ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักร้าว ในเงามาร

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1: คุณครูคนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 55




    “ป้าครับ----บ้านโสรญาอยู่แถวนี้ใช่มั้ยครับ???” ผมแวะถามร้านขายของชำที่เจ้าของร้านดูใจดีมีน้ำใจ หลังจากเดินหลงมาสักพัก

    “อ่อ...บ้านยัยคุณหนูปิศาจเหรอจ๊ะ” ห๊ะ!!!... เมื่อกี้ป้าว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย???

    “เมื่อกี้ป้าพูดว่าอะไรนะครับ” ผมถามเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินมันถูกต้อง

    “บ้านยัยคุณหนูปิศาจ คนแถวนี้เค้ารู้กันดีว่าคุณหนูบ้านนั่นร้ายกาจแค่ไหน แล้วมีธุระอะไรที่บ้านหลังนั้นละจ๊ะ” คุณป้าทำเอาผมหัวใจฝ่อ นี่ผมต้องไปทำงานกับคนแบบไหนกัน!!!

    “ผมต้องไปสอนเปียโนที่นั่นครับ” ผมเอ่ยออกมาเบาๆ อย่างเศร้าใจเพราะดูจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ... เงินๆๆ ท่องเอาไว้เพื่อเงิน!!!

    “ระวังเนื้อระวังตัวหน่อยนะจ๊ะ บุญรักษานะพ่อคุณ อ่อ...ป้าลืมไปเลยว่ามาถามทาง เดินตรงไปตรงนั้นจะมีวินมอไซค์ บอกไปเลยว่าบ้านคุณหนูปิศาจเค้ารู้จักกันทุกคนแหละ” ผมเอ่ยคำขอบคุณแล้วพาร่างกายตัวเองไปตามที่คุณป้าร้านของชำบอก ทางเดินแฉะเพราะฝนที่ตกพรำมาตั้งแต่เมื่อคืน

    “น้อง...ไปไหนน้อง???” เมื่อผมเดินเข้าไปในรัศมีก็มีเสียงเรียกชักชวน

    “ผมจะไป....เฮ้ยยยย!!!” เสียง “เฮ้ย” มันเป็นของผมและพี่วินมอไซค์เพราะรถสีดำคันหรูสาดน้ำที่สุดแสนจะไม่สะอาด ผมก้มลงมองเสื้อผ้าที่จัดการแต่งตัวมาเป็นอย่างดีแต่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษโคลนเพราะรถบ้าๆคันนั้นคันเดียว

    “พี่ตามรถคันนั้นไป” ผมกระโดดขึ้นรถพร้อมร้องสั่งด้วยควาเดือดดาล เห็นว่าตัวเองรวยล้นฟ้าละสินะ ถึงขับรถไม่เห็นใจคนที่เค้าอยู่ข้างทางแบบนี้ มันต้องสั่งสอนกันบ้างแล้ว!!!

    “แต่น้องนั่นมัน....”

    “ใครก็ช่าง----พี่ตามมันไปเลย” ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ขอด่าให้สะใจหน่อยเหอะ พี่เค้าออกรถไปขับตามติดๆ ผมมองป้ายทะเบียนที่มาจากการประมูล คงเป็นพวกลูกคนรวยนิสัยเสียสินะ และแล้วรถคันนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่กว่าทุกหลังในบริเวณนั้น น้ำพุสวยสง่าตั้งตระหว่านรับแขก  ผมกระโดดลงจากรถทันทีเมื่อรถจอกสนิทแล้วสาวก้าวเข้าไปหาร่างสูงในชุลำลองราคาแพง

    “พวกนายเป็นใคร ที่นี่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาตามอำเภอใจนะ” ร่างสูงถอดแว่นกันแดดเผยใบหน้าคมคายขาวใส เมื่อมองรวมกับหุ่นสูงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ผู้ชายคนนี้เมื่อเดินผ่านไปทางไหนก็ต้องมีคนมองเหลียวหลังเป็นแน่ แต่ของแบบนี้ทำให้ผมหลงเสน่ห์ไม่ได้หรอกครับ

    “นี่ฝีมือคุณ” ผมชี้ที่เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน ร่างนั้นหรี่ตามมองพร้อมยกไหล่เชิงถามว่า “แล้วไง”

    “คุณไม่คิดจะรับผิดชอบในการขับรถบัดซบๆของคุณบ้างรึไงกัน” ผมเริ่มพูดเสียงดัง เมื่อเป็นว่าร่างนั้นไร้จิตสำนึกมากกว่าที่นึกไว้ รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า

