ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รัก- ลืม -ร้าย หัวใจพ่ายเธอ

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18: งอนง้อ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 55




                   

     ระหว่างทางกลับนั้นผมกับพี่ฮัทไม่ได้มีบทสนทนาใดๆ แต่ผมก็รู้สึกถึงแววตาที่เป็นห่วงเป็นใยที่ลอบมองมาตลอด ผมก้มลองประเมินตัวเอง ร่างกาย...แย่ ส่วนจิตใจนั้น...สาหัส ใครไม่เป็นผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมกำลังเผชิญมันเจ็บปวดแค่ไหน แค่เสี้ยววินาทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าความรักนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกตา ความทรงจำที่ผมโหยหาใคร่รู้มันกลับเป็นมีดที่เฉือนแทงหัวใจผมอย่างไม่ปราณี ผม...สับสนไปหมดแล้ว ทั้งหัวใจของตัวเองและหัวใจของใครอีกคน สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความจริงหรือเป็นเพียงภาพลวงตา ผมไม่อาจจะทนมองหน้าคนหลอกลวงนั้นได้แต่ผมเองก็ต้องการสัมผัสที่อบอุ่นนั้นมาปลอบใจ ความรัก...ความเกลียดชัง....มันประเดประดังเข้ามาในหัวผม โดยไม่ทิ้งทางออกไว้ให้เลยสักทาง

    “แกงส้มไปที่อยู่คอนโดพี่ดีกว่านะ เดี๋ยวพี่จะอยู่เป็นเพื่อน” พี่ฮัททำลายความเงียบ

    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฮัท... ผมกลับบ้านดีกว่า” คนๆนั้น คงสามารถเข้านอกออกในคอนโดของพี่ฮัทได้สบาย ผมจะไม่อยู่ในเงื้อมมือของผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป!!!

    “จะบ้าเหรอแกงส้ม จะอยู่คนเดียวได้ยังไง เราเองก็ป่วยอยู่นะ” พี่ฮัทแย้งขึ้นมาทันควันซึ่งคำพูดของพี่ฮัทเองก็มีเหตุผล ผมนิ่งเพื่อใช้สมองที่เพิ่งฟื้นความทรงจำเพื่อหาที่อยู่ที่ซุกหัวนอนให้ตัวเอง

    “งั้นพี่ฮัทก็เลี้ยวขวาทางข้างหน้าเลยครับ” ผมรู้แล้ว....ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนที่ทั้งสบายใจและมีคนดูแล ที่สำคัญคนๆนั้นไม่มีอำนาจมาบีบบังคับใครได้ทั้งนั้น พี่ฮัทหันมามองหน้าผมอย่างประหลาดใจแต่ก็ขับรถไปตามทางที่ผมบอก สุดท้ายแล้วผมก็มาหยุดที่หน้าหอพักนักศึกษาชายที่อยู่ติดกับที่เรียนของผม

    “ที่นี่มันที่ไหนกันแกงส้ม” พี่ฮัทคว้าแขนผมก่อนที่จะเคาะประตู

    “ห้องพี่รหัสผมเองครับ” ผมหันไปตอบ ก่อนจะเคาะประตูบานนั้น

    “พี่แคน พี่แคนอยู่รึเปล่า ผมเองนะแกงส้ม” ผมร้องเสียงดังพอที่จะให้คนข้างไหนได้ยิน และไม่นานประตูก็เปิดอ้าต้อนรับผมเข้าไปข้างใน โดยมีหนุ่มหน้ามนเป็นคนเปิด

    “เฮ้ยยยย!!! นึกว่าตายไปแล้วนะเนี่ย หายไปเลยนะ พี่โทรหาก็ไม่ติดเลย” พี่แคนทักอย่างดีใจ

    “เรื่องมันยาวมาก” ผมหันไปตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปหาพี่ฮัท

    “แกงส้มพี่จะไม่ว่าอะไรเลยนะ ถ้าแกงส้มจะโกรธพี่” พี่ฮัทพูดออกมาอย่างจริงใจ ผมส่งยิ้มน้อยๆ

