คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22: การตัดสินใจ (2)
HUNZ talk
“นายครับ...ผมจะไปส่งนายน้อยแล้วนะครับ” เสียงของหัวหน้าคนงานเรียกผมให้ละสายตาตาบัญชีของไร่ หากหัวหน้าสังเกตคงเห็นแววตาสั่นไหวระริกอย่างหวาดกลัว แต่ผมก็เลือกที่จะทำตัวเย็นชา
“ขับรถดีๆละกัน” นั่นคือสิ่งที่ผมบอก...และทอดสายตาไปที่โน๊ตบุ๊คอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ตากลับพร่าเลือน ความเข็มแข็งงั้นเหรอ???... มันเหลือเพียงเปลือกเท่านั้น หัวใจของผมมั่นไหวสะท้านราวกับจะขาดรอนๆ
“นายจะไม่ไปลานายน้อยจริงเหรอครับ” เสียงหัวหน้าคนงานดังขึ้นมาอีก
“ไม่ล่ะ...งานยุ่ง รีบๆไปเถอะเดี๋ยวจะกลับมาค่ำกันพอดี” ผมพูดอย่างเย็นชา หัวหน้าคนงานหรี่ตามองผมก่อนจะเม้มแกแล้วเดินออกไปเงียบๆ ผมรู้ว่าเค้าคิดอะไร...คงคิดว่าผมมันงี่เง่าที่ปล่อยให้ความรักบินหายไปกลับตาแบบนี้ คิดว่าคนอย่างผมมันไร้หัวใจ แต่ใครบางจะเข้าใจความรู้สึกของผม ถ้าผมรั้ง...แกงส้มจะกลับมาเหรอ มันก็ไม่ใช่ เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่คนที่ผมอยากเจอ...
“ป้ามาทำที่สำนักงานด้วยเหรอ???” ผมเอ่ยถามป้าแม่บ้านไป
“ปกติก็ไม่หรอกนาย... ป้าตามกลิ่นคนซื่อบื้อมา” ป้าแม่บ้าตอบเสียงสูง แล้วปิดกวาดอย่างไม่สนใจ... สิ่งที่ผมเพิ่งมาสังเกตเห็น เมื่อก่อนผมเป็นที่ลูกน้องหรือลูกจ้างไม่แม้จะมองหน้า แต่ดูตอนนี้สิให้ตายเหอะ...ผมนั่งยิ้มเมื่อถูกลูกน้องหลอกด่าว่า “ซื่อบื้อ”
“งั้นป้าก็ทำไปนะผมจะทำงาน” ผมก็บอกไปเสียงเรียบ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ
“นาย!!!....นี่นายจะไม่ไปง้อนายน้อยหน่อยเหรอ ไม่ง้อก็ได้ไปส่งก็ยังดี” พอเห็นว่าผมไม่สนใจป้าแกก็โวยขึ้นมาทันที
“นี่เรื่องของผมกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ ไปแล้วใช่มั้ย???” ผมถาม
“รองจากเรื่องดาราก็เรื่องเจ้านายนี่แหละ...เอ๊ยยยยย!!! นายไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ถามจริงๆเหอะ ไม่รักนายน้อยแล้วเหรอทำไมถึงปล่อยให้เค้าไปง่ายๆแบบนั้น” ป้าแม่บ้านถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น
“ถ้าคนที่ป้ารักบอกว่า อยู่กับป้าแล้วไม่มีความสุข ป้าจะไปให้เค้าเห็นหน้ามั้ย???” ผมย้อนถามกลับไป ป้าแม่บ้านมองผมด้วยความเห็นใจขึ้นมาเมื่อฟังประโยคนี้
“นายน้อยพูดแบบนั้นเหรอ???” ป้าแม่บ้านถามเสียงอ่อยๆ
“ใช่...เรื่องนี้มันจบแล้ว ผมแพ้แล้ว...” มันคือความจริง แม้ไม่อยากคิดแบบนั้นก็ตาม
