คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19 : ผู้ถูกกระทำ
HUNZ talk
ผมเดินอาดๆ ตามห้องโถงเพื่อไปหาคุณหนูตามคำสั่งที่เธอฝากมากับเด็กในบ้าน ทันใดนั้น...ผมเห็นเจนจิราเดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอสะบัดหน้าแรงๆเมื่อหันมาเห็นหน้าผม
“มาตามคำสั่งละสิ” เธอทักทายผมเสียงห้วน ผมเลือกที่จะกรอกตามองไปที่ประตูมากกว่าที่จะเอ่ยตอบคำถามนั้น ก่อนที่จะเคาะไปที่ประตูไม้งามหรู เสียงคุณหนูรับคำอนุญาตให้ผมเข้าไป
“คุณหนูมีอะไรครับ???” ผมถามสั้นๆ สายตาจ้องมองพื้นพรมสีแดงสด
“พี่ฮั่น...ยังไม่หายโกรธสมายล์อีกเหรอ???” คุณหนูพึมพำเสียงอ้อน เธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันน้อยนิดเท่าไร่กัน การที่เธอทำให้ผมต้องเจ็บใจตัวเองทุกครั้งกว่าจะข่มตาหลับ นึกถึงความชอกช้ำของแกงส้มที่เกิดจากความขี้ขลาดของผม เธอคิดว่ามันแสนจะเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ???
“คือ...สมายล์จะไปออกค่ายกับที่โรงเรียน สมายล์อยากให้พี่ฮั่นตามไปดูแลสมายล์ด้วย” เมื่อผมไม่ตอบเธอก็พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ และก็ได้ผล...น้ำเสียงนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าต้องอ่อนลงแล้ว
“แต่นั่นเป็นงานที่นักเรียนต้องไปไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าไม่ค่อยเหมาะ นักเรียนส่วนใหญ่ก็คงเป็นผู้หญิง ผมคิดว่าถ้าผมไปคงจะทำให้คนอื่นลำบากใจซะเปล่าๆ” ผมตอบเลี่ยงๆ คุณหนูหน้างอนิดๆ แต่ไม่อาจโต้เถียง ส่วนหนึ่งก็คงเพราะว่าผมยังไม่มีทีท่าจะให้อภัยเธอ
“งั้นสมายล์ก็ไม่ไปแล้ว” ดูเหมือนนี่จะเป็นคำต่อรองมากกว่าการตัดสินใจ เธอคงต้องการเรียกร้องความสนใจมากกว่าที่จะหมายความอย่างนั้นจริงๆ
“ตามใจ” ผมตอบสั้นๆ
“ดี---ถ้าพี่ฮั่นไม่สนใจสมายล์นัก สมายล์ไปเองก็ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ให้มันตายๆไปเลย” เธอคงเหลืออดกับท่าทีเย็นชา ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ค่อยอดทนกับอะไรมากมายอยู่แล้ว... ไม่ใช่ว่าผมอยากให้มันเป็นอย่างที่เธอพูดออกมา แต่ผมไม่อยู่ในสภาพที่ตามใจเธอมากมายอย่างที่เคยๆได้อีกแล้ว
KANGSOM talk
“นี่...ยังไงก็ต้องไปทำใช่มั้ย???” พี่ฮัทถามผมเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว ผมเองก็จำไม่ได้ ผมได้แต่ยิ้มยืนยันคำตอบที่เหมือนเดิม
“ไหนๆ ยัยคุณหนูนั่นก็จ้างหนี้จ่ายสินให้หมดแล้ว เราเองก็ควรจะพักผ่อนบ้างเหนื่อยมามากแล้ว” พี่ฮัทมองกระดาษที่อยู่ในมือผมสลับกับหน้าผม
“ผมไม่อยากเป็นหนี้ใคร---โดยเฉพาะหนี้บุญคุณคนในบ้านหลังนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็จะพยายามหาเงินไปคืนเค้าให้ได้ ถึงจะไม่หมดก็ขอมากที่สุดเท่าที่ชีวิตของผมจะหาได้”
“เรานี่มันดื้อจริงๆ เอ้า!!! ได้เสมอครับชายแกง” ในที่สุดพี่ฮัทก็ยอมจำนน ก่อนจะลุกเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น ผมหัวเราะเล็กๆ ก่อนจะเตรียมโน้ตเพลงเพื่อจะไปเล่นเปียโนในห้องอาหารในโรงแรมที่ไม่ห่างจากคอนโดของพี่ฮัทนัก
