คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 17: ความพ่ายแพ้
SMILE talk
“ถ้าเราไม่เปิดใจคุยกันเพื่อแก้ปัญหาทุกอย่าง ความสุขมันคงไม่เกิดขึ้นหรอกนะ” นี่คือคำพูดสุดท้ายของเฟรมที่ยอมแพ้กับความปากแข็งนั้น มันวนเวียนในหัวอยู่ตลอดคืน ชั้นควรทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีใครต้องเจ็บปวดหรือเดือดร้อนมากไปกว่านี้ ชั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดของเช้าวันใหม่ได้สาดส่องเข้ามา ชั้นคงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อให้มีแสงสว่างกับเรื่องนี้ ชั้นรีบวิ่งไปเคาะประตูห้องพี่เฟรม ทันทีที่ประตูเปิด
“พี่เฟรม...สมายล์จะพูดความจริงกับพี่ทั้งหมด” น้ำเสียงนี้เป็นเสียงแห่งความมั่นใจที่สุดที่ชั้นเคยมี พี่เฟรมคว้าตัวชั้นกอดด้วยความดีใจ
“ถ้าพี่เฟรมจะโกรธหรือเกลียดสมายล์ สมายล์ก็ยอมรับแต่โดยดี” ชั้นออกตัวไว้ก่อน เพราะสิ่งที่ชั้นทำมันทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนตายทั้งเป็น
“พี่บอกแล้ว...ว่ามันคือการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าอะไรที่สมายล์ทำผิดพลาดไป พี่จะไม่มีทางโกรธน้องสาวคนนี้เด็ดขาด” พี่เฟรมจ้องตาชั้นเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง ก่อนจะจูงมือชั้นเข้าไปในห้องนอนของพี่เฟรม
“พี่ขอเรื่องยาก่อน” พี่เฟรมนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามชั้นที่นั่งลงบนเตียง
“มันเป็นของพี่อลิซ” ชั้นก้มหน้าบอก ไม่มีเสียงตอบรับจากพี่เฟรม
“พี่อลิซป่วยมาหลายปีแล้ว ต้องทานยาตลอด” ชั้นจึงเล่าต่อ พี่เฟรมขมวดคิ้วอย่างข้องใจ
“แล้วมันมาอยู่กับสมายล์ได้ยังไง” พี่เฟรมเอ่ยถาม
“ตั้งแต่คุณพ่อถูกจับ พี่อลิซก็ไม่เคยทานยาอีกเลย พี่เค้าบอกว่าพี่เค้าไม่ได้...บ้า ก็เลยเอาไปทิ้งแต่สมายล์แอบเก็บมา” ชั้นเงยหน้ามองตาพี่เฟรม พี่เฟรมพยักหน้านิดๆเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าเชื่อในคำพูดของชั้น
“พี่เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอลิซป่วย.....ตายแล้ว งั้นตอนนี้ที่ไร่... ” พี่เฟรมร้องอุทานเมื่อนึกได้ ชั้นเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าอาการของพี่อลิซจะแย่ลงแค่ไหนซึ่งมันหมายถึงความปลอดภัยของคนที่นั่น พี่เฟรมรีบเอามือถือมาโทรหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าการติดต่อจะล้มเหลวเมื่อพี่เฟรมลุกขึ้นอย่างร้อนใจ
“ทำไมโทรไม่ติดเลยนะ ที่สำนักงานก็ไม่มีคนรับ” พี่เฟรมหันมามองหน้าชั้นอย่างเคร่งเครียด ชั้นได้แต่ภาวนาว่าพี่อลิซคงไม่ทำอะไรให้มันเลวร้ายไปกว่านี้!!!
