คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22: เมื่อได้รู้ความจริง
HUNZ talk
ผมมองถุงพะรุงพะรังในมือด้วยความอิ่มเอมใจเดินออกจากตลาดเช้าที่มีผู้คนขวักไขว่ ผมออกมาจากบ้านตั้งแต่รุ่งสาง เพราะอยากให้แกงส้มตื่นมาเจออาหารที่วางพร้อมอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นมื้อเช้าที่แทนคำว่า “ขอโทษ” ที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และเพื่อเริ่มต้นวันใหม่แห่งความรักของสองเรา แกงส้มคงจะโกรธมากสินะ ผมออกมาก่อนที่แกงส้มจะรู้สึกตัวตื่น... แต่ก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวเมื่อคืนเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง ซึ่งนั้นก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา แต่ร่องรอยความรุนแรงเมื่อคืนที่เป็นปื้นแดงทั่วร่างมันทำให้ผมสงสารแกงส้มจับหัวใจ...นี่ผมทำขนาดนี้เชียวเหรอ??? แต่ไม่เป็นไรครับ... ผมยอมตายดีกว่าจะปล่อยให้แกงส้มจะออกไปจากชีวิตอีกครั้ง ความเจ็บปวดมันอาจจะทรมานแต่มันยังน้อยกว่าการที่ไม่มีแกงส้มในชีวิต... ผมจะไม่ยอมตกอยู่ในสภาวะแบบนั้นอีก มันเจ็บแปลบที่อกด้านซ้ายทุกครั้งที่หายใจ มันเหมือนความสุขบนโลกใบนี้ได้ถูกกลืนไปในทะเลความเศร้าที่สุดลูกหูลูกตา แกงส้มคือผู้ถือกุญแจปลดปล่อยความสุขทั้งหมดสู่โลกสดใสใต้ท้องฟ้ากระจ่างในหัวใจของผม
ผมเดินเข้าไปไหนหมู่บ้านอย่างมีความสุข เสียงทักทายของเหล่าเพื่อนบ้านที่ต่างมาจับจ่ายซื้อของในยามเช้าทำให้วันนี้เป็นวันที่สดใส หรือว่าเป็นเพราะร่างสูงที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงของผมกันแน่นะ แต่ความสุขก็หายไปในพริบตา.... เมื่อผมมองไม่เห็นรถของแกงส้มจอดอยู่ในบ้าน!!! ผมทิ้งทุกอย่างในมือแล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านหวังในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่นะ...แกงส้ม เตียงนอนของผมถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมมองหา แกงส้ม... แกงส้มหายไปไหน ผมมองเหลือบไปมองเห็นกระดาษบนโต๊ะที่ถูกแก้วน้ำใบโปรดทับไว้ ผมหลับตาเพื่อกั้นน้ำตาที่ไหลออกมาจากหัวใจไม่ให้ไหล เอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นบางด้วยมือที่สั่นเทา
“ถึงพี่ฮั่น...
พี่เคยได้ยินมั้ย???... ว่าบนโลกใบนี้มีเพียงคนเดียวที่เราจะรักเค้าหมดใจ คนๆนั้นของผมก็คือ...พี่ แต่สิ่งที่เอาชนะความรักที่ผมมีคือความเจ็บปวดที่มันกระหน่ำมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่ไม่เคยเปิดใจเชื่อในสิ่งที่ผมพูด พี่บอกรักผมแต่พี่ไม่เคยยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นเลยสักนิด มันเจ็บปวดเหลือเกินพี่ฮั่น เจ็บจนผมทนไม่ไหว ผมเคยหวังว่าสักวันเราสองคนจะเข้าใจและรักกันเหมือนเดิม แต่ในที่สุดทุกๆอย่างก็ทำให้ผมต้องยอมรับความจริง สิ่งที่พี่ทำมันย่ำยีหัวใจของผมเกินไป เสียงร้องไห้ของผมไม่ได้รับการปลอบโยนเหมือนก่อนมีเพียงการกระทำที่ทำร้ายกันรุนแรง มันไม่ใช่สิ่งที่คนรักกันจะทำแบบนี้ ผมจะไปไกลๆจากชีวิตพี่ ไม่อยู่ในขวางหูขวางตาอีกแล้ว ไม่รักกันก็ไม่เป็นไรแต่อย่าทำร้ายกันอีกเลย ผมเจ็บจากการรักพี่มามากพอแล้ว ลาก่อน....”