“ นายเห็นคุณเฟรมกับคุณฮัทรักกันมั้ย???... ความจริงคู่นั้นเค้ามีอุปสรรคมากกว่านายอีกนะ แต่ทำไมสองคนนั้นเค้าถึงยังรักกัน เพราะสองคนนั้นไม่เคยคิดจะเอาชนะกัน แต่นายกับนายน้อยไม่ใช่” ป้าแม่บ้านพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งสอน ตามประสาคนที่เห็นโลกมากกว่า
“ผมไม่เคยคิดเอาชนะแกงส้ม” ผมยืนยันตรงกันข้ามต่างหากบนโลกนี้ใบนี้มีเพียงแกงส้มเท่านั้นที่ผมยอม
“นายพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นายน้อยรัก นายพยายามทุกทางเพื่อให้นายน้อยมาอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่สนว่าชีวิตของนายน้อยต้องการอะไร ส่วนนายน้อยก็พยายามที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่นายทำมันผิด โดยที่ไม่สนว่าหัวใจตัวเองจะต้องเจ็บแค่ไหน มองยังไงต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอม มันไม่เรียกว่าเอาชนะรึไง???” คำพูดนั้นทำให้ผมนิ่งคิดตาม ถูกของแกงส้มจริงๆ เราสองคนต่างต้องการสิ่งที่ต่างกัน เราสองคนพยายามเอาชนะซึ่งกันและกัน
“เราคงไปกันไม่ได้จริงๆ” ผมพึมพำออกมาอย่างหมดกำลังใจ
“ไม่หรอก...นายกับนายน้อยเข้ากันได้ แต่ต้องเรียนรู้ตัวเองอีกหน่อย บางทีสิ่งที่นายน้อยตัดสินใจมันอาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ นายเองก็ทบทวนตัวเองให้ดี เมื่อเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร นายก็ไปหานายน้อยซะปรับความเข้าใจกันใหม่” ป้าแม่บ้านชี้ทางออกที่ผมไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง
“ขอบคุณครับป้า” ผมเอ่ยคำขอบคุณอย่างซึ้งใจ ไม่นานนะ...พี่จะทบทวนตัวเองให้ดีแล้วเราก็มาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง และความรักของเราสอง มันจะเป็นถนนที่ทอดยาวไม่มีทางสิ้นสุดอีกแล้ว
ผมยกมือไหว้หัวหน้าคนงานอีกครั้งเพื่อแทนคำขอบคุณเมื่อมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง ผมรู้สึกใจหายเมื่อเห็นรถคันนั้นค่อยๆออกตัวลับตาไป ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์น้อยใจ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของผมเอง แต่การที่พี่ฮั่นหลบหน้าผม ไม่มาส่งผม ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำหัวใจจนไร้ชิ้นดี จะโทษใครได้ล่ะ...นอกจากตัวเอง ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้าน แต่ประตูก็ถูกเปิดเอาไว้แล้ว อารามความตกใจทำให้ผมรีบวิ่งเข้าไปดูในบ้านทันที และสิ่งที่ผมเห็นนั้นก็คือ...