ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 20: ลึกสุดใจ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 55




     

    CAN talk

    เสียงมือถือทำให้ผมละสายตาจากจอคอมฯ สายเรียกเข้าจุดประกายรอยยิ้มขึ้นมาทันที ผมหยิบมือถือขึ้นมามองชื่อที่โชว์อย่างมีความสุข

    “สวัสดีครับ...” ผมกรอกเสียงทักทายอย่างอ่อนโยน

    “พี่แคนเรามานัดเจอกันหน่อยดีกว่านะ พรุ่งนี้ที่ร้านช่วงเช้า พาพี่โดมมาด้วย” สต๊อปพูดอย่างตื่นเต้น

    “มันเรื่องอะไรกัน...มีอะไรเหรอ???” ผมถามด้วยความสงสัยเพราะฟังจากน้ำเสียงแล้ว คงมีเรื่องที่มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

    “เออน่า...ถ้าพี่รู้พี่ก็ต้องอึ้งเหมือนกัน”

    “แล้วทำไมไม่บอกพี่ตอนนี้เลยละ ถ้ามันน่าสนใจขนาดนั้น” ผมถามด้วยความเอ็นดูกึ่งขบขัน

    “พี่รู้พี่ต้องอึ้งแน่ๆ แต่ยังไม่อยากบอกปล่อยให้อยากรู้ไปก่อน” สต๊อปพูดเยาะด้วยความสะใจเล็กๆ

    “อย่าแกล้งกันสิ พี่นอนไม่หลับแน่ๆ” ผมอ้อนวอนเพราะความอยากรู้อยากเห็นเริ่มแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือด แต่สิ่งที่กลับมาคือเสียงหัวเราะเบาๆ

    “นี่แหละที่ต้องการ” น้ำเสียงสะใจแต่น่ารัก ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ลง

    “แต่สำหรับพี่การที่สต๊อปได้สิ่งที่ต้องการมันก็คือความต้องการของพี่ งั้นพี่ยอมจ๊ะ” ผมหยอดคำหวานที่ทำเอาตัวเองม้วนเขินเหมือนกัน ก็มันไม่เคยพูดอะไรแบบนี้นี่ครับ!!!

    “น้ำเน่า!!! ไม่เอาแล้วแค่นี้นะ” ถึงจะเป็นการเหวี่ยงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการเหวี่ยงกลบเหลื่อนความเขิน

    “ครับ...ฝันดีนะครับ” อ๊ากกกกก.... คนมีความรักมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง ผมวางสายด้วยความรู้สึกอิ่มเอม ถึงแม้ไม่ได้มีการตอบรับจากสต๊อป แต่การที่ผมได้พูดและได้ทำอย่างที่หัวใจมันต้องการมันก็บันดาลความสุขได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ

    รุ่งเช้าผมกับไอ่โดมมานั่งรออยู่ในร้าน โดยมีพี่ฮั่นทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนปกติก็ตาม แต่แววตาเศร้าสร้อยนั้นไม่เคยโกหกใครได้จริงๆ จากคนเคยดุแอบเนี้ยบกลับเงียบขรึมก้มหน้าทำแต่งานโดยไม่ใส่ใจใคร ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเจ้าแกงส้มที่พอกลับมาจากเรียนแล้วก็เก็บตัวในห้องเงียบไม่พูดไม่จา แค่เรื่องออกจากร้านก็ไม่เอ่ยปากเล่าให้ผมกับไอ่โดมฟังเลยสักนิด

    “พี่ฮั่น...ดูโทรมๆไปนะครับ” ไอ่โดมเปิดฉากสนทนาด้วยคำพูดที่ผมฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าหูนัก แล้วตัวผู้ถูกถามจะรู้สึกยังไงกัน

    “นอนไม่ค่อยหลับหน่ะ แล้วนี่มาหาสต๊อปเหรอ???” พี่ฮั่นเลิกคิ้วถามกลับ เมื่อร่างสูงนั้นเดินมาใกล้ผมเห็นร่องรอยความเศร้าเต็มทั่วร่าง สายตาที่เคยกรุ้มกริ่มเฉียบขาดเป็นสายตาล่องลอยไร้จุดมุ่งหมาย