“แกงส้ม...ทำไมมือถือไม่มีสัญญาณเลยอ่ะ” ดูเหมือนอลิซจะกลับมาจากการซื้อของแล้ว ส่งเสียงมาก่อนที่ตัวจะมาถึง
“โอ้โห...ซื้อของมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ผมร้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นทั้งสองมือเต็มไปด้วยของที่พะรุงพะรัง ก่อนจะลุกเดินไปหาเพื่อจะช่วยขนของ
“ไม่เป็นไรแกงส้ม เราขนเองได้ ห้องเรามันรกเราอาย ไปนั่งเถอะ” อลิซรีบวางของก่อนจะดันลงผมให้ไปนั่งที่โซฟา บางทีอลิซก็ชอบทำตัวแปลกๆ เดาเหตุผลไม่ถูกเหมือนกันนะ อาจเป็นเพราะความรีบร้อนทำให้กระเป๋าถือของอลิซร่วงของที่อยู่ในนั้นกระจายเต็มพื้น แต่ผมยังไม่ทันจะเข้าไปช่วยเก็บเจ้าของกระเป๋าก็รีบโกยของใส่อยากหัวเสีย ก่อนที่จะรีบขนของที่มากมายเข้าไปในห้อง ผมจึงลุกไปเพิ่งจะเตรียมน้ำไว้ให้ แต่ตาก็หันไปเห็นใบเสร็จที่น่าจะร่วงจากกระเป๋าเมื่อตะกี้
“ซื้อมาขนาดนี้หมดไปเท่าไหร่เนี่ย” ผมหยิบใบเสร็จขึ้นมาพร้อมดูจำนวนเงินที่อลิซใช้ไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะลึงนั้นกลับไม่ใช่จำนวนเงิน อลิซ...เธอกำลังทำอะไรกันแน่!!! ผมเองก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยอยู่นานเดินไปเคาะประตูหญิงสาวทันที
“มีอะไร ชั้นอยากจะนอน” อลิซพูดเสียงแหลมทันทีที่เปิดประตู ผมยื่นใบเสร็จให้ อลิซรีบคว้าไปทันที
“แกงส้ม...นาย” อลิซหันมาถามผมอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นดูตกใจ ใบหน้าของผมเองก็ไม่ได้มีรอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าประจำ
“คนท้องเค้าไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยไม่ใช่เหรอ???” ผมถามอลิซออกไป อลิซหายใจเข้าก่อนจะหันมามองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่างที่สำคัญ
“ทำไมเธอจะต้องโกหกทุกคนด้วยอลิซ!!!” ผมพูดเสียงเรียบ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่พี่ฮั่นสงสัยมาตลอด ในที่สุดทุกอย่างก็เปิดเผยว่าอลิซเองก็มีความลับที่ปกปิดไว้จริงๆ
“แกงส้ม ชั้นจำเป็นจริงๆ ชั้นไม่มีทางเลือก” อลิซร้องไห้พร้อมเกาะแขนผมเพื่อร้องขอความเห็นใจ
“มันไม่มีอะไรแก้ไขได้ด้วยการโกหกนะอลิซ เธอกำลังหลอกทุกๆคน” ผมเองก็ไม่อาจจะเก็บเรื่องนี้ไว้ ทันทีที่ทุกคนกลับมาเรื่องนี้จะไม่มีทางเป็นความลับอีกต่อไป
“แกงส้ม ชั้นขอร้อง...” อลิซอ้อนวอนผมอย่างหมดหนทาง
“ไม่...” ก่อนจะแกะมืออลิซออกจากแขนของตัวเองแล้วหมุนตัวเดินออกไป
“แกงส้มมันไม่ยุติธรรมเลยนะ ทุกคนเค้าก็โกหกกันทั้งนั้น ทุกคนต่างก็หลอกลวงนาย โดยเฉพาะคนรักของนาย” แม้อลิซจะไม่ได้ยื้อรั้งแขนขาผมไว้ แต่ร่างกายผมก็นิ่งชะงักเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“อลิซเธอต้องการอะไร” ผมหันหน้าไปถามด้วยอารมณ์ที่สุดจะทนที่อลิซยกเรื่องพี่ฮั่นขึ้นมา
