คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18: น้ำตาและความเสียใจ
HUNZ talk
“แกงส้ม---พี่ว่าเราไม่ต้องไปหรอกนะ” ผมพยายามเปลี่ยนใจแกงส้มเป็นครั้งที่ล้านแปด
“ไม่เอา....เราโดดงานมาตั้งสองวันแล้วนะ พี่ทำแบบนี้มีหวังร้านเจ๊งกันพอดี” แกงส้มที่กำลังจัดทรงผมอยู่หน้ากระจกร้องตอบ
“ก็ช่วงนี้มันช่วงฮันนี่มูน---เราต้องพักกันบ้าง แล้วอีกอย่างนะพรุ่งนี้ยัยสต๊อปก็กลับมาแล้ว เราสองคนจะมีโอกาสได้---อยู่ด้วยกันแบบนี้เหรอ???” ผมอ้างเหตุผล แต่แกงส้มเท้าเอวมองผมที่งอแงไม่ยอมไปอาบน้ำด้วยแววตาเอาจริง ผมเลยยกมือยอมแพ้
“สงสัยพี่ต้องหาเรื่องนอนเฝ้าร้าน---แกงส้มมานอนที่ร้านกับพี่นะ นะนะนะ” ผมเดินไปหาร่างสูงเพื่อต่อรองแกงส้มทำหน้าอมยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ซึ่งทำให้ผมรู้ทันทีว่าแกงส้มไม่ปฏิเสธ
“แล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อน” แกงส้มทำเสียงน่ารักปะเลาะผมเหมือนเด็กๆ ผมจึงฉวยโอกาสเผยหอมแก้มใสนั้นย่างรวดเร็ว
“ชื่นใจจัง แฟนใครก็ไม่รู้แก้มห๊อมหอม” ผมหยอดคำหวานขณะที่ยังโอบแกงส้มไว้แนบกาย
“แฟนใครไม่รู้จะเอาตาย ถ้ามีคนเฉไฉไม่ยอมไปอาบน้ำ” แกงส้มดักคอผม เอาซะผมจุกแล้วเดินคอตกเข้าห้องน้ำโดยดี หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยเดินลงมาข้างล่างก็เห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเช้าที่ส่งกลิ่นฉุยฝีมือแกงส้ม....
“โอ๊ยยยย...ไม่น่าชวนแกงส้มมาอยู่ที่นี่เลย” ผมร้องโวยวายขึ้นมา แกงส้มที่กำลังยกแก้วน้ำส้มคั้นมาวางที่โต๊ะหรี่ตามองผมด้วยความสงสัยระคนเอาเรื่อง
“ทำไม...อยู่กับผมแล้วมันทำไม”
“ก็เสพติดนะสิ นึกถึงโต๊ะอาหารที่แกงส้มจัดรอไว้ให้ นึกสีหน้าแกงส้มตอนหลับ นึกถึงเสียงหัวเราะแกงส้มตอนทีวี ที่สำคัญนึกถึงเสียงครางตอน-----” แกงส้มชี้หน้าผมเบรกคำพูดล่อแหลม ผมได้แต่หัวเราะคิกคักที่ได้ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นแดงระเรื่อแต่เช้า
“กินไปซะ!!!” นั่นคือคำบัญชาที่ทำเอาผมต้องรีบนั่งและจ้วงข้าวต้มเข้าปากอย่างรวดเร็วโดยมีแกงส้มส่งตาคมค่อยกำราบความทะเล้น
“เห็นมั้ย???---วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า ถ้าอยู่บ้านนะเราได้ทำกิจกรรมร่วมกันไปแล้ว” เสียงทะเล้นดังมาจากด้านหลังเคาท์เตอร์บาร์ชวนให้ผมเขวี้ยงของไปหานัก
“พี่คิดแต่เรื่องพรรค์นั้นอ่ะ ผมชักรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว” ผมพูดไปตามตรงขณะที่มือก็เช็ดโต๊ะไปพลาง
“แหม...ทีแบบนี้ก็พูดได้ เมื่อคืนไม่เห็นห้ามสักคำ”
“ดี!!! คราวนี้ผมจะไม่ยอมพี่อีกแล้ว” ผมชักโมโหเลยขว้างผ้าเช็ดโต๊ะไปทางร่างสูงนั้น ก่อนจะเดินมาหลังร้านหนีหน้าหล่อได้รูปนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์ ทำไมชอบพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้... ผมก็อายเป็นนะ ถ้าพี่ฮั่นไม่เริ่มก่อนผมก็ไม่เป็นแบบนั้นหรอก ไม่ใช่เพราะสายตาเว้าวอนนั้นเหรอ???...ที่ทำให้ผมยอมมีอะไรด้วย แค่ทำท่าเหมือนจะขัดขืนก็จับกดตรึงแขน แล้วผมจะรอดไปได้ยังกัน ตัวเองหื่นแบบนี้มาโทษผมคนเดียวเลยนะ!!!
