ็งเสียงอย่างสุดกลั้น ไม่อีกแล้ว ตลอดเวลาเพราะความรักทำให้ผมคิดเข้าตัวเองว่าเป็นแก้วตาดวงใจของพี่ฮั่น แต่มันไม่ใช่...ไม่เลยแม้แต่น้อย
HUNZ talk
ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิด ทำไมแกงส้มถึงโกรธผมขนาดนั้น แค่ความรักและคำขอโทษมันยังไม่พออีกเหรอ??? แกงส้มต้องการอะไรอีก.... ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทุกอย่างที่ทำมันก็ออกมาจากหัวใจที่รักเค้าจนล้นปรี่ ผมนั่งทำเค้กทุกๆอันตลอดทั้งคืน เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้ เพื่อเค้า... แต่ทำไมเค้ากลับมองไม่เห็น ใช่....ผมรู้ว่าที่ผมทำมันเลวร้ายแต่ผมก็อยู่ตรงนี้พร้อมจะให้ทุกอย่างที่เค้าต้องการ
“ฮั่น...” เสียงหวานของแพรวเรียกออกมาเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นจากมองหน้าต้นเสียง
“แกงส้มอาจจะลองใจฮั่นอยู่ก็ได้... อย่าเพิ่งท้อนะ” แพรวพูดให้กำลังใจ คงรู้เรื่องจากไอ่ต้นแล้วสินะ
“ไม่รู้สิ...ยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ แล้วบัลเล่ต์อยู่ไหน???” ผมเลี่ยงบทสนทนาที่แสลงใจ เลือกที่จะถามหาความอ่อนโยนไร้เดียงสามาบำบัดความเครียด
“อยู่ข้างนอก แพรวชวนเข้ามาก็ไม่เข้า” แพรวมองไปทางลานจอดรถ ผมจึงยิ้มเล็กน้อยให้กับคำตอบก่อนจะเดินสาวก้าวมาหาบัลเล่ต์
“เพื่อนๆที่ห้องดีใจกันใหญ่เลยค่ะที่บัลเล่ต์กลับมา บัลเล่ต์ก็ดีใจนะคะแต่คิดถึงคุณตาเจ้าที่ด้วย พี่แกงเองก็หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ บัลเล่ต์คิดถึงมากๆเลย” บัลเล่ต์นั่งเสาศาลพระภูมิพร้อมพูดอยู่คนเดียว
“บัลเล่ต์” ผมส่งเสียงเรียกเด็กน้อย
“พ่อฮั่น” บัลเล่ต์เห็นหน้าก็ยิ้มแฉ่งจนแก้มแทบแตก แล้วร่างเล็กก็วิ่งมาหาผมทันที
“เมื่อกี้หนูคุยกับใครคะ???” ผมถามบัลเล่ต์ หรือว่าบัลเล่ต์จะเห็นผีอย่างที่แกงส้มเป็นนะ
“คุณกับคุณตาเจ้าที่ค่ะ” เสียงสดใสตอบผมอย่างแช่มชื่น
“หนูเห็นท่านเหรอคะ???” ผมถามออกไปตรงๆ แต่บัลเล่ต์กลับส่ายหน้า
“อ้าว...แล้วหนูจะรู้ได้ยังไงว่าท่านได้ยินหนูรึเปล่า??? ทำแบบนี้มันก็ไม่มีประโยชน์นะ” ผมบอก
“แต่บัลเล่ต์อยากทำ... บัลเล่ต์อยากเล่าให้คุณตาเจ้าที่ฟัง ถึงบัลเล่ต์จะไม่เห็นคุณตาแต่บัลเล่ต์ก็อยากทำแบบนี้อยู่”
“ทำทั้งที่รู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นนี่นะ” ผมถามซ้ำ
“ทำตามที่ใจบอก---แล้วจะไม่มีวันเสียใจค่ะ ทำอย่างที่อยากทำก็พอแล้วนี่ค่ะ” คำพูดนั้นเหมือนมีอะไรมากระแทกที่อกผมอย่างจัง ผมเข้าใจสิ่งที่แกงส้มพูดแล้ว.... ผมต้องการผลเกินไป ผมแค่ทำอะไรที่อยากทำไม่ว่าสิ่งนั้นซึมลึกสู่ใจแกงส้มหรือไม่ก็ตาม ทำเพื่อแกงส้มโดยไม่หวังสิ่งที่ตอบแทน... ผมเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองเห็นแก่ตัวอย่างที่แกงส้มว่าจริงๆ พี่เข้าใจแล้วแกงส้ม...พี่เข้าใจแล้ว
ปล. คาดว่าจะตอนหน้าก็ยังไม่จบ หมั่นไส้อิพี่หมีเหลือเกินไม่เคยจะเข้าใจความต้องการของน้องเลยเนาะ (เหรอ???? ใครแต่งฟร๊ะ!!!) แต่คราวหน้าง้อแบบหวานๆแล้วจ้า เอาใจรีดที่ขาดน้ำตาลในหัวใจหน่อยละกันนะ อย่าลืมเม้นเพื่อประโยชน์สุขของไรต์จ้า ^^
ความคิดเห็น