ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักหลังไมค์ หัวใจฉ่ำ

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : ประกาศสงคราม

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 55


    “ปัง!!!” เสียงกระเป๋าของผมกระแทกลงโต๊ะ โมโหๆๆ ไอ่บ้าคนนั้นเป็นใครกันนะ กล้าทำให้ผมอับอายต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ ที่เจ็บใจที่สุดคือเดินจากผมไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางอวดดีนั่นมันช่างกวนใจผมเหลือเกิน ไม่รู้จะบายกับอะไรดี อ๊ากกกกกกก อย่าให้เจออีกทีนะ!!!  แกงส้มใจร่มๆ อย่าหงุดหงิดมีสมาธิไว้ นายต้องทำงาน นายห้ามหัวเสีย ปล่อยวาง....... ผมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหยิบเอกสารงานคร่าวๆ มานั้นอ่านทำความเข้าใจก่อนที่จะคุยงานได้ มืออาชีพ!!! ท่องไว้แกงส้ม

    หลังจากนั้นผมก็นั่งอ่านเอกสาร พร้อมๆกับคิดไอเดียบางอย่างมาเสนอ งานนี้เป็นงานที่น่าสนใจมากในสายตาผม เพราะเป็นงานใหญ่ซ้อมนานทำให้ผมมีเวลาออกงานต่อหน้าสื่อน้อยลง นี่แหละ...คือสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด เพราะด้วยความเลือดร้อนของผมทำให้ผมเองทั้งวีน ทั้งทะเลาะกับนักข่าวมาหลายครั้ง  การออกสื่อน้อยลงคงจะนำมาซึ่งความสบายใจมากขึ้น

    “มาเร็วเชียวนะ” พี่เอกกี้เดินเข้ามาในห้องประชุมเป็นคนแรก ผมยิ้มกว้างให้

    “ก็มันว่างนี่ครับ เลยมาอ่านงานก่อนประชุม” ผมตอบ มือก็เก็บเอกสารยัดลงกระเป๋าใบใหญ่ พี่เอกกี้เดินลงมานั่งข้างผม มือก็พัดให้ตัวเอง สงสัยอากาศข้างนอกร้อนจัด สักพักประตูก็ถูกเปิดออก

    “มากันแล้วเหรอครับ พี่เอกกี้สวัสดีครับ” สองหนุ่มเดินเข้าในห้อง คนหนึ่งเป็นหนุ่มร่างใหญ่ดูใจดี ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ติดที่ตัวเล็กไปหน่อย แต่แค่ผิวคล้ำเนียนกับใบหน้าหวานก็ชนะเลิศแล้ว

    “น้องโดม น้องแคน ไม่ได้เจอกันนานเลยเป็นไงบ้าง” พี่เอกกี้ดูสนิทสนมกับสองหนุ่มนี้ไม่น้อย ทักทายพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ จนลืมไปแล้วมั้งว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมเลยกระแอมไอแสดงความมีตัวตนให้ผู้จัดการส่วนตัวจำได้สักหน่อย ได้ผลครับพี่เอกกี้หันมามองก่อนที่ยิ้มแห้งๆ มาให้

    “นี่น้องแกงส้ม ที่เราสองคนรีเควสอยากให้มาทำคอนด้วยไงจ๊ะ” พี่เอกกี้แนะนำผม สองหนุ่มนั้นยิ้มให้ผมอย่างมีมิตรไมตรี ผมยกมือไหว้ตามธรรมเนียมไทย ใครดีมาผมก็ตอบครับ

    “พี่ชอบเรามากเลยนะ เพลงเจ๋งอ่ะ เสียงเพราะ เต้นเก่ง” พี่โดมร่างใหญ่พูดพร้อมกับยกนิ้วให้ผม จะว่ายังไงดีละ คือบอกตรงๆ ผมไม่รู้จักพวกเค้าอ่ะ ก็ผมไม่มีเวลาติดตามข่าวสารนี่น่า เอางี้ละกันนะ

    “พวกพี่ก็เก่งมากเลยครับ ไม่มีใครไม่รู้จักสามเกรียนแห่งวงการเพลง แล้วอีกเกรียนไม่มาเหรอครับ” ผมพูดออกไป พี่โดมกับพี่แคนมองหน้ากันอย่างงงๆ พี่เอกกี้อ้าปากค้าง

    “น้องหมายถึงสามเทพอ่ะจ๊ะ” พี่เอกกี้แก้คำพูดผม อ่าว...พี่เอกกี้เคยเรียกว่าสามเกรียนแน่นอนจำได้!!

