ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักร้าว ในเงามาร

    ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22 : รักร้าว

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 56


     

                     

    HUT talk

    “จะบ้ารึไงห๊ะ!!! นายจะให้ชั้นนั่งรถแบบนี้กลับกรุงเทพฯเหรอ???” เสียงโวยวายดังขึ้นเมื่อผมคร่อมรถคู่ใจของผม ยัยคุณหนูขมวดคิ้วทำหน้าจริงจัง

    “ทำไมเรื่องมากแบบนี้....เมื่อคืนเกือบไปแล้ว---จำไม่ได้เหรอ???” ผมละไม่เข้าใจจริง เมื่อคืนโดยลากไปขนาดนั้น ยังมีแรงมาเรื่องมากอีก---ยัยเด็กคนนี้มันน่าจับตีซะให้เข็ด!!!

    “มันไปตั้งนานแล้ว---แล้วอีกอย่างมีนายทั้งคนชั้นจะต้องกลัวอะไร” อย่าว่าแต่ผมเลยที่ชะงักกับคำพูดตอนท้ายนั่น ตัวคนพูดเองเบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา ผมอมยิ้มน้อยๆอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ใบหน้าขาวที่ดูอิดโรยของคุณหนูนั่นเปื้อนสีชมพูจางๆด้วยความเขินอาย

    “นายยิ้มอะไรของนายกันเล่า!!!

    “เปล่า—ไม่ได้ยิ้มอะไรสักหน่อย แล้วก็ขึ้นมาได้แล้ว ไอ่พวกนั้นมันจะมาอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ชั้นไม่มีเวลามาหารถนั่งสบายๆให้หรอกนะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือพาเธอไปที่ที่ปลอดภัย และมันไม่ใช่ที่นี่แน่นอน” ผมอธิบายช้าๆ มองหน้าใสนั่นเพื่อยืนยันว่าที่ผมพูดนั้นมันคือความจำเป็นสำหรับความปลอดภัยของเธอ แววตาที่ผมเคยเห็นว่ามีแต่ความดื้อรั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นแววตาของสาวน้อยธรรมดาที่มีหวาดกลัวอยู่ลึกๆ มันเป็นสายตาที่ทำให้ผมเต็มใจอยากจะปกป้องเธอโดยไม่ต้องมีเงินมากองตรงหน้าสักบาท

    “ขึ้นมาสิ...ขึ้นมา” ผมบอกเธออีกครั้ง เมื่อร่างบางนั่นยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอมองหน้าผมอีกครั้งด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะเบี่ยงตัวขึ้นมานั่ง โดยขยับห่างออกจากตัวผมมากที่สุดเท่าที่ตัวเธอจะทำได้

    “ขยับเข้ามา—เดี๋ยวก็ได้ร่วงตกไปหรอก ชั้นบอกไว้ก่อนนะ ว่าไม่กลับรถกลับไปเก็บนะจะบอกให้” ผมหันไปหาร่างบางที่นั่งซ้อนท้ายที่เริ่มมีท่าทางกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาบ้างตามประสาคุณหนูอารมณ์ร้าย

    “อะไรนักหนาเนี่ย!!!” ใบหน้าใสเริ่มงอ ผมจะบิดคันเร่งกระชากเล็กน้อยเพื่อสั่งสอนความดื้อรั้น

    “อ๊ายยยย---ไอ่บ้า” ไม่ต้องรอให้บอกเป็นครั้งที่สอง ร่างบางขยับมาใกล้ผมทันทีพร้อมคว้าเอวผมอย่างรู้งาน ผมหัวเราะในลำคออย่างมีชัย ก่อนจะบิดรถออกไปอย่างนิ่มนวล คุณหนูสมายล์...ความจริงเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย แค่ต้องการคนที่จะมาดัดนิสัยที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจสักหน่อย --- เฮ้ยยยย!! แล้วนี่เราจะยิ้มทำไมเนี่ย เราไม่ได้มีความสุขสักหน่อย ยัยเด็กบ้านี่น่ารำคาญจะตาย หรือว่าเราจะ----ไม่หรอกน่า เราชอบแกงส้มต่างหาก ไม่หรอก ไม่มีทาง!!!