    “ไม่หรอกครับ ถึงยังไงผมก็รู้ว่าพี่ก็คงห้ามอะไรพี่... คนๆนั้นไม่ได้ ผมไม่โกรธพี่หรอกนะ” ผมพูดออกไปตามความรู้สึก ดูแล้วแค่เรื่องอลิซพี่ฮัทก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ถ้าจะต้องมาปกป้องผมอีกก็คงแย่

    “แต่สิ่งที่พี่ฮั่นเค้า...” พี่ฮัทพยายามจะแก้ตัวคนๆนั้น

    “ผมไม่อยากพูดเรื่องของคนๆนั้น” ผมขัดพี่ฮัทกลางประโยค แค่สิ่งที่เกิดขึ้นมาก็ทำให้ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูก อย่ามาทำอะไรให้ผมก็เหนื่อยมากไปกว่านี้เลย ผมขอร้อง....

    “งั้นเดี๋ยวเจอกัน นี่เอาเบอร์พี่ไปนะพอซื้อมือถือแล้วก็โทรหาที่บ้านซะ แล้วพี่จะเอาพวกกระเป๋าเงินเอกสารส่วนตัวส่งมาให้ที่หลังนะ”พี่ฮัทยื่นนามบัตรของตัวเองมาให้ผม ผมเองก็ฝืนใจส่งรอยยิ้มไปให้ ก่อนอื่นผมเองก็ต้องไปหาซื้อมือถือ อยากได้ยินเสียงของพ่อกับแม่ ตอนนี้ผมเหนื่อยและอ่อนล้าทั้งตัวและใจ พอพี่ฮัทเปิดประตูออกไป ผมก็พบกับสายตาของพี่แคน

    “แกงส้มนี่มันเรื่องอะไรกัน” พี่แคนถามอย่างกระตือรือร้น

    “ถามทำไมเล่า” ผมแกล้งเดินหนี พี่แคนเองก็เดินตามอย่างไม่ลดละ

    “พี่เป็นห่วงนี่หว่า” พี่แคนพูดประโยคที่ผมคิดไว้แล้วว่าต้องมาไม้นี้

    “เอาความจริง” ผมเท้าเองมองหน้าพี่รหัสของตัวเองด้วยสายตาเข้มเพื่อเค้นเอาความจริง

    “พี่อยากรู้” พี่แคนพูดอย่างจำนนใจ ผมก็หัวเราะออกมาอย่างรู้ทัน ก่อนจะมองหน้าพี่แคนอย่างจริงจังแล้วเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับ....คนๆนั้น พี่แคนเองก็ตั้งใจฟังทุกประโยคที่ผมถ่ายทอด

    “ให้ตายสิ...นี่มันเรื่องจริงหรือว่าซีรี่ส์เกาหลีเนี่ย” ทันทีที่ฟังเรื่องราวทุกอย่างจนจบพี่แคนก็อุทานเสียงดัง

    “ตัวผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลย” ผมหลับตาเพื่อพักผ่อนความคิด

    “แล้วแกงส้มจะทำยังไงต่อไปกับเรื่องนี้” พี่แคนเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง

    “ผมไม่รู้...ตอนนี้ผมสับสน ผมไม่รู้ว่าคนๆนั้นเค้าคิดกับผมแบบไหนกันแน่” ผมเองก็สับสนไม่น้อย ภาพแววตากร้าวที่มองผม คนที่จับผมกดน้ำอย่างไม่ปราณี กับผู้ชายอบอุ่นที่มาพร้อมถ้อยคำว่ารักแสนหวานนั้น  ใครคือความจริงกันแน่...  

    “มันไม่สำคัญหรอกว่าเค้าคิดยังไงกับแกงส้ม ที่สำคัญที่สุดคือหัวใจแกงส้มเองคิดยังไงมากกว่า คำตอบแรกที่แกงส้มต้องหาคือตอนนี้แกงส้มรู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนั้นต่างหาก” พี่แคนวางมือไว้บนบ่าตบเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม คำพูดของพี่แคนก้องอยู่ในใจ ทุกอย่างมันต้องเริ่มที่ตัวผม ผมเองต้องรู้ใจตัวเองก่อนว่าต้องการคนๆ นั้นแค่ไหน การต่อสู้ของความรู้สึกเกลียดชังกับความรักในหัวใจ.....เท่านั้นที่จะตอบผมได้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

