ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักละมุน คุณพ่อน้องผี

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 17: วันหยุดยาว (2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 55




    ผมไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาเลย... กลิ่นกายหอมมีเสน่ห์ที่ได้กลิ่น สัมผัสอบอุ่นที่กอดก่ายร่างกายเราอยู่นั้น ผมกลัวว่าทุกอย่างจะหายไปเมื่อผมลืมตา...ผมกลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝันในคืนหนึ่งเท่านั้น

    “อรุณสวัสดิ์คนดีของพี่” เสียงทุ้มหวานกระซิบเบาๆข้างหูตามด้วยการหอมแก้มเบาๆ ทำให้ผมกล้าที่จะลืมตามามอง แววตาหวานสดใสนั้นก็จ้องอยู่แล้ว ผมหลบตาคมนั้นเพราะหัวใจมันเต้นแรงเหลือเกิน

    “กี่โมงแล้ว...” ผมเฉไฉถามเวลา พี่ฮั่นกระชับแขนรัดร่างผมแน่นขึ้น

    “เจ็ดโมงกว่า---หิวแล้วเหรอ???” พี่ฮั่นตอบเสียงหวาน ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มตาด้วยความเขินอายจากเรื่องเมื่อคืน ภาพหันวนกลับเข้ามาในหัวช้าๆ ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาเกินควบคุม ผมซบไปที่อกกว้างนั้นพี่ฮั่นเองก็กอดรับอย่างอบอุ่น

    “ผมรักพี่นะ” ผมบอกความในใจที่ล้นออกมาเบาๆ พี่ฮั่นปะทับริมฝีปากบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน

    “นึกว่าตัวเองรักพี่เป็นคนเดียวรึไง... พี่ก็รักแกงเหมือนกัน รักมากเลยนะ” พี่ฮั่นตอบด้วยเสียงแช่มชื่น หากความรักของเราเปรียบเสมือนต้นไม้ ตอนนี้ต้นไม่ต้นนี้คงผลิดอกสีหวานโปรยกลิ่นหอมไปทั่วหัวใจของเราทั้งสอง ผมยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดคนรักที่เป็นของผมจริงๆ

    “เงยหน้ามาหน่อย...ขอมอร์นิ่งคิสคนน่ารักให้พี่มีแรงหายใจ....” พี่ฮั่นพูดพร้อมเชยคางผมขึ้นเบาๆ ผมช้อนตามองใบหน้าขาวใสได้รูปด้วยความรักใคร่ พี่ฮั่นโน้มตัวมาอย่างช้าๆ ผมหลับตาแต่ก็สามารถรับรู้ถึงความรักที่ส่งมาพร้อมจูบหวานที่กดนิ่งบนริมฝีปากเนิ่นนาน ลิ้นเรียวซุกซนแตะและแทรกเข้ามาอย่างอ่อนโยน มือทั้งสองข้างพี่ฮั่นประคองใบหน้าผม ส่วนผมก็โอบรัดร่างนั้นด้วยความเสน่หา จากจูบรสหวานค่อยๆเร้าร้อนขึ้น พี่ฮั่นก็พลิกตัวโถมทับร่างผม ขบริมฝีปากผมอย่างเย้ายวน ร่างกายของผมร้อนวูบวาบไปทั้งตัว กลิ่นกายหอมนั้นกระตุ้นในผมร่างกายเปิดรับบทรักที่ดูเหมือนจะเร้าร้อนกว่าเมื่อคืน พี่ฮั่นยกมือผมมือจูบก่อนที่จะไล้ปลายลิ้นไปทั่วหลังมือชวนรัญจวนใจนัก ผมซุกใบหน้าไปที่ซอกคอของคนรักอย่างโหยหา กดริมฝีปากลงที่ลำคอแข็งแรงนั้น พี่ฮั่นพ่นลมหายใจยาวออกทางจมูกคลี่รอยยิ้มบางๆ พร้อมยกตัวผมให้ขึ้นคร่อมร่างของพี่ฮั่นเอง ผมก้มลงประกบริมฝีปากลงบนอกกว้างนั้นอย่างโหยหา ร่างพี่ฮั่นเริ่มนิ่งปล่อยให้ผมเร่งจังหวะตามใจ ผมจูบพรมไปตามร่างงามที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโดยเฉพาะซอกคอที่สร้างเสียงหวานสั่นจากพี่ฮั่นซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดี ผมหยอกล้อร่างกายพี่ฮั่นจนร่างนั้นกลายเป็นสีชมพูด้วยเลือดหนุ่มที่ฉีดแรงไปทั่วร่าง

    “หมดเวลาของลูกกวางแล้ว...” พี่ฮั่นพูดเสียงสั่นเล็กๆ คว้าเอวผมเหวี่ยงลงด้านข้างและแทรกตัวเข้ามาแนบชิดกันร่างผมจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างเรา พี่ฮั่นตรึงสองมือผมกางไปด้านข้างพร้อมขบจูบร่างกายผมไปทั่ว ร่างกายแข็งแรงดันร่างเข้ามาแอบอิงอย่างเร้าร้อน ผมหลับตาเม้มปากเมื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมาจากจังหวะที่ร้อนเร้ารับเช้าวันใหม่.....