“แกงส้มนายเองเป็นคนที่น่าสงสารมาก รู้ตัวมั้ย??? นายเป็นคนที่ถูกหลอกลวงจากคนที่นายเชื่อใจมากที่สุด” ผมอยากจะตะโกนออกไปว่าไม่เชื่อกับสิ่งที่อลิซกำลังจะพูด แต่บางสิ่งบางอย่างก็ทำให้ผมอดจะหวั่นไหวไปกับคำพูดของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
“อลิซเธอกำลังจะทำอะไร ขอร้องนะ...อย่าปั่นหัวกันอีกเลย” ผมร้องขออย่างเสียขวัญ
“แกงส้ม ชั้นจะบอกนายทุกอย่างแต่ไม่ใช่ที่นี่!!!” ในน้ำเสียงที่สะอึกสะอื้นนั้นกลับมีความเด็ดขาดอย่างชัดเจน ผมก้มหน้าจิตใจที่กำลังสับสนในตัวเอง ความรักที่มีบอกผมว่าควรจะเชื่อใจกับคนที่เรารัก แต่...สิ่งที่อลิซรู้มันกวนใจผม เราจะรักกันได้อย่างสนิทใจได้อย่างไร หากผมเลือกที่จะปิดหูปิดตาตัวเองแบบนี้
HUNZ talk
ผมควักมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีแม้แต่น้อย เที่ยงวันนี้ผมคงกลับไปทานอาหารฝีมือแกงส้มไม่ได้ เพราะคนงานที่ไร่แต่งงาน ผมเองก็ต้องไปงานแต่งเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วถ้าสัญญาณไม่มีแบบนี้แกงส้มจะต้องรอผมเก้อแน่ๆ
“ฮัท...โทรศัพท์โทรได้มั้ย???” ผมหันไปถามฮัทที่กำลังละสายตาจากสมุดตรวจงานในไร่
“เห็นว่าสัญญาณล่มนะครับ” ฮัทตอบพร้อมเดินเข้ามาหา ผมส่งน้ำให้เพื่อคลายร้อน ตอนนี้โทรศัพท์ก็ไม่มีความหมาย แล้วไร่ของผมเองก็อยู่ลึกใช้ได้แค่โทรศัพท์เครือข่ายเดียวเท่านั้น ผมคงต้องให้แกงส้มรอไปก่อนพอครับมาจากงานแต่งค่อยกลับไปหาที่บ้านละ ว่าแล้วผมก็เดินขึ้นรถโดยมีฮัทขึ้นมานั่งข้างๆ เพื่อออกรถไปที่บ้านคนงานบ่าวสาวคู่ใหม่
ผมรีบขับรถกลับไปที่บ้าน โดยที่มีฮัทนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ผมรู้ว่าคงหัวเราะผมในใจที่หมดสิ้นลายเพราะแกงส้ม นึกแล้วมันก็โชคชะตาก็เล่นตลกเหลือเกิน ครั้งแรกที่ผมใบหน้าไร้เดียงสานั้น ในใจผมมีแต่ความเกลียดชังเต็มหัวใจ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นกลับกลายเป็นหัวใจของผม
“ฮัทจะกลับไปที่บ้านด้วยมั้ย???” ผมหันไปถามฮัท
“ไปก็ได้ครับ อย่างน้อยลูกในท้องอลิซก็อาจจะเป็นลูกของผม ถ้าผมจะไม่ใส่ใจมันก็เหมือนผมเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ” ฮัทถอนหายใจก่อนตอบ
“คิดแบบนี้ก็ดีแล้ว เด็กมันก็ไม่ได้ผิดอะไรดูแลกันไปหากสุดท้ายไม่ใช่ลูกของนายจริงๆ แล้วแม่เค้าไม่เอาชั้นจะรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเอง นายจะได้ไม่ต้องลำบากใจถ้าจะกลับไปคืนดีกับเฟรมอีกครั้ง” ผมบอกความตั้งใจไป
“เรื่องเฟรมมันคงไม่มีอีกแล้วละครับ ผมไม่อาจจะทนเห็นเฟรมร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว เส้นทางที่สวยงามของเฟรมรออยู่ข้างหน้า ขอให้ผมได้แต่มองอยู่ห่างๆแบบนี้ดีกว่า ถ้าพี่ฮั่นจะให้ผมทำงานแลกข้าวแลกน้ำอยู่ที่นี่ต่อไป” ฮัทพูดออกมาเหมือนเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายซึ่งทำให้ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาอีก ผมจอดรถเมื่อถึงที่บ้าน ไม่รู้ว่าตัวแสบจะงอนผมมากแค่ไหนกัน....