และแล้วผมก็เริ่มงานวันแรกเรียบร้อย วันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี.....ถึงดีมาก ผมได้ทิปหลักพันเชียวนะครับ ใช่ย่อยที่ไหน ผมสาละวนกับการเก็บของเพราะตอนนี้ก็ปาไปเกือบห้าทุ่มแล้ว พี่ฮัทเองก็ไม่ว่างเพราะต้องไปคุยเรื่องงานของตัวเองเหมือนกัน ได้ยินเหมือนว่าหัวหน้าพาไปเลี้ยงปลอบใจที่พ้นจากงานรายได้งามอย่างการเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูสมายล์
“แกงส้ม....” เสียงผู้จัดการห้องอาหารเรียกผม ผมหันขวับตามเสียงเรียกทันที
“วันนี้ยอดเยี่ยมมากนะ แขกชอบคุณมาก...ผมคิดว่าคุณน่าจะมาเล่นตั้งแต่ช่วงบ่าย อาทิตย์ละสี่วัน แบบนี้จะโอเคมั้ย???” ผู้จัดการมองของที่พะรุงพะรังของผมก่อนจะเงยหน้ามามองหน้า ผมรีบพยักหน้ารัว
“ได้ครับ—ได้---ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ” ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้จัดการวัยกลางคนผู้ซึ่งหยิบยื่นโอกาสดีๆให้ผม ผู้จัดการตบไหล่ผมเบาๆก่อนออกไป
เห็นมั้ยแกงส้ม....นายมีชีวิตดีๆได้โดยที่ไม่มีเค้าคนนั้น เริ่มต้นใหม่สักที โลกใบนี้ยังมีอะไรดีๆอีกเยอะ อย่าไปฝากความรู้สึกกับคนที่ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตตัวเองแบบนั้น ใครเค้าจะอยากออกจากบ้านหลังโตมาตกระกำลำบากกับเรา....โดยเฉพาะ “คนๆนั้น” ไม่มีทางที่เค้าจะกล้าเปิดประตูบ้านหลังนั้นออกมาหรอก!!!
ไม่เอาแล้ว---ไม่—ไม่ เราจะไม่เก็บเอาเรื่องของคนขี้ขลาดคนนั้นมาคิดอีกแล้ว ผมสะบัดหัวแรงๆเพื่อสลัดใบหน้าใสเจ้าเล่ห์นั่นออกจากความคิด แล้วมองตรงไปที่ทางเดิน ซึ่งมันก็ทำให้ผมตกใจอีกครั้ง ผมรีบพาตัวเองเข้ามุมเพื่อหลบร่างสูงบางที่คุ้นตา
“เจนจิรา---” ผมพึมพำชื่อหญิงสาวเบาๆ นี่มันดึกมากแล้วนะ เธอมาทำอะไรที่โรงแรมป่านนี้...หรือว่าจะมากับพี่ฮั่น---- ผมชะโงกหน้าไปมองอีกที แต่ไม่ใช่พี่ฮั่นที่เธอกำลังคุยด้วย ชายคนนั้นดูมีอายุและที่สำคัญเป็นชาวต่างชาติ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ผมเดินเข้าไปไกลทั้งสองมากกว่านี้ เจนจิราควงแขนชายคนนั้นด้วยความสนิทสนม หวังว่าเธอจะไม่มองมาทางนี้นะ เพราะตอนนี้ผมได้แค่เบียดผนังลายสวยโดยไม่มีอะไรบังทั้งสิ้น แต่ต้องผิดหวังคงไม่ทางที่ผมจะเข้าไปใกล้มากกว่านี้ ผมถอดใจที่จะเข้าไปแอบฟังจึงค่อยๆถอยหลังเพื่อออกจากโรงแรมอีกด้าน
“โครมมมมม!!!” ด้วยความซุ่มซ่ามของผม ทำให้ผมชนกับรถเข็นที่แม่บ้านกำลังเข็นมา แต่สิ่งที่ผมกังวลไม่ใช่การบาดเจ็บอะไรทั้งนั้น ผมกลัวว่าเจนจิราจะสังเกตเห็นผม
“ขอโทษครับ--ขอโทษ” ผมรีบโค้งเพื่อซ่อนใบหน้า จากหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง แม่บ้านโบกมือไม่ถือสากับความซุ่มซ่ามของผม ผมจึงรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นทันที----โดยไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกลัวผู้หญิงคนนั้นมากมายอย่างนี้
HUNZ talk