     

    FRAME talk

    ชั้นนั่งมองอลิซที่กำลังหลับด้วยฤทธิ์ยานอนหลับพร้อมกับสมายล์ ความรู้สึกไม่ชอบที่เกิดขึ้นตลอดก็กลับกลายเป็นความสงสาร  ชั้นตกลงกับคุณหมอว่าจะให้อลิซรักษาตัวอยู่ที่นี่เพราะไม่อาจจะปล่อยให้อลิซต้องไปเผชิญโลกทั้งที่ยังป่วยคงไม่ได้

    “สรุปว่าพี่อลิซไม่ได้ท้องเหรอเนี่ย???” สมายล์หันมาถามชั้น ชั้นพยักหน้าแทนคำตอบ

    “พี่เฟรมหนูขอโทษนะ...ถ้าหนูไม่พาพี่อลิซไปวันนั้น พี่กับพี่ฮัท...” สมายล์พูดเสียงเศร้า

    “ไม่ว่าจะท้องหรือไม่ท้อง แต่พี่ฮัทเองก็นอกใจพี่อยู่ดี” ชั้นพึมพำออกมาแต่ก็ดังพอที่จะให้สมายล์ได้ยิน สมายล์คว้ามือชั้นไปกุมไว้

    “คือ...เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของพี่ฮัทเลยแม้แต่น้อย” สมายล์พูดแต่เบือนหน้าหลบสายตาชั้น

    “หมายความว่ายังไง???” ชั้นถามออกไปด้วยความงุนงง

    “สมายล์กับพี่อลิซเป็นคนวางยาพี่ฮัทเอง พี่ฮัทไม่คิดมีความคิดนอกใจพี่เฟรมเลยสักวินาที” สมายล์ค่อยๆพูดออกมาอย่างละอายใจ

    “ว่าไงนะ สมายล์พูดอีกทีสิ” ชั้นจับไหล่ทั้งสองของสมายล์เพื่อมองแววตาของสมายล์

    “พี่ฮัทไม่เคยจะนอกใจพี่เฟรม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นแผนการของสมายล์กับพี่อลิซทั้งหมด” ทั้งแววตาและน้ำเสียงนั้นทำให้ชั้นเชื่อว่าสิ่งที่สมายล์เป็นความจริง

    “แล้วพี่ต้องทำยังไง” ชั้นถามขึ้นมาอย่างดีใจ รอยยิ้มที่มาจากความสุขครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น

    “เดี๋ยวพี่ฮัทเค้าก็คงมาปรับความเข้าใจกับพี่เฟรม...” สมายล์แย้มยิ้มอย่างโล่งอก

    “คงไม่หรอกมั้ง” ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่หัวใจชั้นช่างพองโตอัดแน่นไปด้วยความสุข รอคอยวันที่พี่ฮัทจะมาปรากฏตัว ชั้นแทบอยากกลั้นหายใจเพื่อหายไปเวลานั้น พี่ แค่นี้หัวใจเฟรมก็แห้งเหี่ยวเกินไปแล้วกลับมาเติมเต็มความหวานให้ใจดวงนี้ได้ฟื้นตื่นอีกครั้ง ฮัทเฟรมรออยู่นะ...อย่าทำให้เฟรมต้องรอนานนะ

     