ครอบครัว ทุกคนวิ่งกรูเขามากอดผมด้วยความคิดถึง แล้วแย่งกันทักทายจนแทบจะฟังไม่ออก ช่วงเวลานี้ทำให้ผมลืมความทุกข์จนหมดสิ้น... ผมจะก้าวไปตามความฝันของตัวเองต่อไป แค่มีครอบครัวที่รักและเข้าใจ ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เสียงเคาะประตูทำให้ผมเงยหน้าจากคอมเครื่องโปรด ผมลุกไปเปิดประตูห้องโดยไม่ส่งเสียงถาม ปรากฏว่าเป็นพ่อของผมเองที่ยืนอยู่หน้าห้อง ผมเดินนำมานั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนพ่อนั่งลงที่เตียงผม พ่อมองหน้าผมราวกับจะมองเข้าไปลึกถึงหัวใจว่าคิดอะไรอยู่
“คิดดีแล้วเหรอ???...เรื่องที่พูดกันตอนเย็น” ผมเองก็รู้แล้วว่าพ่อต้องมาพูดเรื่องนี้
“ครับ ผมศึกษาดูหน่วยกิตก็โอนได้เกือบหมด อาจจะต้องปรับภาษาหน่อยแต่ก็คงไม่ลำบากเท่าไหร่ แล้วที่ออสเตรเลียค่าครองชีพก็ไม่สูงมาก ถ้าผมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมันก็ลดค่าใช้จ่ายไปเยอะนะครับ คิดว่าพ่อกับแม่คงไม่ลำบากนักเรื่องค่าใช้จ่าย” ผมอธิบายทุกอย่างให้พ่อฟัง พ่อถอนหายใจหนักออกมา
“ทำไมพ่อถึงคิดว่ามันมีเรื่องอื่นอยู่ด้วยนะ” ผมกับพ่อพูดกันตรงๆมาตลอด ผมมองหน้าพ่อที่ทั้งรักและเป็นห่วงผมมาตลอดชีวิต สิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำก็คือ...การโกหก
“ผมแค่อยากทบทวนความต้องการของตัวเอง ตอนนี้ถ้าผมยังอยู่ที่นี่...เรื่องราวมันก็จะซ้ำๆอยู่ที่เดิม ผมขอไปที่ใหม่ๆ เปิดโลกตัวเองให้กว้างขึ้น มันอาจจะดีกว่านี้” ผมไม่อาจจะบอกไปตรงๆ ว่าสาเหตุนั้นคืออะไร แต่นี่คือความจริงที่ผมไตร่ตรองมาดีแล้ว ผมขอแค่เวลาที่อยู่กับตัวเองเท่านั้น...
“ถ้าลูกคิดว่ามันดีกับลูกพ่อก็ไม่ห้ามหรอกนะ พ่อกับแม่มีหน้าที่ส่งเสริมลูก แต่อย่าลืมนะ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงพ่อกับแม่ก็รักลูกเสมอนะ” พ่อเข้ามากอดผม ความอบอุ่นอาบชโลมหัวใจที่ปวดร้าวนั้นให้บรรเทาลง
“พ่อไม่กวนละ... แล้วอย่านอนดึกละ ดูโทรมๆไปนะเรา” พ่อลุกขึ้นแล้วเดินเปิดประตูออกไป แต่ก่อนจะออกไปอย่างเต็มตัว ก็โผล่หน้ากลับมาอีกครั้ง
“แกงส้มลูกไม่ได้ติดหนี้พนันบอลใช่มั้ยลูก...” ให้ตายเหอะ....เกือบจะซึ้งอยู่แล้วเชียว
HUNZ talk
ผมเดินเข้าไปในห้องนอนแกงส้ม เพื่อหยิบสมุดวาดเขียน กลิ่นกายของแกงส้มยังหอมกรุ่นไปทั่ว ผมอยากจะหลอกตัวเองว่าแกงส้มอยู่ในห้องน้ำ รอเพียงไม่กี่วินาทีร่างนั้นก็จะหันมายิ้มสดใสพร้อมกับใบหน้าไร้เดียงสา... ไม่เป็นไรหรอกนะ ต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้ปรับปรุงตัวเองเพื่อรอแกงส้มกลับมา ผมกอดสมุดวาดเขียนแทนตัวเจ้าของไว้แนบอก ความรักที่มีแต่ความเอาแต่ใจเห็นแก่จะเปลี่ยนเป็นความรักที่มีแต่การให้และความเข้าใจเพื่อแกงส้มเพียงคนเดียวนะ แค่คิดถึงวันนั้น...ความสุขมันก็ล้นหัวใจ
