ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #24 : The end

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 55


                   

                   

    สองปีผ่านไป....

    เสียงจอแจในสนามบินไม่ทำให้ผมรำคาญเลย ตอนนี้เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ผมกลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด ผมชะเง้อมองหาหนุ่มหล่อที่สัญญาว่าจะมารับที่สนามบิน ครอบครัวผมอยู่เที่ยวต่อที่ออสเตรเลีย แต่ผมด้วยความไฟแรงจึงอยากจะกลับมาทำงานทันทีที่เรียนจบ และบางอย่าง...ที่ทำให้คิดถึง ระยะเวลาห่างกันสองปี แต่มีสิ่งหนึ่งในใจของผมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ...ช่องว่างของหัวใจที่เว้นที่ไว้ให้คนเพียงคนเดียว

    “แกงส้ม” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น ผมหันไปมองทางต้นเสียงหนุ่มหล่อที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชนคนนั้นเองที่สัญญาว่าจะมารับผม

    “พี่แคน...” ผมเข็นกระเป๋าไปทางนั้นโดยทันที ไม่เจอกันนานพี่ชายผมหล่อขึ้นจนแทบจำไม่ได้

    “แกงส้ม....ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทย” พี่แคนผายมือออกด้วยท่าทางอลังการ

    “ถามจริงๆเหอะ นายคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครรึไงห๊ะ” สาวสวยอีกคนเบรกพี่แคนซะหัวทิ่ม

    “คุณหยุด...ถ้าจะปากมากแบบนี้ทำไมไม่รอที่รถ” พี่แคนหันไปต่อล้อต่อเถียงทันที ผมเอียงคอมองสาวสวยคนนั้นด้วยความสงสัย... ผมจำไม่ได้จริงว่าเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้

    “แกงส้มนี่คุณหยุดฝ่ายประสานงานลูกค้า...พี่ไปส่งแกงส้มเสร็จก็ต้องไปทำงานต่อ เลยจำใจต้องเอายัยคนนี้มารับแกงด้วย ขอโทษนะที่ทำให้เสียบรรยากาศ” พี่แคนหันมาพูดกับผมแต่ก็ไม่วายแอบแขวะสาวสวยคนนี้

    “ชื่อสต๊อปคะ ไม่ได้ชื่อหยุด เราต้องร่วมงานกันชั้นเลยอยากมาทำความรู้สึกไว้เนิ่นๆ เผอิญว่าวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ได้มองโลกแคบเหมือนสถาปนิกบางคนแถวนี้” ดูท่าแล้วสาวเจ้าก็ไม่เบาเหมือนกัน

    “ผมแกงส้มนะครับ...” ผมแนะนำตัวเองสั้นๆ แล้วทุกคนก็ออกเดินไปที่รถทันที

    “เออ...ที่ว่ามีงานผมไปด้วยได้มั้ย??? กลับไปบ้านก็ต้องอยู่คนเดียว ไม่พร้อมจะทำความสะอาดห้องเลย” ผมขอตามพี่แคนไปทำงานด้วย ไหนๆก็ต้องศึกษางานที่ทำอยู่แล้ว

    “จะไหวเหรอ??? เพิ่งลงจากเครื่องไม่เพลียแย่รึไง” พี่แคนหันมาถาม คงเพราะด้วยความเป็นห่วง

    “ก็หลับในรถก็ได้นิคะ กว่าจะไปถึงก็สองสามชั่วโมง... ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนคุยไปด้วย” สต๊อปสนับสนุนผมอีกแรง

    “นี่แล้วแผนที่เอามามั้ย???... เดี๋ยวก็ได้หลงเหมือนลูกค้าคนก่อนหรอก นัดคุยครั้งแรกต้องสร้างความประทับใจรู้มั้ย???” แต่พอหันไปคุยกับพี่แคน น้ำเสียงสต๊อปก็เปลี่ยนทันที ผมละชอบคู่นี้จริงๆ ถ้าผมสนิทกับสาวเจ้าเมื่อไหร่ ผมนี่แหละจะลงทุนชงให้พี่แคนเองกับมือเลยทีเดียว

