ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19: ทรมาน

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 55




    STOP

    ในที่สุดก็มาถึงบ้านสักที ชั้นลากกระเป๋าพร้อมของฝากเปิดประตูเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้อยากจะกรี๊ดให้โลกแตก โต๊ะรับแขกมีขวดเหล้าเปล่าตั้งอยู่สามสี่ขวดและที่สำคัญพี่ชายตัวดีนอนขดอยู่บนโซฟาเหมือนเด็กมีปัญหา... พี่ฮั่น ทำไมเป็นคนแบบนี้ น้องไม่อยู่แอบซดเหล้าจนเมาไม่ยอมไปเปิดร้านเลยเหรอ???

    “ตื่นเลยนะ...ตื่นๆๆๆๆๆ” ชั้นตีขาพี่ชายไม่แรงนักให้รู้สึกตัว ร่างนั้นค่อยลืมตาแล้วขยับร่างช้าเชื่อง

    “ทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อน...พี่จะได้ไปรับ” เสียงอู้อี้ทำให้ชั้นส่ายหน้าเอือมระอา

    “ไปดูก่อนมั้ย??? ว่าโทรหากี่สาย” ชั้นพูดเสียงแหลมพี่ฮั่นก้มหน้านิ่งอย่างหงอยๆ

    “แต่ก็นั่นกลับเองได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องให้ไปรับหรอก แล้วนี่นึกครึ้มอะไรเนี่ยเมาซะเละเชียว” ชั้นรีบปลอบพี่ชายที่ดูเหมือนจะสำนึกผิดจนเกินเหตุ พี่ฮั่นยกมือมาปิดหน้าตัวเอง

    “พี่อยากตาย....” แล้วจู่ๆพี่ฮั่นก็ร้องไห้ออกมา นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ได้ไปรับชั้นใช่มั้ย??? ชั้นนั่งลงแล้วกอดพี่ชายเพื่อปลอบใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆออกมา มันนานมากแล้วนะ...ที่พี่ชายคนนี้จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น มันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ชั้นไม่อยู่.....

    “ใจเย็นๆนะพี่ฮั่น ถ้าพี่ตายแล้วหนูจะอยู่กับใคร” ชั้นซบหน้าลงบนไหล่กว้างนั้น พี่ฮั่นดูเหมือนจะตั้งสติได้ใช้มือเช็ดน้ำตาพร้อมเงยหน้าเพื่อกั้นไม่ให้มันไหลออกมาอีก

    “พี่ก็แค่เหนื่อย ไม่มีอะไรหรอก” เราเป็นพี่น้องกันทำไมจะไม่รู้ว่าหัวใจพี่ฮั่นในตอนนี้มันอ่อนแอแค่ไหน

    “งั้นพี่ก็พักซะ เรื่องร้านเดี๋ยวสต๊อปกับแกงส้มจะดูแลเอง” ชั้นบอกพี่ชายด้วยความสดใสเผื่อจะทำให้พี่ชายคลายจากความหดหู่บ้าง แต่ก็เหมือนมันจะไม่ได้ผลเพราะพี่ฮั่นหลุบตาต่ำความเจ็บปวดใจแสดงออกมาอย่างชัดเจน

    “แกงส้ม...เค้าคงไม่กลับมาแล้ว”

     

    CAN talk

    วันนี้เป็นวันที่สต๊อปจะกลับมาจากสิงคโปร์ ผมเดินวนไปรอบๆห้องชมรมเป็นหนูติดจั่น หวังว่าร่างบางนั้นจะโผล่มาแม้วันนี้จะไม่มีการเรียนการสอนก็ตามที ไอ่โดมกับน้องๆ ช่วยกับเก็บข้าวของโดยถือว่าวันนี้เป็นวันทำความสะอาดครั้งใหญ่ของชมรม มองผมเหมือนรำคาญเต็มที