     

    HUNZ talk

    เช้าแล้วเหรอเนี่ย???---ผมถามตัวเองเมื่อรู้สึกตัวตื่น แสงแดดทะลุผ่านผ้าม่านผืนบาง  แกงส้ม.... เรื่องราวเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาให้หัว ผมดันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีร่างสูงโปร่งหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันร่างแล้วรีบเดินออกไปหาแกงส้มทันที แกงส้ม...รอฟังพี่อยู่ใช่มั้ย??? เมื่อเปิดประตูออกไปทุกอย่างยิ่งเคว้งคว้างไม่มีร่างแกงส้มอยู่ในมุมใดเลยสักนิด เสื้อผ้าที่ควรกระจัดกระจาย กลับพับเรียบร้อยวางอยู่บนโต๊ะรับแขก  อาหารเช้าน่าทานวางพร้อมสรรพอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดกะทัดรัด  หัวใจของผมหล่นวูบ.... น้ำตาลูกผู้ชายมันเอ่อออกมา----

    “แกงส้มอาจจะไปไหนก็ได้” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง บางทีแกงส้มอาจจะไปซื้อของหรือทำธุระสักอย่างที่จำเป็น----ผมรู้...ว่าตอนนี้ผมกำลังโกหกตัวเอง แกงส้มรักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่าสิ่งใด เสื้อผ้าที่พับเรียบร้อยและอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะมันบอกผมได้ทุกอย่าง มันคือการร่ำลาครั้งสุดท้ายของแกงส้ม... ทุกอย่างดูเรียบง่ายหากแต่ละมุนเต็มไปด้วยความรัก---ความรักที่แกงส้มมีให้ผม ความรักที่มันทำร้ายหัวใจของแกงส้มให้บอบช้ำ ความรักที่มีค่าเกินกว่าคนอย่างผมควรจะได้รับมัน!!!  ผมซุกใบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง ร้องไห้ให้กับความสารเลวของตัวเอง... กี่ครั้งแล้วที่แกงส้มต้องเจ็บปวดเพราะน้ำมือผม ผมไล้มือไปตามเสื้อผ้าที่แกงส้มพับวางไว้ให้อย่างช้าๆสัมผัสความรักที่แสนบริสุทธิ์ของคนที่รักผมสุดหัวใจ ผมทำอะไรไว้กับเค้าแค่ไหน แต่แกงส้มก็ยังคงรักผม ไม่ว่าจะเจ็บกับความเห็นแก่ตัวของผมมากแค่ไหน... สุดท้ายเค้าก็พร้อมที่จะทำอะไรดีๆเพื่อผมเสมอ แต่มันคงหมดโอกาสแก้ตัว... สิ่งที่ผมไว้เมื่อคืนมันเลวร้ายเหลือเกิน แกงส้มหนีผมไปแล้ว...แกงส้มหนีผมไปแล้วจริงๆ

    ผมนั่งทานอาหารที่แกงส้มเตรียมไว้ให้อย่างช้า ผมไม่รู้รสชาติของอาหารแม้แต่น้อย มันมีแต่เพียงรสขมของความทรมาน--- แต่ผมต้องทานมันให้หมด...แกงส้มทำไว้ให้ผม ผมต้องทานมันให้หมดถึงแม้มันจะมีเพียงรสของน้ำตา พี่จะไม่ทำให้ความรักของแกงส้มต้องสูญเปล่า....พี่จะเก็บมันไว้ในใจพี่ ว่ามันดีแค่ไหนกับการที่คนไร้ค่าคนนี้จะได้รับความรักดีๆ ที่แสนมีค่า มันคือช่วงเวลาแห่งความสว่างไสวของคนที่มืดมนมาตลอดชีวิต...

    ประตูถูกเปิดออก ผมชะงัก...หวังว่าจะเป็นร่างสูงโปร่ง แต่กลับเป็นฮัทกับคุณหนูที่ก้าวเข้ามา ทั้งสองมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นผมนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ฮัทเดินปรี่เข้ามาแววตาลุกโชนด้วยความโกรธ

    “พี่มาที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงแข็งกระด้างสูงเหมือนต่อว่ามากกว่าจะเป็นคำถาม ฮัทมองไปรอบๆในทันที คุณหนูสมายล์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    “พี่ฮั่น---แกงส้มอยู่ที่ไหน” ฮัทเดินเข้ามากระชากคอเสื้อผม ผมไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย ร่างของผมถูกลากให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมก้มหน้านิ่งไม่มองหน้าหรือมีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ ร่างของผมนิ่งสงบราวกับวิญญาณ