    ผมยืนมองร่างกายท่อนบนตัวเองแล้วถอนหายใจยาว รอยสีแดงเต็มไปหมด เห็นแล้วก็อดโมโหร่างสูงที่หลับอยู่บนเตียงไม่ได้ แล้วถ้าคนอื่นมาเห็นผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันจำเป็นต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ???  ผมหยิบเสื้อยืดมาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ พี่ฮั่นมองหน้าผมก่อนยิ้มกว้างอย่างทะเล้น

    “รีบใส่เสื้อผ้าไปไหน เดี๋ยวก็ได้ถอดอีก” คำพูดนั้นทำเอาผมแทบแทรกแผ่นดินหนี ผมน่าจะมีสติบ้าง...ไม่น่าเลยเราไม่น่ายอมเลย ดูสิ!!! อีตาพี่ฮั่นทำตัวหน้าหมั่นไส้แค่ไหน

    “ผมหิวแล้ว... จะนอนโป๊อดตายอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ” ผมเหวี่ยงใส่แต่พี่ฮั่นก็หัวเราะ พร้อมลุกจากเตียงโดยที่ไม่หยิบอะไรมาพันกายสักชิ้น ผมรีบเบือนหน้าหนี...

    “น่าเกลียดมาก!!!” ผมโวยวายพี่ฮั่นกลับปรี่เข้ามาหอมแก้มแรงก่อนจะเดินเลยเข้าห้องน้ำพร้อมเสียงหัวเราะอย่างมีมีชัย ผมเองก็อดยิ้มกับความทะลึ่งทะเล้นของคนรักไม่ได้ ผมเดินลงบันได้ตรงมาที่ห้องครัวทำอาหารที่มาจากของในตู้เต้นสองสามอย่างแล้วจัดโต๊ะรอพี่ฮั่นลงมา

    “แกงส้มมมมมม!!!” เสียงพี่ฮั่นดังลั่นมาจากด้านบน

    “อะไร...โวยวายทำไมเนี่ย???” ผมร้องกลับแต่ด้วยถ้อยคำที่ไม่ค่อยหวานนัก

    “โหยยยย...นึกว่าหายไปไหน พี่เกือบขาดใจที่ไม่เห็นหน้าแกงส้ม” พี่ฮั่นตีหน้าอ้อนน่าสงสารทันทีที่เยี่ยมหน้ามาเจอกัน ผมจึงง้างมือตีไปที่ไหล่เบาๆด้วยความหมั่นไส้

    “เสี่ยวไปแล้วนะ...” ผมค้อนเบาๆก่อนจะเดินไปตักข้าวให้ร่างสูงที่กำลังลากเก้าอี้นั่งลงเพื่อรอทานอาหาร

    “ก็พี่รักพี่อยากให้แกงส้มยิ้ม...ความจริงมันไม่ใช่ตัวตนเลยนะ จริงๆหน่ะพี่ขี้อาย” พี่ฮั่นทำเอียงคอหน้าตาไร้เดียงสามองตาผมปริบๆ ผมเผลอหัวเราะออกมาเพราะความน่ารักของคนที่นั่งตรงข้าม

    “กินซะ...อ่ะ” ผมตักผัดผักให้ พี่ฮั่นยิ้มขอบคุณก่อนตักอาหารคำโตเข้าปาก

    “ขอบคุณนะ” พี่ฮั่นเอ่ยคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

    “แค่ตักอาหารให้ขอบคุณซะจริงจังเชียว” ผมหัวเราะเล็กๆกับการกระทำของพี่ฮั่น

    “ไม่ใช่เรื่องนี้...ขอบคุณที่มาอยู่ข้างๆพี่ รู้มั้ย???...ว่าแกงส้มทำให้พี่กลับมามีศรัทธากับคำว่ารักอีกครั้ง” พี่ฮั่นพูดพร้อมส่งแววตาที่ทำให้ผมไม่อาจจะละสายตาจากตาคู่นั้นได้เลย

    “แค่พี่มีความสุข...ผมก็มีความสุขเหมือนกัน จากนี้พี่มีความสุขมากๆเพื่อผมนะ”