    “สามเกรียน เมื่อเช้าพี่เอกกี้ยัง..” ผมคงพลาดอะไรสักอย่างแล้วแหละ สายตาของพี่เอกกี้ทำเอาผมหยุดพูดในทันที ผมก้มหน้าลงพี่เอกกี้แอบหยิกต้นขาผมเบาๆ พี่อ๊า...ผมขอโทษ ไม่บอกนิใครเค้าจะรู้ล่ะ เคราะห์ดีของผมนะครับที่พี่จิ๊บเข้าในพอดี ก่อนที่พี่เอกกี้จะทำขาผมลายเป็นลายเสือดาว

    “สวัสดีครับ พี่จิ๊บ” ผมทักทายไปก่อน ก็ผมปลื้มพี่เค้านิครับ ไว้หนวดด้วย...

    “แกงส้ม เป็นไงไม่ว่างเลยมั้งเนี่ย ดีใจๆ ที่ได้ร่วมงานกัน” พี่จิ๊บคุยกับผมขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้

    “อ่าว...แล้วอีกหนึ่งหน่อไปไหนละเนี่ย” พี่จิ๊บหันไปถามพี่โดมกับพี่แคน

    “เค้าวุ่นวายกับการเคลียร์ของอะไรก็ไม่รู้ครับ เดินไปเดินมาทั้งวัน” พี่แคนตอบก่อน

    “เดี๋ยวคงมามั้งครับพี่จิ๊บ” พี่โดมพูดต่อ สงสัยจะหมายถึงอีกหนึ่งเกรียนละมั้ง

    “งั้นเราคุยรอไปเรื่อยๆละกันนะ พี่เหนื่อยลุยงานมาทั้งวันละเนี่ย” พี่จิ๊บเสนอทุกคนพยักหน้ารับ

    “ทุกคนรู้ธีมของงานแล้วใช่มั้ย ว่าเป็น ธีม แบทเทิลกันระหว่างสามคนกับแกงส้ม” พี่จิ๊บเริ่มพูดเรื่องงาน มันเป็นเหมือนกับให้ผมมาท้าชิงพวกพี่สามคน ด้านการร้อง การแสดง และการเต้น บนเวทีซึ่งจะมีแบ่งเป็นส่วนๆ ของใครของมัน ผมถือว่างานนี้เป็นงานที่หนักมาก เพราะผมต้องแบทเทิลร้องกับพี่โดม เล่นมิวสิคัลกับพี่แคน ซึ่งระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น ประตูก็เปิดออกมา นั่น!!! ไอ่ล่ำจอมอวดดีนี่หน่า มาพร้อมลังในมือเหมือนเดิม นี่นาย!!! เข้าห้องผิดมาให้ผมเชือดถึงห้องเลยเหรอ

    “นาย” ผมลุกขึ้นชี้หน้าทันที ทุกคนมองมาที่ผมสลับกับไอ่ล่ำนั่น พี่เอกกี้ดึงมือผมให้นั่งลง

    “รู้จักกันเหรอ” พี่โดมถามขึ้นมา ไอ่ล่ำยิ้มมุมปากอย่างยียวน นั่งลงโดยที่ไม่พูดอะไร อะไรกัน!!! นายคนนี้ไม่ใช่เด็กยกของกระจอกๆเหรอเนี่ย ถึงว่าสิกล้าท้าทายผมขนาดนี้