    “ไอ่แคนจะเดินไปเดินมาทำไม เกะกะ คนอื่นเค้าจะทำงาน!!!” เพื่อนร่างกลมหันมาดุ ผมก็เล่นนั่งลงที่เก้าอี้แต่ได้ไม่นานก็ต้องลุกขึ้นมาอีก

    “ไอ่โดม....ชั้น----” อยากจะบ่นก็อยากแต่ก็กลัวคนอื่นเค้าจะรู้เรื่องราวทั้งหมด

    “เข้าใจว่ารอสต๊อป” ไอ่โมโพล่งขึ้นมาเสียงดังดูเหมือนทุกร่างในห้องจะชะงัก

    “พี่พวกผมตกข่าวอะไรกันรึเปล่า”

    “ทำไมต้องรอสต๊อปด้วย” เอาแล้วไงครับ ถามกันให้ระงมผมมองหน้าไอ่โดม

    “ก็ตอนนี้แกต้องพิสูจน์ความจริงใจว่าแกชอบเค้า แล้วจะมาปิดบังคนอื่นทำซากอะไร แมนๆหน่อย ประกาศให้ก้องโลกไปเลยว่าแกชอบสต๊อป” ไอ่โดมพูดซะหมดเปลือก ทุกคนดูเหมือนจะสนใจข่าวใหม่มากกว่าการทำความสะอาดซะแล้ว แถมบางคนมองหน้าผมแล้วยิ้มๆอีกด้วย ผมก็เลยยิ้มแห้งๆกลับไป จากปิดบังก็ต้องมาเปิดเผย แล้วถ้าสต๊อปเค้าไม่พอใจผมอีกละ....โอ๊ยยยยยย!!! ชีวิตรักไอ่แคนทำไมมันลำบากลำบนแบบนี้ฟร๊ะ!!!

    “พี่โดมมันเกิดอะไรขึ้น!!!” เสียงดังมาจากประตูทำให้ทุกความเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง

    “เรื่องอะไรอีก เรื่องบางเรื่องสต๊อปก็เคลียร์กับไอ่แคนเองสิ มันก็อยู่ตรงนี้แล้ว” ไอ่โดมบุ้ยปากมาทางผม สายตาคมหวานตวัดมามองก่อนจะค้อนขวับไปหาไอ่โดมอีกครั้ง

    “ไม่ใช่!!! สต๊อปหมายถึงเรื่องที่แกงส้มลาออกจากที่ร้านต่างหาก แล้วพี่ฮั่นก็สภาพแย่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาให้ชีวิต เค้าทะเลาะกันรึไง” สต๊อปถามรัวแต่ผมกับไอ่โดมไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งนั้น

    “แกงส้มลาออกเหรอ???....พี่ยังไม่รู้เลยนะ” ไอ่โดมบอกไปพร้อมหันมามองหน้าผม ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้เจอหน้าแกงส้มตั้งแต่วันนั้นแล้ว... ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

    “หรือว่า...เค้าทะเลาะกัน” สต๊อปพูดออกความเห็น แต่ผมกับไอ่โดมก็สุดปัญญาจะบอกได้

    “เดี๋ยวพี่กลับไปที่หอแล้วจะไปหามันเอง สต๊อปโทรหามันบ้างรึไง” ไอ่โดมจอมวางแผนเริ่มคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างเยือกเย็น

    “โทรแล้วแต่ไม่ติดเลย... เป็นห่วงเหมือนกันนะเนี่ย” สต๊อปพูดอย่างร้อนใจ ผมเองก็เป็นห่วงแกงส้มไม่น้อยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้แกงส้มยังมีความสุขดีอยู่เลย ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ แค่ไม่กี่วันทำไมเรื่องราวมันพลิกได้ขนาดนี้นะ

    “พี่ว่าใจเย็นๆ มันจะไม่เลวร้ายก็ได้” ผมพยายามปลอบใจแต่หน้าสวยนั้นกลับมองหน้าแล้วเชิดใส่ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นการเชิดที่น่ารักน่ามอง.... เฮ้ย มันใช่เวลามั้ยไอ่แคน!!!