    HUNZ talk

    นับตั้งแต่แกงส้มเลือกที่จะจากผมไป ผมก็ยังทำงานอยู่ที่ไร่เหมือนเดิม ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความคิดถึงที่มีต่อแกงส้มลดน้อยไปเลย ทุกครั้งๆ ที่มีคนถามถึง “นายน้อย” มันเหมือนแผลที่หัวใจถูกกรีดเปิดออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเองก็ได้รู้ว่านับจากนี้ไปชีวิตของผมไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกได้แล้ว ไม่มีอีกแล้วคนนอนหลับตาพริ้มในยามเช้าให้ได้หอมแก้ม ไม่มีร่างสูงโปร่งในผ้ากันเปื้อนคอยสาละวนทำอาหารจนเหงื่อไหลซึม ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มสดใสร่าเริงทุกครั้งที่ปั่นจักรยานคู่ใจไปทั่วไร่อย่างซุกซน ไม่มีสายตามุ่งมั่นที่นั่งบรรจงจรดปลายดินสอสร้างสรรค์ภาพบนสมุดวาดเขียนเล่มโปรด ไม่มีเสียงบ่นพึมพำที่ฟังดูน่ารักทุกครั้งที่ผมเองคอยขัดใจ ไม่มีใบหน้าไร้เดียงสาที่เขินอายเมื่อผมกระซิบหยอกเย้า ไม่มีร่างกายหอมอบอุ่นที่ผมเคยกอดเกยพร่ำบอกรักแทนคำว่าราตรีสวัสดิ์ ไม่มีอีกแล้ว...แกงส้ม ดวงตะวันที่สาดทอแสงในใจที่มืดมิด ต่อจากนี้ไปโลกของผมมันคงเดียวดายตราบจนลมหายใจจะหมดลง....

    ไม่ใช่เพียงผมเท่านั้นที่ทำทุกอย่างราวกับคนไม่มีหัวใจ ฮัทเองก็ดูมีเพียงร่างกายเท่านั้นที่ทำงานตามสมองสั่ง ส่วนหัวใจนั้นได้หายไปพร้อมกับความสุข ตั้งแต่วันนั้นผมสองคนก็ไม่เคยพูดถึงคนรัก หรือความรักอีกเลย ชีวิตที่มีสัญญาณการทำงานตามดวงอาทิตย์ตื่นในตอนเช้าทำงาน เมื่อแสงตะวันลาลับก็กลับรังนอน วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า โลกของผมในยามค่ำคืนช่างนานนัก กลิ่นหอมของคนรักยังคงอบอวลอยู่ในห้อง ผมนอนกอดหมอนที่แกงส้มเคยหนุน ห่มผ้าห่มผืนเดิม เสื้อผ้าข้าวของยังคงวางที่เก่า รอคอยให้เจ้าของกลับมาใช้อีกครั้ง...แม้จะเป็นเพียงความหวังที่ริบหรี่ก็ตาม

     

    FRAME talk

    นี่มันก็เป็นอาทิตย์แล้วนะ ทำไมพี่ฮัทถึงไม่มาง้อเราสักทีนะ อย่าว่าแต่มาเลย แค่โทรมาถามข่าวคราวก็ไม่มีมาสักสายคนอะไรใจดำชะมัด เพราะเรื่องนี้ทำให้ชั้นรู่สึกอารมณ์ไม่ดี ใครที่ทำอะไรไม่เข้าตาก็มักจะโดนวีนอย่างที่ไม่เคยมาก่อน หรือว่าพี่ฮัทจะลืมเราได้แล้วจริงๆ วันนั้นเราทำร้ายจิตใจพี่ฮัทมากเกินไปรึเปล่านะ แต่เราต่างหากที่เป็นคนเสียใจมากที่สุด ยิ่งคิดยิ่งโมโห ชั้นทุบหมอนที่คิดว่าเป็นตัวแทนพี่ฮัทไม่ยั้งมือ แต่เสียงเคาะประตูก็มาขัดจังหวะการลงโทษ

    “มีอะไร...ทำไมต้องมาเคาะตอนนี้ด้วย” ชั้นตอบกลับไปด้วยเสียงเหวี่ยง

    “สมายล์เอง” เสียงที่ตอบกลับมามีน้ำเสียงประหม่าเพราะคำถามที่ส่งไปด้วยอารมณ์

    “งั้นแปบนึงนะ” ชั้นรีบเดินไปเปิดประตูให้

    “พี่ขอโทษนะที่พูดไม่ค่อยดีเมื่อกี้” ชั้นยิ้มพร้อมเอ่ยคำขอโทษกับสมายล์ที่หน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำเข้ามาในห้อง

    “พี่เฟรมเครียดเรื่องที่พี่ฮัทยังไม่มาหาเหรอคะ” สมายล์ถามออกมาตรงๆ ทำเอาจนชั้นจุก แต่จะปฏิเสธไปเพื่ออะไร ชั้นพยักหน้ารับกับคำถามนั้น