“นาย.... พร้อมรึยัง” เสียงป้าแม่บ้านร้องเรียกผมเสียงดัง ผมจึงเดินออกไปจากห้องแกงส้ม
“เข้าไปหมกในห้องนายน้อยอีกแล้ว” ป้าแม่บ้านแอบค้อนเบาๆ
“ป้านี่... รีบๆสอนเหอะ ผมต้องไปดูองุ่นต่อ” ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำเข้าครัวไป
“นายอยากให้ป้าสอนอะไรละจ๊ะ” ป้าแม่บ้านจัดแจงวางผักไว้บนโต๊ะ แล้วหันมาสอนผม
“ทุกอย่างที่ป้าทำเป็น” ผมตอบอย่างมั่นใจ
“เอาขนาดนั้นเลยเหรอนาย” ป้าแม่บ้านมองหน้าผมอย่างข้องใจ
“เอาทุกอย่าง...รสชาติด้วย” ผมบอกซ้ำอีกที ป้าพยักหน้ารับรู้
“นายทำอาหารอะไรเป็นบ้าง” ป้าแม่บ้านถามอย่างไม่จริงจังนัก
“ไม่เป็นเลย.....” ผมตอบเสียงเรียบ แต่ป้าแม่บ้านตกใจเหมือนมีเครื่องบินตกมากลางบ้าน
“ไข่เจียว” ป้าแม่บ้านหันมาถามและจดจ่อกับคำตอบ
“ทำล่าสุดไฟเกือบไหม้ครัว” ผมตอบด้วยความสัตย์จริง
“นายทำไข่เจียวไม่เป็น แต่จะให้ป้าสอนทำอาหารทุกอย่างโดยมีเวลาให้วันละชั่วโมงจำนวนหนึ่งอาทิตย์นี่นะ” ป้าพูดกับผมอย่างอ่อนเพลีย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมป้าต้องหนักใจขนาดนั้น ก็ผมจะไปง้อแกงส้มต่อก็เมื่อทำอาหารเป็นอย่างที่แกงส้มหวัง... อย่างน้อยเมื่อแกงส้มป่วย ผมจะได้ป้อนข้าวต้มฝีมือตัวเองให้คนรักได้ชื่นใจ ผมจะรักและดูแลแกงส้มเหมือนคนรักคนอื่นๆเค้าทำกัน รอพี่หน่อยนะ...ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าพี่ต้องลดความต้องการของตัวเอง และล่องลอยเข้าไปสู่โลกของแกงส้ม เพื่อที่จะให้เราจับมือเดินข้างกันโดยไม่ต้องมาระแวงแคลงใจกันอีก ความรัก ความหวัง ความเข้าใจ ความศรัทธา พี่จะไปสร้างมันให้เกิดขึ้นมาด้วยมือของพี่เอง
ผมอยู่หน้าร้านอาหารของพี่ม้าแล้ว....วันนี้เป็นกำหนดเดินทางที่ผมจะต้องไปที่ซิดนีย์ ผมยังไม่ได้บอกใครกับการไปเรียนต่อกะทันหัน ผมไม่อยากให้ใครมาเปลี่ยนใจผมได้... เรื่องของพี่ฮั่นผมจะปล่อยให้ห้วงเวลาลิขิตไปตามเส้นทาง เราสองคนฝืนธรรมชาติของตัวเองเพื่อรักครั้งนี้มากไป จนมันมองไม่เห็นความรักที่เกิดมาจากหัวใจทั้งสอง ผมบอกตรงๆ ผมสัมผัสความโหยหาและความต้องการจากพี่ฮั่นได้มากกว่าความรักจากใจจริงเสียอีก และไม่แน่ใจว่าพี่ฮั่นจะรู้จักแกงส้มที่เป็นแกงส้มจริงๆแค่ไหนกัน นั่น...คือสิ่งที่ผมรับไม่ได้ พี่ฮั่นรักตัวผมแต่อาจจะไม่ได้รักหัวใจของผมจริงๆ
“กลับมาทำไม...ชั้นมีนักร้องใหม่แล้วนะ” เสียงพี่ม้าดังขึ้นมาทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป ผมหันไปมองนักร้องใหม่ ซึ่งก็คือพี่แคนนั่นเอง
“ผมจะมาลา” ผมบอกออกไป พี่โตโน่ที่เดินออกมาจากครัวได้ยินพอดี พี่ม้าเดินก้าวจากโต๊ะแคชเชียร์ พี่แคนวางกีต้าร์แล้วเดินมาหาผมเช่นคนอื่นๆ