    “สต๊อปว่าสต๊อปกลับดีกว่า เหม็นหน้าคนแถวนี้” ว่าแล้วสาวเจ้าก็เดินกลับออกไปทันที ผมได้แต่มองตามตาละห้อย เธอคงไม่ให้อภัยผมแล้วละมั้ง....

    “อ้าว...ไอ่นี่ตามไปสิ ยืนบื้ออยู่ได้” ไอ่โดมตะโกนใส่ผม ผมหันไปมองอย่างตกใจ ทุกคนโบกมือให้ผมรีบตามสต๊อปไป ผมก็เลยออกวิ่งทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะวิ่งตามไปทำไม

    “สต๊อป...รอพี่ก่อน” เมื่อเห็นหลังหญิงสาวผมก็ร้องเรียกทัน เธอหันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นผมเธอจึงเร่งฝีเท่าขึ้น ผมจึงออกวิ่งไปขวางหน้าสต๊อป เธอมองผมก่อนชักสีหน้ารำคาญ

    “มีอะไร” น้ำเสียงเย็นชามันทำเอากำลังใจของผมหายไปในพริบตา

    “คือ....พี่แค่อยากมาขอโทษที่พี่โกหก” ผมพูดขอโทษออกไป

    “ที่ทำมาทั้งหมดแค่ขอโทษแล้วมันหายเหรอ??? ความรู้สึกที่เสียไปมันไม่ได้กลับมาง่ายๆนะคะ” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คำพูดที่ใช้เสียงดังแต่มันทำให้ผมรู้ว่าเธอรู้สึกแย่กับการกระทำของผมแค่ไหน

    “พี่แค่อยากให้สต๊อปได้รู้ว่าพี่จริงใจ วันเวลาที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมด อย่างน้อยก็น่าจะให้พี่ได้อธิบายบ้าง” ผมอ้อนวอนแต่ก็อดไม่น้อยใจไม่ได้ที่สต๊อปตัดสินการกระทำผมแค่เพียงปะโยคเดียวโดยไม่หันกลับมามองเลยว่าผมเองก็พยายามทำดีกับเธอแค่ไหน เธอมองข้ามเรื่องราวดีๆระหว่างเพราะแต่ประโยคนั้นเองเหรอ???

    “ได้...พี่มีเวลาหนึ่งนาทีสำหรับคำอธิบายดีๆ” สต๊อปยกมือกอดอกพร้อมก้มมองนาฬิกา เอาจริงเหรอเนี่ย????

    “คือ---พี่---คือ-----” ผมอ้ำอึ้งเพราะไม่ได้เตรียมคำพูดที่จะบอกเธอเลย ตอนนี้ผมมีเวลาแค่หนึ่งนาที ผมต้องพูดอะไร...พูด...บอกรักไง ใช่...บอกรัก... บอกไปสิ ไอ่แคน...เวลาของแกจะหมดแล้ว

    “หมดเวลา...สต๊อปขอตัวนะคะ” สต๊อปก้าวอย่างไปโดยพลัน

    “โธ่เว้ย....แค่บอกรักก็ไม่กล้า” ผมสบถด้วยความเจ็บใจตัวเอง หันหลังให้หญิงสาวเพราะทนเห็นเธอเดินจากไปไม่ได้...