“โกรธพี่อีกแล้ว พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ความจริงแล้วพี่ต่างหากที่เป็นคนต้องการแกงส้มมาก อย่างอนพี่เลยนะ” พี่ฮั่นลากเสียงยาวเพื่ออ้อนง้องอนผม ผมนิ่งเงียบ งานนี้ก็ต้องงอนให้หลาบจำซะบ้าง
“นี่จะไม่มีอะไรกับพี่จริงๆเหรอ พี่รู้นะว่าทุกครั้งที่เราทำแบบนั้น แกงส้มก็มีความสุข เพราะพี่เห็นว่าแกงส้มมีความสุข พี่ถึงชอบทำ” อ๊ากกกกกกก!!! นี่มันบทพูดหนังโป๊ชัดๆ เกินไปแล้วนะเสือฮั่น งานนี้มีแบน!!!
“ต่อจากนี้ไปพี่อย่าหวังจะได้เห็นหน้าแข้งผมเลย!!!” ผมพูดพร้อมสะบัดหน้าเดินหนีแต่พี่ฮั่นกลับคว้าผมไว้แล้วลากเข้าไปที่ห้องแต่งตัว
“พี่จะทำอะไรของพี่” ผมโวยวายแต่พี่ฮั่นกลับล็อคประตูห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“ลูกค้ามาจะทำยังไง... พี่อย่าเล่นอะไรบ้าๆนะ” สายตาวาวไม่มีประกายความขี้เล่นของพี่ฮั่นเริ่มทำให้ผมหวาดๆ พี่ฮั่นยิ้มที่มุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ ผมถอยกรูไปชนผนังด้านหลัง ที่ฮั่นพุ่งเข้ามาผมวิ่งหลบก่อนจะมุ่งไปที่ประตู แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสลูกบิด ร่างผมถูกเบียดให้ติดกับประตู
“บอกพี่ว่ายอมแล้วสิ...แล้วพี่จะปล่อย” เสียงกระซิบริมใบหูและลมหายใจร้อนรดต้น
“พี่ชอบบังคับผม...ผมจะไม่ยอมพี่อีกแล้ว” แม้ตัวเองจะตกอยู่ในสภาวะลำบากแต่ก็อดต่อปากต่อคำไม่ได้
“ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยบังคับแกงเลยนะ คงเป็นครั้งนี้แหละที่พี่จะทำ....” ว่าแล้วพี่ฮั่นก็เบียดผมจากด้านหลัง ริมฝีปากร้อนไซร้ไปตามลำคอ ผมดันประตูเพื่อดีดตัวออกมาแต่ดูเหมือนจะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างนั้นโอบเอวได้ถนัด มืออีกครั้งอ้อมมาเชิดหน้าผมในขณะที่ร่างสูงนั้นจูบไซร้โดยไม่สนใจการขัดขืน
“พี่ฮั่นปล่อยผมได้แล้ว....ผมกลัว” ผมร้องไห้ออกมา... น้ำเสียงสั่นเครือทำให้การกระทำรุกรานนั้นหยุดทันที พี่ฮั่นโอบผมจากด้านหลังด้วยความอ่อนโยนเฉกเช่นทุกครั้ง
