คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 17 : สัญญาที่ทำตามไม่ได้
HUNZ talk
สิ่งที่ผมทำ...มันถูกต้องแล้ว!!! ใช่...มันถูกต้องแล้ว ในเมื่อหัวใจเรามันต้องการแกงส้ม เราต้องทำตามความต้องการของเราสักที ผมถอนหายใจหนักหน่วง ทำไมนะ...ทำไมพี่ถึงทำให้แกงส้มเป็นสุขไม่ได้ แต่ได้โปรดเถอะนะคนดี อดทนอีกสักหน่อย... พี่ต้องทำให้แกงส้มมีความสุขในอ้อมกอดของพี่ให้ได้
“กลางวันหายไปไหน...” เสียงสุดท้ายที่ผมอยากจะได้ยินดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจน...ผมเหนื่อย ผมไม่อยากต้องมาอารมณ์เสียกับคุณ” ผมพูดออกไปโดยไม่หันไปมองใบหน้าสวยแต่มันไม่น่ามองสักนิด ความคิดสกปรกๆนั้นทำให้ความงามไร้ที่ติกลายเป็นเพียงภาพลวงตา
“นึกว่าการปลดปล่อยอารมณ์นั้น...จะทำให้คุณโล่งตัวซะอีก”
“เจนจิรา...คุณ!!!” ผมหันตัวไปหาร่างงามนั้นทันที รอยยิ้มที่มุมปากนั้นทำให้ความกลัวจู่โจมเข้าในหัวใจทันที... เจนจิรารู้เรื่องระหว่างผมกับแกงส้ม!!!
“เป็นไงคะ...เด็กหนุ่มหน้าหวาน มันคงจะถึงอกถึงใจสินะ ถึงกกมันไว้แทบทั้งวัน” ความหยาบคายพรั่งพรูจากริมฝีปากสีหวาน ทำให้ผมตัวสั่นกำมือแน่น
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะเจนจิรา ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ” ผมพูดลอดฟันเสียงเบา แต่ความโมโหไม่ได้น้อยลงเลยสักนิด แต่ร่างบางนั้นกลับยืนมองหน้าผมไม่สะทกสะท้านความด้วยที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่ต้องโกรธขนาดนั้นก็ได้ เจนไม่ทำลายวิมานน้อยๆของคุณกับไอ่ครูหน้าอ่อนเร็วๆนี้หรอก คุณยังมีเวลาปลดอารมณ์ทิ้งไว้กับมันอีกนาน ของใหม่มันคงเร้าใจมาก เจนเข้าใจค่ะ...ว่าคุณโหยหาเรื่องแบบนี้แค่ไหน”
“เจนจิรา!!!” ผมแผดเสียงเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าอย่างที่ผมเองก็ไม่นึกว่าตัวเองจะทำแบบนี้ได้
“ความอดทนของผมมันมีจำกัด คุณจำเอาไว้นะเจนจิรา... กับผมคุณจะทำอะไรก็ได้ ผมไม่ว่า แต่อย่ามาแตะต้องหัวใจของผม อย่ามายุ่งกับแกงส้มเป็นอันขาด!!!” ผมตะคอกใส่ร่างอย่าเหลืออด
“เจนอยากรู้จริงๆว่าถ้าคุณหนูได้ยินคำพูดของคุณเมื่อกี้...คุณหนูจะว่ายังไง” เจนจิราผงะไปสักนิด แต่เพียงเสี้ยวนาทีร่างบางก็ยืดตัวตรง ฉีกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ก็ช่างคุณหนูปะไร” ผมไม่ยอมให้เจนจิราเอาชื่อของคุณหนูมาอ้างอีกแล้ว.... คนรักของผม ถ้าผมปกป้องเค้าไม่ได้----ชีวิตนี้ผมจะเหลือความภูมิใจอะไรในตัวเองอีก
SMILE talk
ชั้นกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้ปล่อยโฮออกมา แต่น้ำตา....มันเหนือการควบคุมของชั้นจริงๆ สิ่งที่เพิ่งได้ยินมันทำร้ายหัวใจของชั้นจนไม่เหลือสิ้นดี พี่ฮั่น...ไม่แคร์ชั้นแล้วเหรอ??? ไม่สิ----เค้าไม่เคยแคร์ชั้นมากกว่า ที่ผ่านมามันเป็นเพียงหน้าที่ที่พี่ฮั่นต้องรับผิดชอบ ชั้นมันก็แค่คนที่พี่ฮั่นต้องแบกรับไว้เท่านั้น ทำไมชั้นถึงจะไม่รู้....ว่ามีเพียงบุญคุณของเท่านั้นที่รั้งพี่ฮั่นไว้!!!