    “เมื่อกี้พี่แคนว่าอะไรนะ” เสียงใสดังมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมองเห็นสต๊อปขมวดคิ้วทำหน้าตกใจ ผมพูดว่า... เฮ้ยยยยย!!! เมื่อกี้ผม.... บอกไปแล้ว เธอต้องได้ยินแล้วแน่ๆ

    “พี่บอกว่า พี่รักสต๊อป พี่รู้สึกอย่างนั้น” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดคำที่ซ่อนไว้ในหัวใจตลอดออกไป ใบหน้าสวยคมมีสีแดงระเรื่อปรากฏให้เห็น เธอมองหน้าผมราวกับจะมองให้ทะลุผ่านถึงหัวใจซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจ หากมีอะไรที่ทำให้เธอมั่นใจว่าผมมีความรู้สึกที่ดีและหวังดีกับเธอต่อให้ยากลำบากเพียงใด ตัวผมเองก็พร้อมที่จะทำ

    “พี่นี่บื้อจริงๆเลยนะ” สต๊อปหัวเราะออกมาแต่สีหน้ายังคงความเขินอาย

    “มันก็จริง...พี่มันก็ซื่อบื้อไม่เอาไหนอย่างที่สต๊อปว่านั่นแหละ แต่ทั้งชีวิตพี่ก็โกหกอยู่หนึ่งเรื่องก็คือเรื่องนี้ พี่แค่อยากโอกาสสักครั้ง ลองเปิดใจมองพี่บ้างในฐานะของคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กับสต๊อป... มันไม่มากไปใช่มั้ย???” ผมถือเอาเสียงหัวเราะนั้นนำทางเดินไปหาร่างนั้นพร้อมจับมือนุ่มมากุมไว้อย่างอ่อนโยน สต๊อปหลบตาผมอย่างขวยเขิน

    “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสต๊อปจะไม่โดนพี่แคนหลอกอีก” สต๊อปถามออกมาอย่างแผ่วเบา

    “มองตาพี่สิ....แล้วสต๊อปจะรู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้น” ผมพร้อมที่จะตอบคำถามนั้นมากกว่าคำพูด แววตาซึ่งเป็นหน้าต่างสะท้อนความรู้สึกในใจ ตอนนี้มันร้องก้องบอกรักหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ตาคมค่อยเงยมามอง ผมคิดว่าผมเห็นความหวั่นไหวในตาคู่สวยคู่นั้น เธอค่อยๆดึงมือออกจากมือผมอย่างสุภาพ

    “เรื่องของเราเอาไว้ดูกันนานๆ แต่ตอนนี้สต๊อปกำลังเป็นห่วงพี่ฮั่นกับแกงส้ม.... มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!!!

     

    HUNZ talk

    ความเจ็บปวดมันทำร้ายใจผมเหลือเกิน แต่ผมจะไม่ให้มันมาทำลายชีวิตที่ผมสร้างขึ้นมากับมืออีก ต่อให้เจ็บแค่ไหน ผมก็ต้องใช่ชีวิตต่อไปอย่างที่เคยเป็นมา แค่ความรักต้องโบยบินออกไปอีกครั้ง มันคงไม่ทำให้คนอย่างผมขาดใจตายหรอกนะ.... ผมเดินเข็นรถเข็นในห้างเพื่อซื้อของเข้าร้าน อย่างน้อยก็ดีกว่าการนอนหมดอาลัยตายอยากหรือกินเหล้าเมามายให้สต๊อปเห็น ผมกลัวน้องจะเป็นห่วง.... เจ็บได้แต่อย่าเป็นภาระใคร

    “ฮั่น....ฮั่นใช่มั้ย???” เสียงหวานเรียกชื่อผมดังพอสมควร ถึงไม่หันไปมองผมก็รู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้น แพรว..... ผมรีบเข็นรถเดินไปอย่างรีบเร่งจนเกือบจะกลายออกวิ่ง

    “ฮั่น....ฮั่น.... อย่าทำแบบนี้เลย แพรวขอโทษ อย่าเดินหนีอีกเลยนะ” จากเสียงเรียกก็กลายเป็นการปล่อยโฮ นั่น...ทำให้ผมชะงักแล้วหันกลับหลังมามอง หญิงสาวสวยร้องไห้กลางห้างโดยไม่สนใจว่ามีคนมองอยู่นับสิบ ผมหายใจออกยาวก่อนจะเดินกลับมาที่แพรวล้วงผ้าเช็ดหน้าให้ แพรวรับไปซับน้ำตา ก่อนจะทำหน้าให้เป็นปกติ