    “อ่อ...ที่แท้ก็ต้องการค่าซักรีดเล็กๆน้อยๆ สมัยนี้มันหาเงินกันง่ายจริงๆนะ” ว่าแล้วนายคนนั้นก็ควักกระเป๋าสตางค์หยิบแบงค์สีเทาๆมาสามใบส่งให้ผม

    “สามพันพอมั้ย???” น้ำเสียงที่ดูแคลนผมมันทำให้สติและความอดกลั้นของผมขาดผึงขึ้นมาในทันที

    “คิดจะเอาเงินมาฟาดหัวกันงั้นเหรอ???.... คุณนี่มันรวยแต่ไม่มีสมองบ้างเลยนะ คนเราทำผิดก็ต้องขอโทษ ทำไมที่ตอนเด็กๆบ้านเค้าไม่สอนกันรึไงห๊ะ” ผมสาดคำพูดไปอย่างเชือดเฉือน ร่างสูงกระชากแขนผมอย่างแรง สายตาแข็งกร้าวตวัดมองมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ความกลัวเริ่มย่างก้าวเข้ามาสู่หัวใจผมแล้ว คนอะไรโมโหได้น่าขนลุกชะมัด

    “เอาเงินแล้วกลับไปซะ ไม่งั้นชั้นจะเรียกยามมาลากนายออกไป” เสียงเย็นนะเยือกทำเอาผมเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง

    “น้อง...พี่ว่าน้องกลับเหอะ ขอโทษด้วยนะครับคุณฮั่น” พี่วินเห็นท่าว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีจึงเข้ามาดึงผมกลับ พร้อมยกมือขอโทษนายอันธพาลในคราบคนรวย ไอ่ผมจะถอยก็กลัวเสียฟอร์ม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนักที่จะเอาตัวไปเสี่ยงกับร่างสูงที่ดูแข็งแรงนั้น

    “ผมว่าคุณเอาผู้โดยสารคุณไปเถอะครับ รับเงินนี่ไว้ไปค่าเสียหาย ใครไม่เอาก็ช่างเค้า” ท้ายประโยคสายตาปรายมามองที่ผมราวกับเป็นแมลงวี่แมลงวันที่มารบกวนให้รำคาญใจ ผมหันไปมองหน้าพี่วินมอไซค์ที่กำลังส่งสายตาขอร้องอ้อนวอน จึงตัดสินใจเดินกลับไปแต่ก็มิวายทำกระฟัดกระเฟียดส่งท้าย

    “พี่...ไปบ้านคุณหนูปิศาจ”ผมบอกจุดหมายปลายทางเดิมที่ตั้งใจ แต่ไม่รู้ทำไมพี่วินมอไซค์ถึงตกใจจนตาเหลือกขนาดนั้น

    “ที่นี่แหละ...บ้านคุณหนูปิศาจ” ร่างสูงที่ผมเพิ่งมีเรื่องไปตอบกลับด้วยสายตาลุกวาว ผมตกใจจนแทบจะล้มทั้งยืนแล้วอย่างนี้ผมคงหมดโอกาสได้ทำงานที่นี่เป็นแน่ นี่มันเรียกว่า “ซวยซ้ำซวยซ้อน” จริงๆ แต่ครูโรสบอกว่าผมต้องมาสอนผู้หญิงที่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลนี่น่า แล้วชายหนุ่มเต็มวัยที่ดูสง่าราวกับคุณชายเดินออกมาจากหนังสือนิยายแต่ปากจัดเหลือร้ายคนนี้เป็นใครกัน!!!

     

    HUNZ talk

    ผมนั่งมองร่างสูงโปร่งกับใบหน้าหวานไร้เดียงสาไม่วางตาเพราะความไม่ไว้วางใจ ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อยคงเพราะอึดอัดที่ผมไม่ปล่อยให้คาดสายตาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ความจริงร่างที่นั่งบนโซฟารับแขกชุดหรูควรจะดูดีกว่านี้ แต่ความรีบของผมเลยทำให้ร่างนั้นต้องเปรอะเปื้อนโคลนที่กระเซ็นไปทั่วร่าง ไม่น่าเชื่อว่าครูสอนเปียโนที่คุณหนูที่เรียกสัมภาษณ์จะเด็กขนาดนี้ อายุประมาณยี่สิบบวกลบสองปีไม่เกินไปกว่านั้น ยิ่งได้เห็นความโผงผางใจร้อนตัดสินใจด้วยอารมณ์ล้วนๆแบบนี้... คนแบบนี้นี่นะเป็นครูได้

    “คุณหนู...” ผมเรียกสาวน้อยที่เดินมาเบาๆ ผู้มาใหม่สะดุ้งเล็กน้อยลุกขึ้นยืนตามผม

    “นี่เหรอคะ...คุณครูที่ทางโรงเรียนส่งมา ยังเด็กอยู่เลย” เจนจิราอีกคนพูดขึ้นมา ว่าที่คุณครูยิ้มรับตามมารยาท ผมแอบนึกขำในใจเบาๆ เมื่อกี้ยังปากกล้าขาแข็งดูตอนนี้สิ!!!