    “มันใช่หน้าที่สถาปนิกมั้ย??? คุณนั่นแหละต้องหาแผนที่เอง รายละเอียดลูกค้าผมก็ยังไม่รู้เลย” พี่แคนเองก็ดูจะไม่ยอมท่าเดียวเลย จนเดินมาถึงรถผมเลือกที่จะนั่งเบาะหลังด้วยจะงีบระหว่างทาง

    “ลูกค้าเค้าจะปรับปรุงบ้านให้เป็นเรือนหอ ไปครั้งที่แล้วนะ สวยมาก ดีแล้วแหละที่แกงส้มจะไปด้วย แถมเจ้าของบ้านทำอาหารอร่อยมากๆ ที่สำคัญหล่อมากอีกต่างหาก” สต๊อปหันมาคุยกับผม

    “หล่อ... เท่าผมมั้ย???” พี่แคนไม่วายแทรกขึ้นมา

    “ก็สูงและขาว ใครไม่เข้าเกณฑ์นี้ ชั้นถือว่าขี้เหร่” สต๊อปพูดหน้าตาย...แต่เดาว่าพี่แคนคงจะสะดุ้งไม่น้อย

    “อย่างผมเนี่ยเค้าเรียกว่าหล่อแบบไทยนิยมครับ” พี่แคนหันมายักคิ้วกับผม แต่ไม่ไหวแล้วครับให้ฟังสองคนนี้ต่อล้อต่อเถียงจนถึงบ้านลูกค้าผมคงไม่ได้นอนแน่ๆ จึงรีบเอาเสื้อคลุมมาปิดหน้าและหลับไปอย่างง่ายดายด้วยยานอนหลับที่เรียกว่าความอ่อนเพลีย....

     

    “แกงส้ม... แกงส้ม ถึงแล้ว” เสียงพี่แคนพร้อมมือที่เขย่าตัวผมทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากการหลับ ผมดึงที่เสื้อที่ปิดหน้า บอดขี้เกียจ ขยี้ตาเพื่อเรียกสติมาให้สมบูรณ์ เมื่อโฟกัสต่างๆเริ่มชัด นี่ผมฝันไปรึเปล่า... ผมไม่ได้คิดถึงที่นี่จะเก็บมาฝันใช่มั้ย???  ผมก้าวขาลงจากรถมองไปรอบๆ เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป

    “แกงส้ม เป็นอะไรรึเปล่า” พี่แคนคงเห็นความผิดปกติในตัวผมจึงออกปากถามขึ้นมา แต่พี่แคนคงเข้าใจก่อนจะตอบออกมาเมื่อเจ้าของบ้านเดินมาจากบนบ้าน

    “สวัสดีค่ะ...คุณอิสริยะ ดิฉันมาจาก...” สต๊อปทักทายคามหน้าที่โดยหารู้ไม่ว่าทุกคนต่างตกอยู่ในอาการตกใจกับการเจอกันโดยบังเอิญครั้งนี้

    “คุณฮั่น” พี่แคนเรียกพี่ฮั่น แต่ไม่สามารถดึงความสนใจของพี่ฮั่นได้เลย สายตาของพี่ฮั่นพุ่งตรงมาที่ผมอย่างชัดเจน ผมหันไปมองบ้านที่ตอนนี้ถูกรื้อบางส่วนออกไป และหนึ่งในส่วนนั้นก็คือห้องนอนที่ผม “เคย” อยู่ จริงสิ... ที่นี่กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นเรือนหอ สองปี...เวลาตั้งสองปีมันนานพอที่จะทำให้คนสองคนรักกันได้ไม่ยากนัก และเช่นเดียวกัน มันก็นานพอที่จะทำให้ลืมใครอีกคนไปจากใจ

    “ผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำนะครับ...ไปส่งหน่อย” พี่แคนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนที่จะลากสต๊อปที่ดูเหมือนเริ่มสังเกตเห็นบรรยากาศที่แปลกๆขึ้นบ้านไปโดยเร็ว

    “กลับมาเมื่อไหร่” พี่ฮั่นเอ่ยขึ้นมา

    “เพิ่งมาถึง...ไม่นึกว่าพี่แคนจะพามาที่นี่” ผมตอบกลับไป...แกงส้มนายไม่มีสิทธิที่จะโกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น ใครกันไปคนก้าวเดินออกมา ทุกอย่างมันหมุนตามเส้นทางแห่งเวลา