คำว่า “คิดถึง” มันทำให้ผมทรมานมากมายได้จริงหรือนี่??? ผมก้มลงมือเตียงสะอาดที่ไร้คนมาซุกกายมาหลายคืน แต่กรุ่นกลิ่นของแกงส้มยังคงตลบอบอวลในความรู้สึกผม ใบหน้าหวานหลับพริ้มในอ้อมกอดผมยังคงตรึงใจยากที่จะลบเลือนออกไปได้ ผมนั่งลงที่เตียงนั้นอย่างเบาและเงียบเชียบ ราวกับกลัวว่าจะทำให้ร่างโปร่งบางในจินตนาการสะดุ้งตื่นจากฝันดี
ตอนนี้คนดีของพี่จะเป็นยังไงบ้างนะ... ผมกระซิบอย่างแผ่วเบา แต่หวังลึกๆให้แกงส้มรับรู้ถึงความรักความคิดถึงที่ผมมีให้ ความรักที่มันไม่คู่ควรกับแกงส้มแม้แต่น้อย หากผมเลือกได้...ผมจะไม่เป็นไอ่ฮั่นคนนี้เป็นอันขาด ผมยอมเหนื่อยกาย ยอมละทิ้งความสุขสบายเพื่อใบหน้าเรียวหวานนั้นได้ แต่บุญคุณท่วมหัวที่ทำให้ผมเป็นคนมาจนถึงทุกวันนี้ ชาตินี้ทั้งชาติให้ผมชดใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด
“แกงส้ม..พี่ขอโทษนะ” ผมซบใบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง ความเจ็บปวดเกาะกินหัวใจอย่างช้าๆ แต่ทว่ารุนแรงและแสบลึก คำขอโทษเป็นล้านๆก้องในหัวใจ...น้ำตาของพี่ มันน่าจะช่วยชะล้างบาดแผลเจ็บปวดในหัวใจของแกงส้มได้บ้างก็ดีสินะ แต่หัวใจของพี่ไม่เป็นไรหรอก มันยินดีที่จะเจ็บหากมันเจ็บเพราะการได้รัก..รักคนที่พี่รอมาทั้งชีวิต เจ็บปวดแค่ไหนหากมันเป็นเพราะว่าพี่รักแกงส้ม มันเป็นความเจ็บปวดที่แสนจะงดงามมากกว่าความสุขใดๆ ที่พี่เคยมี....
KANGSOM talk
“ดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้าพี่จัดการธุระที่บ้านเสร็จแล้ว พี่จะไปรับ” พี่ฮัทมองผมอย่างเป็นกังวล เมื่อรู้ตัวว่าต้องกลับบ้านไปจัดการธุระสำคัญทั้งที่บอกกับผมไว้ว่าวันนี้ไปรับผมที่โรงแรม
“ไม่เป็นครับพี่ฮัท---เมื่อวานผมก็กลับมาเอง พี่ชอบทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กๆ ทุกทีเลย” ผมโบกมือรัว ก่อนจะพูดหยอกพร้อมอมยิ้มให้ มันก็รู้สึกดีนะครับที่มีคนเป็นห่วงเป็นใยเรา... แต่ผมไม่รู้ว่าวันไหนผมจะได้ตอบแทนความรู้สึกดีๆนั้น ผมไม่อยากแสแสร้งทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง และพี่ฮัทก็คงไม่ต้องการมันเช่นกัน
“แล้วพี่จะโทรหาอีกทีนะ...” พี่ฮัทก้มมองนาฬิกา แล้วเงยหน้ามาบอกผม ก่อนที่จะหยิบเสื้อหนังตัวเก่งเดินสาวก้าวยาวออกไปทำธุระ ผมทิ้งตัวลงที่พนักพิงเก้าอี้ เหลือเวลาอีกไม่นานนักก็จะเวลาออกไปทำงาน ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวความอ้างว้างก็มานั่งเคียงข้าง ผมนี่มันอ่อนแอจริงๆ รู้ดีว่าต้องทำใจให้ลืมเค้าคนนั้นให้ได้---แต่หัวใจบ้าๆดวงนี้กลับดื้อดึงนัก ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กัน...มันทรมานมากไปนะแกงส้ม เราต้องทนกับความเจ็บปวดที่เกาะแน่นในใจแบบนี้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่สายตาคมหวานนั่น...ถึงจะหลุดออกไปจากห้วงของความคิด ผมไม่อยากคิดถึงเค้าเลยแม้แต่น้อย---แต่ห้ามเท่าไหร่ มันกลับยิ่งคิดถึงเป็นทวีคูณ ยิ่งตัดใจมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกโหยหาอ้อมกอดนั้นมากขึ้น... ผมนี่มันอ่อนแอสิ้นดี!!!