“แกงส้มพี่กลับมาแล้ว....พี่ขอโทษคร้าบบบบบ” ผมลากเสียงยาวเพื่อเป็นการอ้อนเรียกรอยยิ้มไว้ก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบเชียบ ฮัทเดินตามขึ้นมาก็เดินไปเคาะห้องอลิซเพื่อเอาองุ่นสดๆไปให้
“อลิซ...อยู่รึเปล่า” เมื่อเคาะอยู่สักครู่แล้วไม่มีเสียงตอบรับฮัทก็เดินมาหาผมทันที
“ไปไหนนะหรือว่าพากันออกไปเที่ยวที่ไหน” ผมพึมพำ
“ถ้าเป็นแกงส้มก็อาจจะใช่ แต่แดดแบบนี้อลิซไม่ยอมก้าวขาออกจากบ้านแน่ๆ” ฮัทบอกผมตามความเห็น ผมยกนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา เวลานี้ปกติแกงส้มมักจะนั่งเล่นอยู่บนบ้านมากกว่าจะไปเพ่นพ่านที่ไหน เสียงกุกกักจากทางหลังบ้านทำให้ผมกับฮัทเดินไปตามเสียง แต่ก็ไม่ใช่แกงส้มหรืออลิซ กลายเป็นป้าแม่บ้านที่กำลังลากอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นมาทางบันไดหลังบ้าน
“นาย...ที่สำนักงานฝากโน๊ตจากคุณเฟรมมาให้ค่ะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรป้าอ่านหนังสือไม่ออก” ป้าแม่บ้านยื่นโน้ตมาให้ผม ซึ่งผมก็รับมาแล้วอ่านทันที สิ่งที่ผมอ่านมันเหลือเชื่อและเกินที่ผมจะคิดไว้มาก อลิซป่วยทางจิต...นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ยแต่มันก็อธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับบุญหลงได้อย่างดี คนปกติคงไม่ทำอะไรแบบนี้ได้ ผมรีบส่งโน้ตให้ฮัทอ่านทันที ฮัทหน้าเสียแล้วหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ
“พี่ฮั่น แกงส้มครับ เราต้องรีบตามหาแกงส้ม” ฮัทเตือนสติผมทันที ผมใจหายวาบ หรือว่าอลิซคิดจะทำร้ายแกงส้มอีกคน
“แล้วเราจะไปหาแกงส้มที่ไหน” ผมร้อนใจถามฮัทที่อาจจะคิดอะไรออก เพราะตอนนี้ผมเองก็สมองไม่ทำงานเพราะความเป็นห่วงแกงส้ม
“ที่น้ำตกท้ายไร่รึเปล่าคะนาย คุณอลิซดูเหมือนจะสนใจที่ตรงนั้นที่เดียว” ป้าแม่บ้านโพล่งออกมา ผมกับฮัทมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว
“แล้วป้าเล่าเรื่องที่แกงส้มตกน้ำเกือบตายให้ฟังรึเปล่า” ฮัทถามป้าแม่บ้านอย่างร้อนรน ป้าแม่บ้านทำหน้าตกใจเป็นอย่างมากเพราะคิดได้ว่าเรื่องนี้อาจจะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่
“ช่างเถอะเราไปตามแกงส้มกัน ตอนนี้แกงส้มอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้นะ” ความหวังเดียวของผมคือการที่แกงส้มไม่เป็นอะไรเท่านั้น อลิซถ้าเธอจะทำอะไรคนที่ชั้นรักเธอทำร้ายชั้นดีกว่า ในใจของผมภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างขอเพียงไม่เป็นอย่างที่ผมหวาดกลัวผมยอมทุกอย่าง....ต่อให้คุกเข่าขอร้องต่อหน้าอลิซผมก็จะไม่รีรอที่จะทำ