    “เหรอ???.... ถ้ารู้ก็คงไม่มาสินะ” พี่ฮั่นพูดออกมาปลายน้ำเสียงนั้นมีความขื่นขมไม่น้อย พี่เสียใจทำไมกัน พี่กำลังจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ ผมต่างหาก...ที่ต้องเป็นฝ่ายเสียใจ ผมต่างหากที่เป็นคนไม่เหลืออะไร

    “มาแล้วมันก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น เรื่องมันผ่านมานานสองปีแล้ว... พี่เองก็คงรู้และเข้าใจมันดีว่าอะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องเดินทางไปตามเส้นทางปัจจุบัน ผมไม่ได้คิดจะอาลัยอาวรณ์กับเรื่องในอดีตไม่ว่าเรื่องไหนสำหรับผมมันก็เป็นแค่อดีต” มันเป็นแค่อดีต...คำพูดพี่ที่ว่า จะอยู่รอผมที่เดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันก็เป็นเพียงอดีตเท่านั้น ณ เวลานี้ ไม่มีอะไรที่นี่เป็นของผมอีกแล้วแม้แต่หัวใจพี่

    “มันก็ดีแล้ว...พี่ขอตัวไปคุยเรื่องงานก่อนนะ แกงส้มจะ..” พี่ฮั่นบอกถ้อยน้ำเสียงที่คาดเดาถึงความรู้สึกไม่ได้

    “ไม่ครับ...ผมยังไม่ได้เริ่มงาน ขอตัวดีกว่า” ผมตอบออกไปทันที มันทำร้ายกันเกินไปมั้ย??? ที่จะให้ผมทำเรือนหอให้พี่ ผมก็มีหัวใจนะ เจ็บเป็นเหมือนกัน!!!

    “งั้นพี่ขอตัว” พี่ฮั่นพูดแล้วหมุนตัวก้าวเดินออกไปทันที ผมมองแผ่นหลังกว้างอบอุ่นนั้นห่างออกไปทุกทีๆ สุดท้ายคนเสียใจก็เป็นผม...ผมเพียงคนเดียว ไม่มีอีกแล้ว อ้อมกอดอบอุ่นนั้น ถ้อยคำหวานๆ รอบจูบรัญจวนใจหรือแม้กระทั่ง “ความรัก” ผมเองที่เป็นคนผลักไสทุกสิ่งออกไป ตอนนี้มันสายไปแล้วที่จะทวงคืน... น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้หลั่งรินออกมา ผมคว้าจักรยานปั่นออกไป ไปหาสิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิม... บุญหลง ชั้นกลับมาเยี่ยมแล้วนะ และครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน...

     

    CAN talk

    เรื่องบังเอิญจริงเหรอเนี่ย??? ผมไม่อยากจะเชื่อเลย แกงส้ม...เพิ่งมาถึงวันแรกก็ต้องมาเจอต้นเหตุที่ทำให้หนีไปไกลขนาดนั้น บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาฟ้ากำหนดแล้วให้คนทั้งสองรักกัน แต่มันติดอยู่ที่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังจะแต่งงานนี่สิ แกงส้ม...โลกความจริงมันโหดร้าย แต่พี่เชื่อนะว่าแกงส้มจะผ่านมันไปได้

    “นี่ มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเค้าจ้องกันขนาดนั้น” ยัยหยุด เอ๊ยยยย!!! สต๊อปสลัดมือผมออกก่อนถามด้วยความข้องใจ

    “คนนี้เป็นคนรักของแกงส้มก่อนที่จะไปเรียนต่อ” ผมตอบสั้นๆ

    “งั้นก็พรหมลิขิต” สต๊อปร้องออกมาด้วยความปลาบปลื้ม

    “พรหมลิขิตบ้าอะไร... ก็อีกคนกำลังจะแต่งงานแล้วนิ” ผมไม่ไหวจะเคลียร์กับความไม่มีสติของผู้หญิงคนนี้จริงๆ

    “แกงส้มกำลังจะแต่งงานเหรอ???” สต๊อปถามอย่างงุนงง....นี่งงหรือว่าแกล้งงงเนี่ย

    “คุณฮั่นต่างหาก...เธอมาทำเรือนหอให้เค้านะ” ผมเลยแกล้งขึ้นเสียง เพราะนานๆทีจะมีโอกาสสักครั้ง

