คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21: แค้น....หรือรัก
HUNZ talk
บนท้องถนนที่ขวักไขว่ แต่แพรวไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย มือเธอสั่นเทาด้วยความดีใจและร้องไห้ออกมาตั้งแต่ร้าน ผมเองก็เลือกที่จะเงียบเพื่อให้เธอดื่มด่ำความสุขจากการรอคอยมาตลอดสองเดือน “บัลเล่ต์” ชื่อนี้ผมเคยได้ยินมาก่อนจากปากของแกงส้มในวันที่เราทะเลาะกันครั้งใหญ่ แกงส้มบอกว่าเธอตายไปแล้ว... กงส้มนายโกหกเรื่องนี้เพื่ออะไรกัน ผมเคาะนิ้วบนพวงมาลับอย่างครุ่นคิดกับเรื่องราวที่ซับซ้อนยุ่งเยิง ไอ่เอกับไอ่บีแน่ใจว่าแกงส้มไม่ได้สนิทสนมกับไอ่ต้น แต่แกงส้มโกหกผมทำไมเรื่องลูกสาวของแพรว ทำไมต้องบอกว่าเด็กคนนั้นตายไปแล้วด้วย...
“ฮั่นอึดอัดเหรอ???” แพรวถามขึ้นมา ผมเลิกคิ้วหันไปมอง
“เปล่า ทำไมเหรอ???” ผมส่งยิ้มพร้อมถามกลับ แพรวยิ้มตอบอย่างอ่อนหวานตามแบบของเธอ
“ก็เห็นถอนหายใจหลายเฮือกแล้ว...นึกว่าอึดอัดที่ต้องขับรถมาส่งแพรว”
“ไม่หรอก แค่มีเรื่องให้คิดเยอะแยะเท่านั้นเอง แล้วแพรวล่ะลูกสาวก็ฟื้นแล้วมีความสุขละสิ” ผมพูด
“อืม... แล้วมันก็ถึงเวลต้องตัดสินใจเด็ดขาดสักที” แววตามุ่งมั่นเด็ดขาดจ้องมองไปข้างหน้า มันเป็นแววตาของคนที่กำลังจะตัดสินทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่...ผมคิดว่าอย่างนั้น
“นี่แพรวคิดจะทำอะไร” ผมไม่รอให้ความสงสัยผ่านเลยไป ผมเลือกที่จะถามถึงแม้จะเป็นเรื่องสวนตัวก็ตาม
“แพรวจะหย่า... เพื่อลูกแล้ว แพรวจะหย่ากับต้น” คำตอบมันทำให้ผมหันมามองหญิงสาวเต็มตา
“แพรว...มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ทำอะไรคิดถึงลูกบ้าง” ผมยับยั้งความคิดนั้น ไม่ใช่เพราะเห็นใจไอ่ต้นหรอกครับ แต่เมื่อนึกถึงเด็กน้อยที่เพิ่งฟื้นจากอาการโคม่าต้องมาเจอกับความแตกแยกของครอบครัว มันเกินไปสำหรับใจดวงน้อยๆดวงนั้น ผมเองก้เป็นคนที่ต้องเติบโตมาจากครอบครัวที่แตกแยกผมเข้าใจมันดี...