“พี่ล้อเล่น...อย่าร้องสิ แกง----พี่แค่แกล้งเราเล่นๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลย” พี่ฮั่นกระซิบเบาๆข้างหู แต่ผมก็สุดจะกลั้นยังคงร้องไห้ไม่หยุด ผมทรุดตัวลงนั่งผลักร่างสูงนั้นออกห่างด้วยความโกรธ ผมไม่ใช่ของเล่นของพี่นะ...ที่อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ได้ พี่ฮั่นแทรกตัวเข้ามากอดแต่มันยิ่งทำให้มันเดือดดาล ผมลุกขึ้นเพื่อจะเปิดประตูออก
“ปล่อยผมนะ!!!” ผมตะคอกเสียงดังเมื่อพี่ฮั่นคว้าร่างผมไปกอดไว้แนบร่าง เห็นว่าผมเป็นคนหายโกรธง่ายแล้วชอบทำให้เจ็บช้ำใจแบบนี้เหรอ??? ผมจะไม่ยอมให้พี่ทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“มีอะไรต้องคุยอีก... เหตุผลของพี่ก็คือแกล้งเล่นๆไม่ใช่เหรอ??? ” ผมสะบัดการเกาะกุมนั้นแต่ดูเหมือนพี่ฮั่นเองจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ไม่เอาไม่ทำแบบนี้---พี่ขอโทษนะ ตีพี่ก็ได้ ชกพี่ก็ได้ ขอแค่หายโกรธพี่ยอมทุกอย่างเลยนะ” พี่ฮั่นพยายามกอดผมที่ดิ้นรนในพ้นวงแขนนั้น ผมสะอื้นหนักจนหายใจแทบไม่ทัน ยกมือมาปาดน้ำตาที่ไหลนองหน้า พี่ฮั่นกอดผมไว้แน่น
“พี่ทำผมเจ็บ---ผมไม่อยากอยู่กับพี่แล้ว” ผมตัดพ้อเบาๆ
“โธ่....คนดี พี่ผิดไปแล้ว จากนี้พี่จะไม่ทำอะไรให้แกงส้มเจ็บเลย พี่สัญญา”
HUNZ talk
ผมปลอบร่างสูงโปร่งอยู่นานกว่าจะนิ่งได้ ทีแรกผมกะว่าจะแกล้งให้แกงส้มโมโหนิดหน่อย แต่เมื่อยิ่งทำความหมั่นเขี้ยวเลยทำให้ผมเผลอรุนแรงไปมาก ผมก้มลงมือข้อมือแกงส้มที่แดงเป็นจ้ำๆเพราะการกระทำของผม มันทำให้อยากจะชกหน้าตัวเองให้คว่ำ แกงส้มเองก็คงไม่หายเคืองนักถึงแม้จะผมนั่งให้ผมกอดบนพื้นในห้องแต่งตัวแล้วก็ตาม
“หายโกรธพี่รึยัง???” ผมโน้มหน้าไปถามแกงส้มถึงริมใบหู แกงส้มเม้มปากไม่ตอบ
“พี่ให้ตี” ผมแบมือไปด้านหน้า แกงส้มฟาดมือตัวเองลงมาอย่างแรงหลายครั้ง แต่ผมห่วงว่าแกงส้มจะเจ็บมือตัวเองเสียมากกว่า ยิ่งตีแกงส้มยิ่งร้องไห้ผมจึงจับมือที่ฟาดไม่ยั้งมาแนบแก้มเพื่อปลอบโยน
“ถ้าพี่ทำผมเจ็บอีกครั้งนะ...ผมจะไปจากพี่ จะไม่ให้พี่เห็นหน้าตลอดชีวิตเลย” แกงส้มทั้งร้องไห้ทั้งขู่ผม หน้าเบ้เหมือนเด็กน้อยที่ถูกรังแก ผมรัดร่างนั้นไว้แนบอก... ประโยคนี้ของแกงส้มทำให้ผมจำไว้ขึ้นใจ พี่จะไม่มีวันทำให้แกงส้มต้องเจ็บทั้งกายและใจเลย ถ้าถึงวันที่แกงส้มเดินออกไปจากชีวิตผมจริง...แล้วผมจะหายใจอยู่ได้อย่างไร....