ผมเดินเข้าไปหาอลิซตามที่อลิซนัดไว้ พี่ฮั่น...ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ผมสัญญานะไม่ว่าจะได้ยินอะไรมา ผมจะไปถามพี่ก่อนและผมจะไม่เชื่อถ้ามันไม่ได้ออกมาจากปากพี่ ผมไม่อยากแคลงใจในความรักของเรา เข้าใจผมนะ... เมื่อผมเดินไปตามทางที่ห้อมล้อมด้วยป่ารกร้าง เสียงน้ำตกดังขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงรีบเร่งฝีเท้าไปถึงจุดนั้น ร่างบางแต่ทว่าสง่ายืนรอผมอยู่ตรงนั้นแล้ว ริมน้ำตก ผมเดินตรงไปหาอลิซแต่เสียงน้ำตกที่ดังนั้นทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ยิ่งเห็นกระแสน้ำไหลเชี่ยวนั้นความหวาดกลัวก็เข้ามาในใจอย่างไร้เหตุผล
“นายมาที่นี่แสดงว่าพร้อมที่จะฟังใช่มั้ย???” อลิซถามย้ำ ใบหน้าสวยงามนั้นไม่มีร่องรอยความเสียใจหากแต่ดูนิ่งสงบและเฉียบขาด
“ใช่” ผมตอบสั้นๆ มองหน้าหญิงสาวที่กุมความลับเอาไว้ไม่วางตา
“ถ้าชั้นจะบอกว่า ความจริงแล้วนายกับพี่ฮั่นไม่ได้รักกัน” อลิซพูดอะไรออกมา เป็นไปได้ยังไงว่าผมกับพี่ฮั่นไม่ได้รักกัน
“ไม่จริงหรอก เธอโกหกเพื่อที่จะรั้งเวลาเรื่องที่เธอไม่ได้ท้องใช่มั้ย???” ผมโต้กลับทันที ความรักที่ผมกับพี่ฮั่นมีมันมากมายเกินกว่าที่เชื่อคนๆนี้ได้
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย... ที่นายมาที่นี่เพราะถูกไอ่พี่ฮั่นของนายลักพาตัวมา ที่เค้าทำแบบนี้เพราะว่าเค้าเห็นนายเป็นแค่ของเล่น นายสองคนเกลียดกันยังกะอะไรดี คนรักกันอะไรบ้าบอ ถ้าเค้ารักนายจริงทำไมเค้าไม่พานายไปหาพ่อกับแม่นายละ” อลิซพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง ผมยกมือปิดหู ไม่แล้ว...ไม่อยากได้ยิน ไม่จริงหรอก พี่ฮั่นรักเรา...แกงส้มนายต้องหนักแน่นนะ เชื่อในความรักของเราอย่าเป็นเครื่องมือให้กับผู้หญิงคนนี้
“ชั้นจะกลับแล้ว ยังไงเรื่องที่เธอไม่ได้ท้องชั้นก็จะต้องบอกทุกคน” ผมตะโกนก่อนจะเดินหันหลัง
“แกงส้ม!!!” อลิซกรีดร้อง ผมหันไปเพื่อจะยื่นคำขาด แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีวัตถุแข็งๆ ฟาดมาที่หัวผม ร่างกายของผมสูญเสียการควบคุมทำให้เซและลื่นไถลลงไปที่น้ำตกโชคยังดีที่คว้าหินไว้ได้ทำให้ไม่ตกลงไปที่น้ำตกเชี่ยวกรากนั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักเมื่ออลิซอยู่ข้างบนถือไม้ท่อนโตไว้
“อลิซ...อย่าทำแบบนี้” ผมร้องขอพร้อมพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากการห้อยโหนตัว อลิซหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เลือดที่ไหลจากแผลถูกตีเข้าตาทำให้ตาผมพร่ามัว
“ปล่อยแกไปชั้นก็โง่นะสิ แกเองก็คอยที่จะทำร้ายชั้น” อลิซพูดด้วยความสะใจ ก่อนที่จะเหยียบมือผมด้วยรองเท้าส้นหนาเพื่อจะจะให้ผมปล่อยมือจากหินที่เป็นหลักพิงสิ่งสุดท้าย ผมกัดฟันเพื่ออดทน ... แต่ความเจ็บปวดที่มือนั้นทำให้ผมทนไม่ไหว ผมยอมแพ้แล้ว.... ร่างของผมค่อยหล่นลงไปตกกระทบผืนน้ำที่เชี่ยวกราก น้ำเย็นเฉียบไหลทะลักเข้ามาถาโถมร่างกายอย่างไม่ปราณี ผมพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อการมีชีวิตต่อ แต่ร่างกายของผมไหนเลยจะชนะแรงน้ำมหาศาลนั้น ผมค่อยๆหมดแรง ร่างกายจมดิ่งความรู้สึกค่อยเลือนราง ภาพทุกอย่างค่อยๆหมุนเวียนเข้าในหัวอีกครั้ง.... ผมกำลังจะตายใช่มั้ย???