“ก็เพราะลูกนี่แหละ แพรวไม่อยากให้ลูกต้องทนเห็นพ่อกับแม่มีปากเสียงกันทุกครั้งที่เห็นหน้า ถึงบัลเล่ต์จะยังเป็นเด็ก แต่ยัยหนูก็รับรู้ว่าที่บ้านมันไม่มีความรักหลงเหลืออยู่แล้ว แพรวเองก็ไม่ได้มีความสุขนะที่ทำแบบนี้ ไม่เลยสักนิด....” ถึงแม้ใบหน้าสวยนั้นไม่ได้มีน้ำตาไหลรินแต่ผมรู้ได้ทันทีว่าหัวใจเธอกำลังร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด ผมคิดว่ามองเธอไม่ผิด...แพรวเองก็ยังคงรักไอ่ต้นจนล้นหัวใจ แต่ความเจ็บปวดมันก็ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสินะ ความรักไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดน้อยลง ในทางกลับกันความรักทำให้ความเจ็บปวดใจมันมากขึ้นทวีคูณ ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก... เจ็บจนไม่อยากหายใจ เจ็บจนอยากตายลงตรงหน้าคนที่ทำร้ายกัน แกงส้ม....นายจะเข้าใจหัวใจชั้นบ้างมั้ย??? ว่าชั้นเจ็บแค่ไหน...
ผมหยุดคิดถึงพี่ฮั่นไม่ได้.... ทั้งที่พยายามแล้วแท้ๆแต่มันก็ไม่เกิดผลอะไรกับหัวใจที่ดื้อดึงดวงนี้เลย ทำไมต้องรักคนที่เค้าไม่เชื่อใจเราด้วย ทำไมต้องรักคนที่เปลี่ยนใจง่ายดายทั้งที่เพิ่งบอกรักเราๆแต่กลับอยู่กลับคนอื่นแบบนี้ หัวใจ...ได้โปรดรับรู้หน่อย ว่าถ้ายังรักเราก็จะเจ็บ เจ็บไปตลอด...
“แกงส้ม...เขี่ยข้าวอีกแล้ว” พี่โดมร้องทัก ผมเงยหน้ามาจากจานข้าวแล้วฝืนตักข้าวใส่ปากทั้งที่แทบกลืนไม่ลง แต่เราต้องไม่ทำให้ใครเป็นห่วง...อย่าอ่อนแอให้ใครเห็นนะ
“ไม่อร่อยเหรอ???” สต๊อปถามเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง
“เราอิ่มมากกว่า” ผมตอบไปโดยที่ทุกคนก็รู้ว่ามันคือคำโกหก
“เราจะคุยกับพี่ฮั่นให้... เราเชื่อนะเรื่องที่แกงส้มเห็นผี เรารู้ว่าแกงส้มไม่ได้โกหก ทิ้งทิฐิแล้วหันมาคุยกันดีๆเถอะนะ ดื้อทั้งสองฝ่ายก็เจ็บกันทั้งคู่” สต๊อปพูดตรงประเด็น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ เค้าต่างหากที่ผลักไสผมออกมา เค้าต่างหากที่ไม่ต้องการเห็นหน้าผม เค้าต่างหากที่กลับไปหาแฟนเก่า เค้าทั้งนั้น แล้วทำไมผมก็ไปหาเค้าด้วย ไม่มีทาง แล้วผมก็จะไม่มีวันทำลายความฝันของบัลเล่ต์ที่อยากให้ครอบครัวอบอุ่น ถ้าพ่อและแม่กลับมารักกันอีกครั้ง...มันก็เป็นเรื่องที่บัลเล่ต์ควรจะยินดี แล้วที่สำคัญผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ความฝันสุดท้ายของเธอเป็นจริง
“ทำหน้าอย่างนี้ พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ให้มันรู้ไปว่าทำแบบนี้ใครมันจะเจ็บ” พี่แคนประชดประชันผม สต๊อปส่งสายตาปรามเบาๆ หึ...ไอ่เรื่องเจ็บ ทางไหนมันก็เจ็บทั้งนั้นแหละ!!!