    “ครับ...” ผมตอบรับคำสั้น พี่ฮั่นกระตุกยิ้มน้อยๆถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็นให้ผมก่อนจะเดินไปด้านหลังเพื่อไปซื้อของตามที่สต๊อปบอกไว้ โดยสวนทางกับน้องสาวคนสวย ผมยืนรับคนที่ผมหมายปองพร้อมยิ้มยิ้มสดชื่นในยามเช้า

    “เว่อร์ไปแล้วไอ่แคน ทำยังกะองครักษ์ต้อนรับเจ้าหญิง” ไอ่โดมประชดประชันทำเอาผมเสียหลักหมดความมั่นใจนั่งลงอย่างเงอะงะ

    “มานี่เลยตัวแสบ...พี่อยากรู้แล้ว ให้ไวๆ” ไอ่โดมเร่งสต๊อปให้มานั่งพร้อมกวักมือเรียก สต๊อปหันไปทางหลังร้านเพื่อให้แน่ใจว่าพี่ชายออกจากร้านไปแล้วจริงๆ

    “อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันนะ” สต๊อปแซวไอ่โดมแต่ก็นั่งลงตามคำบอก

    “เรื่องอะไรที่ว่ารู้แล้ว...พี่นอนไม่หลับทั้งคืนเลยนะ” ผมบอกสต๊อปอย่างกระตือรือร้น สต๊อปหายใจเข้าลึกเหมือนจะรวบรวมสติเพื่อจะพูดทุกๆอย่าง

    “พวกพี่ตั้งใจฟังนะ” สต๊อปโน้มตัวเข้ามาทำให้ผมกับไอ่โดมทำตามอย่างไม่รู้ตัว

    “คือเมื่อวานสต๊อปเข้าไปเก็บห้องพี่ฮั่นเพื่อเอาเสื้อผ้าไปซัก แล้วพี่รู้มั้ย...ว่าสต๊อปเจออะไร???” สต๊อปกระซิบกระซาบราวกับเรื่องนี้เป็นความลับระดับชาติอย่างไงอย่างงั้น...

    “กางเกงในม้วนเป็นเลขแปด!!!” ไอ่โดมโพล่งขึ้นมา ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันเอาฮาหรือเอาจริง

    “อะไรของพี่เนี่ย???” สต๊อปหันมาทำหน้าเหวอๆ

    “ก็พี่เห็นของไอ่แคนบ่อยๆ เห็นทีไรช็อคทุกที ภาพมันติดตา” ไอ่โดมเอาแล้ว....เพื่อนเราเผาเรือนจริงๆ

    “ยี้!!!” สต๊อปหันมามองหน้าผมพร้อแสดงความรังเกียจ มันเจ็บจี๊ดถึงทรวงในเลยครับ!!!

    “พี่ว่าเราเข้าเรื่องกันดีกว่า” ผมทำเสียงเข้มตัดบท เพราะบทสนทนาไม่ได้ส่งผลดีกับผมเอาเสียเลย

    “สต๊อปเจอเสื้อผ้าของแกงส้ม”

    “ห๊ะ!!!” ผมกับไอ่โดมประสานเสียงอุทาน ก่อนจะเหลียวมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

    “ว่าแล้วไงว่าสองนี้มันยังไงๆกันอยู่” ไอ่โดมตบเข่าฉานเพราะข้อสงสัยเป็นเรื่องจริง

    “แล้วเค้าทะเลาะเรื่องอะไร” ผมถามออกไป แต่ถูกสต๊อปส่งสายตาพิฆาต

    “เห็นแค่เสื้อผ้าจะรู้เรื่องอะไรเล่า!!!... พี่สองคนรีบๆไปคาดคั้นแกงส้มเลยนะ ให้ง้างปากพี่ฮั่นก็คงไม่ไหวคนนี้ใจแข็งเหลือเกิน” สต๊อปวีนผมเบาๆ ก่อนจะสั่งงานผมกับไอ่โดม

    “พี่ไม่เข้าใจ...” ไอ่โดมขมวดคิ้วมองหน้าสต๊อป ผมก็เข้าใจนะเรื่องราวมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แล้วคนเจ้าเล่ห์จอมวางแผนอย่างไอ่โดมไม่เข้าใจนี่นะ...ผมไม่เข้าใจ

    “ไม่เข้าใจอะไรของแกว่ะ”

    “ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก เอาเรื่องคอขาดบาดตายมาเป็นสะพานคุยกันกะหนุงกะหนิงเมื่อคืนอยู่ได้ ถ้าบอกเมื่อคืนนะ ป่านนี้รู้เรื่องกันหมดแล้ว!!!” ไอ่โดมบ่น ทำเอาสต๊อปเบือนหน้าหนีอมยิ้มเล็กๆ ผมว่าเรื่องราวของผมมันชักจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว....