ร่างกายของชั้นพาตัวเองออกมาอย่างเลื่อนลอย อยู่ๆชั้นก็มาหยุดที่สวนหลังบ้าน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งปล่อยโฮออกมา...มันเกินจะกลั้นแล้ว พ่อจ๋า....แม่จ๋า หนูทนไม่ไหวแล้ว มันหนักหนาเกินไปแล้ว หนูคิดถึงพ่อกับแม่ ทำไม.... ทำไมไม่พาหนูไปด้วย ทำไมต้องปล่อยหนูไว้คนเดียวแบบนี้....
“ใครอ่ะ...” เสียงทุ้มคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ชั้นรีบปาดน้ำตาหันขวับไปมองต้นเสียง นายฮัทยืนมองด้วยท่าทีระแวดระวัง
“คุณหนู---ทำไมมาอยู่ที่มืดๆแบบนี้ ตกใจแทบแย่” นายฮัททักราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของชั้น แต่แววตาที่ส่องประกายมามันทำให้หัวใจอบอุ่นได้อย่างประหลาด
“เรื่องของชั้น!!!” ชั้นสะบัดเสียงใส่
“เรื่องของชั้น----นี่....ถามจริงๆเหอะ นึกว่าตัวเองเป็นใครห๊ะ ปัญหาชีวิตนี่มันต้องแก้คนเดียวซะเมื่อไหร่ ตัวนิดเดียวยังมาทำเป็นเก่งซะ!!!” นายฮัทล้อเลียนชั้นก่อนจะร่ายคำพูดยาวออกมา
“นายอย่ามายุ่งกับชั้นได้มั้ย???....หยุดปากมากแล้วไปให้พ้นหูพ้นตาชั้นสักทีเถอะ ไป๊!!!” น้ำตาที่ยังไม่ทันจะแห้งก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง---แม้แต่นายคนนี้ยังต่อว่าชั้นอีกเหรอ???
“เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไมกันเนี่ย???”
“ชั้นบอกให้ไปไง---ไปเลยนะ—ไปสิ ไปให้หมดทุกคน ไปเลย....ทิ้งชั้นไว้ตรงนี้แหละ” ชั้นหมดแรงทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหมดท่า ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนว่าทำไมถึงทำตัวอ่อนแอกับคนบ้าๆพรรค์นี้ด้วยนะ
“ยัยคุณหนู....เกิดอะไรขึ้น มีอะไรก็เล่าให้ชั้นฟังได้” เสียงที่แสนจะน่ารำคาญกลับทุ้มต่ำน่าฟังยิ่งนัก ในยามที่หัวใจของชั้นกำลังเสียหลักแบบนี้ ฝ่ามืออบอุ่นวางประทับบนแผ่นหลังของชั้นอย่างแผ่วเบา ไม่มีคำได้เอ่ยออกมาระหว่างเราสอง ชั้นค่อยเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะผละตัวออกจากร่างสูงที่นั่งลงอยู่ข้างๆ สายตานั้น...ช่างอาทรราวกับเป็นห่วงเป็นใย----แต่ไม่หรอก คนอย่างชั้นไม่มีใครจริงใจกับชั้นจริงๆหรอก ทุกคนต่างมีเงื่อนไขและผลประโยชน์เท่านั้นแหละ!!!