“เออ...วันนี้จะกลับยังไงต้องซ้อมดึกนี่ เดี๋ยวให้ไอ่แคนไปส่ง” พี่โดมพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยการทำเสียงสดใสเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วจะให้พี่ไปรับกี่โมง” พี่แคนเองก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที จนผมต้องส่ายหน้าแอบขำ
“เสียใจ... สต๊อปจะไปค้างบ้านเพื่อนค่ะ” สุดท้ายสาวเจ้าก็ทำให้รอยยิ้มมีความหวังบนใบหน้าแป้นแล้นจืดลงเสียสนิท ความรักมันช่างหอมหวานจริงๆ แม้แต่คนที่ปวดร้าวอย่างผมยังสัมผัสถึงความสุขระหว่างสองคนนี้ได้ แต่มันเลือนหายไปจากผมอย่างรวดเร็ว สุดท้ายความเศร้าในใจก็เอาชนะทุกสิ่ง...
ถึงแม้จะเฝ้าบอกตัวเองให้ตัดใจแต่ทำไมยังมาเฝ้าดูพี่ฮั่นอยู่อย่างนี้นะ... ผมจอดรถไว้ฝั่งตรงข้ามเพื่อมองร่างสูงในร้านผ่านกระจก ถึงแม้จะดูอิดโรยแต่พี่ฮั่นก็ยังทำงานอย่างขยันขันแข็ง พี่ฮั่น...ผมคิดถึงพี่เหลือเกิน ร่างสูงแข็งแรงห่างเพียงเอื้อมมือคว้าแต่ทำไมมันถึงไกลยิ่งนักสำหรับหัวใจ ส่วนผสมมันผิดพลาดตั้งแต่แรก เราไม่ควรจะรักกัน ผมไม่ควรจะเผลอใจ....
ผมเฝ้ามองจนถึงเวลาร้านปิดร้าน พี่ฮั่นปั่นจักรยานคันเดิมออกไปจากร้าน ผมจึงสตาร์ทรถขับเข้าไปในลานจอดรถ มองไปรอบๆก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ วันแรกที่เราเจอกันพี่ฮั่นในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ภาพพี่ฮั่นถูกผมขับปาดหน้าจนต้องลงไปนอนกองสวนหย่อม ภาพคืนวันดีๆเล่านั้นฉายเข้ามาในหัวฟ้องว่าผมคิดถึงที่นี่เพียงใด
“ท่านเจ้าที่...” ผมร้องเบาๆหน้าศาล ท่านก็ปรากฏตัวโดยพลัน
“สีหน้าเจ้าไม่ดีเลยนะ---” ท่านเจ้าที่เอ่ยประโยคแรกด้วยน้ำเสียงอาทรราวกับญาติผู้ใหญ่
“มันเป็นช่วงตัดใจครับ แต่สักพักก็คงจะดีขึ้น” ผมตอบพร้อมส่งรอยยิ้มฝืนไปให้
“ความรักมันมีอุปสรรคเสมอ ยิ่งรักแท้มันยิ่งหนักหน่วงกว่าคนอื่นร้อยเท่า มันอยู่ที่ว่าเจ้าสองคนจะจับมือกันฝ่าฟันมันไปได้มั้ย??? แต่เราเห็นแต่เจ้าคอยวิ่งหนีหัวใจตัวเองแล้วเมื่อไหร่เจ้าถึงจะได้มันมาครอบครอง เมื่อไหร่เจ้าสองคนจะมีความสุข” ท่านเจ้าที่พูดเตือนสติผม... แต่ถ้าพี่ฮั่นไม่มีคุณแพรว คำพูดนั้นก็อาจจะจริงแต่มันไม่ใช่... มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด พี่ฮั่นควรคู่กับคุณแพรวไม่ใช่ผม!!!