“หมายความว่าไงว่ะ” พี่โตโน่ร้องเสียงดังขึ้นมาตามสไตล์ พี่ริทคงได้ยินเสียงนั้นจึงเดินตามออกมา
“แกงส้ม...มาได้ไงเนี่ย วันนี้แต่งตัวหล่อเชียวจะไปเที่ยวไหนเหรอ???” พี่ริทออกมาถามผมด้วยความสดใส
“มาลา” พี่ม้าทวนคำพูดผมพร้อมหรี่ตามองอย่าเคืองใจ
“แล้วไอ่มาลาเนี่ย...อยู่จังหวัดไหนเดี๋ยวพี่ไปมั้ง” พี่ริทโพล่งออกมาผิดจังหวะ
“คือ...แกงมันจะมาลา ไม่ใช่จะไปมาลา เรียนหมอยังไงวะเนี่ย” พี่แคนหันไปแก้ให้พี่ริทเข้าใจ
“ก็บอกว่ามาลา ไอ่เรานึกว่าจะไปมาลา ไม่นึกว่าจะมาลา” พี่ริทบ่นกระปอดกระแปด
“ถ้า “มาลา” หลุดจากปากอีกรอบ แกได้ลาตายแน่ๆ” พี่ม้าพูดเสียงเฉียบ พี่โน่ดึงตัวพี่ริทไปปิดปาก
“ถ้าริทตายไปพี่จะอยู่กับใคร เงียบๆเถอะนะ” พี่โตโน่กระซิบข้างหูพี่ริทเบาๆ พี่ริทพยักหน้ารับแต่โดยดี แต่บรรยากาศความสนุกนั้นก็ไม่ได้ทำให้พี่ม้าตลกไปด้วย
“แกงจะไปไหน” พี่ม้าถามขึ้นด้วยเสียงที่ทำเอาผมเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง พาลนึกไปว่าไม่น่าแวะมาที่นี่เลย พี่แคนเองก็รอฟังคำตอบอย่างเคร่งขรึม
“คือผมจะไปเรียนต่อที่ซิดนีย์... ความจริงเปิดเทอมเดือนหน้า แต่ต้องไปเตรียมเรื่องภาษาเรื่องความเป็นอยู่ก็เลยกะทันหันแบบนี้” ผมอธิบายคร่าวๆ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจผมนะ
“ไอ่เรื่องไปชั้นไม่ว่าแต่แกบอกคุณฮั่นเค้ารึยัง” พี่ม้าถามเค้นด้วยท่าทางเอาเรื่อง ผมได้แต่เงียบ จากความเงียบนั้นทุกคนคงรู้คำตอบดดยปริยาย
“ทำไมไม่บอกเค้าแกงส้ม... เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ” พี่แคนเสริมทัพพี่ม้าโดยทันที
“แกงส้ม...กลัวว่าเค้าจะมาห้ามเหรอ???” พี่ริทถามออกมาครั้งแรกหลังจากโดยพี่ม้าขู่ฆ่า
“กลัวเค้าจะมาห้าม...หึหึหึ มันกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเค้าจะไม่มาห้ามมากกว่า ชั้นบอกตรงๆ ความรักมันยากอะไรนัก ก็แค่รักกัน ต้องคิดอะไรให้มันมากมาย เค้ารักแกมาก แกรักเค้ามาก มันจบแค่นี้” พี่ม้าโวยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย ทำไมทุกคนถึงเห็นว่าพี่ฮั่นรักผมแต่เลือกที่จะไม่มองว่าเค้าหลอกลวงผมถึงสองครั้ง
“แกงส้ม...ถึงไอ่พี่ฮั่นของแกงส้มมันจะหลุดๆ เลวๆ ไปบ้าง แต่พี่ก็เชื่อนะว่ามันรักเราจริง” พี่โตโน่ที่ดูไม่ค่อยชอบพี่อั่นที่สุดก็ออกปากแก้ต่างให้อย่างใจเย็น
“ถ้าเค้ารักผมจริง...ผมกลับมาทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนเดิม แล้วผมนี่แหละจะขอร้องให้เค้ารับรักผม แต่ถ้าคนเรามันไม่ใช่...เวลาสองปีก็นานพอที่จะพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง” ผมบอกความในใจให้ทุกคนฟัง