    “นี่ ฮั่น...เป็นเจ้าของโจทย์เต้น เรามาวางกันว่าจะเอาแบบไหนบ้าง แนวๆไหน” พี่จิ๊บวกมาที่เรื่องงาน ห๊ะ!!! ผมไม่นึกเลยว่านายนี่จะเป็นนักเต้นที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้ ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย แววตาที่มองมาที่ผมมันท้าทายกันชัดๆนึกว่าเป็นหนึ่งในสามเกรียนแล้วผมจะยอมให้เหรอ เมินซะเถอะ อย่างนายขึ้นบัญชีดำหนังหมาไว้แล้ว รอยยิ้มยียวนของนายฮั่นนั้นมันช่างหน้าเอาน้ำกรดสาดดีแท้

    “ให้ซุปตาร์ เค้าว่าก่อนครับ” นายฮั่นมิวายประชดผม ต้องนิ่งอย่าได้ไปกระโดดตามเกมส์มัน

    “ผมคิดว่าเราน่าจะมีโชว์ก่อนหน้าแบทเทิลคนละห้านาที” ผมพูดมองหน้าพี่จิ๊บแต่หางตาเหลือบเห็นร่างสูงล่ำ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้สบายๆ เท่ตายแหละ ชิส์!!!

    “เอาแนวไหนดีละ” พี่จิ๊บพยักหน้ากับความคิดผม

    “ผมว่าเต้นคู่กับผู้หญิงดีมั้ยครับ หวือหวาน่าสนใจดี ประดิษฐ์ได้เยอะด้วย” นายนั่นพูดขึ้นมา ไอ่หื่นเอ้ยยยยย...หัวงูชัดๆ อยากแต๊ะอั๋งสาวๆก็ว่ามาเหอะ  แต่ดูท่าทางพี่จิ๊บจะชอบซะด้วยสิ ผมละเพลีย

    “ผมก็ชอบนะพี่จิ๊บ มันคงจะเรียกเสียงกรี๊ดดังน่าดู น้องฮั่นยิ่งเซ็กซี่ๆอยู่ พี่อยากดู” อ่าว...พี่เอกกี้ไหงไปเห็นดีเห็นงามไปกับความคิดหื่นๆ แบบนั้นด้วย หุ่นนายนั่นแค่ถอดเสื้อสาวๆคงสลบ แต่ผมนี่สิก้างชัดๆ โอ๊ยยยย!!! งานเข้าอีก  นายนั่นยักคิ้วให้ผม อ่อ...จะเอาใช่ป่าว ได้สักตั้งสักครั้ง แกงสู้โว้ยยยยยยยย!!!!

    “โอเคครับผมไม่มีปัญหา” น้ำเสียงผมฟังดูหนักแน่นมาก ผมไม่ถอยอยู่แล้วยิ่งมีคนมาท้าทายแบบนี้นะ จะได้รู้กันไอ่หื่น ว่าแกงส้มเวลาองค์ลงมันเป็นยังไง

    “งั้นวันนี้พี่ว่าเรากลับกันแล้วเนาะ เจอกันวันซ้อมนะ” พูดจบพี่จิ๊บก็เดินออกห้องทันที

    “ปวดฉี่มากเลย ผมไปก่อนนะพี่เอกกี้ แกงส้มแล้วเจอกัน” พี่แคนบอกลาก่อนวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำ

    “ไอ่แคนรอด้วย ปวดเหมือนกัน” พี่โดมรีบเก็บของลวกๆ แล้ววิ่งตามไปแคนไปอีกคน

    “มาช้าเชียวนะฮั่น พี่นึกว่าจะไม่เห็นหน้าหล่อๆของเราซะละ” พี่เอกกี้ไม่พูดเฉยๆ มือไม้นี่เลื้อยไปตามเนื้อตัวไอ่พี่ฮั่น รายนั้นก็ไม่ปัดป้องใดๆ ชอบละสินะ หล่อตรงไหน ก็แค่ขาว จมูกโด่ง หุ่นดี แค่นี้เอง

    “วุ่นวายหน่อยครับ เคลียร์ขอย้ายของนู่นนี้ แถมยังเจอหมาบ้าอีก เสียเวลาไปใหญ่” อ้าวๆๆๆ...แล้วทำไมพอพูดถึงหมาบ้าแล้วหันมาทางนี้ห๊ะ!!! พี่เอกกี้อีกคนจะเคลิ้มอะไรนักหนา