“นายมาที่นี่ทำไม” เสียงที่ผมคิดถึงเหลือเกินดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปหาต้นเสียงด้วยความตกใจก็เห็นร่างสูงที่ดูโชนไฟอารมณ์โกรธอย่างชัดเจน
HUNZ talk
ถ้าผมไม่กลับมาเพราะลืมมือถือไว้ ผมก็คงไม่มีทางได้เจอแกงส้ม ใบหน้าไร้เดียงสาที่เคยสดใสกลับซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้ผมระงับอารมณ์รุนแรงได้ นายทำแบบนี้ทำไมแกงส้ม... ทำไมต้องแอบมาที่นี่เหมือนกับนายยังมีเยื่อใยกับชั้น นายต้องการอะไรจากหัวใจดวงนี้ หัวใจที่ขาดวิ่นไปหมดจากการฉีกออกเป็นชิ้นๆด้วยน้ำมือนาย
“นายมาที่นี่ทำไม” ผมพูดออกไปด้วยความโมโห ร่างนั้นหันกลับมามองผมด้วยความตกตะลึง ผมคิดถึง....เหลือเกิน
“ผม...ต้องพูดความจริงใช่มั้ย???” แกงส้มพูดช้าๆเหมือนประชดประชัน
“ถ้านายพูดเป็นก็ควรจะทำแบบนั้น” ผมเองก็ไม่มีวันยอมอีกแล้ว คำพูดของผมคงเสียดแทงคนใจร้ายคนนั้นบ้าง!!!
“ผมมาคุยกับท่านเจ้าที่ พอใจรึยัง??? นี่แหละคือความจริง” แกงส้มพูดก่อนจะเดินหนีไปแต่ผมคว้าร่างนั้นไว้แล้วกระชากเข้ามาหาตัวเอง
“เมื่อไหร่จะเลิกพูดจาแบบนี้สักที ชั้นชักจะเหลืออดกับนายแล้วนะ” ผมตะคอกใส่ร่างสูงโปร่งนั้น แกงส้มเชิดหน้ามองผมไม่วางตา จากการเม้มปากจนบางเฉียบนั้น...แกงส้มก็คงโมโหเต็มที่เช่นเดียวกัน
“ในเมื่อผมพูดความจริงแล้วพี่ยังจะหาว่าผมโกหกอีก มันก็ไม่มีความหมายที่เราจะคุยกัน ปล่อยผมสิ ผมบอกให้ปล่อย!!!” น้ำเสียงตัดพ้อนั้นมันเกือบทำให้ผมใจอ่อน.... แต่ความจริงก็วิ่งเข้ามากระแทกความคิดว่าคนๆนี้หลอกลวงซ้ำซาก ผมจึงลากร่างนั้นไปที่รถของตัวเค้าเอง คว้ากุญแจที่แกงส้มถืออยู่ในมือเปิดประตูด้านคนขับเหวี่ยงร่างสูงโปร่งลงไปที่เบาะ
“ถ้าคิดจะหนีชั้นจะทำอย่างที่เราเคยทำตรงนี้นี่แหละ บอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่แค่คำขู่!!!” ผมชี้หน้าบอกแกงส้มที่เตรียมจะขยับตัววิ่งหนี และมันก็ได้ผมแกงส้มชะงักและยอมอยู่ในรถแต่โดยดี ผมรีบวิ่งอ้อมไปด้านคนขับและรีบออกรถไปที่บ้านผมทันที และใช้เวลาไม่นานรถเก๋งสีขาวมุกก็แล่นเข้าสู่จุดหมาย
“อย่าคิดหนีเชียวนะ...นายก็รู้ว่าชั้นทำอะไรได้มากกว่านี้เยอะ” ผมบอกเสียงเฉียบก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูแล้วกระชากข้อมือแกงส้มด้วยอารมณ์รุนแรงที่บาดลึกในใจ แกงส้มพยายามจะสะบัดออกแต่ไม่มีทางที่แกงส้มจะมาสู้แรงของผมได้