“ชั้นจะไปนอนแล้ว” ชั้นบอกกับร่างสูงนั้นก่อนจะค่อยยืดตัวขึ้น ร่างสูงลุกขึ้นตาม
“อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยห๊ะ!!!” นายฮัทเอาตัวเข้ามาขวางทันทีที่ชั้นก้าวเดิน ทำให้ร่างของชั้นปะทะกับร่างสูงนั้นอย่างจัง มือแข็งแรงนั้นตวัดรอบแขนชั้นจนแทบจะไม่อาจกระดิกตัวได้
“เอามืออกจากตัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ---ไอ่บ้า ปล่อยสิ” ชั้นสะบัดตัวแต่ก็ไร้ประโยชน์ อยากจะโวยวายแต่ก็ไม่อยากให้ใครเห็นว่าชั้นอยู่ในอ้อมแขนของนายบอดี้การ์ดไม่เอาไหนคนนี้
“วันๆเห็นแต่ทำร้ายจิตใจคนอื่น---แล้วจู่ๆแอบมาร้องไห้แบบนี้ มันเกิดอะไรกับเธอกันแน่เนี่ย???”
“นายว่ายังไงนะ---ชั้นไปทำร้ายจิตใจใคร....นายพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง” ความน้อยใจจู่โจมเข้ามาในสมองทันที ใบหน้าใสนั้นเม้มปากราวกับเก็บกักคำพูดเป็นร้อยเอาไว้
“ชั้นไปทำร้ายใคร----ชั้นไปทำร้ายใครห๊ะ!!!” ชั้นทุบอกกว้างนั้นอย่างเคียดแค้น ไม่มีใครเข้าใจชั้นเลยสักคน!!!
“ก็แกงส้มไง...เธอทำให้คนน่ารักอย่างแกงส้มต้องกดดันทุกวี่วัน ใครก็ดูออกว่าที่เค้าเป็นแบบนี้ก็เพราะเค้าต้องมาอยู่บ้านหลังนี้---ชั้นก็ไม่ได้อยากว่าหรอกนะ แต่แกงส้มไม่ใช่ที่ควรจะมาทุกข์ทนกับความเอาแต่ใจของเธอ” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะดูไม่ได้เอาจริงเอาจังกับถ้อยคำที่เอ่ยออกมา แต่เพียงเท่านั้นหัวใจชั้นมันก็ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
“นายไม่รู้หรอกว่าคนที่นายปกป้องมันเข้ามาทำร้ายชีวิตของชั้นแค่ไหน เพราะมัน----เพราะคนๆนั้น เพราะไอ่ครูบ้านั่นคนเดียว!!!” จากความเสียใจกลับกลายเป็นความโกรธแค้นภายในไม่กี่วินาที ถ้าไม่มีคนๆนั้น ที่มาทำให้พี่ฮั่นเปลี่ยนไป ชั้นก็ไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้ พี่ฮั่นจะอยู่เคียงข้างชั้นแบบไม่มีเงื่อนไข ใช่...เพราะครูสอนเปียโนคนนั้น ที่ทำให้ชั้นต้องร้องไห้แบบนี้!!!
KANGSOM talk
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ กลางดึก หัวใจของผมไหวระริกขึ้นมาทันใด ผมรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเคาะประตูนั่น ไม่อยากปล่อยหัวใจต้องหวั่นไหวอีกแล้ว ความผูกพันที่เพิ่งเกิดขึ้นมันทำให้ร่างผมสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงแววตาคู่นั้น ร่างของผมยังมีกลิ่นหอมยั่วยวนของพี่ฮั่นอบอวลไปทั่วร่าง ผมบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตูออกไป ร่างสูงที่อยู่หน้าประตูพุ่งเข้ามากอดผมไว้แน่น