    “แล้วเสื้อผ้าไปโดนอะไรมาค่ะ” คุณหนูสมายล์เอ่ยถามหลังจากสำรวจมาได้สักครู่

    “อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” ร่างสูงโปร่งตอบได้ดี... แต่ก็หันมามองผมเล็กน้อยเหมือนเป็นความผิดผมที่ทำให้ต้องลำบาก

    “พี่ฮั่นว่ายังไงค่ะ???” คุณหนูหันมาถามความเห็นซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่คำพูดนั้นทำเอาร่างว่าที่คุณครูกระตุก

    “ผมว่าครูคนนี้ไม่เหมาะสม ยังเด็กอยู่....เรื่องอามรณ์ยังไม่เย็นนัก” ผมบอกไปตามตรง ไม่มีเหตุผลท่จะต้องไว้หน้าใคร

    “คุณเองก็ดีนักแหละ นิสัยเสียไม่ยอมรับความผิดดีแต่เอาเงินฟาดหัวคนอื่น” ร่างสูงโปร่งหันขวับตอกกลับผม

    “การเป็นครูต้องใจเย็น แต่นายไม่มีข้อนั้น ชั้นมองอย่างดีแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องบ้าๆที่นายมาโวยวายใส่ชั้น” ผมตอบกลับไป

    “งั้นผมขอตัว....” ร่างสูงโปร่งพูดสั้นก่อนหันหลังเพื่อจะเดินกลับออกไปด้วยความโมโห ดูท่าทางแล้วจะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่น้อย ผมชอบคนที่ทระนงในตัวเองนะ...แต่ก็ช่วยไม่ได้!!!

    “เดี๋ยวก่อน.... พี่ฮั่นค่ะ ช่วยจัดการห้องพักให้เค้าด้วยนะคะ เอาห้องที่ตรงข้ามกับพี่ฮั่นก็ได้และอธิบายเกี่ยวกับตารางเวลาของที่บ้านนี่ทั้งหมด ฝากด้วยนะคะ” คุณหนูสมายล์ร้องเรียกและตกลงใจรับร่างสูงโปร่งนั้นแล้วเดินออกไปด้านนอกเพื่อจะไปเที่ยวเล่นตามเคย จึงเหลือแค่ผมและร่างสูงโปร่ง ผู้ที่มีหน้าที่เป็น “ครูสอนเปียโน” คนใหม่ของบ้านซึ่งตอนนี้ใบหน้าไร้เดียงสาหันมายักคิ้วให้ผมเพื่อกวนประสาท

    “นี่นาย----” ผมไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา ในเมื่อมันเป็นความต้องการของเจ้านายผมก็ต้องทำตาม

    “ก็รีบๆจัดห้องให้ผมนะครับ เดี๋ยวเย็นๆผมจะกลับมาใหม่พร้อมเสื้อผ้า แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องตารางเวลาด้วยกัน” ว่าแล้วร่างสูงโปร่งก็เริ่มอาการที่เรียกว่าเยาะเย้ยอย่างเต็มที่ ผมก้าวเข้าไปหาร่างนั้นอย่างสุขุม

    “คิดจะลองดี...มันไม่ใช่เรื่องนะ” ผมเดินเข้าไปชิดร่างนั้นจะเจ้าของร่างถอยแทบไม่ทัน แต่ก็ยังสู้สายตาอย่างไม่หวั่นเกรง

    “ผมคิดอะไร อยากทำอะไรผมก็จะทำ แต่ถ้ามันเป็นการไปลองดีกับใครเรื่องนี้ผมก็ช่วยไม่ได้” ปากเรียวสวยนี้ทำไมถึงช่างกล้านัก ผมพ่นลมหายใจอย่างเหลืออด และเป็นครั้งแรกที่มองใบหน้าหวานไร้เดียงสาอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก ใบหน้าเรียวใสอ่อนเยาว์แต่ดูฉลาด เครื่องหน้าช่างดูเหมาะเจาะลงตัวส่งให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู และที่เตะตาผมที่สุดคือดวงตาคู่สวยคู่นี้มันช่างคุ้นตานัก เหมือนผมเคยเห็นที่ไหน...