    “พี่เอกกี้ครับ กลับบ้านได้แล้ว” ผมเตือนสติพี่สาวที่รัก ถ้าไม่บอกก็คงจะลูบนู่นลูบนี่จนเพลินไม่กลับบ้านกลับช่องสินะ ไม่ได้นะพี่เอกกี้ห้ามไปคบหากับศัตรูหมายเลขหนึ่งของผมเด็ดขาด

    “งั้นพี่กลับแล้วนะจ๊ะ บาย”พี่เอกลานายหื่นนั่นด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ อะไรจะขนาดนั้น

    “ครับ แล้วเจอกันนะครับ” ดูลวดลายลีลาหมอนี่ละ คงซุกเมียเป็นกระบุงๆ แน่ ตานี่เยิ้มเชียว ผมมองหน้านายหื่นนั่นก่อนนะจะตามหลังกลับออกไป แต่เอ๊ะ!!! ในเมื่อประกาศสงครามทางสายตาแล้ว มันก็น่าจะเริ่มรบกันได้แล้ว ผมเลยแกล้งปัดลังใส่ของของตานั่นตกกระจาย นายฮั่นมองหน้าผม ก่อนชี้หน้าผมพูดไม่ออก ผมก็ได้แต่ตีหน้ามึนใส่ ประมาณว่า เค้าไม่รู้เรื่องนะตัวเองงงงง.....

    “แกงส้ม ทำอะไรนะ ช่วยพี่เค้าเก็บเลยนะ” พี่เอกกี้ทำเสียงดุใส่ผมด้วยแหละ ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าเพราะนายคนนี้เหรอเนี่ยยย!!! เดี๋ยวๆๆ จัดหนักๆ

    “ได้ครับ แต่พี่เอกกี้ไปซื้อน้ำรอผมหน่อยสิ อยากกินน้ำอ่ะ” ผมทำเสียงสำนึกผิดก่อนอ้อนพี่เอกกี้

    “ได้ๆๆ รอที่ลิฟต์ด้านล่างนะ ช่วยพี่ฮั่นเค้าเก็บด้วยนะ เรานี่มันจริงๆเลย พี่ไปแล้วนะจ๊ะน้องฮั่น” พี่เอกกี้เชื่อผมสนิทเลย พอพี่เอกกี้ออกไป ผมก็หันไปยักคิ้ว ก่อนทำทีว่านั่งลงจะช่วยเก็บของ

    “กลับไปเลยไป รู้นะว่าตั้งใจ” นายฮั่นพูดกับผมน้ำเสียงดูมีน้ำโห ผมยักไหล่ก่อนจะลุกขึ้น

    “จะช่วยแล้วนะ ไม่รับน้ำใจหน่อยเหรอ” ไอ่ความกวนของเรามันน้อยซะทีไหนละ

    “ไปเลยให้พ้นหน้าเลยนะ ถ้าไม่อยากถูกบีบคอตายในนี้” นายฮั่นก้าวเข้าหาผมสองก้าว

    “สายโหดนะเนี่ย คนเค้าอุตส่าห์หวังดี  งั้นกลับก่อนละกัน โชคดีนะ” ผมพูดก่อนจะยิ้มกวนๆให้ทีนึง แล้วเปิดประตูออกไป คิดว่าสงครามจะจบแค่นี้เหรอครับ ไม่ใช่ผมหรอก นี่ก็สามทุ่มละ คนก็ไม่พลุกพล่าน การขังคนไว้ในห้อง มันคงเป็นการระบายความเครียดของผมได้ดีทีเดียว หนอย!!! บังอาจมาประชดประชันเราเหรอ โดนมันต้องโดน ผมหยิบร่มแบบพับสีส้มออกมาขัดกับที่ดึงประตู แค่นี้นายล่ำนั่นก็ออกมาไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ผมยืนรอประมาณหน้านาทีประตูก็ถูกขยับ

    “เฮ้ย!!! ทำไมมันเปิดไม่ออกวะเนี่ย” เสียงคนด้านในบ่นออกมา

    “นั่นดิ” ผมส่งเสียงตอบออกไป

    “ไอ่เด็กบ้า เปิดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ประตูถูกเขย่า ผมหัวเราะดังๆให้นายฮั่นนั่นได้ยิน

    “เก่งจริงก็ออกมาให้ได้สิ เรื่องแค่นี้คงไม่เกินความสามารถหรอกนะ” ผมพูดไปขำไป ดีกรีความขำของผมพุ่งกระฉูดไปพร้อมพร้อมกับความโมโหของคนที่ถูกผมขังไว้ วัดจากแรงที่เขย่าประตู

    “อย่าให้ออกไปได้นะ จะจับแก้ผ้ากลางสี่แยกซะให้เข็ด” นายนั่นคาดโทษผมเอาไว้แบบหื่นๆ

    “อูยยยยย....น่ากลัวมว๊ากกกกก แต่ปัญหาของนายคืออกมาได้ก่อนนะ ง่วงละเนี่ยขอลากลับก่อน บ๊ายบาย ฝันดีผีหลอกนะจ๊ะ” ผมเยาะเย้ยชุดใหญ่ก่อนเดินออกมา นี่แหละวินาทีแห่งความสุขของวันนี้ นายทำให้ชั้นอายสองครั้งซ้อนในวันเดียว แค่นี้ยังถือว่าน้ำจิ้ม ของจริงยังมีอีกเพียบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

    “ไอ่เด็กบ้า” นี่คือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่จะเดินออกมา สะใจ สบายใจ ฮิ้วววววว!!!

     

    HUNZ talk

    นี่มันเวรหรือกรรมของผมกันแน่เนี่ย ที่ผมต้องมาเจอกับเด็กเมื่อวานซืนเกรียนๆ แบบนี้ ถึงขั้นกล้าขังผมไว้ในห้องเลยนะ อยากจะพังประตูไปจับตัวแสบนั่นกดน้ำให้หายซ่า เด็กบ้าอะไรเนี่ย ทั้งวีน ทั้งเหวี่ยง ทั้งแสบ ใครคนไหนคิดให้มาทำงานกับผมเนี่ย มีหวังได้พลั้งมือฆ่าตายสักวัน นี่วันแรกนะ ผมต้องอยู่กับนายคนนี้อีกสองสามเดือน ฟ้ากลั่นแกล้งผมใช่มั้ย แล้วจะออกยังไงวะเนี่ย...

    เสียงหัวเราะปานจะขาดใจตายทำให้ผมอย่างจะจับหัวเพื่อนสองคนโขกผนังจริงๆ ไม่น่าเลย คิดผิดที่โทรบอกให้สองคนนี้มาเปิดประตูให้ ไอ่เด็กแกงส้มทิ้งร่มสีส้มบอกยี่ห้อไว้ดูต่างหน้า สร้างความแค้นให้สุมอกผม แต่ดูท่าทางไอ่เพื่อนรักของผมสองคนจะปลื้มกับไอเดียบรรเจิดของเด็กบ้านั่นมาก

    “สุดยอดอ่ะ ไม่เสียแรงที่ได้ทำงานด้วยจริงๆ” ไอ่โดมพูดไปหัวเราะไป ไอ่แคนพยักหน้ารับงึกๆ

    “มันแกล้งชั้นนะเว้ย แกยังไปชื่นชมอีก สนับสนุนเด็กให้ร้ายกาจแบบนี้ บาปนะเว้ย” ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งที่เหวี่ยงแบบไม่แคร์สื่อแบบนั้น ทำไมถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นไอดอลของวัยรุ่นแบบนี้

    “ชั้นเห็นแกแขวะเค้าตอนประชุมตลอด มันก็พอกันแหละว้า” ไอ่แคนตอกผมกลับ

    “หายกันๆ อย่าคิดมาก แกเองนั่นแหละไปเอาอะไรกับเด็กมัน โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่แล้ว ยังไปทะเลาะกับน้องมันอีก ไม่รู้จักโต” ไอ่โดมจัดหนักครับ ปรี๊ดเงียบๆในใจ

    “นี่แหละ คำแทนใจชั้น เอาใจไปเต็มๆ” ไอ่แคนมีการส่งเสริมด้วยนะ หึหึ!!!