ผมลอบมองร่างสูงที่ยังคงร่องรอยความเสียใจไว้ที่ตาแดงๆคู่นั้น แกงส้มโปรยยิ้มให้ลูกค้าที่มานั่งแม้จะไม่สดใสเช่นทุกวันแต่ก็ยังสวยงามที่สุดในสายตาผม แกงส้มหันมามองผมราวกับสัมผัสได้ว่าคนสายตาคู่หนึ่งไม่อาจละสายตาจากเค้าได้เลย ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แกงส้มยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนบอกลาลูกค้าที่กำลังจะเดินออกไป
“เรียบร้อยไปแล้วหนึ่งราย....วันนี้ลูกค้าน้อยจริงๆ” แกงส้มวางถาดที่บาร์ก่อนบ่นเล็กๆน้อยๆตามประสา ผมยื่นแก้วน้ำเย็นให้ แกงส้มรับมาดื่มอึกๆด้วยความหิวกระหาย
“ขนาดลูกค้าน้อยยังเหนื่อยขนาดนี้ ยังมีหน้าไปถามหาลูกค้าอีกเหรอ???” ผมพูดพร้อมขยี้ผมแกงส้มอย่างรักใคร่ แกงส้มยิ้มแห้งๆให้
“พี่ฮั่นเฝ้าหน้าร้านนะ ผมจะไปจัดการพวกจานพวกถ้วยพวกนี้ก่อน” ว่าแล้วแกงส้มก็ยกถาดเดินไปหลังร้านทันที ผมมองตามจนร่างนั้นลับตา จึงเริ่มเช็ดถูอุปกรณ์ต่างๆไปเรื่อยเปื่อย เสียงโมบายแขวนหน้าร้านดังกุ๊งกิ๊ง
“ฮันนี่เค้ก สวัสดีครับ...” ผมทักทายไปตามความเคยชินก่อนเงยหน้าขึ้นมา ซึ่งเป็นร่างที่ผมอยากจะบีบคอให้ตายคามือ
“งานแบบนี้เหมาะกับแกจริงๆ ยิ่งผ้ากันเปื้อนตุ๊ดๆแบบนี้ มันได้ใจจริงๆว่ะ” ไอ่ต้นในชุดหรูหราตามนิยมไม่ได้มีความเป็นคนตามเสื้อผ้าเลยแม้แต่น้อย ผมเดิมออกไปจากเคาท์เตอร์บาร์เพื่อประจันหน้ากันอดีตเพื่อนรัก
“ออกไป!!!” ผมตะคอกใส่ใบหน้านั้นด้วยโทสะ แต่รอยยิ้มเหยียดนั้นไม่แสดงความหวั่นเกรง
“มันเป็นวิธีต้อนรับลูกค้าของร้านนี้เหรอ??? น่าสมเพชชะมัด อ่อ...ลืมไปว่าที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับผู้ชาย ไม่รู้ว่าขายอะไรอีกบ้างนะนอกจากขนมเค้กในตู้”
“พลั่ก!!!.... ชั้นบอกให้แกออกไปจากร้านชั้น” ผมปรี่เข้าไปปล่อยหมัดไปที่ใบหน้า ก่อนจะง้างซ้ำอีกครั้ง แต่ก็มีร่างหนึ่งเข้ามาห้ามผมไว้
“พี่ฮั่นใจเย็นๆครับ” แกงส้มจับแขนผมไว้แล้วดึงให้ห่างจากร่างที่เซจากแรงกระแทก แล้วกอดผมไว้อย่างหลวมๆ ผมไม่อยากสะบัดตัวเพราะกลัวแกงส้มจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงจ้องมองใบหน้าของไอ่ต้นเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้านั้นมันทำให้ผมเดือดดาล
“แค่คิดถึงก็ออกมาให้เจอเลยนะ” ไอ่ต้นมองไปที่แกงส้มพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจ ผมหันไปมองหน้าตาที่ถูกตระหนกของแกงส้มสลับกับใบหน้าน่ารังเกียจนั่น
“อย่ามายุ่งกับแกงส้ม!!!” ผมชี้หน้าผมพร้อมเอาตัวบังร่างคนรัก
“ไม่นึกว่าแกจะหวงมากขนาดนี้--- ไม่มีอะไรชั้นแค่มาถามเอาคำตอบ...ที่เราคุยกันไว้ไงจำได้มั้ย??? วันที่ชั้น---”
“หยุดนะ!!!” แกงส้มตะคอกเสียงดัง ผมหันไปมองคนรักที่ต้องเก็บงำอะไรสักอย่าง เรื่องที่ไม่อยากให้ผมรู้
“นี่มันเรื่องอะไร---แกงส้ม แกงส้มไปคุยอะไรกับมัน” ผมถามแกงส้มอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้ แกงส้มมองหน้าผมด้วยสายตาหวาดหวั่น
“เค้าไปถามเรื่องแกกับชั้น ถึงจะทำให้เสียเวลาหน่อยแต่แลกกับแก้มหอมๆข้างนั้นชั้นก็ว่าคุ้ม” ไอ่ต้นพ่นวาจาออกมา “หอมแก้ม” หมายความว่ายังไง แกงส้มยอมให้มันหอมแก้มเหรอ???....