ผมอ่านถ้อยคำเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาที่กั้นออกมาไหลราวกับทำนบแตก ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนต้องทรุดลงไปกับพื้นร้องไห้อย่างอายฟ้าดิน ที่ผมทำมันผิดทั้งหมด มันผิดพลาดไปทั้งหมด สิ่งที่ผมแสดงว่ารักมันทำร้ายแกงส้มขนาดนี้เลยเหรอ??? แกงส้มไม่ต้องการผมแล้ว...อย่างนี้ใช่มั้ยที่แกงส้มต้องการ หัวใจผมถูกถ้อยคำเหล่านั้นกระชากออกมาฉีกเป็นชิ้นๆ เจ็บจากการรักผมมามากพอแล้ว.... มันหมายความว่าไม่ต้องการให้ผมเข้าไปในชีวิตของเค้าอีกครั้งสินะ... หรือนี่จะเป็นความพ่ายแพ้ของผมจริงๆ
ทั้งที่ทุกอย่างรอบกายแช่มชื่นแต่ทำไมโลกของผมจึงกลายเป็นสีเทาๆแบบนี้ แกงส้มไปจากผมแล้วจริงๆ แกงส้มไม่กลับมาหอพักสามวันแล้ว รวบรวมความกล้าไปตามหาที่บ้านให้แต่ทางนู้นก็บอกว่าแกงส้มอยู่หอไม่กลับมานอนเป็นเดือนแล้ว โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ แล้วทางไหนละ...ที่ผมควรจะเลือกเดิน ถ้าไม่ใช่การปล่อยให้แกงส้มโบยบินไปจากชีวิต...อย่างที่แกงส้มต้องการ แต่ผมจะจัดการกับความเป็นห่วงนี้ได้อย่างไรกัน
“บัลเล่ต์มองหาอะไรครับ” ไอ่เอถามเด็กน้อยผู้ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล แล้วพวกเราก็ตกลงจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ โดยมีผม แพรว สต๊อป สองแฝดตัวแสบ บวกกับโดมและแคน ซึ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้น
“บัลเล่ต์....คือ...” บัลเล่ต์สบตาผู้เป็นแม่ก่อนจะหลบตาแล้วเดินหนีไปดื้อๆ ไอ่เอเลิกคิ้วมองตามด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนน้องจะมองหาอะไรสักอย่าง” ไอ่เอเลื่อนเก้าอี้และทรุดตัวลงนั่งข้างผม
“ก็ตามประสาเด็กนั่นแหละ” แพรวพูดยิ้มๆแต่แววตาที่มองลูกสาวกลับมีร่องรอยความกังวล
“ดูไอ่บีสิ...สนุกกับก๊วนน้องสาวพี่ฮั่นใหญ่เลย” จากคำพูดของไอ่เอทำให้ผมเอี้ยวตัวมองโดม แคน สต๊อปและไอ่บีนั่งพูดกันอย่างสนุกสนาน แต่ความคิดของผมกลับเห็นภาพแกงส้มนั่งอยู่แล้งส่งยิ้มมาหา ถ้าผมไม่ทำตัวแย่ๆ ภาพนั้นก็คงเป็นจริงในเวลานี้... คงได้แต่คิดถึงเท่านั้น
“แต่ดูเหมือนแกจะดูหงอยๆ ปกติก็เป็นแบบนี้----” ไอ่เอพูดไม่ทันจบประโยค ประตูร้านก็ถูกผลักอย่างแรง ร่างสูงก้าวเข้ามาในแววตามีความไม่สบอารมณ์ไม่น้อย
“คุณพ่อ...” บัลเล่ต์วิ่งไปหาร่างหานั้นด้วยความคิดถึง ไอ่ต้นนั่งลงเพื่อกอดลูกสาวอย่างรักใคร่ คงเป็นเพราะแพรวย้ายออกจากบ้านและไม่ยอมบอกที่อยู่ใหม่ พ่อกับลูกจึงไม่ได้เจอกัน