ผมก้มมองมือถือในมือที่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์.... แกงส้ม!!! นี่ปล่อยให้มือถือแบตหมดจนเปิดไม่ได้เลยเหรอเนี่ย แล้วพี่ฮัทเค้าจะติดต่อเราได้ยังไง??? ผมบ่นตัวเองในใจก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพานเดินออกจากห้องพักห้องเล็กที่ทางห้องอาหารให้ผมใช้เก็บของและแต่งตัว ผมเดินผ่านตู้โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งร้าง...แล้วจะมีประโยชน์อะไรเมื่อผมจำเบอร์พี่ฮัทไม่ได้อยู่แล้ว จริงอย่างที่เค้าว่า...ถ้ามือถือหายหรือแบตหมดเราก็เหมือนคนหลงทาง คราวหน้าต้องจดเบอร์สำรองติดกระเป๋าไว้สักหน่อยแล้ว เมื่อออกจากโรงแรมผมค่อยๆเดินไปตามทางเดินเพื่อหาป้ายรถเมล์สว่างๆ รอรถกลับบ้าน วันนี้สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลย...นั่งแท็กซี่ดีกว่า แพงหน่อยแต่ก็สบายใจ ผมชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นกลุ่มคน ห้าหกคน รวมกลุ่มตรงทางเดิน ทำไมผมถึงรู้สึกใจสั่นแปลกๆ นี่เรากลัวอะไรกัน—ไร้สาระน่า ที่นี่ทางสาธารณะใครมามายืนคุยกันก็ไม่แปลกสักหน่อย ผมทำใจกล้าหลังจากปลอบใจตัวเอง ผมเดินเลี่ยงจากกลุ่มคนนั้นมากที่สุด และผมก็เดินผ่านจนได้
“แกงส้ม!!!” มีคนเรียกชื่อผม ผมหันไปตามเสียงนั่น...และสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อชายสองคน วิ่งไปดักข้างหน้าผม ผมหันรีหันขางมองหาคนช่วยเหลือ แต่นี่มันเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผู้คนน้อยเต็มทีแล้วใครจะอยากเอาตัวเองมาเสี่ยงตายกับชายน่ากลัวกลุ่มนี้
“มีอะไรครับ...พวกพี่ต้องการอะไร” ถึงพยายามถอยห่างจากทุกคน ซึ่งนั่น...ทำให้ผมอยู่ตรงกลางกลุ่มคนนั้น
“พี่อยากได้เงินเหรอ---ผมมีอยู่แค่นี้ พวกพี่เอาไปเลย” ผมปลดกระเป๋าออกจากตัวยื่นให้คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า ซึ่งการกระทำของผมทำให้พวกมันหัวเราะขึ้นมาทันที ร่างกายของผมสั่นเทิ้มด้วยความกลัว...
“มันคิดว่าเราอยากได้เงินมัน---ไอ่กระจอก!!! ค่าจ้างที่ชั้นได้มันมากกว่านั้นหลายเท่าเว้ย!!!” ค่าจ้าง---หมายความว่ายังไง ผมไม่ทันให้คำตอบกับตัวเอง ร่างกำยำที่อยู่ทางด้านหลัง คว้าตัวผมไว้โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ผมดิ้นรนจากวงแขนที่เต็มไปด้วยสาบเหงื่อสุดชีวิต แต่นั่นมันกลับทำให้ผมถูกชกเข้าที่ท้องเพื่อทำให้ผมสิ้นฤทธิ์โดยไอ่คนที่เป็นหัวหน้า
“หน้าหวานอย่างที่บอกจริงๆ ไหนดูสิหอมมั้ย???” ไอ่คนที่ชกท้องผม เอามือหยาบกระด้างบีบคางผมอย่างแรง ก่อนเอาจมูกมาดมที่ใบหน้าผมใกล้ๆ ผมพยายามสะบัดหน้าหนีจากความน่าสะอิดสะเอียนนั่น... พี่ฮั่น----พี่เคยช่วยผมไว้ไม่ใช่เหรอ??? ผมกลัว...พี่ฮั่นพี่อยู่ที่ไหน??? ผมกลัวจริงๆนะ ช่วยผมด้วย...ช่วยผมไปจากตรงนี้ที.....พี่ฮั่น---
“ปล่อย---อย่าทำอะไรผมเลย ผมไหว้ละ ปล่อยผมเถอะ” น้ำตาของความหวาดกลัวไหลออกมา ผมออกมือไหว้พวกมันทั้งที่ยังหลับปี๋ และความสะใจก็ระเบิดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าขยะแขยง