“พี่ฮั่นปล่อยผมก่อน เดี๋ยวใครเค้ามาเห็น” ผมผลักร่างสูงนั้นให้ออกห่างก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูพร้อมล็อคประตู
“แกงส้ม----” ร่างสูงนั้นเอ่ยชื่อผมเบาๆ ก่อนจะโน้มริมฝีปากมาประทับบนแก้มของผมอย่างนุ่มนวล
“พี่ฮั่น ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย” ผมพึมพำเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง แขนเข็งแรงรวบผมให้แนบกับแผงอกตัวเอง ผมซบใบหน้าพร้อมสูดกลิ่นที่ผมแสนจะถวิลหา รัก.... ผมรักพี่เหลือเกิน รักทั้งที่มันแสนจะเจ็บปวด รักทั้งที่ความรักครั้งนี้มันทำร้ายผมมาตลอด ผมจะทำอย่างไรกับหัวใจตัวเอง
“แกงส้ม---อย่าปล่อยมือพี่ไปนะ พี่รักแกงส้มเหลือเกิน” กลิ่นลมหายใจอบอุ่นทำให้ความต้องการที่ผมซ่อนลึกไว้พลุ่งพล่าน มือเรียวยาวของพี่ฮั่นสอดเข้าไปภายในเสื้ออย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางทรงเสน่ห์ประทับลงที่ซอกคออย่างแผ่วเบา ผมตวัดแขนโอบรัดร่างพี่ฮั่นด้วยความโหยหา ริมฝีปากร้อนค่อยเลื่อนลงมาซุกไซร้ตามร่างกาย ลมหายใจของพี่ฮั่นถี่หอบเร่าร้อน เสื้อนอนของผมค่อยถูกปลดกระดุมทีละเม็ด พี่ฮั่นฉวยจังหวะที่ผมก้มลงมองเสื้อตัวเองที่ถูกเปลื้องออกจากร่างกาย ดันร่างผมทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่ม ร่างสูงขาวคร่อมตัวผมแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ สายตาของพี่ฮั่นลามเลียอย่างยั่วยวนผมจนหัวใจแทบละลายจนหมดสิ้น มือทั้งสองข้างของพี่ฮั่นลูบไล้ไปตามร่างกายท่อนบนของผมที่เปล่าเปลือยท่ามกลางแสงไฟนีออนสว่างจ้า พี่ฮั่นละฝ่ามือร้อนออกจากร่างกายผมเพื่อปลดเปลื้องเสื้อของตัวเอง สายตาร้อนแรงกวาดมองผมไปทั่วเรือนร่าง แค่เพียงสายตานั้นก็ทำให้ผมต้านทานความต้องการตัวเองไม่ไหว ผมไม่อาจละสายตาจากใบหน้าคมใสนั้นได้จริงๆ พี่ฮั่นค่อยๆโน้มกายลงมา ริมฝีปากของผมเผยอรับกับรสจูบหวานละมุน สัมผัสแรกช่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเร้าร้อน เรียวลิ้นของพี่ฮั่นตวัดรุกล้ำเข้ามาในริมฝีปากของผม แขนของผมตวัดรอบคอพี่ฮั่นราวกับกลัวร่างนี้จะละลายไปกับอากาศธาตุ
“แกงส้ม...พี่ขอนะ” เสียงหวานสั่นนั้น...ไม่ต้องการคำตอบจากผม ร่างแข็งแรงนั้นค่อยๆขยับแนบกับร่างกายที่ผมเพิ่งรู้ว่าเปล่าเปลือยไปทั้งร่างแล้ว ทุกอย่างพร่ามัวไป มีเพียงแววตาโหยหานั้นที่ผมเห็น เสียงร้องครางของผมทำให้ร่างสูงนั้นได้ใจรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย บทรักของพี่ฮั่นรุนแรงราวกับทะเลคลั่งหากแต่มันช่างตรึงใจของผมเสียเหลือเกิน.....
ผมสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากหลับไปในอ้อมกอดของพี่ฮั่น กลิ่นลมหายใจหอมหวานปะทะใบหน้าของผม ใบหน้าใสแต่ทว่าคมเข้มมันช่างน่าดึงดูดอะไรเช่นนี้นะ หัวใจของผมเต้นโครมครามอยู่ภายในอก
“แกงส้ม...พี่ขอนะ” นั่นคือ...คำเอื้อนเอ่ยสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่จะระเริงไปกับความวาบหวามของรสรักจากผู้ชายคนนี้ ผมค่อยๆไล้มือไปตามใบหน้าของพี่ฮั่น อะไรที่ทำให้ผมรักผู้ชายคนนี้ได้มากมายจนควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ ผมค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากอย่างแสนรัก
“แบบนี้เค้าเรียกว่าลักหลับนะ” เมื่อผมถอนริมฝีปากออก พี่ฮั่นก็พูดออกมาทั้งที่ยังหลับตา ผมรีบพลิกตัวกลับด้วยความเขินอายกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป แต่พี่ฮั่นไม่ปล่อยให้ผมขยับไปไกลนัก ร่างนักคว้าเอวผมไปแนบชิดตัวเจ้าตัวโดยทันที
“หอมจัง” พี่ฮั่นจูบหัวไหล่ผมฟอดใหญ่ก่อนเอาคางเกยไว้อย่างนั้น ลมหายใจร้อนปะทะที่ซอกคอ
“กลับห้องไปได้แล้ว...จะเช้าแล้วเนี่ย???” ผมแกะมือพี่ฮั่นออกแต่ไม่จริงจังนัก พี่ฮั่นกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ฝ่ามือร้อนนั้นเริ่มซุกซนขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากพี่ฮั่นก็ไม่ใช่น้อยพรมจูบไปตามร่างกายอย่างถือสิทธิ์ ผมดิ้นขลุกขลักพี่ฮั่นจึงกดร่างผมให้นอนหงายก่อนพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน ต้นขานั้นเบียดขาผมจนแทบขยับตัวไม่ได้
“พี่ห้ามใจไม่ไหวจริงๆนะ” น้ำเสียงอ้อนวอนกับสายตาที่แสนจะโหยหา มันสั่นสะท้านหัวใจผมเสียเหลือเกิน พี่ฮั่นเชยคางผมขึ้นมาให้มองตาคู่หวานนั้น
“บอกพี่สิ...ว่ารักพี่ รักเหมือนที่พี่รักแกงส้มเหลือเกิน” สายตาที่จ้องมาทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าวอีกครั้ง ไม่อาจจะหลบสายตานี้ได้เลย หัวใจของผมสยบลงตรงผู้ชายคนนี้อย่างราบคาบ
“ผมรักพี่---รักมากไม่น้อยไปกว่าพี่” ถึงแม้จะเป็นคำพูดสั้น...แต่นั่นแทนทุกความรู้สึกที่มี หัวใจผมร่ำร้องบอกว่ารักผู้ชายคนนี้มากมายเหลือเกิน รอยยิ้มแห่งความสุขคลี่ออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปนั้นก่อนค่อยโน้มมาประทับบนริมฝีปากผมเนิ่นนาน มือใหญ่นั่นลูบไล้ย่างรัญจวน ผมค่อยๆตอบรับความต้องการนั้นอีกครั้งด้วยความเต็มใจ......
ผมนั่งยิ้มให้กับตัวเองในกระจก.... ความรักมันทำให้ผมหน้าสดใสจริงๆนะ นึกถึงร่างสูงที่งอแงไม่ยอมกลับไปที่ห้องตัวเองเมื่อเช้าแล้วมันทำให้หัวใจพองโตขึ้นในทันใด ร่างกายของผมทุกอณูเป็นของพี่ฮั่นไปแล้ว
“ครูแกง...ครูแกง” เสียงป้านวลมาพร้อมเสียงเคาะประตู ผมรีบวิ่งไปตามเสียงเรียกทันที เมื่อเปิดประตูก็เห็นป้านวลทำสีหน้ากังวลใจ ผมเลิกคิ้วสูง
“มีอะไรครับป้า” ผมถามป้านวล บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมรู้สักสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
“คุณหนูมีเรื่องจะคุยด้วยจ๊ะ”
ผมก้าวอาดๆ มาที่ห้องนั่งเล่น คุณหนูสมายล์และเจนจิรามองผมด้วยสายตาที่แตกต่าง คุณหนูสมายล์มองหน้าผมก่อนจะเมินหน้าราวกับรังเกียจผมนักหนา ส่วนเจนจิรามีสีหน้าหัวเราะเยาะผมในที พี่ฮั่น....พี่อยู่ที่ไหนกัน ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลย
“มีอะไรครับ” ผมทำใจกล้าถามสองสาวที่ดูเหมือนจะเกลียดชังผมเสียเหลือเกิน คุณหนูโยนกระดาษหนึ่งแผ่นมาที่ผม ผมก้มเก็บกระดาษนั้นพยายามข่มอารมณ์ไม่พอใจกับการกระทำของคุณหนู
“นี่มันอะไรกัน” ผมอ่านกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะเงยหน้ามาถามคุณหนู
“ก็ใบเสร็จปลดหนี้ครอบครัวของนายไง” เจนจิราพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน
“หมายความว่าไงกันครับ....”