    “ใครบอกว่าคุณฮั่นเค้าจะแต่งงาน เรือนหอนี้เป็นของน้องสาวเค้าต่างหากล่ะ ตัวเองนั้นแหละไม่รู้เรื่องยังมีหน้ามาขึ้นเสียงใส่คนอื่นเค้าอีก” คราวนี้เป็นทีโวยของสต๊อปโดยชอบธรรม

    “กรรม.... แล้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย???” ผมเท้าเอวถอนหายใจ เพราะคู่นี้ชอบทำเรื่องธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆ

    “ดูจากหน้าลูกค้าของเราละ คงไม่” สต๊อปบุ้ยปากไปทางบันได ผมหันไปเห็นสีหน้าหมองๆของหนุ่มหล่อแล้วก็พอเดาออกว่าเรื่องข้างล่างคงจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

    “มาเหนื่อยๆ ทานอาหารกันก่อนมั้ยครับ...ฝีมือผมเองไม่รู้จะถูกปากรึเปล่า” ผมไม่รู้จะทำยังไง ภาพตอนที่ถูกมัดติดกับเสาคณะมันก็ยังติดตา แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ไม่เหลือเค้าของความเอาแต่ใจอยู่เลยแม้แต่น้อย บางทีสิ่งที่แกงส้มอาจจะอยู่ตรงหน้าผมแล้วก็ได้

    “เคยทานแล้วอร่อยมากค่ะ... เอ่อ...คุณแคนมีอะไรจะบอกคุณคะ” สต๊อปอยู่ๆก็โยนกลองมาให้ผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

    “อะไรของคุณ” ผมกระซิบถาม ส่วนชายหนุ่มร่างสูงก็ขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย

    “บอกเรื่องนั้นสิ...เค้าจะได้ลงเอยกันสักที” สต๊อปกระซิบข้างหูผม...ก็ได้ๆ เพื่อน้องท่องไว้

    “คือ....ผมคิดว่าแกงส้มเข้าใจผิดคิดว่าคุณกำลังจะแต่งงาน” พูดออกไปแล้ว อ๊ากกกกก!!!! กลายเป็นคนยุ่งเรื่องของชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย???? เพราะยัยหยุดคนเดียวเลย!!!

    “เรื่องของผม...มันคงไม่สำคัญกับเค้าเท่าไหร่หรอกครับ มันเป็นแค่อดีต” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะพยายามข่มความเสียใจให้ลึกสุดแต่มันก็ซ่อนไว้ไม่มิดอยู่ดี

    “แกงส้มมันเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ เค้าให้เวลาตัวเองสองปี...ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าเค้าจะมาทวงความรักจากคุณคืน เค้าไม่เคยมองใครเลย...เพราะเค้ารักคุณ ถ้ายังรักเค้าผมคิดว่าคุณรู้ว่าควรจะทำยังไง” จากประสบการณ์ความรักของงผมที่เท่ากับศูนย์ ผมว่านี่เป็นประโยคแห่งปีของผมเลยนะเนี่ย เพราะหลังผมพูดจบ ร่างสูงนั้นก็พลุนหลันออกไปทันที

    “แล้วเราจะได้คุยงานมั้ย???” สต๊อปพูดออกมาเบาๆ

     