    ผมกับแพรวนั่งอยู่ในร้านของตัวเองที่วันนี้ปิดเฉพาะกิจเนื่องจากเจ้าของร้านหัวใจไม่แข็งแรงนัก ผมเพิ่งเห็นแพรวเต็มตา ถึงแม้ว่าร่างบางนั้นจะสวยขึ้นด้วยเสื้อผ้าและทรงผมที่ดูหรูและทันสมัย แต่ความสดใสร่างเริงกลับหายไปจากเธอโดยสิ้นเชิงซึ่งนั้นทำให้เธอดูมีเสน่ห์น้อยลงกว่าตอนที่เราเจอเมื่อหกปีก่อน

    “ฮั่นเป็นยังไงบ้าง ดูโทรมไปนะ” แพรวเริ่มพูดเมื่อเห็นว่าเราทั้งสองได้แต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยเครื่องดื่มด้วยหลอด

    “เหรอ??? เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย” ผมตอบออกไป แพรวหรี่ตามองผมด้วยความสงสัย

    “มีปัญหาอะไรรึเปล่า???” คำถามนั้นมันช่างตรงใจผมเหลือเกิน มีสิ...ตอนนี้หัวใจผมพร้อมจะหยุดเต้นได้ตลอดเวลา มีคนหนึ่งคนไม่เห็นค่าของมัน ทำร้ายมันทิ้งอย่างทารุณ... ผมทั้งรักทั้งเกลียดใบหน้าไร้เดียงสาที่ซ่อนความร้ายกาจ รอยยิ้มอ่อนหวานกลบเกลื่อนจิตใจโหดร้ายเลือดเย็น แกงส้ม...นายกำลังฝังชีวิตและหัวใจชั้นทั้งเป็นด้วยการทรยศหัวใจที่รักนายที่สุด

    “ฮั่น” เสียงเรียกทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด... ผมยิ้มแห้งๆให้อดีตคนรัก

    “แล้วแพรวล่ะ เป็นยังไงบ้าง” ผมไม่ตอบแต่กลับถามร่างบางกลับ สีหน้าของแพรวสลดลง

    “แย่... แย่จนไม่รู้ว่ายืนอยู่ได้ยังไง มีชีวิตอยู่ได้ยังไง แพรวไม่เหลือใครแล้วฮั่น ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ” คำตอบนั้นเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่า จากการกระทำของไอ่ต้นมันก็ทำให้ผมเชื่อได้ไม่ยากว่าแพรวคงได้รับความทรมานจากความรักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คิดไปแล้ว...เราถูกทำร้ายด้วยคนสองคนที่ร่วมมือกันด้วยซ้ำไป

     

    เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้สินะ... พี่ฮั่นกับคุณแพรว เค้าก็เหมาะกันดีนี่ แกงส้ม นายจะไปหวังอะไรอีก โง่มากนะที่คิดว่าขอแค่ได้เห็นหน้าก็พอ เจ็บพอมั้ย???? อย่าไหลออกมาสิ...อย่าไหลออกมานะน้ำตา ผมฟุบหน้ากับพวงมาลัยร้องไห้อย่างหมดหวัง ไม่เคยคิดว่าจะรักพี่ฮั่นได้มากมายขนาดนี้ ทั้งพี่บอกตัวเองให้เผื่อใจกับความเสียใจแต่เมื่อเห็นเค้ามีคนอื่นอยู่ข้างกาย ทำไมมันถึงร้าวรานหัวใจแบบนี้ มันช่างน่าประหลาดนักที่ตอนนี้ผมยังมีลมหายใจ.... คงมีแต่ลมหายเท่านั้นสินะ ที่ความรักครั้งนี้ไม่สามารถทำลายลงได้