    “กลับแล้วนะ เจอกัน” ผมพูดเสียงเรียบๆ

    “เฮ้ย เมื่อเช้าชั้นกับไอ่โดมมากับแกนะเว้ย” พี่แคนท่านรีบโวยวายขึ้นมาทันที

    “ถึงเวลาแกสองคนต้องหาทางกลับเองแล้วแหละ” งอนครับ ยอมรับ กลับเองเลยนะ

    “ไอ่คนใจร้าย ไอ่หมีเอ้ยยยยย!!!” ไอ่แคนตัดพ้อผม

    “ถ้าไอ่ฮั่นหมีแล้วชั้นละ” ไอ่โดมหาเรื่องให้เค้าว่าตัวเองนะนั่น

    “ฮิปโป” ไอ่แคนตอบเสียงเรียบ

    “อ้าว วอนซะแล้ว ไอ่แคระ!!!” เฮ้ออออ!!! ขอถอนหายใจแรงๆ สักที รอบข้างผมจะมีคนปรกติกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย

    จะหาว่าใจร้ายมั้ยนะ ที่ปล่อยให้เพื่อนกลับมาเองทั้งที่อยู่คอนโดเดียวกัน ก็มันทนไม่ไหวนี่ครับ เข้าข้างไอ่เด็กอวดดีนั่นอยู่ได้ สงสัยต้องรับน้องใหม่ซะหน่อยละ ผมกลับมาได้สักพักก็มีเสียงกุกกักก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก ไอ่แคนโยนกระเป๋าใส่ผมที่กำลังนั่งที่โซฟาดูทีวีอยู่

    “ไอ่คนใจร้าย แกรู้มั้ยว่าชั้นกับไอ่โดมเอากระเป๋าเงินทิ้งไว้ที่รถแก” ไอ่แคนโวยวายใส่ผมทันที

    “อ้าวเหรอ??? เฮ้ย...ไม่รู้จริงๆแล้วมาได้ไงเนี่ย” ทั้งที่ควรจะรู้สึกผิดแต่ผมกลับหัวเราะเบาๆ

    “ยืมตังค์ยามที่ตึกดิ นี่ดีนะที่เค้าจำไอ่แคนจากในทีวีได้ ไม่งั้นนะได้เอาตัวเข้าแลกกับแท็กซี่แล้ว เพราะแกเลยนะไอ่ฮั่นชั้นกับไอ่แคนเกือบเสียเอกราชไปแล้ว” ไอ่โดมพาลมาลงที่ผมจนได้

    “ทำไมไม่โทรมาบอกเล่า” ผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ตามเรื่อง สงสัยจะโดนงอนยาวแน่ๆเลย

    “ไอ่แคนรีบนอนนะแก พรุ่งนี้แกมีบวงสรวงละครใหม่นะเว้ย ห้ามเล่นเกมส์” ไอ่โดมสั่ง

    “เออๆๆ ดูทีวีแปบดิ” ไอ่แคนทิ้งตัวข้างผม กดรีโมตทีวีไปเรื่อยๆ จนหยุดที่รายงานบันเทิงนึง

    “แกงส้มนี่หว่า วันนี้ด้วยสงสัยหลังจากที่คุยงานกับเรา เร่งเสียงๆ” ไอ่โดมวิ่งหน้าตั้งมาที่ทีวีทันที ภาพในจอ ปรากฏหน้าไอ่เด็กตัวแสบถูกรุมล้อมด้วยนักข่าว ดังจริงๆ เลยนะ