    ผมยืนอยู่ที่เนินแห่งความทรงจำ สายลมยังคงกรรโชกรังแกดอกไม้สีเหลืองต้นเล็กให้ลู่ล้มอย่างเคย ต้นไม้ของบุญหลงยังคงแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป...ทำให้ผมน้ำตาไหลร้องไห้ไม่หยุด บ้านหลังเล็ก...ที่ผมวาดลงสมุดวาดเขียนในหน้าสุดท้าย จากเพียงจินตนาการเพ้อฝัน ในวันนี้กลายเป็นความจริงอยู่ตรงหน้าผม ด้วยฝีมือพี่ฮั่น.... มันทำให้รู้ว่าผมสูญเสียคนที่รักผมมากมายไปอย่างโง่ๆ เพราะความคิดโง่ๆในวันก่อน ทำให้ผมต้องมาร้องไห้แบบนี้ ผมกล้าดี...กลับมาทำไม ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมทำมันเหยียบย่ำความรู้สึกคนที่รักแค่ไหน กล้าร้องไห้นะแกงส้ม... เรื่องทั้งหมด ผมจะโกรธใครได้ จะเกลียดใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวเอง พี่ฮั่นดีพอสำหรับคนที่เห็นค่า ถูกแล้ว...ที่ไม่รอคนที่เห็นแก่ตัวอย่างผม ผมมัวแต่มองสิ่งที่พี่ฮั่นทำร้ายตัวเอง แต่ไม่มองว่าที่พี่ฮั่นทำมันมากมายกว่าคำหวานว่ารักที่กระซิบอยู่ข้างหูแค่ไหน เจ็บมั้ย???.... ที่คนที่มีรักแท้ยิ่งใหญ่ต้องกลายเป็นของคนอื่น... มันคือความผิดพลาดที่แสนเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของผม

    ผมก้าวเท้าไปยืนอยู่ที่เฉียงที่มีเก้าอี้หวายสองตัวหันหน้าไปทางดอกไม้สีเหลืองที่ผมชอบมอง โต๊ะกาแฟมีหนังสือเล่มบางแบบที่พี่ฮั่นชอบอ่านวางอยู่ เก้าอี้สองตัว...ผมคงไม่มีสิทธิ์นั่งอยู่เคียงข้างพี่แล้ว ผมยื่นมือไปสัมผัสเก้าอี้หวายนั้น ขอแค่โอกาสนั้น...ที่ผมจะมีโอกาสแก้ตัวกับสิ่งที่ทำ

    “เข้าไปดูข้างในมั้ย???” เสียงทุ้มที่ผมคิดถึงมาสองปีตลอดดังมาจากด้านหลัง ผมรีบปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้พี่ฮั่นเห็น ผมไม่อาจจะสร้างความลำบากใจ... พี่ฮั่นสมควรมีความสุข

    “ไม่เป็นไรครับ... ผมจะกลับไปหาพี่แคนแล้ว” ผมพยายามจะเดินผ่านพี่ฮั่นเพื่อจะได้ไม่เห็นรอยช้ำที่มาจากร้องในตาคู่นี้ แต่พี่ฮั่นกลับคว้าแขนไว้ แล้วลากผมเข้าไปในบ้านหลังเล็กหลังนั้น ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ในบ้านหลังนั้นโถงนั่งเล่นก็ดูดีสบายตา มีเพียงหนึ่งห้องนอน ถัดเข้าไปมีครัวทันสมัยกะทัดรัด แต่ที่สะดุดตาของผมคือรูปที่อยู่ในกรอบสวยเรียบหรูนั้น เป็นเพียงภาพพี่ฮั่นที่วาดด้วยดินสอ....ที่ผมเป็นวาด

    “พี่ฮั่น...พี่อย่าทำแบบนี้เลย ผมทรมานหัวใจ” ผมสุดกลั้นน้ำตาไว้ พี่ฮั่นทอดสายตามองผมอย่างอ่อนโยน

    “แกงส้มรู้มั้ย???...ว่าวันที่แกงส้มไปพี่ตามไปหาที่สนามบิน แต่มันช้าเพียงสิบนาที” พี่ฮั่นพูดกับผมอย่างอ่อนแรงพร้อมยื่นมือมาลูบที่แก้มผม ผมเอาก็ร้องไห้ไม่หยุด...และไม่คิดจะหยุดมันอีกแล้ว

    “แล้วรู้มั้ย???...นับตั้งแต่วันนั้นพี่ทำอาหารทุกๆวัน เพื่อรอให้แกงส้มกลับมาชิม” น้ำตาพี่ฮั่นค่อยๆไหลออกมาช้า ผมยกมือมาเช็ดหยาดน้ำตานั้นอย่างช้าๆ...คงมีสิทธิ์ใช่มั้ย???