HUNZ talk
ทันทีที่ไปถึงน้ำตกแล้วเห็นเพียงอลิซยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้น ผมไม่หยุดคิดสักวินาที กระโจนลงน้ำเพื่อควานหาคนรักอย่างไม่รอรี แกงส้มอยู่ที่ไหน... ผมรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังร้องไห้ หัวใจกำลังจะขาดเป็นชิ้นๆ ถ้าไม่เจอแกงส้มผมจะไม่มีวันขึ้นไปจากตรงนี้ ผมดำผุดไปทั่ววังวนน้ำ โผล่ขึ้นมาหายใจแต่ก็ไร้วี่แวว ผมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดำลงไปอีกครั้ง และในที่สุดผมก็เห็นร่างแกงส้มอยู่ในในน้ำ ผมว่ายไปเพื่อฉุดร่างนั้นขึ้นมาโดยทันที ผมดึงแกงส้มขึ้นมาพักที่โขดหินใหญ่ ร่างนั้นยังหายใจอยู่...แกงส้มยังหายใจ น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่อาย ผมกอดแกงส้มไว้แนบอกแน่น ก่อนจะก้มลงไปประทับรอยจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ขอบคุณที่ยังอยู่รอพี่นะ...ถ้าแกงส้มเป็นอะไรไป ชีวิตของพี่คงอยู่หายใจต่อไปไม่ได้
หลังจากที่ส่งอลิซเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง ผมเดินไปรอแกงส้มที่หน้าห้องฉุกเฉินโดยที่มีฮัทส่งกาแฟอุ่นๆ มาให้
“ทุกอย่างมันคลี่คลายหมดแล้วนะ...พี่ว่าฮัทรีบไปปรับความเข้าใจกับเฟรมดีกว่า” ผมเอ่ยขึ้นมา หวังว่าจะได้เห็นแววตาที่ฉายประกายความดีใจออกมาแต่ตรงกันข้ามผมเห็นความมุ่งมั่นและความเจ็บปวดในตาคู่นั้น
“ผมยืนยันคำเดิมครับ...ผมไม่ดีพอสำหรับเฟรมเรื่องนี้มันคือความจริง ถ้าพี่ยังพอเห็นใจผมบ้างอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะครับ” ฮัทส่งสายตาขอความเห็นใจ ผมได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งที่ฮัทตัดสินใจ ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน หากผมดื้อรั้นไปก็เหมือนผมไปบังคับใจ...ทุกอย่างมันคงจะจบลงด้วยความสักวันสักวัน ไม่ว่านานแค่ไหนผมหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของสองคนนี้อีกครั้ง