    “ผมถามพี่ว่าแกงส้มอยู่ที่ไหน----พี่เอาแกงส้มไว้ที่ไหน” ฮัทเริ่มกระตุกคอเสื้อผมแน่นขึ้น ใบหน้าของฮัทแดงก่ำด้วยความโกรธ

    “นายปล่อยพี่ฮั่นนะ...ปล่อยสิ” คุณหนูปราดเข้าทั้งทุบทั้งตีฮัท ฮัทสะบัดแขนทำให้คุณหนูที่ไม่ทันตั้งตัวเซไปเล็กน้อย

    “อย่ามายุ่ง!!!---มันไม่ใช่เรื่องของเธอ!!!” ฮัทตวาดร่างบางเสียงดัง คุณหนูที่มีความดื้อรั้นอยู่ในตัวไม่คิดที่จะฟัง เธอเข้าทุบฮัทหนักหน่วงกว่าเดิม ฮัทผลักคุณหนูแม้จะไม่แรงนักแต่ก็พอที่จะทำให้ร่างเล็กเสียหลักล้มไถลไปกับพื้น....

     

    HUT talk

    ความโกรธมันพลุ่งพล่านในตัวผมเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้อง... มันไม่ใช่เพราะความรู้สึกส่วนตัว แต่ผมสัมผัสถึงความเจ็บปวดของแกงส้มได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมยอมหรือหักหาญกัน---สุดท้ายแล้ว พี่ฮั่นก็ไม่สามารถดูแลความรู้สึกของแกงส้มได้ ผู้ชายคนนี้มีเพียงแต่ต้องการไม่เคยมองว่าแกงส้มต้องเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นซ้ำๆ ผมจะไม่ยอมให้แกงส้มต้องเจ็บปวดจากความเห็นแก่ตัวอีกต่อไป!!!

    แต่ผมไม่ตั้งใจจะทำให้ร่างบางนั้นต้องเจ็บตัว ความโกรธมันทำให้ผมขาดสติ... ใบหน้าเด็กสาวที่ล้มกลางห้องมีแววตาของความตกใจและน้อยใจระคนกันอย่างน่าประหลาด ถึงอย่างนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญคือแกงส้ม ผมจึงถอนสายตาจากใบหน้าหวานของหญิงสาวหันมามองที่ใบหน้าเรียบเฉยของคนที่ผมเคยนับถือและศรัทธาในตัวเค้า

    “พี่ทำอะไรเค้าอีกพี่ฮั่น พี่จะให้เค้าตายคามือพี่เลยใช่มั้ย??? แค่นี้แกงส้มก็เหมือนคนที่ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว!!!” ผมระเบิดอารมณ์กับตัวต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง  พี่ฮั่นขบฟันแน่นแต่ก็ยังไม่พูดหรือทำอะไรทั้งนั้น และการกระทำแบบนั้น ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้กับผม หมัดที่กำแน่นจึงกระแทกเข้าไปกึ่งปากกึ่งจมูกของพี่ฮั่น.... ร่างสูงนั้นถลาเซเล็กน้อย ผมง้างซ้ำไปที่เดิม...ทั้งที่ควรจะหลบแต่พี่ฮั่นกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง หมัดนี้จึงทำให้ร่างสูงที่สง่างามล้มลงไปกองกับพื้น

    “นายมันบ้าไปแล้ว... ”  คุณหนูสมายล์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด ฝ่ามือเล็กๆฟาดมาที่หน้าผมอย่างแรง ใบหน้าหวานนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา... และเป็นน้ำตาที่ทำให้ผมหลุดออกจากห้วงอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด

    “เธอยังจะเข้าข้างมันอีกเหรอ???---มันทำขนาดนี้เธอยังรักไม่ลืมหูลืมตา โง่จริงๆ” ท้ายประโยคผมบีบเสียงต่ำ ร่างบางนั้นกลั้นสะอื้นจนหน้าแดงก่ำ เธอปาดน้ำตาก่อนจะเชิดหน้าอย่าทระนง

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน---เป็นอะไรกันไปหมด!!!”  ผมหมดสิ้นความอดทน ทุบโต๊ะอย่างแรงระบายความโกรธที่ปะทุร้อนในอก