    “พี่รักแกงส้มมาก...” พี่ฮั่นเอาหน้าผากมาแตะที่หน้าผากของผม เราสองคนร้องไห้ไปด้วยกันเงียบๆ

    “ผมขอโทษ... ผมเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผมขอยอมรับความเจ็บปวดนั้นไว้เพียงคนเดียว ต่อไปนี้พี่ฮั่นต้องมีความสุขนะ” ผมประคองใบหน้าพี่ฮั่นด้วยความรักสุดใจ

    “ความสุขของพี่คือการได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าข้างกายที่หลับสบายนั้นเป็นแกงส้ม ความสุขที่สุดของพี่คือ...การได้ทำดีๆเพื่อแกงส้มทุกๆวันไปจนกว่าลมหายใจของคนๆนี้จะหมดไปจากโลกใบนี้” พี่ฮั่นคว้าผมไปกอดแนบกาย กลิ่นหอมๆที่ผมคิดถึงผมสูดเข้าไปลึกๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงกันพี่ฮั่น...ในเมื่อพี่กำลังจะแต่งงาน!!!

    “พี่อย่ายกเลิกงานแต่งเลยนะ” ผมผละตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้นทั้งที่เสียดาย ทั้งที่ผมอยากจะตายให้อ้อมกอดนั้นเพื่อหลบหนีความเสียใจแต่ผมก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรื่องราวระหว่างเรามันต้องไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด

    “แกงส้ม...แกงส้มกลับมาต้องทำให้ฮัทกับเฟรมล้มงานแต่งเลยเหรอ???” พี่ฮั่นบีบจมูกผมเบาๆ... อะไรนะ เรือนหอที่ว่า...เป็นของสองคนนั้นเองเหรอ??? แล้วที่ผมร้องห่มร้องไห้มันเพื่ออะไรกันเนี่ย ผมรีบเช็ดน้ำตาทันที

    “พี่ฮั่นหลอก...” ผมกำลังจะบอกว่า “พี่ฮั่นหลอกผมอีกแล้ว” แต่ประโยคนั้นก็ถูกกลืนไปพร้อมกับริมฝีปากร้อนผ่าวที่โผเข้ามาประกบอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่ว่าเพราะอะไร การผลักไสพี่ฮั่นออกไปไกลตาจะไม่อีกแล้ว...ผมรู้แล้วว่าการที่ผมเล่นแง่กับหัวใจมันเป็นการทรมานตัวเองแค่ไหน  ผมตอบรับรสรักที่หอมหวานนั้นอย่างไม่รั้งรอ สองแขนของผมคล้องรอบคอชายหนุ่มที่ผมแสนจะคิดถึง แขนแข็งแรงของพี่ฮั่นรัดเอวผมให้แนบชิดกับร่างนั้น พี่ฮั่นถอนริมฝีปากออกไปจากผมอย่างเสียดาย แต่ผมเองยังไม่พอกับความคิดถึง ผมโน้มใบหน้าไปจูบที่ริมฝีปากที่เย้ายวนของพี่ฮั่นอีกครั้ง ให้พี่ฮั่นได้รู้ว่า...ผมเองก็นอนหนาวทรมานเพราะความคิดถึงแค่ไหน รสหวานจากรอยจูบของพี่ฮั่นเป็นความหวานที่ไม่มีน้ำตาลชนิดใดๆ มาทดแทนได้ รสหวานของพี่ฮั่นมันเต็มไปด้วยความรัก ความโหยหา ยิ่งชิมยิ่งหลงรักถลำลึก....

     “พี่รู้แล้วว่าแกงส้มคิดถึงพี่แค่ไหน...แต่เก็บของขวัญที่จะให้พี่ตอบแทนกับสิ่งนี้ดีกว่านะ” พี่ฮั่นกระซิบเสียงหวานข้างหูผม หลังจากผมถอนริมฝีปากออกมาเพราะหายใจไม่ทัน ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย พี่ฮั่นงับจมูกผมเบาๆอย่างแสนรัก ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากเบาๆอีกครั้ง พี่ฮั่นเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน

    “มันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าพี่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแกงส้ม” พี่ฮั่นพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ผมเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ เตียงนอน กระจก ตู้เสื้อผ้า โคมไฟ หนังสือ แม้กระทั่งสีของผ้าม่าน ทุกอย่างถูกยกมาไว้ราวบันดาลจากเวทมนตร์ ห้องนอนของผมไม่ได้หายไปไหน... มันอยู่ตรงนี้ พี่ฮั่นยังคงรักและรอผมอย่างเช่นวันก่อน ผมหันไปมองพี่ฮั่น ความรัก ความตื้นตันใจ พี่รับรู้จากสายตาผมได้รึเปล่า...