    “ถ้าเจ็บก็กลับไปเถอะ” เสียงทุ่มคุ้นหูดังขึ้น ผมเงยหน้ามองต้นเสียงทั้งน้ำตา

    “ท่านเจ้าที่...ผมจะมาตาม---บัลเล่ต์กลับ” ผมบอกธุระที่มีกับท่านเจ้าที่ ท่านมองหน้าผมอย่างห่วงใย ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ เจ็บได้ก็ต้องหายได้ มันต้องมีวันนี้ที่หัวใจของผมจะกลับมาเป็นของผมอีกครั้ง

    “นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เจ้าต้องทำใจ...” ท่านเจ้าที่เอ่ยออกมา สีหน้าลำบากใจ ผมปาดน้ำตามองท่านด้วยสายตาจริงจัง

    “บัลเล่ต์เป็นอะไรครับ...ตอนนี้บัลเล่ต์อยู่ไหน ท่าน...บัลเล่ต์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย??? ท่าน...ตอบผมสิ” ผมถามออกไปอย่าร้อนรน แต่สีหน้าท่านไม่ได้ทำให้ความสบายใจหรือความรู้สึกในด้านบวกบังเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ถ้าผมไม่ได้พบบัลเล่ต์อีก... มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผมที่บอกให้บัลเล่ต์ไปทั้งที่รู้ว่าเธอเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้น้อยเต็มที เธอบอกผมว่าวิญญาณเธอถูกดึงไปยังที่ที่เธอไม่รู้จัก แต่เพราะแค่อยากอยู่ใกล้ชิดพี่ฮั่น... ผมถึงไม่มีแม้แต่โอกาสได้ลาผีน้อยของผม สวรรค์...ท่านรังแกผมมากไปหรือเปล่า

    “เราเสียใจ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว” และคำยืนยันก็หลุดออกมาจากปากท่านเจ้าที่

    “บัลเล่ต์....พี่แกงขอโทษ” ผมร่ำไห้อย่างหมดอาย ทุกอย่างมันเลวร้ายเหลือเกิน แล้วผมจะรับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ความรักที่พังทลายกลายเป็นร่องรอยของวันวานและความรู้สึกผิดที่เกาะกินหัวใจ ผมจะก้าวผ่านเรื่องราวความเจ็บช้ำเพียงลำพังได้นานสักเท่าไหร่ จิตใจของผมเหมือนเรือน้อยที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางทะเลกว้างไพศาล โดยเห็นว่าพายุดำทะมึนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างน่าหวั่นเกรง หัวใจดวงนี้กำลังรอวันอับปางลงสู่ก้นบึ้งแห่งความทรมาน....

     

    ปล. คาดว่าจะต้องยืดตอนจบไปอีกสักตอนสองตอนจ้า.... ตอนนี้ไรต์กับเขียนเรื่องเพิ่มอีกสองเรื่องเพราะถ้าเรื่องนี้จบไรต์จะเริ่มรวมเล่มแล้วน้า ไรต์จะทำเป็นสองเล่มจ้า เล่มหนึ่งกับเล่มสองแบ่งเป็นเล่มละสองเรื่องบวกกับหนึ่งเรื่องใหม่ เล่มแรก: รักอันตรายฯ+รักหลังไมค์ฯ+ เรื่องใหม่แนวdark หน่อยๆจ้า เล่มสอง: รักลืมร้าย+รักละมุน+เรื่องใหม่แนว Romance จ้า.... แอบมาโปรโมทก่อน5555  คาดว่าอีกพักใหญ่คงจะเปิดจองเพราะจะต้อง rewrite หมดทุกเรื่องเลย

    ปล.อีกที อ่านแล้วเม้น เค้าถึงจะเรียกว่ารักกันจริงนะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×