“พี่ตัดสินใจแล้ว พี่จะบอกความจริงกับแกงส้ม...ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็นใช่มั้ย???” นี่ก็คือการตัดสินใจของผมเช่นเดียวกัน ผมจะคืนทุกอย่างให้กับแกงส้ม ผมเชื่อว่าความรักของเราก็ทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี เราสองคนจะเดินเคียงกันแบบนี้เรื่อยๆไป ผมพร้อมแล้วกับความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ผมพร้อมที่รักทุกอย่างบนโลกของความเป็นจริง ความรักของเราจะได้เป็นรักบริสุทธิ์...รักที่มาจากใจจริงๆ
“ขอโทษนะคะ...คุณคือญาติของคุณธนทัตรึเปล่าคะ” พยาบาลสาวเดินเข้ามาทักผม
“ครับ...มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามกลับ
“คุณหมอจะตรวจเช็คคนไข้อย่างละเอียดแล้วคืนนี้ขอให้พักที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการก่อนนะคะ เลยอยากมาบอกให้คุณกลับไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วค่อยมานอนเฝ้าคนไข้ ตอนนี้น้ำจะท่วมโรงพยาบาลแล้วคะ” พยาบาลบอกอย่างเกรงใจ ผมเองก็ลืมไปว่าตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเลยหัวเราะแก้เขิน
“ครับ...ขอโทษนะครับที่ทำให้โรงพยาบาลเลอะไปหมด” ผมตอบกลับอย่างสุภาพก่อนที่จะหันมาหัวเราะกับฮัทเมื่อเห็นน้ำไหลจากตัวเองยาวเป็นทาง ผมกับฮัทจึงเดินไปจองห้องไว้แล้วกลับไปที่ไร่เพื่ออาบน้ำและเตรียมของมาเฝ้าแกงส้ม... จากนี้ไปผมจะอยู่ดูแลแกงส้มไม่ให้ห่างจากสายตา เรื่องในวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าแกงส้มสำคัญกับผมแค่ไหน...
ผมรีบสาวก้าวเดินมาก่อนฮัท อยากเห็นว่าแกงส้มปลอดภัยกับตา ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นพยาบาลกำลังป้อนอาหารเย็นแกงส้มอยู่พอดี พยาบาลหันมายิ้มให้ก่อนขอตัวออกไป
“มาทันพอดีเลย พี่ไม่ยอมให้ใครมาป้อนข้าวสุดที่รักของพี่หรอก” ผมรีบวางของไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปคว้าช้อนที่วางอยู่บนถาดอาหาร
“ดูกับข้าวสิ ไม่น่ากินเอาซะเลย เดี๋ยวพี่ว่าวันหลังพี่ไปสั่งอาหารที่แกงส้มชอบมากินดีกว่า” ผมเห็นไข่ตุ๋นที่ดูชืดๆและผัดผักที่แทบไม่เห็นเนื้อแล้วปวดใจแทนแกงส้ม ผมตักข้าวพร้อมกับผักเพื่อป้อนแกงส้ม แต่แววตาที่มองมายังผมนั้นมันช่างดูเฉยชา... ผมเม้มปากหนึ่งทีก่อนจะหันไปยิ้มร่าเริงให้ อย่าให้มันเป็นแบบนั้นเลย... แกงส้มพี่กำลังจะบอกพี่กำลังจะเล่าทุกอย่าง แววตานั้นเป็นเพราะอาหารที่ดูแย่ใช่มั้ย???