“ปล่อยทำไม--- ของเล่นขาวๆอยู่ในมือแบบนี้ พวกกูจะโง่ปล่อยไปได้ยังไง”
“แต่พวกมึงต้องปล่อย!!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมเสียงของหนักกระแทกพื้น ผมลืมตาขึ้นมาเห็นพี่ฮัทตวัดขาเตะคนที่เพิ่งชกผมไปจนล้มกลิ้ง แต่ไอ่คนที่จับตัวผมไว้ยังทำให้ที่ได้อย่างดีเยี่ยมผมพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดจากมันได้---- พี่ฮัทที่ดูอ่อนโยนกลับกลายเป็นชายหนุ่มดุดันปราดเปรียว พวกมันจำนวนกว่าครึ่งสิบไม่อาจทำให้พี่ฮัทเสียหลักได้เลยแม้แต่น้อย พี่ฮัทจัดการพวกมันจะล้มคว่ำไปทีละคน ไอ่คนที่จับตัวผมไว้มองไปรอบข้าง ก่อนที่ปล่อยตัวผมแล้วออกวิ่งหนีไปทันที ส่วนพวกที่นอนอยู่ก็ประคองตัวเองวิ่งหนีไปจนหมด
“เป็นอะไรมั้ย??? มันเอาอะไรไปบ้างรึเปล่า??” พี่ฮัทปราดเข้ามาหาผม มองทั่วร่างกายสำรวจความเสียหาย ก่อนที่จะก้มตัวไปหยิบกระเป๋าผมที่หล่นไปตอนไหนก็ไม่รู้
“ไม่---แค่ตกใจนิดหน่อยครับ---ขอบคุณที่ฮัทนะครับ ถ้าพี่ไม่มาหรือมาไม่ทัน ผมต้องแย่แน่ๆเลย” ผมยกมือไหว้คนที่ช่วยเหลือผมไว้.... พี่ฮัทโบกมือบอกเป็นนัยๆว่าไม่เป็นไร
“แถวนี้ตำรวจดุจะตาย---ทำไมพวกมันถึงกล้านักนะ” พี่ฮัทมองตามพวกมันก่อนจะพึมพำด้วยความสงสัย.... ผมชั่งใจว่าจะบอกพี่ฮัทดีหรือไม่ ว่าเพราะอะไรพวกมันถึงจะทำร้ายผม...
“พี่ฮัท.....พวกมันบอกว่ามีคนจ้างมันมาครับ มันรู้จักชื่อผมด้วย” ผมตัดสินใจบอกพี่ฮัทออกไป ยอมรับครับว่าเป็นเพราะความกลัว ผมไม่อาจจะรับมือเรื่องแบบนี้ได้เพียงลำพัง...
“บ้าเอ๊ยยยย!!! นี่ทำกันขนาดนี้เหรอเนี่ย???” พี่ฮัทสบถเสียงดัง
“พี่ฮัทคิดว่าเป็นฝีมือคุณหนูเหรอครับ...ผมว่าคุณหนูเธอคงไม่-----” ผมไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้ได้ มันมากไป...ในความรู้สึกของผมเธอไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น
“แกงส้ม---ไม่มีเหตุผลที่จะมองยัยเด็กบ้านั่นในแง่ดีอีกแล้ว หมดเวลาของความอ่อนแอ แกงส้มต้องไม่ใช่ผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียวรู้มั้ย??? คนเราอยู่รอดได้เพราะความเข็มแข็ง ความดีมันไม่สามารถปกป้องเราจากพวกเล่นสกปรก มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน!!!” พี่ฮัทพูดกับผมด้วยความฉุนเฉียว สายตาของพี่ฮัมมองตรงไปข้างหน้า ทั้งมุ่งมั่นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
“พี่ฮัท----” ผมเรียกชื่อนั่นเบาๆ ไม่อยากให้เรื่องนี้มันบานปลายขนาดนี้ ผมเต็มใจที่จะหนีมากกว่าการเผชิญหน้า มันไม่ใช่แค่ร่างกายของผมที่อ่อนแอ แต่หัวใจของผมมันต้องการหนีไปให้ไกลมากกว่าที่ต่อสู้กับความรักที่เลวร้ายนั่น...
“แกงส้ม...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เถอะ ถึงเวลาที่เหยื่อจะกลายเป็นผู้ล่าแล้ว”
ช่วงนี้งานเยอะมาก.... แต่มีความสุขกับการได้แต่งฟิคมากกว่า 5555 ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กัน ด้วยการเม้นคนละนิดคนละหน่อย ให้จิตใจของไรต์ได้แจ่มใสนะจ๊ะ จะได้มีแรงใจอู้งานมาแต่งฟิค อิอิ ^^
ความคิดเห็น