“หมายความว่าชั้นไล่นายออกแล้วนี่คือค่าเสียหายไง” คุณหนูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเกินกว่าเด็กวัยนี้จะควรจะทำ ผมมองหน้าใสๆนั้นด้วยอารมณ์ที่พร้อมเผชิญหน้า
“มันมากเกินไป--- ความจริงคุณหนูต้องการจะพูดอะไรก็บอกกันมาตรงๆดีกว่า” ผมยืดตัวตรงขึ้นมา
“เอาตรงๆงั้นเหรอ???---นี่คือค่าจ้างให้นายเลิกยุ่งกับคุณฮั่นไง ค่าเสียใจแล้วก็ค่าเสีย....”
“หยุด” คุณหนูสมายล์หับกลับไปตวาดเจนจิราที่พูดจาหยาบคาย คำพูดนั้นมันทำให้ผมแทบทรุด...เรื่องระหว่างผมกับพี่ฮั่นมันไม่ใช่ความลับอีกต่อ ผมมองหาพี่ฮั่น...พี่ฮั่นพี่อยู่ที่ไหน ไหนพี่บอกว่าจะปกป้องผมไง พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายผมไม่ใช่เหรอ??? แล้วตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนกัน
“พี่ฮั่นอยู่ไหน” ผมถามไปตรงๆ แววตาของคุณหนูสมายล์ลุกวาวด้วยความโกรธ
“ชั้นถามจริงๆเหอะนะ นายคิดว่าคุณฮั่นเค้ารักนายจริงเหรอ??? ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวอย่างนาย คิดว่าจะได้เป็นตัวจริงของคุณฮั่นงั้นเหรอ??? ถ้าเค้ารักนายจริง ชั้นกับคุณหนูก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรนายได้อยู่แล้ว----นึกว่าจะฉลาดอยู่บ้าง ที่แท้ก็โง่เง่าจริงๆ” เจนจิราลุกขึ้นมาพูดกกับผม ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมา พี่ฮั่น....พี่รักผมใช่มั้ย??? สิ่งที่เจนจิราพูดมันไม่จริงใช่มั้ย??? เราสองคนรักกัน เมื่อคืนพี่ยังรักบอกผมอยู่เลยนะ----แต่ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน พี่ฮั่นพี่หายไปไหน???
“คุณเอาเงินของคุณคืนไป ความเสียใจของผม ผมไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบมันด้วยเงิน” จบสิ้นแล้ว ทั้งศักดิ์ศรีทั้งหัวใจ มันถูกทำร้ายป่นปี้อยู่ตรงนี้ ผมฉีกใบเสร็จที่ตราหน้าความอับอายของผมเป็นชิ้น พร้อมยกมือปาดน้ำตา มันหมดเวลาของความอ่อนแอแล้ว คำสัญญาบ้าบอของผู้ชายคนนั้นมันเป็นเพียงลมปาก นั่นสินะ...ระหว่างเรากับคุณหนู ใครมันจะเลือกคนจนๆอย่างให้เป็นภาระ เรานี่แหละที่โง่เชื่อคำพูดพล่อยๆเอง ยอมเค้าไปหมดทุกอย่างเพียงแค่เค้ากระซิบว่ารัก คำสัญญาที่เค้าไม่อาจจะทำได้...เราก็ยังเคลิบเคลิ้มไปกับมัน ตาสว่างรึยัง??? ผมสะบัดตัวเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความปวดร้าว จำเอาไว้...จำวันนี้เอาไว้ หยุดได้แล้วหัวใจอย่าไปรักเค้าอีกเลย ผมบอกกับหัวใจตัวเองหากมันยังเหลือชิ้นดีอยู่บ้าง!!!
ปล. ขอโทษน้าที่มันดูโดดๆ ไปหน่อย เนื่องจากร้างลากับมันมานานมาก ยังไงก็ให้โอกาสกันหน่อยนะ จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นกว่านี้นะจ๊ะ ยังไงก็คิดถึงรีดเดอร์ทุกจ้า^^
ความคิดเห็น