    “ข่าวที่บอกว่า แกงส้มพาน้องเรนโบว์ควงขึ้นคอนโดนี่จริงรึป่าวคะ” นักข่าวถาม

    “มีข่าวแบบนี้ด้วยเหรอครับ???” เจ้าตัวทำหน้าแปลกใจ นักข่าวตอบว่าใช่กันจอแจ

    “กับเรนโบว์นี่เค้ามาเล่นเอ็มวีตัวใหม่ให้ผม เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เสร็จงานก็ไม่ได้ติดต่อกันเป็นพิเศษอะไร ทวิตคุยกันบ้าง แต่เรื่องกิ๊กอะไรแบบนี้ไม่มีแน่นอนครับ” คำพูดช่างดูดีจริงนะพ่อคุณ

    “แต่ข่าวหนาหูมากนะครับ” นักข่าวถามขึ้นมาอีกครั้ง

    “มีรูปด้วยหรือป่าวครับ” แกงส้มพูดแล้วหัวเราะ ทำเอานักข่าวหัวเราะตาม

    “ถ้ามีมายืนยัน ก็อีกเรื่องใช่มั้ยครับ” คาดว่าจะเป็นนักข่าวคนเดิมถาม แกงส้มขมวดยิ้มเล็กน้อย

    “เอาตรงๆ นะครับ ผมยังไม่มีคอนโดเป็นของตัวเองเลย เรื่องพาสาวมานอนคอนโดนี่คงไม่ใช่แน่ๆ” แกงส้มตอบนักข่าว

    “อาจจะเป็นคอนโดของเรนโบว์ก็ได้นะครับ” คิดว่าตัวนักข่าวเองคงเริ่มยั่วโมโหนักร้องดังเอาแล้ว

    “เอางี้ดีกว่าพี่ถ้าผมซื้อคอนโดผมจะแถลงข่าว แล้วถ้าพาสาวมานอนด้วยผมจะโทรเรียกพี่ จากที่ไหน....อ่อ ดีมั้ยครับ พี่จะได้มีข่าวจริงเขียนกันสักที” เจ้าตัวคงเริ่มโมโหประชดนักข่าวกลับ มีการถามด้วยว่าจากที่ไหนรายการไหน ผมละนับถือความขี้วีนจริงๆ

    “แกงส้มครับ ในฐานะที่เป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ไม่คิดว่าสังคมจะคาดหวังกับการเป็นแบบอย่างที่ดีกับเยาวชนบ้างเหรอครับ” ไอ่ที่ผมอย่างรู้ตอนนี้คือ ไอ่นักข่าวนั่นเป็นใครกัน ทำไมถึงกัดไม่ปล่อยขนาดนี้

    “ผมเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน คือการตั้งใจเรียนและทำงานไปด้วยได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่พี่นักข่าวไม่คิดว่าสังคมจะไม่ต้องการจรรยาบรรณในการทำงานและถ้อยคำที่ให้เกียรติบ้างเหรอครับ แค่นี้นะครับ ผมต้องกลับแล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหนีออกไปจากวงล้อมของนักข่าวทันที ผมสามคนนั่งมองหน้ากัน ด้วยความอึ้ง ทึ่ง เสียว

    “นี่แหละ...ปากเสียงของศิลปินตัวจริง” ไอ่โดมกำหมัดอย่างสะใจ ถึงผมจะไม่ชอบไอ่เด็กยโสโอหังคนนี้เท่าไหร่นัก แต่ผมก็นับถือความกล้าของเค้าจริงๆ การที่ผมได้มาเห็นเด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้มันช่างเปิดโลกกว้างของผมจริงๆ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ความแค้นที่สุมอกผมที่ถูกแกล้งวันนี้ ยังไงความไม่ธรรมดาก็ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากการแก้แค้นชั้นได้หรอก ในเมื่อสงครามมันเริ่มต้นเพราะนาย ชั้นจะไม่ปล่อยให้นายเล่นงานชั้นคนเดียวหรอก เห็นร่มสีส้มที่วางที่โต๊ะแล้วปรี๊ดดดดดด   เตรียมรับมือฤทธิ์เดชหมีฮั่นได้แล้ว.....นายไอดอลจอมเหวี่ยง!!!

     

    ปล. เม้นหลังอ่าน ทำให้ไรต์หน้าบาน และมีแรงเขียนต่อนะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×