    “ความสุขของพี่คือการมีแกงส้มอยู่ข้างๆ คอยทำหน้าตาน่ารักๆใกล้ๆ”

    “แต่ความสุขของผมคือการที่พี่มีความสุข ถ้าการที่ผมไม่มีความสุขแล้วมันทำให้พี่มีความสุข ผมพร้อมจะเดินออกไปทันที” ผมบอกออกไป ทุกอย่างมันไม่ได้ลงตัวแบบนั้น ผมไม่อยากให้ความรักของเราพาจิตใจเราคาดหวังแบบเพ้อฝัน เพราะนั่นมันจะทำให้ความเจ็บมันทรมานทวีคูณ ผมเองต้องเผื่อใจไว้สำหรับความเจ็บปวด...

    “ทำไมถึงพูดแบบนี้ พี่มีความสุขไม่ได้ถ้าไม่มีแกงส้ม” พี่ฮั่นวางช้อนส้อมอย่างรวดเร็วก่อนกระชากเสียงด้วยความไม่พอใจ

    “ผมแค่ไม่อยากให้พี่คาดหวัง ไม่ใช่ว่าผมไม่รักพี่ แต่เราน่าจะปล่อยความรักให้มันเป็นไปตามความเป็นจริงดีกว่า... คนเราไม่เลิกก็ต้องตายจากกัน ทุกอย่างมันมีอายุขัยของมัน” ผมพูดสิ่งที่คิด ผมไม่อยากให้ความสุขบนโลกนี้ของพี่ฮั่นขึ้นอยู่กับผม นั่นมันทำให้ตัวผมยิ่งห่วงหาในตัวเค้ามากขึ้น แค่อยากให้เค้ารักผมมากๆแต่ต้องมีความสุขได้หากเราจะต้องห่างกันไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม อีกฝ่ายก็ลุกเดินหนีไปทันที ความไม่สบอารมณ์แผ่ออกมาจนผมรู้สึกได้แต่ก็เลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม เพื่อให้พี่ฮั่นใจเย็นพร้อมที่จะคุยกันด้วยเหตุผล

     

    HUNZ talk

    ผมไม่ชอบคนดื้อ... แต่แกงส้มเองก็ไม่เคยจะยอมลงให้ผมเลยสักครั้ง ทำไมต้องพูดแบบนี้ พูดเหมือนเราจะไปกันไม่รอด ทั้งที่ผมให้แกงส้มเต็มร้อย คำพูดนั้นมันสร้างความเจ็บช้ำให้หัวใจผมเหลือเกิน มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่คิดจริงจังกับความสัมพันธ์ หลังจากความเจ็บช้ำครั้งหนักในรักครั้งแรก ผมก็ไม่เคยมอบใจให้ใครทั้งดวงแบบนี้ มันเหมือนกำแพงสูงใหญ่ปิดกั้นหัวใจเพื่อไม่ให้มันต้องบอบช้ำอีก แต่อยู่ๆแกงส้มก็เข้ามาทำให้หัวใจผมหวั่นไหวถลำตัวลึกตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น จนเราข้ามผ่านไปอีกฝั่งของความสัมพันธ์ เราเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์ แล้วจะมาบอกให้รักแบบยั้งใจมันใช่เหรอ???

    “ผมเห็นขนมเค้กในตู้เย็น ผมทานได้มั้ยครับ???” เสียงทุ้มนุ่มหวานดังมาจากด้านหลัง

    “อยากทำอะไรก็ทำ...” ผมพูดเสียงเรียบและไม่ได้หมายความถึงขนมเค้กในตู้เย็น

    “ผมอยากกอดพี่---ผมทำได้มั้ย???” แกงส้มไม่รอคำตอบ เข้ามาโอบผมจากด้านหลัง ใบหน้าแนบแผ่นหลังผมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนนั้น ผมยังโกรธแต่ก็ไม่อยากสลัดร่างนั้นให้ไกลห่าง

    “นี่มันระเบียงนะ...ไม่กลัวคนอื่นจะเห็นเหรอ???” ผมประชดด้วยน้ำเสียงนิ่ง

    “ไม่กลัว...ผมรักพี่มากกว่า” เสียงอ้อนนั้นละลายใจที่โมโหเสียหมดสิ้น ผมกลับตัวไปคว้าร่างนั้นไว้กอดแน่นให้หายโมโห

    “ผมหายใจไม่ออก พี่กอดผมแน่นไปแล้ว” แกงส้มผลักแขนผมเพื่อจะให้ปล่อย แต่เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย เด็กดื้อต้องได้รับการสั่งสอน!!!