    และแล้ว...ผมกับไอ่โดมก็อยู่หน้าห้องแกงส้ม เราสองคนมองหน้ากันอย่างหนักใจ รู้ว่าแกงส้มคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แต่เพื่อน้อง เพื่อหาทางออก พวกผมต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ไอ่โดมตัดใจเคาะประตูสามที เสียงกุกกักทำให้รู้ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องเคลื่อนไหว แกงส้มเปิดประตูช้าๆ ผมเห็นสภาพแกงส้มแล้วความสงสารแล่นเข้ามาจับใจ ตาทั้งสองข้างบวมเป่งนั่นคงเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง สีหน้าที่ปกติขาวผ่องก็กลับกลายเป็นซีดเซียว แถมยังผอมลงผิดหูผิดตา ไอ่โดมเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

    “อ้าว... ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเชียว เข้ามาสิครับ” แกงส้มยิ้มฝืนมาให้ก่อนจะเดินนำเข้ามาให้ห้อง

    “แกง...ได้กินอะไรบ้างป่ะเนี่ย???” ไอ่โดมนั่งลงข้างถามด้วยความเป็นห่วง

    “ผมลดน้ำหนัก” แกงส้มตอบกลั้วหัวเราะแต่แววตานั้นไม่ได้หัวเราะไปด้วย

    “พี่รู้เรื่องเรากับพี่ฮั่นแล้วนะ” ผมพูดออกไป แกงส้มชะงักทันที แววตาและสีหน้าปลดปล่อยความเจ็บปวดอย่างเต็มที่ น้ำตาค่อยไหลออกมาแกงส้มโผซบไอ่โดมร้องไห้หมดรูป ทำให้ผมกับไอ่โดมตกอยู่ในสภาวะเงียบงันเพราะความสงสารร่างสูงที่ร้องไห้ตัวสั่นเทาราวกับลูกนกที่หนาวสั่น

    “ผมเจ็บพี่... มันจบไปแล้วพี่...มันจบไปแล้ว” เสียงสะอึกสะอื้นมันคงมาจากหัวใจที่ปวดร้าวยิ่งนัก ผมจะช่วยน้องยังไงดี...

     

    มันเหมือนแผลที่ตกสะเก็ดแล้วมีคนสะกิดให้เลือดออกอีกครั้ง แต่แผลหัวใจครั้งนี้มันก็เกินจะเยียวยาด้วยยาขนานไหน ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ปิดไปแล้วนอนคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่น นึกถึงคำพูดที่แสนหวาน ทุกอย่างมันจางหายในเสี้ยวเวลาเพียงกระพริบตา ผมไม่อาจไขว่คว้าอ้อมกอดนั้นมาเป็นของตัวเองได้อีกแล้ว

    “แกงส้ม... เคยบอกพี่ให้สู้ไม่ใช่เหรอ???---แล้วทำไมตัวเราเองถึงยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ พี่ฮั่นเองก็ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าเราเลยนะ” พี่แคนพูดเบาๆ หลังจากเงียบมานานเพราะเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังทุกอย่างรวมทั้งเรื่องของบัลเล่ต์ด้วย

    “แต่เค้าก็มีคนอื่นอยู่แล้ว แถมยังเป็นที่เค้าเคยรักมาก ผมจะไปสู้อะไรเค้าได้” ผมนึกถึงใบหน้าสวยทรงเสน่ห์นั้นมันก็ทำให้ผมหมดหวัง พี่ฮั่นเคยรักคุณแพรวมากมายจนต้องหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วผมละ...เป็นแค่คนที่รู้กันกันได้ไม่นาน ถึงผมจะมีความรักล้นใจแต่มันก็ไม่มากพอที่จะให้พี่ฮั่นรับฟัง