“ดูสิกับข้าวไม่ได้เรื่องเลยนะ มันไม่เหมือนที่แกงส้มทำให้พี่กินสักนิด” ผมพูดทั้งที่ลำคอเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ แกงส้มปัดมือผมออกอย่างแรงทำให้ช้อนกระเด็นออกไปจังหวะเดียวกันกับฮัทเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เมื่อไหร่จะหยุดเล่นละครสักที” แกงส้มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่นั้นไม่ทำให้ผมเจ็บปวดเท่ากับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาที่เสียใจของแกงส้มคู่นั้น
“แกงส้ม...พี่ตั้งใจว่าพี่จะเล่าทุกอย่างให้แกงส้มฟัง พี่ตั้งใจจริงๆนะ” ผมร่ำร้องด้วยเสียงแหบพร่า
“กี่วัน กี่เดือน กี่ปี หรือคุณจะต้องให้ผมตายไปก่อน คำพูดแบบนั้นใครก็พูดออกมาได้ แต่สิ่งที่คุณทำกับผมมันชัดเจน” แกงส้มไม่แม้แต่จะหันมองหน้าของผม ผมเอื้อมมือเพื่อไปเช็ดน้ำตาบนแก้มใสๆนั้น แต่เจ้าของร่างก็ปัดมือผมออกห่าง ก่อนจะขยับตัวหนีผม มือคู่นี้มันคงไร้ค่าในสายตาไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแตะต้องหรือสัมผัส ผมก้มมองมือตัวเองที่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ว่าจะยังไงรักของเรามันก็เป็นความจริงไม่ใช่เหรอ?” ผมอ้อนวอนกับความหวังสุดท้ายที่เรียกว่า “รัก”
“ความรักงั้นเหรอ???” แกงส้มพูดแล้วหัวเราะอย่างเจ็บใจ
“คุณกล้าพูดคำว่ารักกับผมงั้นเหรอ??? ไอ่คำว่ารักของคุณมันไร้ค่าเพราะมันเริ่มต้นจากการหลอกลวง เรื่องนี้สำหรับผมมันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น!!!” แกงส้มเหยียดยิ้มอย่างเจ็บปวด ผมรู้ในคำพูดที่แข็งกร้าวนั้น หัวใจของแกงส้มก็ปวดร้าวไม่ต่างกัน ผมขอแค่โอกาสเท่านั้น... แค่แกงส้มเรียกผมอย่างห่างเหินตัวผมก็แทบจะยืนไม่ไหว ถ้าต่อจากนี้ไปผมต้องเสียเค้าไปจริงๆผมจะหายใจได้อย่างไรกัน....
“ขอแค่ฟังพี่ขอแค่ให้โอกาสพี่อธิบาย ให้แลกกับชีวิตพี่ก็ยอม” ผมหลับตาเพื่อกั้นไม่ให้น้ำตานั้นไหลออกมา
“พี่ฮัทผมอยากไปจากที่นี่ ให้ผมตายตรงนี้ผมก็ยอม” คำพูดคำนั้นทำให้ผมยอมแพ้ส่งกุญแจรถให้ฮัทเพื่อทำตามความต้องการของร่างสูงโปร่งนั้นแล้ว เดินออกมาจากห้องนั้นเงียบๆ น้ำตานั้นไหลออกมาอย่างหมดอาย ชีวิตนี้ผมไม่เคยล้มไม่เคยพลาดกับสิ่งใดๆ คำว่าแพ้ผมเองแทบจะไม่เคยรู้จัก แต่วันนี้ความรักที่ผมมีทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ว่าจะมีทุกอย่างสมบูรณ์แบบแค่ไหน หากไม่มีคนที่ผมรักสุดหัวใจอยู่เคียงข้างมันจะมีประโยชน์อะไร แกงส้มเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักกับคำว่า “รัก” และทำให้ผมรู้ว่าความพ่ายแพ้มันเจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหน......
ปล. ขอกรี๊ดหน่อยเหอะนะ...ตอนนี้เขียนยากมาก เอาซะไมเกรนขึ้น แถมยังมีคนเดาทางถูกด้วย กดดันๆๆๆๆ แทบกระโดดบ้านตาย ดีนะขาสั้นปีนไม่ถึง ตอนแรกแอบจะเปลี่ยนบท นอนคิดทั้งคืนแต่ก็คิดไม่ออก ก็เลยเอาวะ...ลุยมันทางเดิมนี่แหละ แต่ชอบนะที่รีดเดอร์เดาทางถูก แสดงว่ารีดเดอร์อินและฟิน (อันนี้คิดเอาเอง5555) ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆนะคะที่ติดตามกันมาตลอด มีบางคนเป็นแฟนพันธุ์เรื่องหน้ารอเลยอีกต่างหาก ทั้งที่ยังไม่ได้ลงสักตอน รักรีดเดอร์ทุกๆคนจ้า
ความคิดเห็น