“เป็นไงบ้าง---ยัยหนูของพ่อ แล้วเจ็บตรงไหนรึเปล่า???” ไอ่ต้นดูอ่อนโยนกับลูกสาวถามไถ่รัว
“บัลเล่ต์!!! มาหาแม่... แม่บอกให้มาหาแม่!!!” แพรวตวาดเสียงดังท้ายประโยคเมื่อลูกสาวลังเลที่จะทำตาม บัลเล่ต์หันมามองแม่อย่างหวาดๆก่อนจะเดินมาหาแม่แต่กระนั้นก็ยังอาลัยผู้เป็นพ่อ ไอ่ต้นสบตาลูกก่อนลุกขึ้นประจันหน้ากับภรรยา
“คุณ...ทำแบบนี้ได้ยังไง ผมรู้เรื่องจากทนายคุณแล้ว” ไอ่ต้นกัดฟันพูด แพรวเชิดหน้ามองสามีอย่างท้าทาย
“สามคนนั้น...เอาบัลเล่ต์ไปข้างนอกก่อน” ผมบอกสต๊อป แคน และโดม เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยต้องมารู้มาเห็นปัญหาของครอบครัว สามคนนั้นเดินมาจูงบัลเล่ต์ออกไปตามคำสั่งของผมโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไร ผมมองเห็นความรักที่ต้นมีให้กับบัลเล่ต์จากการที่สงบสติอารมณ์ไม่ระเบิดต่อหน้าลูก แต่พอบัลเล่ต์ลับตาเท่านั้นแหละครับ
“คุณกล้าฟ้องหย่าผมได้ยังไง... ที่อยู่ดีกินดีแบบนี้ไม่ใช่เพราะผมเหรอ???----ที่สำคัญคุณเอาลูกไปจากผมไม่ได้” ไอ่ต้นเข้ามากระชากแพรวตวาดใส่อารมณ์ทันที ผมเข้าไปขวาง ไอ่เอก็ฉุดร่างไอ่ต้นที่ฮึดฮัดไว้อย่างลำบากแต่ก็ไม่อาจจะสู้แรงโมโหได้ ผมจึงถูกหมัดกระแทกหน้าทันทีที่หันหน้าไปประจัน
“แกก็อีกคน... กล้าดียังไงมายุ่งกับเมียชั้นลูกชั้น!!!” ไอ่ต้นชี้หน้าผมอย่างเกรี้ยวกราด ไอ่เอและไอ่บีซึ่งเสียจังหวะจนทำให้ผมถูกชกจนเซช่วยกันจับตัวไอ่ต้นไว้แน่น
“ไม่เกี่ยวกับฮั่น... ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ” แพรวร้องเสียงดังอย่างคับแค้นใจ
“ไม่ใช่เพราะอยากกลับไปคั่วมันสะดวกๆ หรอกเหรอ??? ดีนะ...ทิ้งอีกคนไปเกาะอีกคนแล้วก็จะโผกลับไปหาคนเก่าอีก อย่าหวังว่าคุณจะได้ใช้ชีวิตกับมันได้สบายๆ ผมจะทำให้มันตายทั้งเป็น ตายเหมือนหมาข้างถนน ชั้นเกลียดแก...” ดูเหมือนไอ่ต้นจะสติแตกระบายทุกอย่างในใจออกมาหมดสิ้น
“ถามจริงๆเถอะ ชั้นไปทำอะไรให้แกเกลียด ชั้นเองก็เป็นเพื่อนแกไม่คิดจะทำร้ายแกสักครั้ง มันเกิดอะไรขึ้น ชั้นทำอะไรให้แกนักหนา” ผมเองก็ถามเพื่อระบายความในใจ มันเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจผมมาตลอดหกปี
“เพราะแกไม่เคยเห็นหัวใครไง แกถือว่าแกดัง เห็นคนอย่างชั้นเป็นแค่ลูกไล่ ไม่เคยเห็นความสามารถของชั้น...มองข้ามหัวชั้นตลอด” คำพูดที่พรั่งพรูนั่น... ทำให้ผมสะอึก เมื่อก่อนผมเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ??? บรรยากาศโดยรอบเงียบเชียบจนน่าอึดอัด