“พี่ต้องการอะไรพูดมาดีกว่า... อย่ามาทำแบบนี้กับผม” แกงส้มเริ่มโวยวายเมื่อสะบัดผมหลุด แต่ผมก็ปล่อยให้ร่างนั้นเป็นอิสระได้นาน ผมคว้าเอาไหล่ทั้งสองข้างมาไว้ในเงื้อมมือ
“ชั้นขอแค่ความจริง...นายให้ชั้นได้มั้ย???” ผมพูดกัดฟันกรอด แกงส้มปาดน้ำตาเชิดหน้าอย่างทระนงซึ่งนั้นทำให้ผมเดือดดาล อารมณ์ทั้งรักทั้งแค้นพลุ่งพล่านจนถึงขีดสุด
“พี่ถามทำไมไม่ตอบ แกงส้มเมื่อไหร่จะพูดความจริง ตอบสิ---บอกให้ตอบไง!!!” ผมเขย่าแกงส้มจนตัวโยก น้ำตาที่หลั่งรินบนใบหน้าไร้เดียงสานั้นมันทำให้ผมแทบบ้า... พูดความจริงกับพี่สักที นอกจากหัวใจของพี่ที่ให้ไปหมด แกงส้มต้องการอะไร...อย่าทรมานกันไปมากกว่านี้เลย
“ดี---ไม่พูดใช่มั้ย???” ความเงียบงันและน้ำตาเท่านั้นที่ตอบสนองความโกรธของผมและนั่นมันทำให้ผมแค้นยิ่งนัก ผมกระชากข้อมือแกงส้มขึ้นบันได
“พี่ฮั่น...ปล่อยผมนะ ปล่อย----ปล่อย!!!” เสียงร้องไห้นั้นไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงในอารมณ์ลดลงเลยแม้แต่น้อย ผมทั้งฉุดทั้งลากร่าสูงโปร่งนั้นจนมาถึงห้องโดยไม่ฉุกคิดเลยว่าแกงส้มจะเจ็บตัวหรือไม่ ผมเปิดประตูห้องพร้อมเหวี่ยงร่างนั้นลงที่พื้นแล้วกระชากประตูปิดสนิทพร้อมล็อคแน่นหนา
“พี่จะทำอะไรผม....” เสียงแหบพร่าถามอย่างขวัญเสีย ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยความเจ็บใจ
“ทำอย่างที่เราเคยทำไง...หวังว่าคงจะจำได้นะ” ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด แกงส้มยันตัวขึ้นมาแล้ววิ่งไปทางประตูซึ่งผมเองยืนดักอยู่ ผมคว้าร่างนั้นแล้วผลักไปที่เตียง แกงส้มคว่ำหน้าล้มไปกับเตียงนุ่มสีขาว ก่อนที่ร่างสูงจะได้พลิกกายขึ้นผม ผมโถมตัวทับขึ้นคร่อมแกงส้ม ตรึงมือทั้งสองข้างไว้ข้างลำตัว
“ปล่อยผมนะพี่ฮั่น ปล่อยผมสิ... ผมบอกให้ปล่อย” แกงส้มร้องเสียงแผ่วอย่างหมดหวัง ทำตาไหลมาจากตาคู่งามไม่ขาดสาย
“นี่...รังเกียจกันขนาดนั้นเลยเหรอ???” ผมกัดฟันตัดพ้อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ... ไม่รักพี่แล้วเหรอแกงส้ม ทำไมต้องดิ้นรนเพื่อจะได้หลุดจากอ้อมกอดของพี่ขนาดนี้ ยิ่งคิดมันยิ่งทำให้ผมน้อยใจ วันนี้จะเป็นวันที่ผมจะไม่นึกถึงจิตใจใครทั้งนั้น... ผมเองก็ทุกข์ทนมามากพอแล้ว ในเมื่อผมต้องการ ผมก็ควรได้!!! ผมซุกไซร้ใบหน้าลงไปที่ซอกคอขาวนวลอย่างกระหาย กลิ่นกายหอมอ่อนๆกระตุ้นความรักความต้องการเพิ่มขึ้น เสียงสะอื้นไห้เบาๆก็ไม่อาจทำให้ผมใจอ่อนและหยุดการกระทำที่รุกล้ำได้ ร่างสูงที่อยู่อ้อมกอดค่อยๆนิ่งแต่ไม่ใช่เพราะความรักที่ตอบสนองดังเช่นครั้งก่อนๆ มันเป็นการนิ่งเพราะความพ่ายแพ้ในแรงอารมณ์ของผมต่างหาก เสียงสะอื้นดังไม่หยุดแม้แต่ตอนที่ผมพรมจูบเบาๆไปที่ใบหน้าขาวใสนั้น ผมบดริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างรุนแรงและเนิ่นนาน มันเหมือนการเอาชนะกันและผมก็จะไม่ยอมแพ้ ผมเชิดคางแกงส้มขึ้นขบริมฝีปากนั้นเพื่อเปิดทางในเรียวลิ้นผมได้ชิมรสหวานที่โหยหามานาน แกงส้มพี่ขอร้อง...เปิดรับพี่บ้าง ผมไล้มือมือข้างไปทั่วเรือนร่างที่ผมสุดแสนจะคิดถึง ผมแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาไปที่ละเม็ดอย่างรวดเร็ว แกงส้มหลับตาลงเพื่อปิดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ผมยกตัวขึ้นเพื่อปลดเปลื้องร่างกายเราสองออก แกงส้มตัวสั่นเทาแต่ก็ดูหยิ่งทะนงเหลือเกิน ผมสงสารแต่ก็ยับยั้งจิตใจตัวเองไว้ไม่อยู่อีกแล้ว แกงส้มจะรู้มั้ย???ว่าพี่คิดถึงกลิ่นไอนี้เหลือเกิน มือยังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจด้วยความคิดถึง สุดท้ายผมก็ตาพร่ามัวขยับร่างไปตามจังหวะรักที่เร่าร้อนและรุนแรง
“แกงส้ม...” ผมเรียกชื่อคนรักเบาๆ เมื่อพายุแห่งความรักและความแค้นหยุดลง แกงส้มที่หลับตามาตลอดเม้มปากบางค่อยๆลืมตา แววตานั้นช่างดูว่างเปล่าเหลือเกิน แกงส้มไม่แม้แต่จะชำเหลืองสายตามองมาที่ผม แกงส้มผลักผมให้พ้นจากตัวเค้าแล้วคว้าเสื้อผ้าของตัวเอง ผมพุ่งไปคว้าร่างที่ดูอ่อนโรยมาไว้ในอ้อมแขน
“สมใจแล้วไม่ใช่เหรอ???... สนุกมากมั้ย???” แกงส้มส่งสายตาวาวด้วยความโกรธ มันเป็นสายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คำพูดเรียบๆแต่เหมือนจะร้อยเรียงมาเพื่อเฉือนหัวใจผมออกไปทีละนิด
“แกงส้ม...” ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ
“ขอบคุณนะ... สำหรับค่ำคืนที่สนุกสุดเหวี่ยงนี้ ขอบคุณมาก” เสียงประชดประชันไม่อาจทำให้ผมปล่อยร่างสูงโปร่งที่โอบรอดแน่นไว้ในอ้อมแขนได้ ไม่เลยแกงส้มพี่ไม่ได้รู้สึกดีกับการหักหาญน้ำใจแกงส้มแบบนี้เลย...ไม่เลยสักนิด
“ปล่อยผมสิ...พี่ปล่อยผมได้แล้ว ผมจะไปแล้ว อย่าได้คิดว่าจะได้เห็นหน้ากันอีกเลย ถ้าจะเกลียดจนต้องทำร้ายกันขนาดนี้ ปล่อย---ปล่อยผมนะ” แกงส้มคลั่งขึ้นมาทั้งหยิกทั้งตีผม เสียงร่ำไห้อย่างเจ็บปวดทำให้ผมรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ แกงส้ม....พี่ขอโทษ ผมตรึงร่างสูงไว้ในอ้อมกอด