“พี่ต้นหยุดเถอะผมขอร้อง” ใบหน้าไร้เดียงสาหันไปพูดกับไอ่ต้นพร้อมยกไหว้อ้อนวอน ผมถอยจากแกงส้มด้วยความผิดหวัง
“หรือจะปฏิเสธละ... เรื่องนี้น้องเป็นคนไปหาพี่ถึงที่นิ ไอ่ฮั่น...ของๆแกมันน่าลองทุกอย่างเลยว่ะ ยิ่งไร้เดียงสาแบบนี้ข้างในอาจจะเร้าร้อนก็ได้ จริงมั้ย???” ไอ่ต้นเยาะเย้ยผมแต่นั่นมันทำให้ผมเสียใจไม่เท่ากับการที่แกงส้มทำกับผมแบบนี้ แอบไปหาไอ้ต้น ยอมให้มัน.... สุดท้ายคนอย่างผมก็ไม่มีใครรักจริง สุดท้ายทุกคนก็ต้องหันหลังให้ผมแม้กระทั่งคนที่รักและเชื่อใจ
“ชั้นขอบอกครั้งสุดท้าย...แกออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้” ผมกัดฟันกรอด ไอ่ต้นย่างก้าวออกไปจากร้านแต่โดยดี แกงส้มเข้ามาจับแขนผมอย่างแผ่วเบา ผมดึงแขนออกมาจากข้อมือบางนั้น
“ทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง” ผมถามออกไปเสียงเรียบไม่มองหน้าแกงส้ม เพราะนั่นมันทำให้บาดแผลในใจทรมานมากกว่าเดิม
“พี่ฮั่น...ผมไม่ได้----”
“บอกมาสิว่าไม่ได้ไปหามัน” ผมตะคอกใส่ใบหน้าไร้เดียงสาที่น้ำตาค่อยไหลอย่างช้าๆ น้ำตาเหรอ???... ใจชั้นยับเยินขนาดนี้แต่....เค้ากลับร้องไห้ เพื่ออะไรกัน!!!
“ผม--- ผมจำเป็น” แกงส้มหลุดแต่ละคำอย่างยากลำบาก ในที่สุดเค้าก็ยอมรับว่าไปหาไอ่ต้นจริงๆ บนโลกนี้จะมีใครจริงใจกับผมบ้าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสินะ... เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ
“จำเป็น...เพราะมันรวยกว่าใช่มั้ย??? มันเป็นสะพานสวยงามให้ถึงฝั่งฝันใช่มั้ย??? คนๆนี้มันก็แค่ไอ่โง่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในทดสอบเสน่ห์เล่นๆเท่านั้น เล่นละครเก่งมาก” ผมปรบมือให้เนิบนาบอย่างขมขื่น แกงส้มส่ายหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา
“พี่ฮั่น...พี่จำได้มั้ย??? ที่ผมเคยบอกพี่ว่าผมเห็นผี ผีที่ผมเห็นเค้าเป็นลูกของคุณแพรว....เด็กคนนั้นขอให้ผมสืบว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริงของเค้า ผมถึงได้ไปที่นั่น----”
“อย่าพยายามอีกเลย พี่โง่มามากพอแล้ว”
“ผมพูดความจริงนะ...พี่เชื่อผม เชื่อใจผมสิ” ไม่อีกแล้ว....ผมจะไม่ยอมให้หัวใจของตัวเองอ่อนแออีกต่อไป ต่อให้นายร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดพี่ก็จะไม่หลงกลอีกแล้ว การหักหลังมันคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในชีวิต และมันก็เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของคนที่ผมรักสุดหัวใจ
“ไปซะเถอะ” ผมบอกร่างสูงบางอย่างเย็นชา แต่หัวใจนั้นแตกสลายกองอยู่ตรงนี้ มันเจ็บเหลือเกิน... ผมหวังมาตลอดว่าจะเป็นคนนี้ที่ผมจะจูงมือก้าวไปเคียงข้างกันอย่างสนิทใจ แต่สุดท้ายวิมานกลางหาวก็ล่มลงอย่างไม่เป็นท่า แกงส้มโผมากอดผมจากด้านหลังสะอื้นไห้จนตัวสั่นเทา....