“ทุกคนรุมล้อมแก แสงแฟลชฉายไปที่แก แล้วชั้นเหมือนตัวอะไร เป็นอากาศรอบตัวแกเท่านั้น แต่สิ่งที่ชั้นทนไม่ได้คือการที่แกทิ้งนางฟ้าของชั้นต้องโดดเดี่ยว แกรู้มั้ย??? ว่าเธอเจ็บ...” เสียงแหบพร่านั้นคือความในใจที่เก็บกดเอาไว้มานาน เมื่อก่อนผมเป็นที่สนใจมาก... จนมองข้ามในข้างกายบ่อยครั้ง
“แต่ตอนนี้คุณก็ทำแบบนั้น...คุณเองก็ทิ้งชั้นไว้ด้านหลังไม่มาเหลียวแล” แพรวตัดพ่ออกมาเบาๆ
“เพราะคุณคิดถึงมันมาตลอดไม่ใช่เหรอ???.... คุณบอกว่ามันเป็นพ่อของยัยหนู คุณทำร้ายผมเกินไปแพรวทั้งที่ผมรักคุณแบบนี้ คุณเคยมองเห็นผมบ้างมั้ย??? เพราะมันคนเดียวที่ทำให้ผมจนเป็นบ้าแบบนี้”
“พี่ต้น...พี่มองพี่ฮั่นผิดไปแล้ว” ไอ่เอเปิดปากเป็นครั้งแรก ผมรู้ว่าเค้าจะพูดเรื่องอะไร???
“ใช่... พี่ควรต้องขอบคุณพี่ฮั่นด้วยซ้ำ ที่ทำให้พี่มีทุกอย่างในวันนี้ มันเพราะเค้า” ไอ่บีสำทับความของฝาแฝด ไอ่ต้นเบิกตากว้างมองหน้าผมอย่างข้องใจ
“เรื่องอะไร... เรื่องท่าเต้นนั่นเหรอ???” ไอ่ต้นถามตรงมาที่ผมอย่างเหยียดๆ ผมส่ายหน้าเบาๆ
“พี่รู้มั้ยว่าครั้งนั้นที่พี่ได้แชมป์เพราะโกงพี่ฮั่น ความจริงพี่จะไม่ได้แข่งแล้วเพราะมีเด็กเส้นใหญ่เข้ามาเบียดพี่ที่เป็นอันดับสุดท้ายในการเข้ารอบ” ไอ่บีพูดต่อ ผมเม้มปากไม่รู้ว่าการปล่อยให้สองแฝดพูดเรื่องนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ระหว่างผมกับไอ่ต้นคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้
“แล้วไง---สุดท้ายชั้นก็ได้แข่งจนชนะ”
“เพราะพี่ฮั่นรู้ก่อนไง เลยไปบอกกรรมการว่าถ้าพี่ไม่ได้แข่งพี่ฮั่นก็จะขอถอนตัว ชัดเจนรึยัง???” ไอ่เอระเบิดคำพูดออกมา แพรวที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วก็ร้องไห้ด้วยความสุดจะกลั้น ไอ่ต้นมองหน้าผมส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่จริง...” คำพูดนั้นออกมาจากผู้รู้ความจริงแผ่วเบา ผมมองหน้าอดีตเพื่อนรักด้วยความจริงใจแววตานิ่ง
“จริงค่ะ...แพรวก็รู้เรื่องนี้” แพรวก้าวเดินไปหาต้นพร้อมวางมือลงบนบ่าของชายหนุ่มร่างสูง
“งั้นผมก็.... ฮั่น--- ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ---ขอโทษ” ต้นค่อยทรุดตัวคุกเข่าลงอย่างเจ็บปวดก่อนร้องไห้ออกมา ผมนั่ลงข้างเพื่อนก่อนจะตบบ่าเบาๆ เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร....