    “คนเรามันก็มีอดีตทั้งแหละ... อย่าเอาความรู้สึกผิดที่มีต่อเด็กคนนั้นมาทำร้ายตัวเอง ถึงพี่ฮั่นจะเป็นพ่อเด็กคนนั้นแต่ทุกอย่างมันจบไปแล้ว บัลเล่ต์เองก็ไปสบายแล้ว” พี่โดมพูดจี้ตรงกลางของหัวใจ ใช่ครับ...สิ่งที่ทำให้ผมถอดใจก็คือความรู้สึกผิดที่มีต่อบัลเล่ต์ แต่ใครไม่เป็นผมก็คงไม่เข้าใจ ผมไม่ได้พยายามทำอะไรเพื่อเธอมากนัก จนเธอต้องจากไปทั้งที่มีเรื่องค้างคา หากจะชดใช้ได้ ผมขอคืนพ่อของเธอให้แม่ผู้ปวดร้าว พี่ฮั่นคงเป็นสิ่งบรรเทาความร้าวรานของคุณแพรวได้ ส่วนหัวใจของผม...มันสมควรเจ็บอยู่แล้ว ผมไม่เป็นไร....

    “ผมรู้ว่าเค้าสองคนโหยหากันและกัน ผมไม่อยากเอาความเห็นแก่ตัวไปทำลายความรักของคนทั้งคู่หรอกครับ ผมมันก็แค่ส่วนเกินเท่านั้นเอง พวกพี่เองก็หยุดเถอะ...อย่ามาทำให้ตะกอนความเจ็บปวดมันลอยฟุ้งขึ้นมาอีกเลย---ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว” เพราะมันเกินจะรับไหว ความเจ็บปวดที่เกิดจากรอยบาดของความรักที่แตกสลายมันฝังเศษลึกจนสุดหัวใจ ผมเจ็บมากเกินกว่านี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

     

    HUNZ talk

    ทุกอย่างมันช่างดูเงียบงันนัก รอบกายผมมันว่างเปล่าทั้งที่ทุกอย่างเหมือนเดิม แค่คนๆเดียว ทำไมเหมือนฉุดรั้งให้โลกทั้งใบของผมหมุนช้าลงอย่างนี้ ไม่นึกว่าความรักที่เกิดมาอย่างรวดเร็วจะฝังรากหยั่งลึกลงไปสู่ก้นบึ้งหัวใจได้ขนาดนี้ ความเจ็บปวดจากการทรยศมันเหมือนเดิมแต่ผมกลับทรมานเพราะความคิดถึงโหยหาร่างสูงนั้น หัวใจผมมันไม่รักดี....จะไปรักคนไม่รักกันจริงทำไม!!! แค่หลับตารอยยิ้มแสนหวานละมุนก็เข้ามาทำร้ายผม การที่เค้าไม่รักมันเจ็บแต่การไม่เห็นเค้ามันเจ็บซะยิ่งกว่า แต่เราต้องทนได้สิ ผมต้องผ่านมันไปให้ได้... มันจะรักได้นานสักเท่าไหร่ สักวันผมจะเลิกรักเค้าได้ ผมต้องเลิกรักแกงส้มให้ได้!!!

    “พี่ฮั่น!!!” เสียงเรียกดังทำให้ผมตื่นจากภวังค์อันเจ็บปวด ผมเงยหน้าก็พบสองร่างที่ผมแสนจะคุ้นเคย ฝาแฝดรุ่นน้องนักเต้นของผมนั่นเอง ผมเดินเข้าไปหาสวมกอดแน่นด้วยความคิดถึงและระลึกความทรงจำที่ดีต่อกัน

    “พี่...ผมพูดไม่ออกเลยเนี่ย ผมคิดถึงพี่จริงๆ” ไอ่เอแฝดผู้พี่เอ่ยอย่างตื้นตัน ในขณะที่เจ้าพี่แอบปาดน้ำตา ผมพลักหัวเจ้าบีอย่างเอ็นดู

    “เฮ้ย!!! เก็บไว้ร้องวันชั้นตายวันเดียวดีกว่า เห็นกันอยู่จะขี้แยทำไมว่ะ” ผมพูดกวนตามประสา

    “ก็ผมคิดถึงพี่นี่หว่า... พี่ก็เกินไป หนีไปตั้งนานข่าวคราวไม่ส่งมาหาพวกผมบ้างเลย นี่ถ้าไม่เจอเจ้าแกงส้มไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เจอกันแบบนี้มั้ย???” ชื่อท้ายประโยคที่ไอ่บีรำพึงรำพันทำเอาผมชะงัก

    “แกงส้มมันไม่ให้บอกแล้วแกเสือก----ไอ่โง่” ไอ่เอกระซิบกระซาบด่าทอน้องชายแต่ผมก็ได้ยินทุกคำ