    “สมายล์เค้ายังไม่มาเลยนะ นี่มันก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เค้าไม่รักพี่รึไงกัน...ทำไมถึงไม่พยายามเพื่อให้ความรักของเราไปต่อ” ชั้นระเบิดความในใจออกมาอย่างเหลืออด

    “เมื่อกี้พี่เฟรมพูดว่าความรักของเรา... ถ้าพี่ฮัทไม่มาก็ไม่ผิดอะไรที่พี่เฟรมจะเป็นคนไปหานี่คะ” สมายล์พูดง่ายๆ แต่มันเป็นความจริงที่สุด ความรักของ “เรา” เรื่องอะไรชั้นจะนั่งรอให้เสียสุขภาพจิตแบบนี้ ชีวิตชั้นถูกสอนให้สู้และเผชิญหน้ามาตลอด ชั้นไม่เคยกลัวที่จะพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย พี่ฮัทพรุ่งนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!!!

    ในที่สุดชั้นก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านในไร่ ชั้นรีบวิ่งขึ้นไปเพื่อไปตามหาโจทก์ความรัก ที่หลบหนีหน้ากันอย่าไม่ยุติธรรม แต่บนบ้านก็มีเพียงพี่ฮั่นที่นั่งบนโต๊ะอาหารทานข้าวอยู่

    “พี่ฮั่น...พี่ฮัทอยู่ที่ไหน” ชั้นวางกระเป๋าโครมที่โต๊ะอาหาร

    “มาได้ไงเนี่ย???” พี่ฮั่นถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

    “พี่ฮัทอยู่ที่ไหน???” ชั้นรออะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน ณ ตอนนี้ชั้นขอคุยกับคนๆเดียวเท่านั้น

    “อยู่ที่ไร่ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” พี่ฮั่นตอบอย่างตกใจ ชั้นจึงรีบไปที่ไร่ทันที เห็นขับรถไปตามทางพร้อมสอดส่งอมองหาพี่ฮัท คนบ้าที่ทำให้ชั้นคลั่งมากมาย และในที่สุดชั้นก็เห็นร่างสูงที่ส่องแสงเจิดจ้าท่ามกลางแสงแดด ชั้นรีบจอดรถและเดินสาวก้าวมาที่พี่ฮัทซึ่งกำลังคุยกับหัวหน้าคนงาน

    “อ้าว....สวัสดีครับคุณหนูเฟรม” หัวหน้าคนงานซึ่งเห็นชั้นก่อนร้องทัก พี่ฮัทที่หันหลังให้หันหน้าทันที่ที่ได้ยินชื่อชั้น

    “ไปพักเที่ยงกันได้แล้ว” ชั้นออกคำสั่งเพื่อที่จะได้คุยกับพี่ฮัทเพียงสองคน

    “คุณหนูนี่เพิ่งแปดโมงครึ่งเองนะครับ” หัวหน้าคนงานแย้งชั้นขึ้นมา

    “กี่โมงก็ช่างคะ ตอนนี้ทุกคนไปพักผ่อนกันได้” ชั้นสั่งเสียงเฉียบสายตาปะทะกับพี่ฮัทอย่างไม่วางตา คนงานเดินออกไปจากบริเวณอย่างงงๆ

    “เฟรมทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย???” พี่ฮัทขมวดคิ้วถามชั้นด้วยน้ำเสียงตำหนิ

    “แล้วพี่ฮัทละ...ทำอะไรรู้ตัวบ้างมั้ย??? พี่ทิ้งเฟรมไว้แบบนั้นได้ยังไง” ชั้นถามกลับไปทันที พี่ฮัทเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของชั้น

    “เฟรม...พี่กลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว” คำพูดนั้นยิ่งทำให้อารมณ์ในตัวชั้นโหมรุนแรงขึ้น นึกอยากจะหนีหายหน้าก็ทำอย่างนั้นใช่มั้ย??? ไม่เคยคิดถึงใจคนรอเลยรึไงกัน!!!