ในที่สุดเรื่องราวระหว่างแพรวกับต้นก็จบลงด้วยดี ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากแพรวประชดต้นว่าผมเป็นพ่อของบัลเล่ต์ จนบัลเล่ต์ต้องหนีมาหาผมแล้วถูกรถชน ตอนนี้ทั้งสองขอเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง ผมเองก็มองออกว่าทั้งสองรักกัน แต่แพรวก็คงน้อยใจและต้นก็คงมีความระแวงเป็นกำแพงกั้นทำให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ แต่ความรักมันต้องมีอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่ามันถึงจะเรียกว่า “รักแท้” ส่วนผมกับแกงส้ม...เรื่องราวของเรามันจะจบลงแบบนี้เหรอ??? คิดๆดูมันก็น่าน้อยใจเหมือนกันนะ ไอ่เรื่องผีสางธรรมดาผมก็เห็นว่าเป็นเรื่องงมงายมากพอแล้ว แต่แกงส้มจะให้ผมเชื่อเรื่องเห็นผีนี่มันเกินไปที่จะให้เชื่อ... แต่ก็เท่านั้นในเมื่อทุกอย่างมันพังเพราะน้ำมือผม คนที่ทำให้แกงส้มหนีไปก็คือผม... เรื่องอื่นมันกลายเป็นเรื่องรองๆไปแล้ว
“ไม่มี...ไม่ใช่...ไม่ใช่” เสียงบัลเล่ต์ทำให้ผมชะโงกหน้าออกจากเคาท์เตอร์บาร์เห็นเด็กน้อยยืนมองเค้กคิ้วขมวด ผมเดินอ้อมไปหาบัลเล่ต์นั่งลงข้างๆเพื่อสะดวกกับการมองหน้าเด็กหญิง
“อะไร...อยากกินอันไหนบอกพ่อฮั่นสิ” ผมถามพร้อมคว้าเอาบัลเล่ต์มากอดด้วยความเอ็นดู
“เค้กสีส้มค่ะ...บัลเล่ต์อยากกินเค้กสีส้มที่พ่อฮั่นทำให้พี่แกง”
“อ่อ...อันนั้นพ่อฮั่นไม่ได้ทำขาย----เดี๋ยวก่อนนะ บัลเล่ต์...หนูรู้เรื่องเค้กนี้ได้ยังไง หนูรู้จักแกงส้มได้ยังไง” ผมเอะใจกับคำพูด บัลเล่ต์ปิดปากราวกับสิ่งที่เธอพูดมันผิดพลาด
“บัลเล่ต์บอกพ่อฮั่นมาหน่อยสิคะ...หนูรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ผมถามกึ่งอ้อนวอน
“คุณแม่บอกว่าคนอื่นจะว่าบัลเล่ต์เป็นบ้า ถ้าบัลเล่ต์พูดเรื่องตอนที่บัลเล่ต์หลับไป” บัลเล่ต์กระซิบบอกราวกับกลัวใครจะได้ยิน
“พ่อฮั่นจะไม่ว่าหนู แต่หนูต้องเล่าให้พ่อฮั่นฟังเรื่องพี่แกงส้ม”
“ค่ะ... ก็ตอนที่บัลเล่ต์หลับไป บัลเล่ต์ก็นึกว่าบัลเล่ต์ตายไปแล้ว ไม่มีใครมองเห็นบัลเล่ต์เลย มีแค่พี่แกงที่เห็นบัลเล่ต์ แล้วบัลเล่ต์ก็ยังมีคุณตาเจ้าที่อีกอยู่ตรงนั้น พี่แกงก็ไปคุยกับท่านเจ้าที่บ่อยๆ” เรื่องราวเหล่านั้นทำให้ผมนึกย้อนถึงภาพเก่าๆที่แกงส้มทำตัวแปลกๆ หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นแกงส้มก็ไม่เคยโกหกผมเลยสักครั้ง.... แล้วที่ผมทำร้ายเค้าอย่างนั้นมันก็รุนแรงมากในความรู้สึกของคนที่พูดความจริง ผมในฐานะคนรักควรจะเป็นคนแรกที่อยู่เคียงข้างและรับฟัง ไม่ใช่การต่อว่าด่าทอและทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ไอ่ฮั่น!!!.... แกทำอะไรลงไปเนี่ย???
ผมหลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ระหว่างที่รอน้องสาวที่กำลังจะมาพร้อมกับโดมและแคน โดยมีไอ่ต้นนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนแพรวพาบัลเล่ต์กลับบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ใจเย็นๆ ไอ่ฮั่น ชั้นมองปราดเดียวชั้นก็รู้แล้วว่าเด็กคนนั้นรักแกนะเว้ย” ไอ่ต้นพูดประโยคนี้เป็นครั้งที่ร้อยแล้วละมั้งครับ
“แกไม่เห็นตอนชั้นทำร้ายเค้านี่หว่า... แกงส้มจะเกลียดชั้นมันก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้ชั้นขอแค่ได้ไปบอกเค้าว่าชั้นขอโทษและจะเชื่อเค้าทุกๆอย่างก็พอ ไม่รู้ว่าจะขอมากไปรึเปล่า” ผมถอนหายใจออกช้าอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจ เสียงกุ๊งกิ๊งจากโมบายดังขึ้น สามร่างที่ผมรอปรากฏกาย
“มีอะไรพี่ฮั่นโทรเรียกรวมพลเชียวนะ” สต๊อปวางกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนนั่งลง สองหนุ่มยกมือไหว้ผมอย่างนอบน้อม
“พวกแกรู้แล้วอย่าตกใจนะ...” ผมหายใจเข้าลึกก่อนพูดออกมา สามคนนั้นดูเหมือนตั้งใจฟังจนลืมหายใจ
“แกงส้มเห็นผีจริงๆ” ผมพูดประโยคนั้นออกไป แต่ท่าทางของสามคนนั้นกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ทุกทำหน้าเบื่อหน่าย...นี่ผมไม่ได้โกหกนะ!!!
“พวกผมรู้กันตั้งนานแล้วครับพี่ฮั่น” ไอ่โดมพูดช้าๆ แต่นั่นกลับทำให้ผมอดโมโหไม่ได้
“แล้วทำไมไม่บอกก่อน...ถ้าพี่รู้เรื่องราวมันจะไม่เลวร้ายแบบนี้เลย เพราะจะเก็บแกงส้มไว้ให้ไอ่แคนใช่มั้ย???” ผมเพิ่งนึกได้ว่าไอ่แคนเองก็รักแกงส้มเหมือนกัน นี่มันอะไรกันนี่
“งานเข้าผมซะงั้น---มันไม่ใช่นะครับ”
“พูดอะไรไม่นึกถึงตัวเองเลยนะ แค่คำว่าผีหลุดออกจากปาก พี่ก็เดินหนีแล้ว แล้วที่สำคัญเรื่องแกงส้มพี่เคยเล่าให้พวกน้องๆฟังมั้ย??? เปล่าเลย...รู้ด้วยตัวเองล้วนๆ แล้วแบบนี้จะโทษใคร ปากหนักเองนะ” สต๊อปโต้อย่างเหลืออด ทำเอาผมนิ่งคิดตามซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“พี่ว่าช่างมันเหอะนะ...คือมาช่วยกันแก้ปัญหาดีกว่าว่าจะเอายังไงดี แกงส้มก็หายตัวไปแบบนี้” ไอ่ต้นยื่นมือเข้ามาช่วยให้การสนทนาไปข้างหน้า
“ที่แกงส้มหายไปก็เพราะพี่เหรอครับ???” ไอ่เจ้าแคนถามผมหน้าซื่อๆ ผมพยักหน้าเบาๆไม่กล้าสบตาน้องสาวตัวดี
“ไปทำอะไรเค้าล่ะ” ว่าแล้วเชียว... สต๊อปถามสวนขึ้นมาอย่างทันควัน
“เรื่องมัน...ยาวมาก” จะให้ผมบอกยังไงละครับ “บังคับขืนใจ” มันเลวร้ายมากจริงๆ ผมนึกถึงสีหน้าเจ็บปวดของแกงส้มแล้ว อยากจะบีบคอตัวเองให้ตายลงมันตรงนี้ ทำไมถึงทำแบบนั้นนะ!!!