    “พี่ฮั่น...ผมรักพี่ ผมไม่รู้จะทำให้พี่รู้ได้ยังไง ผมรักพี่จริงๆนะ” ผมแค่อยากให้พี่ฮั่นรับรู้ว่าความรักที่ผมมีมันมากล้นหัวใจอ่อนๆดวงนี้แค่ไหน

    “ร้องไห้ทำไม...ไม่ต้องร้องนะ” พี่ฮั่นลูบผมอย่างแผ่วเบา สายตาอ่อนโยนทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทุกอณูแห่งความรู้สึก มือเรียวยาวนั้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างทะนุถนอม

    “ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย....ผมเสียใจ” ผมไม่น่าทิ้งพี่ไว้คนเดียว สองปีเต็มๆ เพราะความงี่เง่าเอาแต่ใจของผม พี่ฮั่นต้องทนทุกข์มากเท่าไหร่กัน

    “ดีแล้วจ๊ะ...คนดีของพี่ วันเวลาที่ผ่านมาสำหรับพี่แล้วมันมีค่ามาก ถ้าย้อนกลับไปได้พี่ก็จะไม่รั้งแกงส้มไว้ เพราะพี่ก็ยังจะทำแบบเดิมเหมือนกัน พี่จะโกหกแกงส้ม...เพราะทุกอย่างมันทำให้พี่รู้แล้วว่า แกงส้มคือสิ่งที่พี่ต้องรักษายิ่งกว่าชีวิต พี่ขาดแกงส้มไปนาน....นานจนนับต่อจากนี้ไปพี่คงขาดใจหากต้องขาดแกงส้มไปเพียงเสี้ยววินาที สองปีก่อน...ความรักของเราเต็มไปด้วยรสขม จากความเห็นแก่ตัว ความอยากเอาชนะ แต่ตอนนี้ความรักของเรามันหอมหวาน...จนพี่อยากจะชิมอยากจะลิ้มลองรสแห่งความรักนั้นตลอดไป” สิ้นประโยคนั้น ผมหลับพริ้มเพื่อรับสัมผัสรักที่ร้างจากกันมาแสนนาน...มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ลมหายใจร้อนแรงนั้นทำให้ผมรู้ว่าผมเองก็ไม่ได้ต้องการความรักนั้นเพียงฝ่ายเดียว ผมลืมตาขึ้นมาประสานสายตากับแววตาคมกล้าที่โชกไฟรักจนหัวใจไหวสะท้าน...  

    ขอบคุณความ “ร้าย” ที่ทำให้ผมรู้จักคนที่ผมไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้ ถ้าไม่มีความร้ายกาจของเขาไหนวันนั้น วันนี้เราคงเป็นแค่เพียงคนที่ไม่รู้จักกัน....มันเป็นความโชคดีของเราสองที่คนบนฟ้าทำให้ผม “ลืม” เรื่องราวทุกอย่างชั่วเวลาหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจถูกล้างไปพร้อมกับความทรงจำและกาลเวลา สิ่งล่ำค่าที่เรียกว่า “รัก”

     

    ปล. จบแล้วจ้า.... ขอบคุณทุกคนจริงๆที่ติดตามกันมากตลอด รักทุกวิว รักทุกเม้น รักทุกโหวต มันเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้ไรเตอร์มีแรงสร้างสรรค์เรื่องราวมาแบ่งปัน... ขอบคุณที่มาช่วยเติมเต็มความฝันในตอนเด็กๆที่ไรเตอร์เกือบลืมไป ตอนนี้ไรเตอร์มีโลกแห่งความจริงให้ต่อสู้เพราะต้องก้าวไปเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว และโลกที่มีตัวหนังสือลอยไปมาให้ไรเตอร์ได้จับมาร้อยเรียงความเพ้อฝันให้ทุกคนได้อ่าน....มีความสุขจริงๆค่ะ สัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองให้ทุกคนได้อ่านแต่สิ่งที่ดีขึ้นต่อไปนะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×