    “งั้นก็บอกมาคำเดียวว่าไม่รักกันแล้ว” ชั้นพูดเสียงเรียบ แค่คำนั้นออกมาจากปากพี่เมื่อไหร่ เฟรมจะไม่มากวนใจพี่อีกเลย

    “อย่ามารื้อฟื้นอีกเลยนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” พี่ฮัทมองหน้าชั้นด้วยสายตาอ้อนวอน

    “แค่คำเดียวพูดไม่ได้รึไง แค่คำว่าไม่รัก ไม่รักเฟรมแล้วมันจะยากอะไร” ชั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

    “พี่บอกให้พอได้แล้ว” พี่ฮัทพูดเสียงดังสำเนียงนั้นมีความเจ็บปวดปะปนออกมาไม่น้อยไปกว่าชั้น

    “ไม่... แค่พี่ว่าไม่รัก ไม่รัก ไม่รัก ไม่.....” คำพูดนั้นถูกหยุดด้วยริมฝีปากอันร้อนผ่าวของพี่ฮัทที่ประกบเข้ามาอย่ารวดเร็ว ปลายคางชั้นถูกจับไม่ให้หนีไปจากวงหน้านั้น พี่ฮัทถอนริมฝีปากไปอย่างอาลัยหา แต่ก็ไม่ได้คลายกอดแน่นนั้น

    “พี่ไม่น่าทำแบบนี้เลย... พี่ไม่คู่ควรกับเฟรมสักอย่าง” พี่ฮัทด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    “เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของเฟรมเป็นคนตัดสิน แล้วเฟรมคู่ควรกับพี่รึเปล่า” ชั้นน้อมถามอย่างอ่อนหวาน พี่ฮัทโน้มหน้ามาใกล้ๆ จมูกของเราสองคลอเคลียกันสุดคิดถึง

    “เฟรมคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตพี่” แค่นั้นเองพี่ฮัทที่เฟรมต้องการ... มันไม่ใช่คนที่ดีเลิศเลอมากกว่าใครๆแต่คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เพียงเท่านั้น

    “พี่ฮัทเองก็เป็นคนเดียวที่เฟรมจะรัก พี่ฮัทจะรักเฟรมไปตลอดได้มั้ย” ชั้นมองพี่ฮัทหวังให้พี่ฮัทรับรู้ถึงความรัก อย่าผลักไสเฟรมอีกเลยนะ... พี่ฮัทพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะโน้มหน้ามาประทับจูบที่ริมฝีปากด้วยความหวานที่โหยหามาตลอด ไม่อีกแล้ว...เฟรมจะยอมให้เราต้องห่างกันอีก เราเหนื่อยและเจ็บปวดมามากพอแล้ว ต่อไปนี้ความรักของเราจะมีแต่ความสุขตลอดไป....รักของเรา พี่ฮัทกับเฟรมเพียงสองคน

     

    HUNZ talk

    ผมละทึ่งกับน้องสาวตัวเองจริงๆ ไม่รู้ว่าเอานิสัยรุกหนักแบบนี้มาจากใคร เฟรมไม่เสียเวลาทักทายหรือพูดจาอ้อมค้อมใดๆ ทั้งสิ้น และสิ่งที่ผมเชื่อก็เป็นจริงเมื่อสองหนุ่มสาวจูงมือกันเดินขึ้นมาบนบ้าน ผมเชื่อว่าใจสองใจที่รักกัน ไม่ว่ายังไงก็คงตัดกันไม่ขาด ผมยิ้มแสดงความยินดีกับน้องสาวและน้องชายที่ผมรัก

    “ดีกันแล้วเหรอ???” ผมหันไปถามน้องสาวที่หน้าบานยิ้มไม่หุบ

    “เฟรม...พี่ขอไปเรียกคนงานมาทำงานก่อนนะ” ฮัทพูดขึ้นมา

    “เรียกคนงานทำไม???” ผมเลิกคิ้วสูงถามฮัทด้วยความสงสัย

    “ก็แม่เสือสาวเล่นประกาศให้คนงานพักเที่ยงตอนแปดโมงกว่าๆหนะสิครับ ร้ายชะมัด” ฮัทบอกกึ่งฟ้อง ท้ายประโยคหันไปดุเฟรมเล่นๆ ซึ่งน้องสาวผมเองก็ไม่ได้สลดอะไรเลยแม้แต่น้อย