“แกงส้ม..พี่ขอโทษ คนดี...นิ่งนะ แกง---แกง แกงส้ม” อยู่ๆแกงส้มจะหมดสติไป ผมเรียกชื่อแต่ก็ไม่อาจทำให้ร่างนั้นฟื้นขึ้นมา ผมวางร่างแกงส้มในนอนในท่าที่สบายก่อนวิ่งไปเอาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้าไร้เดียงสาที่ชุมไปด้วยเหงื่อเม็ดโต ผมนั่งมองพินิจแกงส้มอย่างเต็มตา แกงส้มดูซูบเซียวไปเยอะ ผมปัดผมหน้าเพื่อเปิดใบหน้าใสแล้วโน้มไปจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้แก่ความรักที่มีให้แกงส้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไร...หัวใจผมก็ยกให้แกงส้มไปทั้งดวงแล้ว เมื่อถามหัวใจตัวเอง...ผมรักแกงส้มมากพอที่จะมองข้ามเรื่องบ้าๆเพ้อเจ้อเล่านั้นได้หรือเปล่า แค่ได้รู้ว่าแกงส้มไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับไอ่ต้นมันก็ควรจะเพียงพอไม่ใช่เหรอฮั่น... ไม่ต้องไปสนใจใส่ใจกับเรื่องผีสางบ้าบออะไรนั่นอีก และคำตอบคือ... อะไรก็ได้ผมพร้อมทำเพื่อที่ได้เห็นรอยยิ้มหวานๆส่งกลับมาให้อีกครั้ง ผมทำได้ทั้งนั้น... ขอแค่รักพี่ พี่ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
พรุ่งนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคนดี ผมล้มตัวลงนอนข้างสอดมือโอบแกงส้มหลวมๆ บรรจงจูบที่ไหล่ขาวนั้นอย่างแผ่วเบาๆ ผมจะดูแลแกงส้มต่อจากนี้ไปตลอด กลิ่นหอมหวานที่ผมเฝ้าคิดถึงอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ในอ้อมกอด ผมจะไม่มีทางปล่อยให้แกงส้มต้องหลุดลอยออกไปจากความรักของสองเราอีกแล้ว พี่ผิดที่พี่ทำให้แกงส้มโกรธและเสียใจ แต่นับจากวินาทีนี้พี่จะทำทุกอย่างให้แกงส้มมีความสุข พี่จะทำให้รู้ว่าพี่รักเรามากแค่ไหน ขอหัวใจกลับคืนมาเถอะนะคนนี้...พี่สัญญาว่าจะดูแลหัวใจดวงนี้ของแกงส้มเป็นอย่างดีไปจนกว่าลมหายใจของคนนี้จะหมดลง....
ปล. น่าจะอีกสองตอนจะจบแล้วแหละ... บอกตรงๆ เพราะความนอยด์ในโมเม้นฮั่นแกงที่ออกมาน้อยยิ่งกว่าแพนด้าออกลูก ช่วงนี้ไรต์เลยเซ็งๆ จัดแนวดราม่าไม่หยุดหย่อน พยายามทำใจแล้วนะ... แต่วัตถุดิบในการจิ้นมันเบาบางเหลือเกิน มีน้อยๆอยู่แล้วไม่พอ ตัวขวางฟินก็ทำงานกันแข็งขันเหลือเกิน... เห็นแล้วอารมณ์เสีย รอไรต์ได้ log in อีกเวปก่อนเหอะ... จะไปสมัครเป็นผู้ช่วยกัปตันแล้วพาบินไปฟินแลนด์เองงงงงง
ปล. ครั้งนี้ขอให้ชื่อช่วงนี้ว่า “ไรต์ขอบ่น” เพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ
ปล.อีกที ห้ามลืมเม้นไม่งั้นจะเป็นประเด็นในการหายตัวของไรต์ 5555 (แล้วจะทนได้เหรอ??? อิไรต์)
ความคิดเห็น