“แล้วแน่ใจเหรอ??? ว่าถ้าเค้าไปรักคนอื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วแกงส้มจะรับได้” พี่แคนถามเพื่อเตือนสติ
“เวลาสองปี หนุ่มแน่นแบบนั้นอาจจะมีลูกให้แกเลี้ยงสักคนสองคนก็ได้นะ โอ๊ยยยย... ชั้นไม่เข้าใจมนุษย์โลกไปทุกวันๆ แกงส้ม...ถึงชั้นจะปากร้ายยังไงชั้นก็รักแกนะ ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไงชั้นก็เคารพในการตัดสินใจของแก แค่อยากจะเตือนแกไว้อย่าง รักแท้...ทั้งชีวิตของคนบางคนมันอาจจะไม่เจอเลยสักครั้ง แต่คนบางคนเจอแล้วกลับปล่อยทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ชั้นมันเป็นจำพวกแรกไปแล้วแต่ไม่อยากให้แกต้องเป็นพวกที่สองนะรู้มั้ย????” พี่ม้าเดินเข้ามาเข้าใกล้ผมสวมกอดอย่างอบอุ่นพร้อมคำพูดที่ทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมา “รักแท้” พี่ฮั่น...รักของเราจะเป็นรักแท้รึเปล่า??? ผมได้แต่ภาวนาให้ระว่างเราคือสิ่งนั้น สองปีพี่คงรอผมได้ ถ้าเรายังรักมั่นต่อกัน ผมเองที่จะคุกเข่าเพื่อขอให้เราได้รักกันต่อไป แต่ถ้ามันไม่ใช่ ผมก็ก้มหน้าพร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งนั้น เฝ้ามองชีวิตที่มีความสุขของพี่โดยไม่มีผมอยู่ห่างๆ...
HUNZ talk
ผมกำลังนั่งเฝ้าอาหารมื้อแรกของผมที่ประกอบด้วยไข่ตุ๋น แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และปลาทูทอด ด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนอาจารย์ป้าของผมก็นั่งหมดแรงที่เก้าอี้ ถ้าแกงส้มมาเห็นอาหารบนโต๊ะ คงไม่เชื่อแน่ๆว่าฝีมือของผมล้วนๆ แต่ก็ไม่แน่นะเพราะพลาสเตอร์ที่พันที่นิ้วผมสามแผ่นน่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้ดี ผมนึกๆอยู่เลยว่ากว่าผมจะทำอาหารเป็นจริงๆจังๆ ผมจะเหลือนิ้วไว้ให้แกงส้มเห็นสักกี่นิ้วกัน เสียงมือถือดังทำให้ผมละสายตาจากผลงานชิ้นเอกได้
“ว่าไงฮัท...” ผมกรอกเสียงลงไปในมือถือเมื่อเห็นชื่อที่โชว์ขึ้น
“พี่ฮั่นครับ...แกงส้มกำลังจะไปเรียนต่อที่ซิดนีย์ครับ” เสียงฮัทดูตื่นเต้นตกใจอย่างมา
“เมื่อไหร่... รู้ได้ยังไง” ผมรีบถามรัว
“คนที่ร้านเค้าโทรมาบอกครับ เครื่องจะขึ้นอีกสองชั่วโมงครับ” ผมไม่รออะไรทั้งนั้น รีบวิ่งไปที่รถบึ่งออกไปทันที แกงส้ม... รอพี่หน่อยนะ อย่าทิ้งพี่ไปแบบไม่ลาอย่างนี้ พี่ขอโทษที่นับตั้งแต่วันนั้นพี่ไม่ยอมไปเจอหน้าแกงส้ม พี่แค่...