    “ร้ายแล้วรักมั้ยละ???” เฟรมยื่นหน้าทำทะเล้น จนผมอดที่จะคว้าหนังสือพิมพ์มาตีหัวไม่ได้

    “เจ็บนะ” เฟรมโอดครวญเกินเหตุ ผมส่ายหน้าให้กับความท่าเยอะของน้องสาวตัวเองไม่ได้

    “มากเกินไปละยัยเฟรม... ฮัทไปตามคนงานมาทำงานเถอะ เดี๋ยวไร่พี่ขาดทุนกันพอดี” ผมปรามน้องสาวที่ทะเล้นจนออกหน้าออกตา คงเพราะความสุขที่ล้นหัวใจสินะ แล้วบอกงานให้ฮัทไปทำ ฮัทก็หันมายิ้มหวานให้ยัยเฟรมน้องสาวตัวดีของผมก็เดินออกไป

    “น้อยๆ หน่อยเรา ความสุขมันจะล้นออกมาทับหัวพี่ตายอยู่แล้ว” ผมหันไปแซวยัยตัวดี

    “แล้วเมื่อไหร่พี่จะไปง้อแกงส้มละ” เฟรมโพล่งถามขึ้นมาอย่างที่ผมตั้งตัวไม่ทัน

    “ง้อเพื่ออะไร เห็นๆอยู่แล้วว่าเค้าไม่ให้อภัยพี่” ผมตอบกลับไป วินาทีที่แกงส้มบอกว่ายอมตายขอเพียงแค่ได้ไปพ้นๆจากผม มันวนเวียนอยู่ในใจที่ปวดร้าวดวงนี้มาตลอด

    “แล้วพี่ไม่เสียใจเหรอ???” เฟรมขยับตัวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “เสียใจสิ ที่สุดด้วย” ผมตอบตรงๆ การที่ผมปล่อยให้แกงส้มจากไปทำผมถึงจะไม่เสียใจ

    “แล้วถ้าแกงส้มมีคนใหม่ พี่จะเสียใจกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า มันไม่ใช่เพราะพี่ไม่ได้ครอบครองเค้านะ แต่เป็นเพราะพี่เองไม่เคยพยายามพิสูจน์ให้เค้าเห็นว่าพี่รักเค้าแค่ไหน เมื่อวันที่เค้าเป็นของคนอื่น พี่เองจะมาโกรธตัวเองไม่ได้” คำพูดของเฟรมทำให้ผมนิ่งคิด ตอนนี้แค่แกงส้มจากผมไปผมยังทรมานหัวใจมากอย่างนี้ แล้วถ้ารอยจูบของผมมันต้องเลือนรางไปกับริมฝีปากอื่น ไออุ่นจากร่างกายผมถูกทับด้วยอ้อมกอดของคนอื่น สายตาหวานไร้เดียงสานั้นจะต้องจ้องมองคนอื่นอย่างรักใคร่ ใช่...นั่นต่างหากคือความเจ็บปวดที่สุดของผม แกงส้มพี่จะทำทุกอย่างให้เราได้กลับมารักกันอีกครั้ง!!!

    และแล้วผมก็มาปรากฏตัวที่หน้าหอพักนักศึกษาตามที่ฮัทได้บอกว่าแกงส้มหนีมาอยู่ที่นี่ ผมขับรถมาจากไร่ตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาดักเจอความรักของผม ผมก้าวขาออกมาจากรถ มานั่งลงที่โต๊ะมาหินอ่อนที่ตั้งอยู่หน้าหอพัก

    “โอ๊ยยย!!!” เสียงหญิงสาวดังมากจากด้านหลัง ผมพบว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาดีนั่งลงกับเพื่อนในชุดวิ่งออกกำลังกาย ผมจึงลุกไปประคอง

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามเมื่อเห็นน้องเค้าเดินกะเผลกๆ