    “คุณมองอะไรของคุณ” เสียงโวยวายทำให้ผมละสายตาออกมาด้วยความเคอะเขิน นี่เราไปจ้องร่างนั้นจนเกินงามไปใช่มั้ย??? แต่ผมคุ้นกันตาคู่นั้นจริงๆ เพียงแค่นึกไม่ออกเท่านั้น

    “แล้วนายชื่ออะไร” ผมถอยห่างออกมาสองก้าวพร้อมคำถามที่คิดว่าน่าจะรู้ไว้

    “แกงส้ม...” เมื่อพูดถึงชื่อตัวเองร่างนั้นดูเขินๆ คงเป็นเพราะชื่อที่ฟังดูแล้วแปลกหู ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อบอกแม่บ้านมาเตรียมห้องเพื่อต้อนรับ “คุณครูคนใหม่”

    “แล้วคุณชื่ออะไร....ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรหรอกนะ แต่ก็ต้องเจอกันอีก” ถึงแม้จะเป็นการถามชื่อแต่ “แกงส้ม” ก็ยังทำตัวปากดี ผมส่ายหน้ากับความดื้อรั้นแบบเด็กๆ ที่นับจากนี้ไปก็คงต้องสู้รบปรบมือกันอีกสามเดือน

    “ฮั่น ชั้นชื่อฮั่น....”

     

    SMILE talk

    ชั้นนั่งรถไปกับคุณเจนจิราเพื่อไปเที่ยวเตร่ตามปกติในวันสุดสัปดาห์ คุณเจนเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เหมือนเลขา ที่ตอบสนองทุกความต้องการของชั้นแม้มันจะดูไม่มีเหตุผลสักแค่ไหน ถึงแม้บางครั้งชั้นจะไม่ค่อยพอใจที่คุณเจนชอบเข้าใจพี่ฮั่นจนเกินเหตุแต่ให้ชั้นไว้ใจเธอ เพราะเธอเป็นที่ให้คำปรึกษาทุกอย่างเพื่อดึงรั้งพี่ฮั่นไว้ กีดกันไม่ให้ใครเข้าใกล้เค้าเด็ดขาด... เพราะพี่ฮั่นเป็นของๆชั้น ทุกคนรู้ดี

    “เจนบอกตรงๆนะคะ เจนไม่เข้าใจ” เจนจิราเริ่มต้นบทสนทนาพร้อมสีหน้าสงสัย

    “เรื่องอะไรคะ” ชั้นถาม

    “ก็เรื่องครูสอนเปียโน ทั้งที่ดูท่าทางเค้ากับคุณฮั่นไม่ชอบหน้ากันแบบนั้น แต่ทำไมคุณหนูถึงรับเค้าเข้ามาในบ้าน แถมยังให้นอนห้องตรงข้ามกันอีก” เจนจิราคงสงสัยในการตัดสินใจเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วของชั้นสินะ เพราะโดยปกติชั้นไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พี่ฮั่นโดยเด็ดขาดแม้แต่เด็กรับใช้ที่บ้านก็ตาม

    “เพราะคนๆนี้จะเป็นรั้วอย่างดีนะสิ คนที่ไม่ชอบหน้ากันมันก็หมดห่วงเรื่องที่จะมาแย่งพี่ฮั่นไปอยู่แล้ว ยิ่งห้องของพี่ฮั่นเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน สมายล์กลัวว่าจะมีใครย่องไปหาพี่ฮั่นตอนดึกๆ มันจะไม่ดีกว่าเหรอคะที่เราจะมีใครสักคนไปป้วนเปี้ยนตรงนั้นเพื่อความปลอดภัย” ด้วยความที่ไม่ชอบหน้ากันถึงแม้คุณครูคนใหม่จะอยู่ใกล้พี่ฮั่นแค่ไหนมันก็ไม่น่าห่วงอีกแล้ว มันไม่ดีสำหรับชั้นหรอกเหรอ???

    “ที่คุณหนูรับเค้าเพราะคิดว่าเค้าจะไม่มาชอบคุณฮั่นแน่ๆแบบนั้นสิคะ” คุณเจนพยักหน้าเข้าใจในเหตุผลของชั้น

    “คุณเจนก็รู้ว่าพี่ฮั่นเป็นของสมายล์ เค้าเองก็รู้... ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีใครบนโลกใบนี้จะแย่งพี่ฮั่นไปจากสมายล์ได้ ไม่มีทาง!!!

     

    ปล. เม้นวันละนิด เพื่อหัวคิดที่โลดแล่นของไรต์ ติชมกันได้ตามสบายนะคะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×