    “พวกแกว่าอะไรนะ...แกงส้ม---แกงส้มไปเกี่ยวอะไรกับพวกแก” ผมถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นทำเอาสองแฝดมองหน้าหันอย่างหนักใจ

    “คือ...เล่าก็เล่า คือพวกผมรู้ข่าวพี่จากแกงส้มตอนที่ไปเจอเจ้าแกงที่บริษัท ตอนนั้นเจ้าแกงไปหาไอ่พี่ต้น คุยกันไปคุยกันมาก็เลยรู้ว่าพี่อยู่ที่นี่แหละ” ไอ่เอเล่าให้ผมฟังคร่าวๆ แต่นั่นมันทำให้ผมปวดร้าวหัวใจไปอีก... เมื่อได้ยินว่าแกงส้มคบหากับไอ่ต้นจนถึงขั้นไปหาที่บริษัททั้งๆที่แพรวบอกผมว่าแพรวถูกสั่งห้ามให้ไปหา ผมนี่มันโง่ให้เค้าหลอกได้ตั้งนาน...ไม่เคยนึกระแวงเลยสักนิด

    “เค้าคงสนิทกันมากสินะ” ผมตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

    “สนิทบ้าอะไรละพี่” ไอ่บีค้านเสียงดัง ไอ่เอก็พยักหน้ารับหงึกหงักตามคำพูดคู่แฝด

    “พวกผมนี่แหละเป็นคนพาเจ้าแกงเข้าไปหาเพื่อแลกกับที่อยู่พี่ เหมือนเจ้าแกงจะพยายามสืบเรื่องอดีตของพี่แต่คงไม่ได้อะไรเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องมาถามพวกผมอยู่ดี” คำบอกเล่าของเจ้าบีทำเอาผมสับสน แกงส้มไม่ได้สนิทกับไอ่ต้นเป็นพิเศษ... หรือว่าผมจะเข้าใจผิดไปเอง แต่ทำไมแกงส้มต้องกุเรื่องลูกสาวของแพรวด้วย เรื่องผีสางบ้าบออะไรนั่น ผมไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนี้ผมสับสนไปหมด

    “ฮั่นคะ...แพรวซื้อ---- เอ...บี” แพรวเดินเข้ามาในจังหวะที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง และการเจอกันอีกครั้งของรุ่นน้องฝาแฝดก็ทำให้เธออึ้งอยู่สักครู่

    “พี่สองคนติดต่อกันเหรอ???” ไอ่เอกระซิบถามผม แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบ แพรวเดินเข้ามาเหมือนเสียหลักนิดๆ

    “เธอสองคน... อย่าบอกเรื่องนี้กับต้นนะ ไม่อย่างนั้นฮั่นต้องเดือดร้อนแน่ๆ” แพรวพูดขอร้อง ฝาแฝดพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจคงเพราะอคติที่มากล้นกับสิ่งที่แพรวเคยทำกับผม แต่ไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อเสียงมือถือของแพรวก็ดังขึ้น

    “คะ... คุณหมอว่าอะไรนะคะ--- จริงเหรอคะ---คุณหมอไม่ได้โกหกชั้นใช่มั้ย???---คะ ดิชั้นจะไปเดี๋ยวนี้” แพรวรับโทรศัพท์แล้วร้องไห้ออกมา แต่น้ำตานั่นไม่ได้มาจากความเสียใจ ผมเดินเข้าไปหา แพรวปรี่มาคว้ามือผมด้วยความดีใจ

    “ยัยบัลเล่ต์ฟื้นแล้ว...ลูกสาวของแพรวฟื้นแล้ว ฮั่น...แพรวดีใจจริงๆ”

     

    ปล. ความจริงบัลเล่ต์ของเรายังไม่ตายยยยยยย.... แต่เรื่องราวก็ยังไม่หลุดออกจากวงจรดราม่า  ขอโทษทีนะ...ช่วงนี้ไรต์สติหลุดจริง ๆ ไม่ค่อยอยากจะแต่งตอนอารมณ์แบบนี้เท่าไหร่ เลยอัพช้าไปนิด อย่าหนีหายกันไปนะ อ่านแล้วเม้นจะถือว่าเป็นรีดเดอร์น่ารักเป็นคะแนนสะสมในการอัพครั้งต่อไป ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×