    “ไม่เป็นอะไรหรอกคะ...ว้ายยย!!!” เธอเดินไปแล้วก็ทำท่าเหมือนจะทรุดตัวลงผมจึงพุ่งตัวไปรับ สายตาของผู้หญิงคนนั้นที่ส่งมา ทำให้ผมพอรู้ว่าเธอไม่ได้เจ็บขาสักเท่าไหร่นัก แต่มันอาจจะเป็นโชคร้ายของผมเมื่อแกงส้มที่อยู่ในชุดลำลอง ในมือมีถุงขยะถุงโตอยู่ในมือจ้องผมกับหญิงสาวคนนั้นอยู่

    “แกงส้ม....ขอโทษนะครับผมต้องไปแล้ว” แกงส้มเดินหนีผมไปทันทีที่ผมเงยหน้ามาสบตา ผมจึงปล่อยหญิงสาวไว้แต่เพียงลำพังเพื่อเดินตามร่างสูงโปร่งที่ก้าวหนีผมอย่างรีบเร่ง

    “แกงส้มฟังพี่ก่อนนะ” ผมวิ่งไปดักหน้าพร้อมกางแขนขวางทาง

    “ฟังทำไม... ไปกระหนุงกระหนิงกับแม่เอวบางคนนั้นต่อสิไป” แกงส้มเบือนหน้าหนีพร้อมคำประชดประชัน ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันที แกงส้มกำลังหึงผมอยู่...ไม่ผิดแน่ๆ

    “หึงพี่ละสิ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าอ่อนใสนั้น แกงส้มขยับหนีด้วยความตกใจ

    “หึงบ้าบออะไรกัน....ไร้สาระ” แกงส้มคว้าถุงขยะทิ้งก่อนจะหมุนตัวหนีผมอย่างหัวเสีย

    “จะเดินหนีกันไปไหน พี่อุตส่าห์มาง้อนะเนี่ย” ผมคว้ามือแกงส้มไว้หนึ่งข้าง

    “ปล่อยนะ ใครเค้าขอร้องให้อุตส่าห์มาง้อกัน” แกงส้มพยายามสะบัดข้อแขนออกจากมือผม แต่ผมก็ฉวยโอกาสถือวิสาสะถึงร่างนั้นให้มาอยู่ในวงแขน แกงส้มดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน

    “เฮ้ยยยยย!!! ปล่อยแกงส้มนะ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ผมเสียสมาธิแกงส้มจึงหลุดพ้นจากอ้อมกอดแล้ววิ่งไปทางหนุ่มร่างสันทัดแต่หน้าตาดีไม่ใช่น้อย หรือว่าคนนี้จะเป็นพี่รหัสแกงส้ม...บอกตรงๆ ว่าผมไม่ไว้ใจที่จะปล่อยแกงส้มไว้กับไอ่หน้าหล่อคนนี้เลย แกงส้มของผมเองก็น่ารักน่าหยิกน้อยซะเมื่อไหร่กัน!!!

    “พี่แคนกลับห้องเถอะ อย่าไปถือสาคนเมาเลย” แกงส้มคว้ามือของไอ่หน้าหล่อเดินขึ้นไปบนหอพักนักศึกษาโดยไม่หันมามองผมแม้แต่น้อย ผมเตะถังขยะอย่างเจ็บใจ.... มันถึงเวลาที่ผมต้องกลับไปใช้ความเป็นเจ้าของผับผู้ทรงอิทธิพลให้เป็นประโยชน์กับความรักครั้งนี้ หัวใจผมร้อนรุ่มแทบทนไม่ไหวเมื่อเห็นแกงส้มจับมือถือแขนกับไอ่คนนั้น เรื่องนี้ผมต้องจัดการให้มันเด็ดขาดสักที!!!

     

    ปล. ตอนนี้พี่ฮั่นเริ่มกลับมาเกรียนมาตอนต้นๆ แล้วนะจ๊ะ ใครที่เป็นสาวกฮั่นแกง อีกสี่ตอนสองคนนี้จะจัดเต็มโดยไม่มีใครมาแย่งซีนแล้วนะจ๊ะ เพราะฮัทกับเฟรมก็ลงเอยกันเรียบร้อยไปแล้ว อยากรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงยังไงก็ติดตามกันต่อไป

    เม้นติชมกันได้นะจ๊ะ เพราะถ้าเป็นการชอบก็เป็นกำลังใจ ถ้าไม่ชอบก็เม้นเพื่อเป็นการพัฒนาต่อไปนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×