“ถ้าหาตัวแกงไม่เจอ...ทุกอย่างจะมีประโยชน์อะไร” ผมพึมพำเบาๆ
“หาตัวแกงส้มเหรอครับ???....มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด” เจ้าแคนพูดออกมา
“ยังไง” ผมถามสั้นๆ
“แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน...คือเรียกว่าขอร้องจะดีกว่า” ผมมองหน้าหล่อน่ารักนั้นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะโบกมือเพื่อให้แคนพูดต่อ
“ผมจะช่วยพี่ทุกอย่าง... แต่ผมขอแค่โอกาสให้ตัวผมได้พิสูจน์ตัวเองกับสต๊อป”
“เฮ้ยยยย!!! ไหนว่าชอบแกงส้มไง”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ” สต๊อปรีบแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนา ผมมองหน้าน้องสาวสลับกับผู้ยื่นข้อเสนอ เห็นซื่อๆแบบนี้แอบเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ แต่จะว่าไปน้องสาวผมเองก็คงชอบใจแคนไม่น้อย ไม่งั้นก็คงโวยวายขึ้นมาแล้วอีกอย่างเท่าที่ดูมาเห็นมากันมา คนนี้ก็เป็นคนดีคนหนึ่งที่พอให้ฝากผีฝากไข้ได้
“ตกลง----แต่...นายคงรู้นะว่าเมื่อไหร่น้องสาวชั้นร้องไห้เพราะนาย อะไรมันจะเกิดขึ้น” ผมตกลงแต่ก็ขู่ขวัญไอ่เจ้าแคนไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท
“ครับ...ได้ครับ” เสียงนั้นดูตื่นเต้นแต่ผมก็แอบจับสำเนียงโล่งอกได้
“แล้วเรื่องที่จะตามหาแกงส้มละ” ผมรีบเข้าเรื่องทันที เพราะตอนนี้ผมรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหน้าแกงส้มแล้ว ผมจะขอโทษจนกว่าแกงส้มจะหายโกรธ...ผมจะทำทุกอย่างจริงๆ
“แกงส้มไม่ว่าจะเกิดอะไร มันก็ต้องไปเรียนไม่ยอมขาดอยู่แล้วครับ” เมื่อได้ยินประโยคนั้น ผมก็อดขำตัวเองไม่ได้ ตามหาแทบทุกที่แต่แกงส้มกลับยังไปเรียนตามปกติงั้นเหรอ???.... นี่แหละนะ คนน่ารักที่กุมหัวใจผม รอพี่หน่อยนะ...พี่จะพาหัวใจไปไว้แนบข้างแกงส้มอีกครั้ง....
ปล. พอถึงตอนนี้ไรต์ต้องเคลียร์ปมให้หมดเรื่องราวของพี่ฮั่นกับน้องแกงเลยน้อยไปหน่อย และไรต์จะถามรีดว่าระหว่างจบตอนหน้าเลย (อยากอ่านหวานๆแล้ว)กับอยากให้เพิ่มอีกตอน (อยากเห็นคนน้องเอาคืนบ้าง หมั่นไส้มานาน) อยากให้เป็นแบบไหนเม้นบอกกันได้นะจ๊ะ^^ ไรต์จะตามใจคนหมู่มากน้าาาาา ^^
ความคิดเห็น