    “ดี...ตายคาอกพี่นี่แหละ มันน่าหมั่นไส้นัก” ว่าแล้วผมก็รัดร่างสูงโปร่งแน่นขึ้น แกงส้มดิ้นขลุกขลักทำสายตาอ้อนวอนแต่ผมไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แกงส้มคงเห็นว่างานนี้ง้อไม่ง่ายอย่างที่คิด จึงใช่จมูกกดลงที่แก้มผมอย่างอ่อนโยมค่อยๆลากมากลางใบหน้าจนจมูกเราสองคนชนกัน ริมฝีปากห่างกันแค่นิดเดียว ผมใช้จังหวะที่แกงส้มหยุดชะงักยื่นใบหน้าเพื่อใช้ริมฝีปากลงโทษร่างสูงนั้นให้สาสม ผมบดขยี้จูบไปที่ริมฝีปากนั้นอย่างรุนแรงและดูเหมือนแกงส้มจะยอมรับการลงทัณฑ์แต่โดยดี ผมค่อยถอนริมฝีปากอย่างอาลัยในรสเรียวปาก

    “อย่าทำแบบนี้อีก--- อย่าพูดว่าเราจะต้องห่างกัน แค่คิดหัวใจพี่ก็แทบหยุดเต้นแล้ว” ผมประคองใบหน้านั้นไล้นิ้วอย่างอ่อนหวาน

    “ผม....ขอโทษ ผมเองก็รักพี่ไม่น้อยไปกว่าที่พี่รักผม ผมคงจะพูดอะไรที่ทำร้ายใจพี่ไป ผมขอโทษจริงๆนะ” แกงส้มตอบด้วยน้ำคำแสนหวานที่ทำเอาหัวใจผมสะท้าน ได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ ว่ารักหนุ่มน้อยคนนี้ไปหมดหัวใจไปแล้ว...รักมากมายจริงๆ

    “สัญญากับพี่ได้มั้ย??? ว่าจะไม่ทำร้ายใจพี่ พี่เจ็บมาหนึ่งครั้งแล้วมันก็สาหัสเต็มที่แล้ว ชีวิตนี้พี่ขอคนเดียวที่พี่จะฝากหัวใจโดยไม่ต้องระแวง คนเดียวที่พี่อยากให้เค้าดูแลคนเคยเจ็บคนนี้ คนเดียวที่เค้าจะไม่มีวันทรยศหักหลังพี่ คนนั้นพี่ขอให้เป็นแกงส้มนะ” ผมอ้อนวอนด้วยความปวดร้าวจากแผลเดิมในใจ ผมไม่ต้องการอะไรนอกจากความจริงใจของคนที่ได้ชื่อว่ารักกัน ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะรับมือความเจ็บจากการรักสุดหัวใจได้ถึงสองครั้งสองครา ผมขอแค่นี้จริงๆ

    “ผมสัญญาครับ ผมแน่ใจว่าผมจะไม่มีวันทรยศพี่เด็ดขาด ไม่มีวันที่สองมือจะทำร้ายพี่ เพราะวันไหนที่พี่ต้องช้ำวันนั้นดวงใจผมก็แตกสลายไม่ต่างกัน” ถ้อยคำสัญญาและแววตาที่ทอแสงประกายมันสื่อถึงความจริงใจที่แกงส้มมีให้ผมอย่างล้นเหลือ ผมกุมมือทั้งสองไว้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าไร้เดียงสาฉายแววความสุขมันทำให้หัวใจผมพองโต สายตาที่มองประสานทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ให้ห้วงแห่งความรัก โลกไม่มีคำว่า “อ้างว้าง”อีกต่อไป คำว่า “เหงา” จะทำร้ายผมไม่ได้อีกแล้ว เมื่อตอนนี้ผมมีคนที่ผมรักยืนเคียงข้างกาย สองมือที่เกาะกุมจะพากันก้าวผ่านวันเวลาสู้ความรักที่เป็นรักแสนหวานจนชั่วลมหายใจจนหมดสิ้น ผมจะรักแกงส้มจนวันตาย ผมสัญญา......

     

    ปล. ถ้าคนที่เคยอ่านฟิคไรท์มาก่อนจะรู้ว่าเมื่อไหร่หวานมากจนถึงจุดพีค เมื่อนั้น....ก็ตามมา ต่อจากนี้ไปซีนหวานจัดๆคงไม่มีแล้วนะ อีกห้าตอนน่าจะจบแล้วแหละ (เพราะอยากแต่งเรื่องใหม่แล้ว แอบเห่อ555) เม้นเป็นกำลังใจ เพื่อการอัพไวๆของฟิค ฮิ้วววววว!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×