“อย่าทำแบบนี้ แกงส้มปล่อยพี่นะ” ผมพยายามแกะมือที่โอบรอบร่างตัวเองออก
“ไม่...ผมไม่ปล่อย พี่ต้องฟังผมนะ ผมรักพี่” แกงส้มยังคงไม่ปล่อยผม....
“ฆ่าพี่เลยดีกว่ามั้ย???” ผมหันไปคว้าร่างนั้นเขย่าด้วยความเจ็บลึกเกินกลั้นพร้อมตะคอกใส่ แกงส้มหลับตาร้องไห้จนตาแดงก่ำ.... แต่ผมต้องไม่หวั่นไหวกับคนๆนี้อีกแล้ว ความไร้เดียงสามันเป็นน้ำตาลเคลือบยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด มันเกาะกินความเจ็บปวดของผมอย่างช้าๆ หัวใจรักของผมจะค่อยสิ้นความรู้สึกแล้วตายไปอีกครั้ง ผมผลักร่างนั้นอย่างแรงจนแกงส้มล้มถลาลงกองกับพื้นด้วยอารมณ์โกรธและผิดหวัง วินาทีนั้นผมอยากเข้าไปประคองร่างนั้นขึ้นมาพร้อมปลอบขวัญแต่พอนึกถึงสิ่งที่แกงส้มทำ... ผมให้อภัยคนๆนี้ไม่ได้จริงๆ
“เมื่อกี้พูดว่าถ้าพี่ทำให้เจ็บจะไปจากพี่ไม่ใช่เหรอ??? เจ็บพอรึยัง--- ไปให้พ้นเลยนะ จะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกับไอ่ต้นที่ไหนก็เชิญ” วาจาเฉือนใจนั้นไม่ได้ทำร้ายแค่อีกฝ่ายตัวผมเอง...ผมก็รู้สึกเหมือนของหนักกระแทกหัวใจจนแทบยืนไม่ไหว คำพูดดุดันมันมาจากหัวใจที่เปราะบาง... ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายอีกครั้ง ด้วยน้ำมือของคนที่ปลุกผมฟื้นจากความผิดหวังอย่างเลือดเย็น ผมทนอยู่ตรงนี้ไม่ไหวแล้ว ผมเดินออกไปจากร้านอย่างช้าๆด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ไม่อาจจะหายใจร่วมกับคนหลอกลวงได้อีก ความรักที่ผมให้แกงส้มขยี้มันด้วยฝ่าเท้าอย่างไม่ไยดี แล้วผมจะต้องรักแบบโง่งมเพื่ออะไร....ตื่นได้แล้วฮั่น!!!
“พี่ฮั่น....” น้ำเสียงสั่นเครือของเจ้าของใบหน้านั้นทำร้ายผมมามากพอแล้ว ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว ความรักมันทำร้ายผมจนสาหัส ต่อไปนี้ “แกงส้ม” นายจะตายไปจากใจชั้นพร้อมกับความรักครั้งสุดท้ายของผู้ชายคนนี้.....
ปล. อีพี่หมีมันไม่ยอมฟังอะไรเลยเนาะ... ชอบฟังความข้างเดียว!!! (ได้ข่าวว่าใครแต่งฟร๊ะ!!!) อย่านึกว่าดราม่าจะจบเพียงแต่นี้ ช่วงนี้ไรต์อารมณ์ไม่ค่อยดีไม่รู้จะลงกับใคร ก็ขอลงกับน้องแกงหน่อยละกัน มันเป็นมหากาพย์ดราม่าของแกงส้ม ยังไงก็อย่าประณามไรต์นะ ช่วงนี้เค้าอินดี้^^
ความคิดเห็น