    “แกงส้มไปแล้ว.....” เสียงทุ้มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบ พี่ฮั่นนั่งท่านั่งชันเข่าหนึ่งข้าง อีกข้างเหยียดตรงพูดขึ้นมาเบาๆ น้ำตาที่ผมไม่นึกว่าชาตินี้จะได้เห็นไหลรินออกมาอย่างเจ็บปวด แววตานั้นดูว่างเปล่า...คำพูดที่เปล่งออกมานั้นเหมือนจะบอกกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับใคร

    “พี่ว่าอะไรนะ...” ผมพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ  แต่ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเรียวนั้นอีกเลย  ร่างสูงนั้นจมอยู่กับความเจ็บปวดจนผมอดที่จะสงสารไม่ได้ พี่ฮั่นร้องไห้อย่างหมดอาย----ผมเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่แกงส้มที่รักพี่ฮั่นสุดหัวใจ พี่ฮั่นก็คงมอบทั้งหัวใจให้แกงส้มเช่นเดียวกัน ทำไมผมถึงไม่เคยรู้นะ...ว่าทั้งสองคนรักกันมากมายขนาดนี้ แต่พี่ฮั่นก็ขี้ขลาดเหลือเกินที่ไม่กล้ายืนหยัดเพื่อความรัก ผมจะหันไปมองร่างบางที่คงรักพี่ฮั่นไม่ต่างกัน... ใบหน้านั้นดูเรียบเฉยจนผมเองไม่รู้ว่าสาวน้อยที่เป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดกำลังนึกคิดอะไรอยู่--- สมายล์...มีแค่เธอเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างจบลงได้!!!

     

    KANGSOM talk

    ผมนั่งมองบรรยากาศสองข้างทางโดยไม่พูดจา  รถขับเคลื่อนสี่ล้อกำลังคืบคลานไต่ขึ้นตามความสูงที่ชันขึ้นเรื่อยๆ คนขับรถลอบมองผมเรื่อยๆทั้งที่ต้องตั้งใจขับรถ

    “แกง---นายมีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้นะเว้ย” พี่แคน รุ่นพี่ของผม เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ผมขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้อย่างฝืนๆ

    “ผมยังไม่พร้อมพี่แคน---แต่ตอนนี้ขอผมอยู่กับพี่ก่อนนะ ผมจะช่วยพี่ทำงานทุกอย่าง---เก็บชาก็ได้นะพี่ ผมจะไม่อยู่เฉยให้พี่เปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอกครับ”

    “บ้าแล้ว!!! คิดอะไรแบบนั้น นายเป็นน้องชั้นนะ—เอาเหอะ อะไรที่มันไม่สบายใจก็ทิ้งมันไว้ที่กรุงเทพฯ ตอนนี้นายอยู่กับชั้น พักให้สบายใจ มีเรี่ยวมีแรงเมื่อไหร่ค่อยกลับไปสู้ต่อ” พี่แคนพูดก่อนจะตั้งใจขับท่ามกลางหุบเขาอีกครั้ง.... ผมรู้ว่าต้องมีวันนั้น วันที่ผมหายดี แต่ตอนนี้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน เรื่องราวทุกอย่างมันฝังรากลึกเกาะกินหัวใจของผมจนไม่เหลือชิ้นดี ความโหดร้ายของความรักมันช่างเหี้ยมเกรียมเหลือเกิน ฉีกใจเราเป็นชิ้นๆ อย่างทารุณ เจ็บที่เค้าไม่รักยังดีซะกว่าพร่ำบอกว่ารัก แต่ทำร้ายกันแสนสาหัสแบบนี้ ....จะโทษใครได้ ในเมื่อเราให้หัวใจเค้าไปเอง เราเองที่พาตัวเองกระโจนเค้าไปในวังวนที่เลวร้ายนั้น สุดท้ายแล้วความรักที่เคยหวานนั่นไม่ใช่เหรอ...ที่ทำเราเจ็บเจียนตายแบบนี้!!!

     

    ปล. อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วนะ... พี่ฮั่นมันหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้ จะหาน้องเจอได้ยังไงหนอ... ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันมากตลอดนะจ๊ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุ้นมากว่าตัวเองจะแต่งจบมั้ย??? ในที่สุดก็ดำเนินมาถึงตรงนี้ได้  ขอบคุณรีดทุกคนนะจ๊ะ ^^ 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×