แค่เสียใจ พี่รู้ว่ามันเป็นความผิดของพี่ แต่แกงส้มกำลังจะลงโทษพี่มากไป หัวใจของพี่เหมือนถูกกระชากออกจากขั้ว ผมรีบขับรถปาดซ้ายปาดขวาอย่างไม่กลัวตาย เสียงแตรบีบไล่เพื่อแทนคำหยาบคายดังขึ้นหลายครั้ง... น้ำตาผมไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ผมกำลังทำอะไรอยู่... ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ความรักที่ผมวิ่งหามันมีจริงมั้ย???.... แค่บอกลา แค่บอกลาเท่านั้น ทำไมทำไม่ได้นะ ความน้อยใจอยู่ก็มีอิทธิพลขึ้นมา แต่ไม่ได้ทำให้ความเร็วของรถลดลงไปเลย ความรู้สึก เสียใจ ผิดหวัง น้อยใจ สำนึกผิด มันปนเปกันไปหมด ผมกำลังจะแก้ตัว... โอกาสสำหรับผมมันจะมีอยู่บ้างมั้ย???
เมื่อถึงสนามบินผมวิ่งไปโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เวลาสองชั่วโมงนั้นได้หมดลงแล้ว ผมมาสายสิบห้านาที แต่บ่อยครั้งที่เครื่องจะดีเลย์ ขอให้ครั้งนี้เป็นเช่นนั้น สวรรค์อย่ากลั่นแกล้งผมอีกเลย ผมกำลังจะปรับตัว ผมกำลังจะหัดทำอาหาร ผมจะไม่โกหก ผมจะเห็นใจคนอื่น ผมจะรักแกงส้ม ผมรัก....
“ขอโทษนะครับเครื่องที่จะไปซิดนีย์ออกไปรึยังครับ” ผมวิ่งกระหืดกระหอบจนมาถึง พนักงานสาวสวยมองหน้าผมที่พรวดพราดเขาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบตรวจสอบให้
“เครื่องเพิ่งขึ้นไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วคะ” พนักงานสาวตอบกลับมา ผมยกมือมาปิดปากหลับตาอย่างเจ็บใจ แค่สิบนาทีเท่านั้น... หัวใจผมด้านชา ผมมองมือที่เต็มไปด้วยรอยแผล...เพื่ออะไรกัน เพื่อใครกัน ผมต้องมานั่งทำอาหารบ้าบอคอแตกทำไม... ในเมื่อเค้าไม่คิดจะกลับมาเลยสักนิด
“คุณคะ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ” พนักสาวสาวเอ่ยถามผม
“เปล่าครับ...ผมแค่... ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ” ผมพูดไม่ออกแต่ก้พยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะพูดจาให้เป็นผู้เป็นคนกว่านี้
“ดิชั้นไม่อยากทำแบบนี้เลย..... คุณคะ” พนักงานสาวยื่นกระดาษที่จดชื่อสายการอีกแห่งไว้
“เครื่องขึ้นไล่เลี่ยกัน ถ้าคุณไปซื้อตั๋วตอนนี้ เที่ยวบินต่อไปน่าจะทันนะคะ” พนักสาวบอกผมอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณครับ”
ปล. จะจบแล้วจ้า....ตอนหน้ามาลุ้นว่าความรักของพี่ฮั่นและน้องแกงจะเป็นยังไงต่อไป อีพี่หมีมันจะเอายังไง.... แล้วก็ขอบคุณมากๆนะคะ ที่ติดตามกันมาตลอด การเขียนฟิคทำให้วันว่างมีความสุขขึ้น ได้ระบายจินตนาการเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อของตัวเอง ไม่นึกว่าจะโม้ได้เป็นเรื่องๆขนาดนี้ และที่สำคัญคิดว่าเป็นการแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นๆด้วย รักนะคะ รีดเดอร์ทุกคน^^
ความคิดเห็น